Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: akewizard ที่ มีนาคม 07, 2019, 16:43:04
-
ผมเห็นรถหลายๆรุ่นที่เปิดตัวมาเริ่มมีเครื่องยนต์ที่มีความแตกต่างกันให้เป็นตัวเลือกมากขึ้น เช่น
CRV 2.4 เบนซิน na กับ 1.6 ดีเซลเทอร์โบ
Accord 1.5 เบนซินเทอร์โบ กับ 2.0 Hybrid
Civic 1.8 na กับ 1.5 เทอร์โบ
CH-R 1.8 na กับ 1.8 hybrid
CX-5 2.5 na เบนซิน กับ 2.2 ดีเซลเทอร์โบ (คู่นี้ขายคนละช่วงเวลากัน แต่น่าจะเทียบได้)
ยกตัวอย่างมาคร่าวๆแต่ในอนาคตคงจะมีตัวเลือกมากกว่านี้อีก
สังเกตุว่าพละกำลังของเครื่องยนต์ในแต่ละรุ่นที่มีให้เลือกและราคาขาย ค่อนข้างใกล้เคียงกันจนพอจะเปรียบเทียบกันได้ คิดว่าชอบเครื่องแบบไหนมากกว่ากันครับ ??
(เปรียบเทียบเฉพาะในกลุ่มรถบ้านที่มีราคาในแต่ละรุ่นใกล้เคียงกัน)
ผมเคยสัมผัสเครื่องมาแล้วทั้ง 3 แบบแต่อยู่ในรถคนละประเภทกัน ส่วนตัวชอบเครื่องดีเซลเทอร์โบมากสุด เพราะแรงบิดมาไวและครอบคลุมรอบเครื่องที่ใช้งาน 2-3 พันรอบ
แต่ก็ยังไม่เคยลองเครื่องเบนซินเทอร์โบ ไม่แน่ว่าอาจจะชอบมากกว่าก็ได้...
-
ได้ความรู้มากเลยนะครับ
-
ถ้าคน เคยขับรถเทอร์โบ ทั้ง เบนซิน และ ดีเซลนะ
จะไม่มีวันกลับไปมอง NA อีกเลยครับ
แล้วพวกที่บอกรถเทอรฺโบพังง่าย นี่
ลองดู รถขนผักครับ เค้าพังกันที่ กี่แสนโล
-
ถ้ารถใช้งานบ้านๆ เอา ดีเซลเทอร์โบ ครับ ประหยัด มีแรงบิดเยอะ กระชากในเมืองนิดหน่อยพอรับได้.
ถ้าเป็นรถขับสนุก ผมชอบเครื่อง N/A ไหญ่หน่อย v8,v10,v12 ไม่ก็ รอบจัด 8000+ มีสเนห์ เร้าใจกว่าเครื่อง เทอร์โบเยอะครับ.
-
ถ้าเน้นใช้งานง่าย >>> ดีเซลเทอร์โบ
ถ้าเน้นใช้งานง่าย+ลากรอบสนุกขึ้นหน่อย >>> เบนซินเทอร์โบ
เน้นขับสนุก ก็ต้องหายใจเองบล็อกใหญ่ๆเลยครับ ยิ่ง V8 ขึ้นไปเสียงยิ่งเพราะ แต่อย่างว่าเครื่องพวกนี้อยู่แต่ในรถแพงๆ แต่ส่วนตัวเครื่อง 6 สูบ 3,000 cc na ก็สนุกแล้วครับ
ส่วนไฮบริดเคยขับ f30 330e ก็แรงดี แต่ผมว่ารถมันหนักๆ หน่วงๆ
-
ชอบเครื่องใหญ่ NA ครับ เครื่องเล็กเทอร์โบอาจแรงกว่าจริง แต่เสียงมันไม่ได้แน่นอนครับ แค่ V6 ก็หวานแล้วครับ
ลองฟังเสียง Civic 1.5T ก็ได้ครับ เสียงไม่น่าฟังเลย เครื่อง 2.4 ยังสะใจกว่า ผมยอมแลกกับอัตราเร่งที่ช้ากว่าเครื่องเล็กโบ เพื่อเสพเสียงเครื่องเพราะๆ ดีกว่าครับ
ผมไม่นิยมดีเซลครับ เนื่องจากเสียงไม่เพราะ ลากรอบไม่มันส์ครับ และ Hybrid ไม่เคยขับครับผม
-
รถโบว์ก็มีพังบ้างครับ ไม่ใช่ไม่เกิดเลย
-
เครื่องเล็ก + เทอร์โบ ครับ(ถ้าเทียบกับพิกัดรถเดิมเครื่อง NA นะ) การขับขี่ทั้งแบบใช้งานทั่วไปหรือจะแบบขับเอาสนุก มันส์ๆ ผมก็ไม่เห็นจะสนุกหรือมันส์น้อยลงตรงไหน แถมสนุกกว่าเดิมด้วยซ้ำเพราะแรงบิดมาไวกว่า NA ด้วยซิ ผมชอบ เพราะแรงม้า พอเดิม(+/- นิดหน่อย) แต่แรงบิดนี่ซิมาไว ไม่พอ ยังประหยัดด้วยซิ
ผมเชื่อว่าหลายคนชอบรถ ชอบขับรถ แต่อัตราสิ้นเปลืองก็เป็นสิ่งที่คนสนใจไม่น้อย อย่างเช่นผม ได้รถแรงด้วย ประหยัดด้วย ผมไม่ปฎิเสธ
-
อยากได้ความนุ่มนวลแบบเครื่อง Na ใหญ่ ๆ อัตราเร่งแบบเครื่อง turbo ความประหยัดแบบ hybrid ครับ
-
ถ้าเอาแค่ความชอบนะครับ ชอบเครื่องใหญ่ v8 v12 ขับนิ่มสบายๆ กว่าเครื่องเล็ก
แต่ไม่ชอบตอนเติมน้ำมันนี่แหละ ฮ่าๆ
-
NA ฉีดตรงพอครับ 2.0 GDi โฟกัสตัวก่อน หรือ 2.5 CX5 นี่พอสุดๆ
-
ผมชอบดีเซลเทอร์โบ แต่ถ้ามีให้เลือกในอนาคตอันใกล้และราคาไม่แพงแบบปัจจุบันผมขอรถกระบะติดมอเตอร์ไฟฟ้าดีกว่า
-
เบนซินเทอร์โบไฮบริดแบบวอลโว่ก็แจ่มดีนะครับ
-
เครื่องเล็ก + เทอร์โบสิครับ
เครื่องใหญ่เปลืองทั้งน้ำมันและภาษีรายปี แถมสร้างมลพิษมากอีก
-
อยู่อเมริกาผมเลือก v6,v8,v12 5 ลิตร,6 ลิตร มันส์ เนียนหูมากกกกก
อยู่ไทย/ยุโรป คงเครื่องเล็ก+โบ ไม่เอา Hybrid/plug in แน่นอน
อยู่ในโลกอนาคต ไฟฟ้าล้วนเท่านั้น
-
ผมเห็นรถหลายๆรุ่นที่เปิดตัวมาเริ่มมีเครื่องยนต์ที่มีความแตกต่างกันให้เป็นตัวเลือกมากขึ้น เช่น
CRV 2.4 เบนซิน na กับ 1.6 ดีเซลเทอร์โบ
Accord 1.5 เบนซินเทอร์โบ กับ 2.0 Hybrid
Civic 1.8 na กับ 1.5 เทอร์โบ
CH-R 1.8 na กับ 1.8 hybrid
CX-5 2.5 na เบนซิน กับ 2.2 ดีเซลเทอร์โบ (คู่นี้ขายคนละช่วงเวลากัน แต่น่าจะเทียบได้)
ยกตัวอย่างมาคร่าวๆแต่ในอนาคตคงจะมีตัวเลือกมากกว่านี้อีก
สังเกตุว่าพละกำลังของเครื่องยนต์ในแต่ละรุ่นที่มีให้เลือกและราคาขาย ค่อนข้างใกล้เคียงกันจนพอจะเปรียบเทียบกันได้ คิดว่าชอบเครื่องแบบไหนมากกว่ากันครับ ??
(เปรียบเทียบเฉพาะในกลุ่มรถบ้านที่มีราคาในแต่ละรุ่นใกล้เคียงกัน)
ผมเคยสัมผัสเครื่องมาแล้วทั้ง 3 แบบแต่อยู่ในรถคนละประเภทกัน ส่วนตัวชอบเครื่องดีเซลเทอร์โบมากสุด เพราะแรงบิดมาไวและครอบคลุมรอบเครื่องที่ใช้งาน 2-3 พันรอบ
แต่ก็ยังไม่เคยลองเครื่องเบนซินเทอร์โบ ไม่แน่ว่าอาจจะชอบมากกว่าก็ได้...
Crv 2.4 vs 1.6D เลือก 2.4 เพราะส่วนต่าง 1 แสนผมเติมน้ำมันได้ 20 เดือน
Accord 1.5 t vs 2.0HV เอนไปทาง 1.5t เพราะไม่ไส้ใจ hv honda แต่ถ้าต้องซื้อจริงคงชิ่งไป 2.5G ทั้งๆที่ไม่ชอบ toyota
Chr 1.8 หรือ 1.8 hv no comment ครับ
Cx5 2.5 vs 2.2D เกือบจะไป 2.2D แต่เจอปัญหาน้ำดันซะก่อน เลือก 2.5ครับ
สรุป ผมจะตัด hybrid ออกก่อนยกเว้นถ้าเป็น toyota เพราะที่บ้านใข้มาแล้ว 2 คัน ไม่พอปัญหาเลย
ที่เหลือดู performance ครับ
ว่าเรี่ยวแรงใช้ได้ ราคาไม่เวอร์เกินไป ปัญหาน้อย ประเภทต้องควักตังไปก่อนแพงๆเพื่อประหยัดกว่า ไม่เอาครับ
ณ วันนี้เบนซิน turbo น่าจะลงตัวดี
-
ตอนเด็กที่บ้านมีรถเบนซิล IL6 กับV8 4-6000 cc ตอนนั้นก็ว่าขับสนุกมากละนะ กดคันเร่งลึกหน่อยเดียว รถเลื้อยเป็นงูเลย แถมเวลาวิ่งทางไกลสมัยก่อนถนนสายเอเชียขึ้นเหนือยังเป็นถนนเลนสวนกัน ขับรถเครื่องใหญ่สบายใจได้เวลาแซง
มาตอนนี้เจอเครื่อง2-3000เทอโบ ผมว่าขับสนุกกว่า อาจจะเพราะน้ำหนักเครื่องที่เบากว่า หัวรถเลยเสถียรกว่าเวลามุดๆ และชอบที่แรงบิดก็มาเร็วทันใจดี ถ้าให้เลือกคงเป็นเครื่องเทอร์โบนี่แหละ
-
V6 biturbo+dual clatch
มีมั้ย
-
Hybrid ครับ
Mild Hybrid ที่มีมอเตอร์เล็กๆ ผสมกับเครื่อง 1.2 Eco car เพื่อให้ได้ภาษีถูกๆ วิ่งพอไหว และประหยัดน้ำมัน
รองลงมาผมชอบเครื่อง NA 1.2-1.3 ฉีดคู่หรือ Dual VVT
ที่ไม่อยากได้เลย คือ Turbo ครับ ดูจุกจิกดูแลยาก
-
เมื่อก่อนชอบขับรถเพื่อน 300E-12V มาก เครื่องใหญ่ แรงบิดเยอะ กดจมไมล์ 240 กม/ชม
แต่พอได้ขับ Civic FK 1.5T ของรุ่นน้อง ยอมรับว่าวิวัฒนาการสมัยนี้ไปไกลมาก
วิ่งได้เร็วกว่า ประหยัดกว่า รอบต่ำก็มีแรง รอบสูงก็หวานเจิ๊ยบสไตล์ VTC
รวมถึงเรื่องภาษีที่ประหยัดกว่า อย่าง G9 2.0 เสียปีละ 3000 บาท
ส่วน FK 1.5 แรงกว่าเยอะ แต่เสียภาษีเท่าวีออสแค่นั้น
เลยหันมาชอบเครื่องเล็กแต่มีหอยครับ
-
ส่วนตัวผมบอกก่อนนะครับ ว่าผมไม่เอาดีเซลเท่าไหร่เพราะเคยใช้ใน bmw และก้ไม่ได้สุนทรีเท่าไหร่ครับ (525d) แต่เวลาจะซื้อจริงๆก้ต้องดูเป็นรุ่นๆไปครับ ถ้าแบบที่ จขกท. ถามมาผมเลือกแบบนี้ครับ
-crv ผมเอา 1.6 ดีเซลขับ2 ครับอัตราเร่งพอได้ ประหยัดดี ขับไม่สนุกแต่รถแบบนี้ก้คงไม่ได้ซัด 180+ บ่อยๆ ความเร็วเดินทาง 110-160 วิ่งได้สบายครับ k24 มันนานไปแล้ว16 ปี ชอบเครื่องชอบเสียงแต่รถแบบนี้ไม่ได้จำเป็นเท่าไหร่ ไปอยู่กับดีเซล cc เล็กๆ อัตราเร่งพอไหวน่าสนใจกว่าครับ
-ผมเอา1.5t ครับ ถ้าซื้อผมทำได้ไกลกว่าเครื่องตัวนี้ทำไม่ต้องเยอะ 230 ม้ามาแหงๆ ขับกดยาวๆไกลๆไม่ต้องห่วงแบตเตอรี่อ่อนแล้วอัตราเร่งหายแบบไฮบริด ผมไม่ได้มีปัญหากับไฮบริดนะครับชอบอยู่ แต่มันไม่เหมาะกับการขับของผมครับ ขับในเมือง กดๆแต่ไม่แช่ความเร็วสูงมากๆนานๆไฮบริดถือว่าเหมาะ ที่บ้าน G10 hybrid มาแหงๆ1 คันเดี๋ยวจะลองดูครับว่าแตกต่างกับ G9 ขนาดไหน
-1.5t ไม่ต้องคิดถึง 5 วิเลยครับสำหรับcivic ถ้ามีงบก้1.5t เลยครับ 1.8 มีดีกว่าที่เติม E85 ได้และราคารถถูกกว่า เครื่องก้นานละครับ 1.8 ตัวนี้
-ที่บ้านผมมีตัวไฮบริดอยู่เพราะคนที่ใช้ขับรถไม่เร็ว ประหยัดดีครับ(ถ้าวิ่งไม่เกิน 130 นะ) โดยรวมก้ถือว่าคุ้มเพราะประหยัดดีแต่อัตราเร่งไม่ดีเท่าไหร่ครับที่สำคัญโหมด Sport เหมือนเชื้อเชิญ ให้เรากดแต่พอกดไปก้ไม่ได้ดึงเท่าไหร่ บางที่แซงยังเหนื่อยอยู่ ถ้าเป็นคนเท้าหนัก น่าจะต้องไป 1.8จะเหมาะกว่าครับ แต่ด้วยที่จัดออปชั่นไฟต่างๆแบบนี้ก้เหมือนผมต้องซื้อไฮบริดไปเอง 555 ถ้าเหมือนกันตอนที่เลือกน่าจะสูสีกว่านี้ครับ
-ถ้าเทียบข้ามรุ่นแบบนี้ 2.5na ไม่คิดนานเช่นกันครับ แรงกว่า เพราะกว่า ขับดีกว่าทุกแบบแต่ถ้าเป็นตัวใหม่ ผมก้ยังเอา 2.0 อยู่ดี ดีเซล cx5 ผมเฉยๆครับดีอะพอรู้แต่ 2.0 ก้เครื่องใหม่และวิ่งดีอยู่
โดบรวมที่ จขกท. ถามถ้าเอาเรื่องเครื่องอย่างเดียวสำหรับผมขับผมเรียงแบบนี้ เบนซินna-เบนซินเทอร์โบ-เบนซินไฮบริด-ดีเซลเทอร์โบ ครับ na ถึงจะอืดกว่าใครแต่ถ้ากดแล้วมาแล้วสนุกจริงๆ เสียงใช่ ดึงก้พอได้ ส่วนใหญ่ที่เป็นรองก้ช่วงต่ำกว่า 100km/h
แต่ถ้าสำหรับเวลาผมแนะนำคนรู้จักซื้อขับแบบไม่ค่อยซัด มีบ้างแต่ไม่บ่อย ผมเชียร์ เบนซินเทอร์โบ-เบนซินไฮบริด-ดีเซลเทอร์โบ-เบนซินna ครับ คนที่ไม่ได้สุนทรีกับการขับมากมาย เอารถไว้ใช้เฉยๆไม่ต้องใช้na ครับขับเหนื่อยเปล่าๆ ลากรอบ กินน้ำมัน เปลืองทุกอย่างแถมจะมองว่าอืดอีก
-
N/A CC เยอะครับ. เสียงมันมีพลังกว่า.
-
ชอบฟัง V10 OHV หายใจเองครับ 8) 8)
V10 = Earporn :-* :-* :-*
ถ้าเลือกใช้ในชีวติประจำ คงชอบ Diesel V6 แรงบิดมหาศาล ??? ???
-
เดินทางสายกลาง
5 สูบเรียง turbo ใน volvo ครับ
เสียงเพราะ (กว่า 6 สูบบางคันเช่น lexus rx)
เสียงเครื่องไม่หวานมาก แต่ดุดัน จากความไม่เท่ากันของสูบ มีเสียง blow off valve วิ้วๆ
ดึงดี ประหยัดน้ำมัน(ในระดับนึง) ต่อยอดได้ง่าย ทนทาน(ในระดับนึง)
-
ถ้าเน้นใช้งานง่าย >>> ดีเซลเทอร์โบ
ถ้าเน้นใช้งานง่าย+ลากรอบสนุกขึ้นหน่อย >>> เบนซินเทอร์โบ
เน้นขับสนุก ก็ต้องหายใจเองบล็อกใหญ่ๆเลยครับ ยิ่ง V8 ขึ้นไปเสียงยิ่งเพราะ แต่อย่างว่าเครื่องพวกนี้อยู่แต่ในรถแพงๆ แต่ส่วนตัวเครื่อง 6 สูบ 3,000 cc na ก็สนุกแล้วครับ
ส่วนไฮบริดเคยขับ f30 330e ก็แรงดี แต่ผมว่ารถมันหนักๆ หน่วงๆ
เห็นด้วยเลยครับ
-
ผมมองว่า มันอยู่ที่รถ ที่จะเอาไปใส่ ว่า บุคลิครถ มันเป็นแบบไหนครับ
ใส่ camry / teana มันก็ควรเป็นเครื่องใหญ่ มานุ่มๆ ไม่ดึงกระโชกโฮกฮาก
ใส่ pulsar / civic ตัวจี๊ด ตัวแรง อันนี้ 1.6 - 1.5 Turbo เหมาะสมแล้ว วัยรุ่น ชอบจี๊ดๆ กดแล้วดึง อะไรแบบนั้น
ซึ่งในชีวิตจริง มันเลือกไม่ได้หนิ
CRV 2.4 เบนซิน na กับ 1.6 ดีเซลเทอร์โบ .. ตัวนี้ ผมเลือกดีเซล เพราะผมชอบไต่เขา กลัว CVT พัง และ ขอแรงบิดเยอะๆจากดีเซล ขับสนุกกว่า
Accord 1.5 เบนซินเทอร์โบ กับ 2.0 Hybrid .. ไม่ชอบไฮบริด เลยไม่มีตัวเลือก
Civic 1.8 na กับ 1.5 เทอร์โบ .. ถ้ามีตังค์ 1.5 T ขับมันส์กว่าอยู่แล้ว (แต่จริงๆ R18 ตัวนี้ก็ไม่กระจอกนะ)
CH-R 1.8 na กับ 1.8 hybrid .. ไม่ชอบไฮบริด
CX-5 2.5 na เบนซิน กับ 2.2 ดีเซลเทอร์โบ (คู่นี้ขายคนละช่วงเวลากัน แต่น่าจะเทียบได้) .. ถ้าดีเซลน้ำไม่ดัน ก็เลือกดีเซลครับ แรงบิดดี ไต่เขาเก่ง
-
ชอบแบบมีเทอร์โบ
-
ต้องดูเป็นรุ่นๆไปครับ ส่วนตัวชอบ Hybrid แต่ไว้ใจแค่ Toyota
ถ้าเป็นเบนซินna กับเบนซินเทอร์โบ V4 ผมเลือก เบนซินเทอร์โบ แต่ถ้าเป็น เครื่องใหญ่ๆเลย คงเลือก na ครับ ชอบเสียงเครื่อง เคยนั่ง e280 V6 แล้วชอบ
ดีเซลเทอร์โบ ไม่ค่อยชอบเสียงครับ
ถ้าให้เลือกที่ยกตัวอย่างมา โดยไม่สนเรื่องออฟชั่นกับราคานะครับ
CRV 2.4 เบนซิน na กับ 1.6 ดีเซลเทอร์โบ
- ถ้าคู่นี้ ผมคงเลือก 1.6 ดีเซลเทอร์โบ เพราะเกียร์ 9จังหวะ
Accord 1.5 เบนซินเทอร์โบ กับ 2.0 Hybrid
- คู่นี้ผมเลือก 2.0 Hybrid
Civic 1.8 na กับ 1.5 เทอร์โบ
- 1.5 เทอร์โบ
CH-R 1.8 na กับ 1.8 hybrid
- 1.8 hv เพราะ 1.8 na น่าจะเหมือน altis 1.8hv เวลาออกตัว มันมีเสียงมอเตอร์ไฟฟ้าผมชอบ กับแรงดึงที่เหมือนจะแรงกว่า แต่จริงๆอืดกว่า 1.8na
CX-5 2.5 na เบนซิน กับ 2.2 ดีเซลเทอร์โบ (คู่นี้ขายคนละช่วงเวลากัน แต่น่าจะเทียบได้)
- คู่นี้ไม่เคยทั้งนั่งและขับ คงเลือก 2.5na
-
ชอบเครื่องเล็กเทอโบที่ทำมาดีๆ
และชอบ hybrid เช่นกัน
คือผมชอบรถที่ประหยัดน้ำมันแต่ยังแรงเท่าเดิมน่ะครับ
แต่ถ้ารถไม่แรงเท่าเดิม แล้วประหยัดน้ำมัน ผมก็ไม่อยากได้
-
ตอนนี้ติดใจดีเซลใน 2 sky เรี่ยวแรงพอตัว แถมกดยังไงก็ประหยัด 18-20 km/l วิ่งหวานเย็น 25km/l ++
อยากลอง 1.5 T พี่ฮอนเหมือนกัน รอเบื่อ Mazda ก่อน 8)
-
เคยมี NA 3.2Lจากค่ายใบพัด ที่ rev ได้ 8,000 rpm ไพเราะเสนอะหู
ลองเปลี่ยนเป็น 2.0Tจากข่าย mitsubishi ได้เสียงแตกต่าง ไม่เพราะเท่า แต่แอบแรงกว่าโดยชัดเจน
วันนึงมี challenge ว่าลองกันดูไม้? จาก NA 3.2L vs 2.0T
2.0T ทิ้งหายแบบ what the hell is this lancer!
ทุกวันนี้ยังขับ 2.0T ครับ แต่มาจากค่ายใบพัด
-
ค่ายใบพัดและอีกมากมาย ต้องมาจบที่ mitsubishis turbo ในเวลาต่อมา
-
เทียบในกลุ่มเบนซินนะครับ
- เครื่องใหญ่ N/A ที่เคยสัมผัสมา 3.5 V6 , 3.0 V6 , 3.0 I6 , 4.8 V8 , 6.2 V8 , 5.3 V8
ออกตัวมีแรงดึงครับ ไม่รอรอบเลยครับ ลากรอบก็มันส์ เจอเนินรอบต่ำๆก็มีแรงขึ้น ผมชอบมากสุดครับ
แต่มาตายที่ การกินน้ำมันที่แหละครับ หน้ามืดเลยครับ
- เครื่องเล็ก Turbo
ออกตัวไม่ดึงกระชากเท่าเครื่องใหญ่ N/A แต่พอเกิน 40 คราวนี้ก็ลากรอบไหลยาวๆได้ครับ
ความรู้สึกมันดรอปลงไปนิดหน่อย แต่พอมาเทียบกับการบริโภคน้ำมันแล้ว รับได้(มาก)ครับ
- Hybrid
ลั๊ลลา สบายๆ ไร้อารมณ์ แต่แรงมารอที่เท้า จะไปคือพุ่งอย่างเดียว ถ้าความเร็วต่ำ ล้อพร้อมฟรีทุกเวลา
ถ้าเอาความชอบ เครื่องใหญ่ N/A ครับ แต่ถ้าใช้งานในชีวิตประจำวัน คงเลือก Hybrid ครับ รองลงมาก็ Turbo ครับ
-
ยังไส่เคยขับรถ Turbo กับ Hybrid แบบจริงจัง ปัจจุบันใช้รถเครื่อง NA อยู่ และไม่ได้ใหญ่มาก
เอาจริงๆผมอยากลอง Turbo นะ เครื่องเล็กลงน่าจะประหยัดน้ำมันในเมือง พอต้องการพละกำลังก็มาแบบจัดเต็ม คันต่อไป ถ้าเลือกได้ขอเป็น Turbo Engine แน่นอน
ส่วน Hybrid ก็อยากลอง เพราะปกติเดินทางในการจราจรที่ติดหนักมาก อยากรู้ว่าจะช่วย Save Cost ได้เยอะขนาดไหน แต่คงไปไม่ถึงPHEV ครับ เพราะอยู่คอนโด ที่ชาร์จไม่อำนวยครับ
-
เบนซินเทอร์โบ สิคับ แรงสุดแระ
จะรอบต่ำ รอบกลาง รอบสูงมันก็แรงสะใจหมดหละคับ
-
ส่วนตัว ชอบ เครื่อง NA block ใหญ่ที่สุด การขับให้ความรู้สึกที่ liniear กดเท่าไหร่ มาเท่านั้น เติมคันเร่งในโค้งไม่ต้องกังวลมากมาย เรื่องเสียงนี้ไม่ต้องพูด รอบต่ำทุ้มๆ รอบสูงหวานๆ ยาวจนชน Redline
ต่อไป คงจะไม่มีเครื่องแบบนี้ให้ขับแล้ว คันต่อไปที่ใช้คงต้องทำใจว่าจะต้องเป็นเครื่องที่มี force induction แบบใดแบบหนึ่ง และถ้าเลือกได้ก็คงจะเป็น Supercharger มากว่า Turbo อยู๋ดี
แต่ตอนนี้ ที่ใช้อยู่ 3.5V6 ฉีดตรง 3 ร้อยกว่าม้า คงจะต้องดูแลกันจนกว่าจะตายไปข้างนึง
โชคดีมากครับที่ยังโตทันและมีโอกาสได้ขับเครื่องแบบนี้
-
เอาที่อยากลอง ก็เครื่องใหญ่ + เทอรโบ รอบจัดครับ น่าลองและน่าจะสนุกมากๆ
McLaren Mp4-12c ไรพวกนี้ ที่ใช้พื้นฐานจากเครื่องนิสสันตัวแข่ง
ถ้าใช้จริงขอ
NA Hybrid ครับ แรงติดเท้า แถมประหยัดสะใจ
อยากลองพวก Hybrid + Turbo เหมือนกัน ว่าจะทำให้สนุกได้ขนาดไหน แบบของ McLaren P1 น่าจะทำมาใส่รถบ้านๆบ้าง รอบต่ำๆ ใช้มอเตอร์ชดเชยแรงบิดแก้อาการ Turbolag ส่วนรอบสูง ก็สนุกกับบูสของเทอรโบอย่างเมามันส์ 😁😁😁
-
ชอบเบนซินเครื่องขนาดกลางๆ แล้วมี Turbo อย่าง 2.5 Turbo ถ้าคิดไม่เรื่องการกินน้ำมัน ก็ขับสนุกมาก ยังไม่เคยลองตระกูล 43 ของ Benz ถ้าได้ลองอาจจะติดใจกว่า
แต่ถ้าใช้ในชีวิตประจำวัน 2.0 ดีเซล Turbo เพียงพอแล้วครับ
ส่วนเครื่องเบนซิน NA ไม่ไหวที่จะเคลียร์ เหยียบไม่ไปเลย
-
ผมเคยใช้รถเทอร์โบมาตั้งแต่สมัยก่อนนานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยเทอร์โบเน้นเพื่อเพิ่มความแรง ไม่ได้เน้นเรื่องความประหยัดเท่าไหร่ (ยุคน้ำมันเบนซิน95 ลิตรละ 8 บาท) ยุคนั้นยังติด turbo timer คือ ลงรถ เอากุญแจออก ล็อครถ เครื่องยังไม่ดับ รอ 1-2 นาทีตามที่ตั้งค่าไว้ เครื่องจะดับเอง
ตอนนี้ผมเหลือแต่รถ na และ hybrid ( แต่มีรถ turbo บางรุ่นที่ยังอยากได้อยู่ อาจได้ซื้อในอนาคต )
ตอบตามที่ทำจริงๆในปัจจุบัน คือแล้วแต่สถานการณ์ ขับรถติดๆทำธุระในกรุงเทพ , ไปรับหลานที่โรงเรียน ใช้ไฮบริด , ถ้าขับท่องเที่ยวสนุกๆตามทางภูเขา ชอบเอารถ na ไป
ตอบคำถามคือตามข้างบน
แต่คุยเล่นต่อตามประสาคนชอบรถ เครื่องแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อด้อยของมัน และความชอบของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ดูจากกระทู้นี้ก็มีคนชอบเครื่องหลายๆแบบ ถึงได้มีเครื่องหลายแบบให้เราได้เลือกซื้อตามที่ชอบ
ด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆในปัจจุบัน เครื่อง na ก็จะน้อยลงเรื่อยๆ , บริษัทรถต่างหันมาใช้เครื่องที่เล็กลง แต่เพิ่มเติมกำลังด้วยระบบ hybrid หรือ turbo
รถ eco car , c-seg , d-seg มีรุ่นที่เป็น turbo หรือ hybrid ให้เลือกหลากหลายรุ่น
เดี๋ยวนี้ s class , 7 series ไม่มีรุ่นเบนซิน na ให้เลือกแบบสมัยก่อนแล้ว
รถ sport , supercar หลายรุ่น ก็ใส่ turbo หรือ electric motor ไปเป็นที่เรียบร้อย
แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ยังชอบฟีลของเครื่อง na , รถเครื่องวางกลางของ lamborghini ทั้ง huracan และ aventador จึงยังใช้เครื่อง na , แต่พอเป็น suv อย่าง urus เป็น turbo
ทาง porsche ก็เช่นกัน แม้จะใส่ turbo มาให้ตั้งแต่รุ่นเล็กสุดของทั้ง boxster , cayman , 911 แต่บริษัท porsche ก็ทราบว่ามีแฟนๆที่ต้องการฟีลของเครื่อง na อยู่ ลองดูคลิปนี้ครับ หัวหน้าแผนก GT ของ porsche ยังเอ่ยถึงข้อดีของเครื่อง na ในเรื่อง linearity , aggressiveness , sound ( na บล็อคใหญ่ในรถ sport นะครับ ถ้า na บล็อคเล็กในรถปกติ ก็อาจจะไม่เห็นผลชัดเจนนัก )
นาที 18:30 เป็นต้นไป
พิธีกรถามด้วยความกังวลว่าเราจะเห็นรถ na อีกนานแค่ไหน กลัวว่าจะเปลี่ยนเป็น turbo กันหมด
Andreas Preuninger (Porsche Head of GT cars) ตบบ่าแล้วตอบว่า
"อย่าได้กังวลไปเลย ผมว่ามันสำคัญที่จะต้องมีเครื่อง na ในรถที่มาจากแผนก GT เพราะความ linearity , aggressiveness , sound... และตราบนานเท่าที่ลูกค้ายังต้องการเครื่อง na เราจะหาทางผลิตมันให้ได้ อย่างน้อยนี่คือเป้าหมายของผม "
https://m.youtube.com/watch?v=lGVWojMMeg4
-
ในเมืองชอบโบนะ จริงๆไฮบริดก็ดีแต่เบื่อตอนมันแบตน้อย
ถ้าขับ ตจว ยังไงก็ขอNAเครื่องใหญ่
-
ถ้าขับในสนาม ตอนออกโค้ง ยังไงก็ชอบNAครับ turbo ทางตรงก็ดีจริง แต่ตอนออกโค้ง ชอบทำรถเสียอาการ
แต่ถ้าใช้งานทั่วไป ชอบดีเซลเทอร์โบมากสุด ทอร์คดี เร่งทันใจ ประหยัด แต่ไม่ชอบตรงสั่น เดินไม่เรียบ
ส่วนไฮบริดก็ดึงดี แต่มันมากะCVtเลยน่าเบื่อไปหน่อยสำหรับค่ายญี่ปุ่น ส่วนค่ายยุโรป ยังมีกระตุกตอนเครื่องติดบ้างเลยรำคาญ
-
ผมชอบหลากหลายครับ แล้วแต่สถานการณ์ ที่ชอบก็จะมี
B16A-B
B18C
KL-ZE
L15 ใน FK
SKYACTIV-D ใน CX-5
2AR-FE
-
เคยใช้มาทุกแบบเลยครับ ถ้ารถบ้านใช้ทุกวันยังไงเครื่องเล็กติดโบก็ขับสนุกกว่า na 4 สูบขนาดใหญ่
แต่ถ้าเทียบข้ามพิกัดแบบจำนวนสูบหรือ layout ของเครื่องแล้วอันนี้ผมว่า na จะเหนือกว่าเป็นส่วนมากในเรื่องคาแรคเตอร์ต่างๆ อย่างผมมี Porsche 987 ถึงไม่แรงแบบพวก 718 แต่ผมว่ารวมๆมันขับสนุกกว่าเพราะเสียงและการตอบสนองต่อคันเร่งที่คมกว่าครับ ซึ่งเหมาะกับรถประเภทนี้
ส่วนรถ hybrid นี่ผมว่ามันเหมาะกับการขับแบบต่างประเทศที่รถไม่ได้ถึงกับติดหนักแบบในกรุงเทพ เคยใช้ใน กทม แล้วเครื่องดับๆติดๆผมว่าน่ารำคาญครับ แต่รถ hybrid ผมชอบตรงที่ตอบสนองไวโดยเฉพาะกับเครื่อง turbo ที่ส่วนมากจะมีอาการ lag ในรอบต่ำมากๆ
-
เคยขับมาทุกประเภท
แต่ที่ "ถูกจริต" มากที่สุด คือ ดีเซลเทอร์โบ
เพราะ เป็นคน "ไม่เน้น" ความเร็วสูงสุด วิ่งแค่ 120-140-160 ก็เพียงพอ แรงบิดมาตั้งแต่รอบต่ำ ขับง่าย ดึงสนุก
-
ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องน้ำมัน
เอา NA หรือไม่ก็ Turbo ครับ
ใช้ประจำวัน 1.5-2.0 N/A พอแล้ว
Hybrid ก็อยากลอง แต่ต้องมั่นใจจริงๆว่ามีเงินจ่ายค่าอะไหล่ตอนมันเก่า
-
ชอบเครื่องธรรมาดาแต่ซีซีสูงครับ วีหกสูบหรือแปดก็ได้มันนิ่งเนี่ยนกว่าสี่สูบผูกโบเยอะครับ ขับขึ้นเขานี่สบายมากๆไม่ต้องกดคันเร่งลึกๆเหมือนเครื่องโบต้องติดบูสให้กระชากถึงจะได้เรี่ยวแรงมา กับกดเติมไปนิดหน่อยขึ้นได้แบบเนียนๆ ไม่มีกระชากและรอบความเร็วไม่ได้หดไวหน้าทิ่มเหมือนโบหลังติดบูส
ทุกวันนี้ขับเครื่องผูกโบของบีเอ็มยังกลับชอบรุ่นก่อนหน้านี้ที่ไม่ผูกโบสูบเยอะๆมากกว่า เสียงก็หวานวิ่งได้เนียนนิ่งกว่า
-
Hybrid ครับ
Mild Hybrid ที่มีมอเตอร์เล็กๆ ผสมกับเครื่อง 1.2 Eco car เพื่อให้ได้ภาษีถูกๆ วิ่งพอไหว และประหยัดน้ำมัน
รองลงมาผมชอบเครื่อง NA 1.2-1.3 ฉีดคู่หรือ Dual VVT
ที่ไม่อยากได้เลย คือ Turbo ครับ ดูจุกจิกดูแลยาก
เทอร์โบจากโรงงานทนทานไม่จุกจิกนะครับ ดูได้จากกระบะรุ่นใหม่ๆที่ใช้งานกันได้อย่างทรหดสุดๆอย่างพวกรถขนผักทั้งหลาย แต่ไอ้ที่จุกจิกน่ากลัวซ่อมยากและค่าซ่อมแพงทั้งหลายคือไฮบริดครับ แค่คอมเพรสเซอร์แอร์ไฟฟ้านี้ราคาถูกจนขนทั้งตัวร่วงหมดครับ
-
เคยขับมาทุกประเภท
แต่ที่ "ถูกจริต" มากที่สุด คือ ดีเซลเทอร์โบ
เพราะ เป็นคน "ไม่เน้น" ความเร็วสูงสุด วิ่งแค่ 120-140-160 ก็เพียงพอ แรงบิดมาตั้งแต่รอบต่ำ ขับง่าย ดึงสนุก
เหมือนกันครับ ออกตัวล้อฟรีทิ้งได้ตลอด 5555 มันสดี ไม่ต้องขับเร็วเลย
-
ผมชอบหมด
NA เครื่องใหญ่ ลากรอบได้มาก ๆ และมาคู่กับเกียร์ธรรมดา
Turbo ที่มาพร้อมกับเกียร์ออโต้ฉลาด ๆ
Hybrid ถ้าอยู่ใน Panamera นี่คงไม่ต้องบรรยายอะไรแล้ว
-
ส่วนตัว ชอบ เครื่อง NA block ใหญ่ที่สุด การขับให้ความรู้สึกที่ liniear กดเท่าไหร่ มาเท่านั้น เติมคันเร่งในโค้งไม่ต้องกังวลมากมาย เรื่องเสียงนี้ไม่ต้องพูด รอบต่ำทุ้มๆ รอบสูงหวานๆ ยาวจนชน Redline
ต่อไป คงจะไม่มีเครื่องแบบนี้ให้ขับแล้ว คันต่อไปที่ใช้คงต้องทำใจว่าจะต้องเป็นเครื่องที่มี force induction แบบใดแบบหนึ่ง และถ้าเลือกได้ก็คงจะเป็น Supercharger มากว่า Turbo อยู๋ดี
แต่ตอนนี้ ที่ใช้อยู่ 3.5V6 ฉีดตรง 3 ร้อยกว่าม้า คงจะต้องดูแลกันจนกว่าจะตายไปข้างนึง
โชคดีมากครับที่ยังโตทันและมีโอกาสได้ขับเครื่องแบบนี้
แม้ว่า supercharger จะให้ฟีลคล้ายรถ na ที่มีความจุเยอะ มากกว่ารถเทอร์โบ .. แต่จากที่เคยใช้ อาการมันจะคล้ายเครื่อง na จริงๆ คือมีความ linear ในการตอบสนองคันเร่ง แต่ที่ผมไม่ค่อยชอบ คือในรอบต่ำจะมีอาการอมๆ คล้ายรถที่ใช้ flywheel หนักไป ... แต่ในรอบสูงๆจะไม่ลื่น อาการเหใือนรถมันไม่อยากวิ่งด้วยรอบสูงๆ พอผ่อนนิดนึงอัตราเร่งก็จะลดลงทันทีคล้ายๆรถที่ใส่ flywheel เบาเกินไป
คาดว่าจะเกิดจาก drag ของตัว supercharger ที่ฉุดกำลังเครื่องครับ
ปล. รถแต่งใส่ supercharger เอง ไม่ใช่มาจากโรงงาน และเป็น supercharger แบบ positive displacement ถ้าเป็นพวกที่มาจากโรงงานและเป็นแบบ centrifugal อาจดีกว่านี้ก็ได้
-
เคยไปลองขับ CX-5 เบนซินตัวปัจจุบันนี่แหละครับ
ลากรอบไปเกือบ 6 พันรอบตอนจังหวะจะแซง ดูความเร็วยังไม่ถึง 120 เลยอะครับ เสียงเครื่องดังมาก แต่ไม่พุ่งซะที 555
พอไปลองขับรถยุโรป ดีเซลเทอร์โบ SUV ไซส์เดียวกัน กดนิดเดียว รอบยังไม่ถึง 2000 พุ่งปู๊ดดดดด ความเร็วเกือบถึง 140 เร็วมากๆ ตอบสนองทันใจ
ต่างกันชัดเจนครับ
-
ส่วนตัว ชอบ เครื่อง NA block ใหญ่ที่สุด การขับให้ความรู้สึกที่ liniear กดเท่าไหร่ มาเท่านั้น เติมคันเร่งในโค้งไม่ต้องกังวลมากมาย เรื่องเสียงนี้ไม่ต้องพูด รอบต่ำทุ้มๆ รอบสูงหวานๆ ยาวจนชน Redline
ต่อไป คงจะไม่มีเครื่องแบบนี้ให้ขับแล้ว คันต่อไปที่ใช้คงต้องทำใจว่าจะต้องเป็นเครื่องที่มี force induction แบบใดแบบหนึ่ง และถ้าเลือกได้ก็คงจะเป็น Supercharger มากว่า Turbo อยู๋ดี
แต่ตอนนี้ ที่ใช้อยู่ 3.5V6 ฉีดตรง 3 ร้อยกว่าม้า คงจะต้องดูแลกันจนกว่าจะตายไปข้างนึง
โชคดีมากครับที่ยังโตทันและมีโอกาสได้ขับเครื่องแบบนี้
แม้ว่า supercharger จะให้ฟีลคล้ายรถ na ที่มีความจุเยอะ มากกว่ารถเทอร์โบ .. แต่จากที่เคยใช้ อาการมันจะคล้ายเครื่อง na จริงๆ คือมีความ linear ในการตอบสนองคันเร่ง แต่ที่ผมไม่ค่อยชอบ คือในรอบต่ำจะมีอาการอมๆ คล้ายรถที่ใช้ flywheel หนักไป ... แต่ในรอบสูงๆจะไม่ลื่น อาการเหใือนรถมันไม่อยากวิ่งด้วยรอบสูงๆ พอผ่อนนิดนึงอัตราเร่งก็จะลดลงทันทีคล้ายๆรถที่ใส่ flywheel เบาเกินไป
คาดว่าจะเกิดจาก drag ของตัว supercharger ที่ฉุดกำลังเครื่องครับ
ปล. รถแต่งใส่ supercharger เอง ไม่ใช่มาจากโรงงาน และเป็น supercharger แบบ positive displacement ถ้าเป็นพวกที่มาจากโรงงานและเป็นแบบ centrifugal อาจดีกว่านี้ก็ได้
ผมมีประสบการ์ณ กับเครื่อง supercharger ไม่มาก เมื่อสมัยสิบปีก่อน ผมไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา มีโอกาสได้ใช้ Pontiac grandprix GTP ปี2004 เครื่อง 3.8 V6 supercharge ขับหน้า 4speed at จำได้ว่าดึงหนักๆ ดึงยาวๆ เพราะเกียร ทดยาวมาก เกียร์ 1 ล้อฟรีกระจาย ไม่มีอาการ อมในรอบต่ำนะครับ แต่พอมาเป็นอีกคัน E200 kom W211 อาการเป็นแบบที่พี่ว่า เด๊ะเละ รอบต่ำอม รอบสูงไม่ค่อยอยากขึ้นไปหน่วงๆ กำลังดีเฉพาะช่วงกลางๆ อาจจะเป็นที่พื้นฐานของเครื่อง ปริมาตรน้อย เลยต้องแบ่งแรงไปปั่น supercharge ตอนรอบต่ำจนเรารู้สึกหรือเปล่า
-
ถ้าเป็นรถในระดับ ไม่เกิน แอคคอร์ด
ไม่ว่าจะเป็นเบนซินหรือดีเซล ผมเลือกเทอร์โบแน่นอนครับ ไม่ใช่แค่ชอบ แต่รักเทอร์โบเลยล่ะ :-* :-* :-*
ผมใช้รถเทอร์โบมาสิบกว่าปี ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรจุกจิกหรือซ่อมแพงนะครับ
-
ถ้าเป็นรถในระดับ ไม่เกิน แอคคอร์ด
ไม่ว่าจะเป็นเบนซินหรือดีเซล ผมเลือกเทอร์โบแน่นอนครับ ไม่ใช่แค่ชอบ แต่รักเทอร์โบเลยล่ะ :-* :-* :-*
ผมใช้รถเทอร์โบมาสิบกว่าปี ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรจุกจิกหรือซ่อมแพงนะครับ
ผมก็ว่าไม่จุกจิกเลยนะครับ ที่จุกจิกของจริงคือรถเสียบปลั๊ก
-
ส่วนตัว ชอบ เครื่อง NA block ใหญ่ที่สุด การขับให้ความรู้สึกที่ liniear กดเท่าไหร่ มาเท่านั้น เติมคันเร่งในโค้งไม่ต้องกังวลมากมาย เรื่องเสียงนี้ไม่ต้องพูด รอบต่ำทุ้มๆ รอบสูงหวานๆ ยาวจนชน Redline
ต่อไป คงจะไม่มีเครื่องแบบนี้ให้ขับแล้ว คันต่อไปที่ใช้คงต้องทำใจว่าจะต้องเป็นเครื่องที่มี force induction แบบใดแบบหนึ่ง และถ้าเลือกได้ก็คงจะเป็น Supercharger มากว่า Turbo อยู๋ดี
แต่ตอนนี้ ที่ใช้อยู่ 3.5V6 ฉีดตรง 3 ร้อยกว่าม้า คงจะต้องดูแลกันจนกว่าจะตายไปข้างนึง
โชคดีมากครับที่ยังโตทันและมีโอกาสได้ขับเครื่องแบบนี้
แม้ว่า supercharger จะให้ฟีลคล้ายรถ na ที่มีความจุเยอะ มากกว่ารถเทอร์โบ .. แต่จากที่เคยใช้ อาการมันจะคล้ายเครื่อง na จริงๆ คือมีความ linear ในการตอบสนองคันเร่ง แต่ที่ผมไม่ค่อยชอบ คือในรอบต่ำจะมีอาการอมๆ คล้ายรถที่ใช้ flywheel หนักไป ... แต่ในรอบสูงๆจะไม่ลื่น อาการเหใือนรถมันไม่อยากวิ่งด้วยรอบสูงๆ พอผ่อนนิดนึงอัตราเร่งก็จะลดลงทันทีคล้ายๆรถที่ใส่ flywheel เบาเกินไป
คาดว่าจะเกิดจาก drag ของตัว supercharger ที่ฉุดกำลังเครื่องครับ
ปล. รถแต่งใส่ supercharger เอง ไม่ใช่มาจากโรงงาน และเป็น supercharger แบบ positive displacement ถ้าเป็นพวกที่มาจากโรงงานและเป็นแบบ centrifugal อาจดีกว่านี้ก็ได้
ผมมีประสบการ์ณ กับเครื่อง supercharger ไม่มาก เมื่อสมัยสิบปีก่อน ผมไปเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา มีโอกาสได้ใช้ Pontiac grandprix GTP ปี2004 เครื่อง 3.8 V6 supercharge ขับหน้า 4speed at จำได้ว่าดึงหนักๆ ดึงยาวๆ เพราะเกียร ทดยาวมาก เกียร์ 1 ล้อฟรีกระจาย ไม่มีอาการ อมในรอบต่ำนะครับ แต่พอมาเป็นอีกคัน E200 kom W211 อาการเป็นแบบที่พี่ว่า เด๊ะเละ รอบต่ำอม รอบสูงไม่ค่อยอยากขึ้นไปหน่วงๆ กำลังดีเฉพาะช่วงกลางๆ อาจจะเป็นที่พื้นฐานของเครื่อง ปริมาตรน้อย เลยต้องแบ่งแรงไปปั่น supercharge ตอนรอบต่ำจนเรารู้สึกหรือเปล่า
น่าจะเป็นแบบนั้นครับ รถผม MX5 NB เครื่อง 1.8 ตัวซุปคงฉุดกำลังเครื่องแหละครับ ยิ่งในกรณีผมซุปทำลมได้น้อยด้วย