Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: tumsung ที่ มีนาคม 08, 2019, 11:57:18
-
เปรียบเทียบรถญี่ปุ่นกับรถยุโรป segment เดียวกันต่างกันมากไหมครับ???
เช่น CAMRY ACCORD TEANA กับ series 5 / E class
1.การขับขี่
2.วัสดุ อุปการณ์
3.เครื่องยนต์
4.ความทนทาน
-
รถยุโรปดีกว่าทุกอย่าง เว้นข้อ 4 ที่ต้องบำรุงรักษาให้ถึง
เปลี่ยนอะไหล่ตามระยะกำหนด ก็จะใช้ได้ยาว
-
เรื่องอัตราเร่ง ถ้าเป็น hybrid รถ d-seg ญี่ปุ่น สู้ series 5/e class ได้สบาย (เทียบกับ 520d/e220d)
-
โดยภาพรวม ผมว่าจ่ายแพงกว่า ยังก็ไงดีกว่าครับ แต่มันไม่ได้เป็นไปตามอัตราส่วนเงินที่จ่ายได้
เช่น E350e แพงกว่า Camry 2.5HV 2 เท่า แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้ดีกว่า 2 เท่า ประมาณ Vertical Parabola
ผมไม่เคยมีโอกาสใช้ BMW หรือ Mercedes นะครับ
ที่บ้านเคยใช้ Volvo S80 3.2 เทียบกับ Camry 2.5HV; ACV50
1.การขับขี่
ภาพรวม Camry คล่องตัวกว่า เกาะถนนกว่านิดหน่อย
Volvo พวงมาลัยเนือย ตอบสนองช้า ช่วงล้างติดย้วย แต่ซับแรงสะเทือนในเมืองได้ดี
2.วัสดุ อุปกรณ์
Volvo ออกแบบและให้วัสดุที่ดีกว่า แม้ผ่านมา 10 ปีผมก็ยังคิดว่าภายในมันสวยกว่า Camry
S80 เบาะนั่งภายในรองรับแนวโค้งหลังได้ดีกว่า
3.เครื่องยนต์
Camry จริง ๆ อัตราเร่งดีกว่า แต่เป็นเกียร์ CVT เลยเหมือนจะช้ากว่า
การตอบสนองเกียร์ของ Camry ดีกว่า อาจเพราะด้วยแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าด้วย
4.ความทนทาน
ผมบอกไม่ได้ครับเพราะที่บ้านขาย S80 ไปออก Camry แทน
แต่ถ้าเทียบกับ Series 5 หรือ E-Class รุ่นปัจจุบัน อาจเห็นความแตกต่างมากกว่านี้ครับ
-
เรื่องอัตราเร่ง ถ้าเป็น hybrid รถ d-seg ญี่ปุ่น สู้ series 5/e class ได้สบาย (เทียบกับ 520d/e220d)
ถ้าเทียบกับแรงม้าเท่ากัน และตัวที่น้ำหนักตัวถังพอๆกัน ผมว่ายังเป็นรองยุโรปครับ ทั้งต้นและปลาย
-
ขอแก้ไขนิด ตามโจทย์นี่มันคนละ segment กันนะครับ (ต่างกันมากด้วย)
ทำไมให้ Teana ไปประกบกับ 5 series ได้
อะไรคือตัวชี้วัดที่ให้อยู่ใน segment เดียวกัน นำ้หนักรถ หรือว่า ขนาด
ข้าพเจ้าจะตอบ เพราะเคยเสียเงินซื้อขับและเสียเงินซ่อมทั้ง Benz BMW Volvo Toyota Honda มาแล้ว
KeyWord คือ
รถเยอรมันจะใช้เทคโนโลยี่ของเครื่องที่สูงกว่ารถญี่ปุ่นมาก ทั้งๆที่ออกป้ายแดงปีเดียวกัน
มีชิ้นส่วนกลไลภายในที่ให้ประสิทธิภาพของรถมากกว่า
(ทำให้ซ่อมยากกว่า ซ่อมแพงกว่า)
ที่หลายๆคนมองผ่านไปกันบ้างคือ
E class / 5 series ขับหลัง
แต่ Camry / Teana ขับหน้าครับ
(หลายๆคนก็รู้ แต่ไม่พูดเพราะกลัวคนมาเถึยง >> ไม่เชื่อว่ารถขับหลังดีกว่า)
(ตอบรถตามที่ จขกท ถามนะ ไม่ได้นอกโจทย์)
-
ที่บ้านพอมีรถเยอรมันกับรถญี่ปุ่นรุ่นดังกล่าวอยู่บ้างครับ แต่รถญี่ปุ่นจะเป็นปีเก่าหน่อย (200X)
ส่วนตัวผมคิดว่าเรื่องวัสดุตกแต่งภายในกับเครื่องยนต์รถยุโรปยังเหนือกว่ารถญี่ปุ่นครับ
-
1 ช่วงล่างครับชัดเจนที่สุดคือความนิ่งการซับแรงสะเทือนวิ่งด้วยความเร็วสูงเนียนนิ่งกว่ากันมากอยู่ครับ เอาแบบไม่ขับก็ง่ายๆลองก้มไปดูแพหน้าหลังรถยุโรปดูครับ หรือตามเชียงกงด้านหลังรถญี่ปุ่นมีแค่คานเหล็กปั๊มบางๆท่อนเดียว กับปีกนกอลูมิเนียมสองชั้นซับแรงเสริมกันโครงยันเพิ่มไปอีกชั้นยึดด้วยแพอลูมิเนียมใหญ่กว่าท่อนแขน
2 พลาสติกภายในครับผิวสัมผัสต่างกันครับสากๆแข็งๆ กลวงๆกับหุ้มหนังเกือบทั้งหมดลองไล่เคาะดูครับคอนโซลแผงประตู เกียร์ แต่ออฟชั่นต้องยอมรับว่าสู้ไม่ได้จริงๆหลากหลายกว่ากัน
3 เครืองยนต์ต้องยอมรับว่าดีเซลยุโรปนำหน้าญีปุ่นไปแล้วจริงๆ ทั้งความประหยัดอัตราเร่ง ความเงียบ ส่วนถ้าเทียบไฮบริดด้วยกันไม่ทราบครับยังไม่เคยลองตัวแรงๆพวกแอคทีพไฮบริดทั้งหลาย
4 ความทนยังไม่เคยใช้ยาวๆครับ แต่ได้ยินเรื่องดีเซลญีปุ่นมีปัญหาเยอะกว่าทางยุโรปครับ ยุโรปบ้านเราใช้กันมาเป็นสิบปีแล้วยังไม่ได้ยินเคสหนักๆเท่าไร ถึงอย่างไรให้ทนเท่ากันยุโรปก็ยังต้องการดูแลที่มากกว่าเพราะเซนเซอร์ที่เยอะมากๆหลายสิบตัวรอบเครื่อง และอะไหล่ที่ซับซ้อนกว่ากัน
-
จริงๆผมว่ามันคนละ
SEGMENT นะครับ ถ้าจะชนจริงๆ ต้อง
Lexus GS กับ 5 Series ผมถึงคิดว่ามันจะระดับเดียวกัน
แต่ถ้าเท่าที่ลองขับล่าสุด กับพวก Camry ตัวใหม่ๆ หรือ CHR ผมว่ามันไม่ได้ต่างกันแบบมีสาระสำคัญละในเรื่องสมรรถนะ ยกเว้นซัด อัดแหลก ทะลุลิมิตจนอาการออก ก็ไม่แน่ใจว่าจะต่างไหม แต่เรื่อง
REFINEMENT พวกการเก็บเสียงต่างๆ ผมว่ารถยุโรปยังทำได้ดีกว่านิดๆ
ฟีลลิ่งพวงมาลัย ช่วงล่าง Camry ตัวใหม่ผมว่าทำมาดีขึ้นมาก ยังคิดว่าที่ยังไม่เกาะเท่า ผมว่าน่าจะเป็นยาง T005a ติดรถ ที่ยังเน้นเงียบสบายอยู่ ผมว่าถ้าได้ RE003 นี่รู้เรื่องแน่ๆ ส่วนนึงที่ยุโรปขับดีกว่าเพราะหลายๆรุ่น ใส่ยางสปอร์ตตัวดีๆมาให้จากโรงงานด้วย
เอาแค่ altis ตัวปัจจุบันผม แค่เปลี่ยนยาง เหมือนได้รถอีกคัน อาการโยนยวบๆ หายหมด หวิวๆ ไปหมด รถแน่น แอบตึงตังขึ้นนิดๆ และฟีลลิ่งพวงมาลัยที่เปลี่ยนไปแบบสิ้นเชิงเลย (หนักขึ้น และฟีดแบครุนแรงขึ้นชัดเจน)
หลายๆคน จะแต่งรถ ก็ลองไปสารพัดอย่าง ผมว่ายางนี่เปลี่ยนแล้วเห็นผลทันทีเลย ;D ;D ;D
-
ผมว่ารถญี่ปุ่นยังเป็นรอง รถยุโรป เกือบทุกด้านนะคับ
ผมใช้300bluetecอยู่ ที่บอกว่าช่วงล่างรถญี่ปุ่นรุ่นนั้นดี รุ่นนี้ ดีมาก ผมว่าก็ยังเป็นรองe class 5seriesรุ่นใหม่ๆอยู่เยอะคับ
ความปลอดภัยไม่ต้องพูดถึงเหล็กคนละเบอร์คับ
ภาพลักษณ์ก็ยังห่าง
มีอยู่เรื่องเดียวที่ผมว่าทำได้สูสีแล้วคือ ความแรงครับ
เดี๋ยวนี้ เวลาผมขับ300blutecเจอรถญี่ปุ่น นี่ต้องดูดีๆคับ หลับหูหลับตา
วัดด้วนเดี๋ยวหน้าแหกคับ
-
เคยเป็นเจ้าของรถ Altis Esport2015, CivicRS 2017
ตอนนี้ขับF30 320iอยู่
ที่ต่างเห็นๆคือช่วงล่าง อันนี้คนละชั้น ต่อให้ไปเปลี่ยนอัพเกรดเป็นสตรัทยังไงก็สู้ไม่ได้ ทั้งในเรื่องความมั่นใจตอนความเร็วสูงและความสบายตอนความเร็วต่ำ
ต่อมาคือเกียร์ ZFนี่เทพจริง มันส์ทุกเม็ด คนละชั้นกับCVTในเรื่องความมันส์
พวงมาลัยยิ่งไปใหญ่ อันนี้ต่างกันหลายชั้น
ที่รถญี่ปุ่นดีกว่าคือเรื่องของพื้นที่ใช้สอยอันกว้างใหญ่และการซ่อมแซมที่ง่ายกว่า ซับซ้อนน้อยกว่ามาก
สรุปความเทพของรถยุโรปต้องแลกมาด้วยอะไรที่ซับซ้อนกว่า ตอนซ่อมก็แพงกว่าแน่นอน
เรื่องภาพลักษณ์อันนี้ได้รับความเกรงใจบนถนนมากกว่าพอสมควร
โครงสร้างรถ อันนี้รถยุโรปแข็งแกร่งกว่าจริง
ถ้ามีงบถึงโดยชีวิตไม่ลำบาก ไปรถยุโรปแน่นอนครับ จะมือ1มือ2แล้วแต่ศรัทธา
ทั้งหมดคหสต.ครับ
-
จากที่เคยใช้เอง เป็น Accord G7 2.4 G8 2.4 G9 2.0 & hybrid , Camry 2.5 Acv50, 525d F10
เทียบรุ่นใหม่ๆละกันนะครับ
1. Handling การขับขี่ทางไกล 5 เหนือกว่า Camry Accord เยอะอยู่ครับ โค้งแบบยาวๆ ขับทางตรงแบบไกลๆนิ่งและสบายครับ แต่ถ้าขับแบบมุดๆ รถขับหน้าแบบญี่ปุ่นจะสนุกกว่าในโค้งเข้าแรงๆก้สนุกดี ยางที่ติดรถญี่ปุ่นมามักไม่ค่อยเกาะครับเป็นยาง Comfort ซะส่วนใหญ่ (ถ้าไม่นับG9 ล้อ18 ที่ได้ps3) เอาไปเปลี่ยนใส่ยางเกาะๆ ก้จะทำได้ใกล้เคียงยุโรปและขับสนุกขึ้น ถือว่าใช้ได้ครับ
2. วัสดุ ถ้าเทียบกัน 5 & e vs camry & accord ผมว่าทางยุโรปยังดูดีกว่าเรื่องความพรีเมี่ยมของวัสดุนะและการตกแต่ง แต่ทางญี่ปุ่นก้ทำได้ดีครับ ก้ตามราคารถแหละครับ
3. เครื่องยนต์ถ้าเป็นเครื่องเทอร์โบเหมือนกันผมว่าใกล้เคียงนะ พอๆกันแต่ ญี่ปุ่นจะยังมีna อยู่บ้าง ถ้าna อัตราเร่งจะเป็นรอง เทอร์โบของยุโรปอยู่แล้ว แต่มันก้สนุกกันไปคนละแบบ ขับแล้วก้ชอบหมดนะครับ na, hybrid,เบนซิน เทอร์โบ
4. สำหรับการใช้ในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนชื้นแบบนี้และฝุ่นเยอะรถ ญี่ปุ่นจะดูทนกว่าหน่อย ทั้งเรื่องเครื่องยนต์ (จุกจิกน้อย) เรื่องวัสดุต่างๆส่วนใหญ่จะภายในที่รถยุโรปมักเสื่อมสภาพจากอากาศร้อน เร็วกว่ารถญี่ปุ่นบ้างครับ
โดยรวมผมชอบทั้งคู่นะ ก้ดีคนละแบบถ้างบเยอะแบบไม่มีอั้นก้ใช้รถยุโรปได้ครับ แต่ถ้าไม่ได้มีเหลือเยอะมากผมว่า d seg jpn ก้เป็นตัวเลือกที่ดีครับ
-
สมรรถนะการขับขี่ ความสุนทรีในความเร็วสูงเหนือกว่าเยอะเลยครับ
ยุโรปที่ผมเคยใช้มา 525i และปัจจุบันใช้ w212
โดยรวมดีกว่า ญี่ปุ่น เช่น Accord G8 แบบไม่รู้จะเทียบอะไรเลย (เครื่องเสียงG8โอเค)
ดังนั้นหัวข้อนี้. สมรรถนะรถยุโรปดีกว่าแน่ๆ ขอยกเว้นคันนึง คือ Focus2.0 คันนี้เจ๋งจริง ข้ามรุ่นไหวอยู่
-
ที่บ้านมี e300 hybrid ตัว exclusive อยู่ กับ Accord g9 2.0
1.การขับขี่
ถ้าชอบขับเร็วเดินทางไกลๆออกต่างจังหวัด ผมชอบ E300มากกว่า เพราะวิ่งเร็วๆแล้วไม่วูบวาบเท่า แต่มาเร็วๆแล้วเหมือนรถมันหนักเบรคไม่ค่อยจะอยู่อันนี้ต้องระวัง(แต่ช่วงล่างออกแข็งๆนิดๆ อาจจะเป็นเพราะรันแฟลต)
แต่ถ้าในเมือง ผมชอบ accordมากกว่าเพราะมันเลี้ยวง่ายขับง่ายกว่าชัดเจน ช่วงล่างไม่กระเทือนเท่า benz
2.วัสดุ
อันนี้ Benz ดีกว่าชัดเจนมาก
3.เครื่องยนต์
Benz สอบตก ห่วยแตกมาก ดีเซล+ไฮบริดมันไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ สะดุดกระตุกจนน่ารำคาญ แต่ข้อดีมันก็มี คือประหยัดน้ำมันใช้ได้
4.ความทนทาน
Accord กินขาด ใช้มา5ปี ปัญหาไม่มีเลย มีเพียงแค่เข้าศูนย์ตามระยะเท่านั้น
แต่ e300 hybrid นี่ขึ้นยานแม่4รอบแล้ว ปัญหาส่วนมากมาจากระบบไฮบริดล้วนๆ
-
สมัยหนุ่มๆผมขับรถยุโรป เพราะขับเร็วและเอาไว้ให้สาวๆนั่ง
ตอนนี้50กว่า สาวๆไม่มองอีกแล้วและขับรถช้าลงจนเมียบ่น
ใช้camryเพราะตอบโจทย์ความต้องการได้ทุกอย่างแล้ว เหลือเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า
และผมว่าcamryนี่มันทนทานปัญหาน้อยกว่ารถยุโรปสมัยนี้
-
เปรียบเทียบรถญี่ปุ่นกับรถยุโรป
ให้ทุก segment เลย
1.การขับขี่ - ยุโรป
2.วัสดุ อุปกรณ์ - ยุโรป
3.เครื่องยนต์ - ถ้าพูดถึงสมรรถนะ น่ะ ใช่
4.ความทนทาน - Jap
เพิ่มให้
5.ค่าซ่อมบำรุง - Jap
1, 2, 3 ยุโรปกิน
แต่ถ้าหาเอง จ่ายเอง ไม่รวยพอควร ข้อ4, 5 จะเป็นตัวเปลี่ยนชีวิต
ขับขี่แบบคนธรรมดา หรือเกินกว่าเพียงเล็กน้อย Jap ตอบโจทย์ 1 2 3 4 5
-
รถญี่ปุุ่น segment เดียวกัน e-class = Accord ??? เทียบผิดแล้วล่ะครับ ถ้า e-class มันต้องเทียบกับ Lexus Gs
1- การขับขี่ ต้องยอมรับว่าญี่ปุ่นยังเซ็ทการขับขี่สู้เยอรมันไม่ได้ แต่ถ้าไปเทียบความผ่อนคลาย ญี่ปุ่นทำได้ดีกว่า แล้วแต่ละคนจะนิยามคำว่าขับดีว่าคือแบบไหน
2- วัสดุ อุปการณ์ - ญี่ปุ่นทำได้ดีกว่า ฝีมือเทียบประกอบนอกด้วยกัน ญี่ปุ่นยังทำได้ดีกว่า
3- เครื่องยนต์- ก็ตามข้อ1 รถญี่ปุ่นยังทำสู้เยอรมันไม่ได้ แต่พวกรถใหม่อย่างซุปปร้าก็ทำได้เทียบเท่ากันแล้ว (เครื่องตัวเดียวกัน)
4- ความทนทาน - ปัจจุบันยังไงญี่ปุ่นก็ทนกว่า อนาคตต้องรอดูเพราะหลายๆอย่าง
จริงๆไม่น่าแยกประเทศผู้ผลิตรถเลย อย่าง z4 และซุปปร้า คุณจะเรียกว่าเป็นรถยุโรปรึรถญี่ปุ่น
-
คนละราคา วัสดุก็ได้ต่างกัน จะให้อะไรๆๆมาเท่ากัน คงไม่ได้หรอกครับ