Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 10, 2019, 17:47:00

หัวข้อ: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 10, 2019, 17:47:00
     รถ Honda Civic EG (ซีวิค 3 ประตู) คันนี้ เป็นรถของคุณพ่อผมเองครับ เขาซื้อมือสองมา
เมื่อปี 2558 ซื้อมาเพราะความชอบบอดี้นี้ และเป็นความโชคดี (มาก ๆ ) เพราะได้บอดี้รหัส EG4 แท้มา

     สภาพบอดี้โดยรวมดีมาก ไม่มีผุสักจุด ภายในไม่มีแตกร้าวใด ๆ โดยรวมประทับใจมากครับ
พ่อก็เอาให้พี่สาวใช้ขับไปเรียนมหาวิทยาลัยทุกวัน จนพี่สาวเรียนจบ รถคันนี้ก็ตกทอดมาถึงผมพอดี

     เดิมทีเจ้าของเก่าวางเครื่อง d15b VTEC 3stage (130 hp) + เกียร์ออโต้ 4 จังหวะ (ติดแก๊ส LPG)
พอผมได้รับช่วงต่อมาใช้งาน ก็ไม่ได้รู้สึกว่ารถอืดอะไร เพราะตอนนั้นยังจับความรู้สึกรถไม่เก่ง ว่าอันไหนอืด หรือไม่อืด
จนได้ศึกษารายละเอียดต่าง ๆ มาเรื่อย + กับลองจับอัตราเร่ง 0-100 ดู .... 25 วินาที ตามกระทู้ที่เคยตั้งข้างล่างนี้
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=57353.0

วีดีโอ 0-100 (25 วินาที) ถ่ายไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
https://youtu.be/4eU-mNSRkzw

*** ต้องบอกก่อนนะครับพ่อผมเป็นช่างซ่อมรถยนต์ แต่ซ่อมในส่วนของแอร์รถยนต์ ไดนาโมนะครับ ไม่ได้ทำเครื่อง
(เดี๋ยวจะดราม่ากัน...ว่าเป็นช่างแล้วทำไม่ทำเอง) พ่อกับผมเลยชอบทำนู้นทำนี้กันเองที่บ้าน สะดวกและสบายใจดีครับ

     ซึ่งผมและคุณพ่อก็ได้ตรวจเช็ค และแก้ไขปัญหาเบื้องต้นตามคอมเมนต์ต่าง ๆ รวมถึงในคลับ Civic EG เอง
สรุป คือ ให้ร้านเครื่องทำการเปลี่ยนเครื่อง "เฉพาะท่อนบน" ก่อน เป็นท่อนบนของ d15b VTEC ที่ไม่ใช้ตัว 3stage
แล้วก็เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเรียบร้อย มาทดลองจับเวลา 0-100 ดูใหม่ .... 15.43 วินาที ดีขึ้นเกือบ 10 วินาที! ตามกระทู้นี้
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=57664.msg1011604#msg1011604

วีดีโอ 0-100 (15.43 วินาที) ถ่ายไว้ช่วงต้นปี 2560
https://youtu.be/7kP3P4KqYK8
ผมกับพ่อมีความสุขมากตอนนั้น รู้สึกได้เลยว่ารถมีแรงกว่าเดิมเยอะมาก ก็ใช้ต่อมาเรื่อย ๆ
 

     แต่ด้วยความจิตตกง่ายของผม ตอนนั้นผมเริ่มรู้แล้วว่าสเปคเครื่องแบบนี้ เกียร์แบบนี้ มันต้องวิ่งได้ดีกว่านี้
ก็หาความรู้ตามคลับมาเรื่อย ๆ และช่วงปลายปี 2560 พ่อกับผมก็ตัดสินใจเอาแก๊ส LPG ออก
เพราะมันมีปัญหาจุกจิกเล็ก ๆ น้อย ๆ กวนใจอยู่บ่อยครั้ง แล้วหันมาคบกับน้ำมันดู ช่วงแรกลองใช้ E85
เผื่อหวังความประหยัด เพราะผมต้องขับไปเรียน 60 กิโลเมตรทุกวัน ต้องเซฟค่าใช้จ่ายที่บ้านด้วย
ตอนนั้นก็ทำไปหลายจุดเหมือนกันครับ
     - เปลี่ยนท่อทางเดินน้ำมันทั้งหมด
     - เปลี่ยนหัวฉีดให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
     - ติดตั้งเรกูเลตเตอร์ควบคุมน้ำมันไหลกลับเพิ่มเข้าไป
     - ปรับองศาไฟจุดระเบิดให้แก่มากขึ้น
       ผลลัพธ์ที่ได้ คือ รถวิ่งดีขึ้นจากแก๊สครับ 0-100 .... เหลือ 12 วินาที แต่รถสตาร์ทติดยากมาก
ลองปรับจูนเรกูเลตเตอร์ตั้งหลายวิธี ก็ดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในจุดที่ติดยาก และเครื่องเดินไม่เนียน
บางจังหวะรถติดมาก ๆ รถเร่งไม่ดีซะอย่างงั้น แต่เส้นที่ผมใช้ประจำรถไม่ติดเลย เลยใช้ไป
ซึ่งแน่นอนครับว่าอัตราสิ้นเปลือง E85 โหดร้ายครับ วิ่งโล่ง ๆ 80-100 วัดได้ 8-9 กิโลเมตร/ลิตร
เลยลองมาคบกับ E20 ดู จึงได้ทำการใส่หัวฉีดสเปคเดิม และเอาเรกูเลตเตอร์ที่ใส่เพิ่มเข้าไปตอนใช้ E85 ออก
ปรับจูนอากาศ และองศาไฟจุดระเบิด ผลลัพธ์ที่ได้ คือ เครื่องเดินเนียนกริ๊บเลย อัตราเร่งก็ใกล้เคียง E85 เลย
รถประหยัดน้ำมันดีด้วยครับ วัดได้ 12.7 กิโลเมตร/ลิตร

ผมมองว่ารถ 27 ปี เครื่องเทคโนโลยีเก่า + เกียร์ออโต้ 4 สปีดบ้าน ๆ ได้เท่านี้ ผมพอใจมากแล้ว...

...จนวันนึงได้มาถึงจุดเปลี่ยน...
     ระหว่างที่ขับ ๆ รถอยู่กลางถนนใหญ่ จู๋ ๆ พวงมาลัยหนัก ไฟแบตโชว์ แอร์ไม่เย็น
สายตามองไปที่วัดรอบอย่างรวดเร็ว 1,000 รอบ (เครื่องไม่ได้ดับนี่หว่า เป็นอะไรวะ)
เลยค่อย ๆ เอารถเข้าข้างทาง แล้วไปจอดในปั๊ม เปิดฝากระโปรงดู...มูเล่ห์หน้าเครื่องหลุด"อีกแล้ว"
ทำให้สายพานที่เกี่ยวกับระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ ไดชาร์จ คอมแอร์ หลุดและหยุดทำงานไปด้วย
ที่พิมพ์ว่า "อีกแล้ว" เพราะมันเคยเกิดขึ้นครั้งนึงตอนขับรถไปเรียน แต่ตอนนั้นช่างก็แก้ไขโดยการเปลี่ยนลิ้มตรงมูเล่ห์ไป

     ผมกับพ่อเลยปรึกษากันว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้มันหลุดได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือน เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย
เลยตัดสินใจกันในครอบครัวว่าจะวางเครื่องใหม่ ปรึกษากันนานพอสมควร เพราะเครื่อง Honda นั้น ราคา...จุก
และแน่นอนว่า ผมกับพ่อไม่มีศักยภาพมากพอ ที่จะวางเครื่องเอง

     ผมก็เลยโพสต์เล่าอาการ และสอบถามดูว่าจะเอาตัวไหนดี มีหลากหลายคอมเมนต์มาก ทั้ง D17A, D15B, B20B
และแล้วก็มีแชทนึงเด้งเข้ามาใน Message ของผม เป็นร้านที่ผมไปวางเครื่องมานี้แหละ เขาก็เชิญชวนให้ไปทำร้านเขา
(ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดมาก ผิดยังไงไปอ่านกันต่อครับ)

     โปรไฟล์ดูดี รถเข้าไปทำเยอะ ยังเป็นวัยรุ่น น่าจะคุยง่าย ผมกับพ่อเลยเอาไปให้ร้านนี้ทำ
โดยบอกปัญหาเกี่ยวกับที่เจอมาของเครื่องนี้ให้ฟังทั้งหมด
     - รถมูเล่ห์หน้าเครื่องหลุด 2 รอบแล้วในระยะเวลาไม่กี่เดือน
     - เวลาวิ่ง 120 ยาว ๆ น้ำในหม้อพักชอบดันขึ้นมา
     - รอบเครื่องที่ 2,000 รอบ เครื่องมีอาการสะท้านถึงตัวรถ (เปลี่ยนยางแท่นเครื่องแล้ว)
     - มีไอน้ำมันหยดที่พื้นทุกวันที่ใช้รถ (พ่อผมต่อท่อหายใจลงพื้น ไม่ได้วนเข้าลิ้นปีกผีเสื้อ)
     - รถเคยใช้แก๊ส LPG

     ช่วงวางเครื่องก็ตรวจเช็คแล้วบอกว่า ท่อนล่างสภาพค่อนข้างแย่แล้ว แกนที่ติดกับมูเล่ห์หน้าเครื่องมันไม่ดีแล้ว
มันเลยเกิดอาการเหวี่ยงตลอดเวลา เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้มูเล่ห์หน้าเครื่องหลุด เปลี่ยนมูเล่ห์ไปอีก 10 อัน ก็หลุด

ช่างเลยเสนอมา 2 ทาง
     1. โอเวอร์ฮอลท่อนล่าง
     2. วางเครื่องใหม่

     พ่อผมเลยพิจารณาราคาดูต่างกันไม่มาก เลยตัดสินใจวางเครื่องใหม่ เพราะกลัวโอเวอร์ฮอลแล้วปัญหาต่าง ๆ จะไม่จบ
เลยให้มันเป็นเครื่องคนละตัวไปเลย โดยพ่อบอกกับช่างไปว่าเอา D15B VTEC ตัว 130 ม้า ใช้งานแบบบ้าน ๆ เดิม ๆ
     - ลูกขับไปเรียนทุกวันทางโล่ง ๆ 60 กิโลเมตร
     - ขับไม่เร็ว ออกตัวนิ่ม ๆ ไม่กระชากเลย (ตอนลองรถก็อีกเรื่องนึงนะครับ)
     - จูนกล่องให้ใช้ E20 ได้เนียน ๆ ประหยัดน้ำมัน
     - ยางแท่นเครื่องตัวไหนเจอไม่ดี เปลี่ยนใหม่ให้หมด (ไหน ๆ ก็รื้อแล้ว)

ผ่านไป 10 วัน... พ่อก็ไปรับรถมา พร้อมกับจ่ายเงินไป 4x,xxx (ตอนนั้นผมไม่อยู่ ติดงานอยู่ต่างจังหวัด)
ตอนที่รู้ว่าพ่อไปรับรถมาแล้ว ก็แอบดีใจ อยากจะเสร็จงานไว ๆ แล้วกลับมาขับรถเครื่องวางใหม่

พอกลับมาได้ขับ ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด พ่อผมสั่งไปสเต็ปบ้าน ๆ ใช้งานธรรมดา ๆ แต่ผมเจอ
     1. รถวิ่งแย่กว่าเครื่องเดิมเสียอีก
     2. พัดลมต่อตรง กับถอดวาล์วน้ำออก
     3. รอบเครื่องเดินเบา 1,100 รอบ (ก่อนทำ 800 รอบ)
     4. รถกินน้ำมันมาก (E20 วิ่งแบบเดิม แต่วัดได้ 9 โล/ลิตร)
     5. เกียร์เข้ายาก แข็ง หนัก
     6. รถสะท้านถึงพวงมาลัย เบาะ
     7. ประกอบฝาใต้ล่างไม่ดี เสียงดังแก๊ก ๆ ๆ ๆ

ผมเลยถามพ่อว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมรถเป็นแบบนี้ พ่อเล่าให้ฟังว่า ตอนพ่อไปเอารถพ่อก็ถามนะ
     - ทำไมถอดวาล์วน้ำ และต่อตรงพัดลม (ร้านตอบ สูตรของผม พี่เลือกเอาระหว่างพัดลมพังกับเครื่องพัง พี่เอาอะไร) พอพ่อผมได้ยินประโยคนี้ โมโหเลย พ่อบอกกับผมว่า
                                                   ถ้ามันรู้ว่าพ่อเป็นช่าง อยากรู้มันจะทำหน้ายังไง ต่อตรงพัดลม พอมันทำงานตลอด โอกาสที่พัดลมเสียมันก็สูง นั้น
                                                   แหละที่จะทำให้เครื่องฮีตแล้วเครื่องพังตาม ถ้าพ่อสั่งสเต็ปรถแข็ง รถซิ่ง พ่อจะไม่ว่า ไม่อะไรเลย แต่นี่พ่อสั่งสเต็ปรถบ้าน ใช้
                                                   งานทั่วไป พ่อเลยยิงคำถามให้ผมคิดเล่น ๆ ว่า มีรถป้ายแดงคันไหนบ้าง ที่ไม่มีวาล์วน้ำ และต่อตรงพัดลม ผมก็...เอ๋อ ก็จริงของ
                                                   พ่อ เราไม่มีความสามารถพอที่จะวางเครื่องได้ ถึงต้องไปร้านวางเครื่อง)
     - ทำไมตั้งเดินเบาสูง ตั้ง 1,100 รอบ (ร้านตอบ สูตรของผม)

     พอพ่อได้ยินคำตอบแค่ 2 ข้อจากร้าน ซึ่งมันขัดแย้งกับสิ่งที่พ่อผมสั่งไปทั้งหมดในตอนแรก
พ่อเลยเอารถกลับมาเลย ขืนเอาไว้ต่อ ไม่ดีแน่ ๆ



---------- ทีนี้ 2 พ่อลูก ก็ไล่เก็บงานแต่ละส่วนเลย (ทำเองดีที่สุด ละเอียดที่สุด) ----------
     1. รถวิ่งแย่กว่าเดิม เหยียบคันเร่งเยอะกว่าจะไป เลยมาตรวจสายคันเร่ง .... หย่อนเป็นท้องช้างเลย
       เลยปรับตั้งให้ตึง ผลที่ได้ คือ ใช้คันเร่งน้อยลง ทำให้รู้สึกว่าอาการโดยรวมมันดีขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่สบายใจ
       เลยเปิดฝาครอบวาล์วมาเช็คระยะห่างของวาล์วไอดี และไอเสีย ก็ตรงตามสเปค คือ
          - ไอดี 0.18 mm.
          - ไอเสีย 0.23 mm.

     2. พัดลม กับวาล์วน้ำ ตอนแรกก็ใช้ไปสัก 1-2 อาทิตย์ ก็ต่อเข้าระบบเดิมของมัน
        (ไม่ใช้ว่าต่อตรงพัดลม กับถอดวาล์วน้ำไม่ดีนะครับ แต่แค่มันไม่เหมาะกับการใช้งานของที่บ้านผมมากกว่า)

     3. รอบเครื่อง 1,100 รอบ อันนี้แก้ไม่ได้เลย จะปรับอากาศ รีเซ็ตกล่อง อะไรก็ไม่หาย
        เพราะเขาเซ็ตค่าทุกอย่างไว้ในรอมที่ให้ทำเพิ่มไปตอนแแรก

     4. รถกินน้ำมัน อันนี้ก็อยู่ที่รอมด้วย คงจะสั่งจ่ายน้ำมันไปเยอะ และเขาไปตั่งค่าปิดการทำงานของล๊อคอัพเกียร์
       ทำให้รอบในความเร็วต่าง ๆ สูงขึ้น 300 รอบ
           วิ่ง 80 เดิมอยู่ที่ 2,000 รอบ / ใหม่ 2,300 รอบ
           วิ่ง 100 เดิมอยู่ที่ 2,500 รอบ / ใหม่ 2,800 รอบ
           วิ่ง 120 เดิมอยู่ 3,000 รอบ / ใหม่ 3,300 รอบ
       แต่ไหง รถไม่เห็นจะวิ่งดีขึ้นเลย ทั้ง ๆ ที่รอบสูงขึ้นและกินน้ำมันขึ้น เห้อออออออ...

     *** ซึ่งปัญหาข้อ 3 และ 4 นี้ ผมกับพ่อเลยตัดสินใจ เอารอมออก เพราะเรามองว่า ก่อนเอารถไปทำ มันก็วิ่งดีกว่า ประหยัดกว่า แล้วจะใส่รอมไปทำไม ****
            พอเอารอมออก แรก ๆ รอบเครื่องก็เดินรวน ๆ หน่อย เพราะยังไม่ได้ปรับอากาศหรือองศาจุดระเบิดอะไรเลย
      พอปรับอากาศ + องศาจุดระเบิดปุ๊บ .... เห่ยยย  รอบเดินเบาเหลือ 800 แล้ว และรถก็วิ่งดีขึ้นว่ะ
      เตะคันเร่งนิดเดียว รถพุ่ง รู้สึกมีแรงสู้กับมันต่อ กับปัญหาในครั้งนี้ แล้วรถก็กลับมาประหยัดน้ำมันกว่าสมัยเครื่องเดิมเสียด้วย
      วิ่งทางไกล 100 นั่ง 2 คน ได้ 13.91 กิโลมตร/ลิตร (ตอนใส่รอมวิ่งดีให้ตายก็ได้ แค่ 10 โล/ลิตร)
      (จูนรอม จูนกล่อง สำหรับผมไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ แต่ผมคิดว่าการจูนนั้น ต้องมีเวลาอยู่กับมันนาน ๆ ขับไปจูนไป จนกว่าจะเจอจุดที่ดีกับรถคันนั้น ๆ )
     
     5. เกียร์เข้ายาก แข็ง หนัก อาการนี้ก็หายไปทันที หลังจากที่ที่เอารอมออก แล้วปรับอากาศกับไฟจุดระเบิดให้เข้าที่เข้าทาง

     6. รถสะท้านถึงพวงมาลัย เบาะ อันนี้หาสาเหตุกันนานมาก เพราะรอบเครื่องก็เหลือแค่ 800 รอบแล้วทำไมมันยังสั่น
         ทั้ง ๆ ที่ก่อนเอาไปวางเครื่อง รอบ 800 ก็ไม่สะท้าน นิ่งดี หาจุดแก้เป็นหลายอาทิตย์ ซึ่งเป็นจุดที่พ่อกับผมเคยทำเมื่อนานมาแล้ว
         คือ วัดไฟแถว ๆ ใต้ลิ้นปีกผีเสื้อ ผมก็ลืมมันเรียกว่าอะไร แต่จำได้ว่าค่าตามสเปคมันจะอยู่ที่ 0.4-0.49 V (หน่วยโวลต์)   
         แต่ร้านวางเครื่องมันตั้งมา 6 กว่า โอ้ยยยยยยยยย มันวางเครื่องอะไรของมันเนี่ย พ่อเลยปรับค่าไฟให้มาอยู่ตามสเปค
         ผลลัพธ์ คือ ทุกอย่างหายสะท้านเลย  ทั้งพวงมาลัย และเบาะ 

     7. ประกอบฝาใต้ล่างไม่ดี เสียงดังแก๊ก ๆ ๆ ๆ สงสัยตอนรื้อทำกิ๊บล็อคแตกหรือหายมั้ง และไม่หามาใส่ให้ พ่อเลยหาใส่ เงียบ จบ โว๊ะะะะะะะ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากนั้นมาก็ใช้รถอย่างมีความสุข แอร์เย็น เพลงเพราะ ประหยัดน้ำมัน น้ำไม่ดัน ควันไม่ไหล ช่วงล่างไม่ไก่กุ๊ก ๆ 55555555

     ตอนนี้รู้ใจมันทุกส่วนแล้ว อยู่ด้วยกันนาน ๆ มันมอบบทเรียนหลายอย่างให้พ่อและเรา มันทำให้เรารักมันมากกกก ถึงแม้จะไม่ใช่รถเราก็ตาม
แต่เราอยากดูแลมันให้ดีอยู่เสมอ ไม่อยากให้มันเสีย อยากให้ทุกคนที่มาขับมันแล้วบอกประมาณว่า "รถเดิม ๆ แต่วิ่งดีว่ะ"

อันนี้เป็น 0-100 เมื่อเช้านี้ หลังจากที่เปลี่ยนปลายท่อของ Nitto ทรง Mugen มา วิ่งดีขึ้นกว่าท่อเดิม 0.4 วิ (เหลือ 10.87 วินาที)
https://youtu.be/P59zkvvHMbM

     ขอขอบคุณที่อ่านจนจบครับ ยาวหน่อย แต่มันคือประสบการณ์รถยนต์ของคุณพ่อผม ที่จะทำให้มันออกมาสมบูรณ์ที่สุด
ที่ผมโฟกัสที่อัตราเร่งของรถ ไม่ใช่จะเอาไปแข่งกับใครนะครับ แต่ผมคิดว่า ถ้าอัตราเร่งของรถมันสมบูรณ์ วิ่งได้ดีสอดคล้องกับ
เครื่อง เกียร์ น้ำหนัก ที่มันควรจะเป็น มันจะทำให้เครื่องและส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมันทนทาน และขับมันอย่างมีความสุข


หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pornsak chaisuk ที่ มีนาคม 10, 2019, 18:14:25
เปิดฝากระโปรงรถ ชมเครื่อง
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ มีนาคม 10, 2019, 18:19:55
      Civic 3 ประตูสีแดง เป็นรถที่ผมเคยจะซื้อ  แต่เปลี่ยนใจไปซื้อรถยี่ห้ออื่น  ถึงวันนี้ก็ยังเสียดายที่ไม่ได้ซื้อ  ช่วงปี 35-40 รถรุ่นนี้ออกมาหลายหมื่นคันเพราะเป็นรถราคาถูกมาก  สมันนั้นราคาแค่สามแสนหก  ถูกกว่าปิกอัพอีก  ตอนนี้อยากซื้อก็ไม่มีขายแล้ว  บนถนนก็ไม่ค่อยมีรถรุ่นนี้  มือสองหายาก  สภาพดีๆแทบไม่มีแล้ว
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ มีนาคม 10, 2019, 18:23:26
เพื่อนผมก็มีคันนึง แต่งแทบจะทุกส่วน ปัจจุบันไม่ค่อยได้ขับ แต่ก้ไม่เคยคิดจะขาย
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 10, 2019, 18:23:40
เปิดฝากระโปรงรถ ชมเครื่อง
นี่ครับบบบ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 10, 2019, 18:24:48
      Civic 3 ประตูสีแดง เป็นรถที่ผมเคยจะซื้อ  แต่เปลี่ยนใจไปซื้อรถยี่ห้ออื่น  ถึงวันนี้ก็ยังเสียดายที่ไม่ได้ซื้อ  ช่วงปี 35-40 รถรุ่นนี้ออกมาหลายหมื่นคันเพราะเป็นรถราคาถูกมาก  สมันนั้นราคาแค่สามแสนหก  ถูกกว่าปิกอัพอีก  ตอนนี้อยากซื้อก็ไม่มีขายแล้ว  บนถนนก็ไม่ค่อยมีรถรุ่นนี้  มือสองหายาก  สภาพดีๆแทบไม่มีแล้ว

ใช่ครับ สภาพดี ๆ หายากมาก ส่วนใหญ่บอดี้จะผุครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 10, 2019, 18:26:25
เพื่อนผมก็มีคันนึง แต่งแทบจะทุกส่วน ปัจจุบันไม่ค่อยได้ขับ แต่ก้ไม่เคยคิดจะขาย

แม่ผมก็อยากให้ขาย ไปซื้อรถปีใหม่ ๆ ขับนะครับ แต่พ่อผมเหนียวแน่นในบอดี้นี้ 55555
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pornsak chaisuk ที่ มีนาคม 10, 2019, 18:36:08
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ มีนาคม 10, 2019, 18:59:18
    เครื่อง D15B VTEC ตัว 130 ม้า คือเครื่องตัวเดียวกับที่ใส่ใน Civic ตาโตหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 10, 2019, 19:12:43
    เครื่อง D15B VTEC ตัว 130 ม้า คือเครื่องตัวเดียวกับที่ใส่ใน Civic ตาโตหรือเปล่า

ถ้าเมืองนอกใช่ครับ แต่ถ้ารถไทยเป็นเครื่อง 1,600 ซีซี รหัส d16y8 ครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Rock N' Rolla ที่ มีนาคม 10, 2019, 19:31:38
เห็นรถรุ่นนี้แล้วคิดถึงตอนเรียนมหาลัยเลยครับ เพื่อนมีรถรุ่นนี้จะออกตัวไฟแดงทีต้องปิดแอร์ จะได้ทันคนอื่นเขา
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: I_AM_IM ที่ มีนาคม 10, 2019, 19:53:01
ผมก็เคยใช้D15b 3stageMT นะครับ เติม91 ประหยัด 16-17 โลลิตรืตอนนี้ขายไปละครับซื้อjazz mt
แต่D15b 3stageที่คุณวางมาใหม่ทำไมมีโชลินอยvtec แค่ตีวเดียวหรือในรูปมันไม่ชัด แล้วกล่องรหัส P2J หรือเปล่าครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 10, 2019, 19:55:21
เห็นรถรุ่นนี้แล้วคิดถึงตอนเรียนมหาลัยเลยครับ เพื่อนมีรถรุ่นนี้จะออกตัวไฟแดงทีต้องปิดแอร์ จะได้ทันคนอื่นเขา
เมื่อก่อนผมก็ทำแบบนั้นครับ เวลาจะแซงใคร ต้องปิด A/C ลดภาระเครื่อง 5555
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 10, 2019, 19:56:33
ผมก็เคยใช้D15b 3stageMT นะครับ เติม91 ประหยัด 16-17 โลลิตรืตอนนี้ขายไปละครับซื้อjazz mt
แต่D15b 3stageที่คุณวางมาใหม่ทำไมมีโชลินอยvtec แค่ตีวเดียวหรือในรูปมันไม่ชัด แล้วกล่องรหัส P2J หรือเปล่าครับ
ในรูป คือ D15B VTEC แล้วครับ มีโซลินอยตัวเดียว สมัยเครื่อง 3stage มี 2 ตัวครับ ส่วนกล่องรหัส P70 ครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: บิสกิต ที่ มีนาคม 10, 2019, 21:32:47
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ra32 ที่ มีนาคม 10, 2019, 22:28:19
อย่างสุดเลยครับ รุ่นนี้ปัจจุบันผมไม่เคยเห็นคันไหนสภาพสมบูรณ์ได้ขนาดนี้เลย ครั้งแรกที่ผมเห็นรุ่นนี้เป็นสมัยที่ผมอยู่ ป.1 จำได้ว่าเป็นรถของครูผู้หญิงที่โรงเรียน สีแดงสดสวยมากผมยังจำลายแม๊กเดิมๆที่ติดรถมาได้อยู่เลยสีเงิน ดูแล้วสวยเข้ากันดีมากในสมัยนั้น แต่ก็แปลกเช่นกันครับที่ผมเห็นรถรุ่นนี้ทีไรจะต้องเห็นคนขับเป็นผู้หญิงใช้ทุกครั้งเลย
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: YIM ที่ มีนาคม 10, 2019, 23:11:13
รถสวยครับ EG นี่เดี๋ยวนี้เจอแต่เละๆ มาแล้วทั้งนั้น เยี่ยมมากครับ
ถ้าผมมีความรู้หรือประสบการณ์ช่างแบบนี้ ก็อยากทำแบบนี้บ้างจังครับ หารถรุ่นเก่าที่ดูไม่น่ายาก อย่างพวก Corolla E100 หรือ Isuzu TF ไล่เก็บไปเรื่อยๆ เอาไว้ขับเล่น น่าอิจฉาจังครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ มีนาคม 10, 2019, 23:39:09
 ชิ้นส่วนรถรุ่นนี้ทีอะไหล่เซียงกงหรือหัวตัดจากประเทศญี่ปุ่นหรือเปล่าครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 11, 2019, 04:59:41
อย่างสุดเลยครับ รุ่นนี้ปัจจุบันผมไม่เคยเห็นคันไหนสภาพสมบูรณ์ได้ขนาดนี้เลย ครั้งแรกที่ผมเห็นรุ่นนี้เป็นสมัยที่ผมอยู่ ป.1 จำได้ว่าเป็นรถของครูผู้หญิงที่โรงเรียน สีแดงสดสวยมากผมยังจำลายแม๊กเดิมๆที่ติดรถมาได้อยู่เลยสีเงิน ดูแล้วสวยเข้ากันดีมากในสมัยนั้น แต่ก็แปลกเช่นกันครับที่ผมเห็นรถรุ่นนี้ทีไรจะต้องเห็นคนขับเป็นผู้หญิงใช้ทุกครั้งเลย
แต่ตอนนี้ผมเห็นแต่ละคัน จะเป็นคุณลุงวัย 60 อัพ ขับตลอดเลยครับ
แล้วส่วนใหญ่จะสภาพเดิม ๆ ซุ้มล้อห่าง ๆ สวยไปอีกแบบครับ 😆😆😆
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 11, 2019, 05:05:04
รถสวยครับ EG นี่เดี๋ยวนี้เจอแต่เละๆ มาแล้วทั้งนั้น เยี่ยมมากครับ
ถ้าผมมีความรู้หรือประสบการณ์ช่างแบบนี้ ก็อยากทำแบบนี้บ้างจังครับ หารถรุ่นเก่าที่ดูไม่น่ายาก อย่างพวก Corolla E100 หรือ Isuzu TF ไล่เก็บไปเรื่อยๆ เอาไว้ขับเล่น น่าอิจฉาจังครับ
ผมมีความคิดอยู่ว่า พอเรียนจบ รถคันนี้ก็ต้องคืนให้พ่อ
ว่าจะทำงานเก็บเงิน หาสามห่วงไม่ก็ตาโตมาทำแบบนี้บ้าง
มันสนุกดีนะครับ แต่ต้องมีเวลากับมันในช่วงเก็บงานแน่นอน
พอทำจบ ก็ขับใช้งานสบาย ๆ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 11, 2019, 05:10:05
ชิ้นส่วนรถรุ่นนี้ทีอะไหล่เซียงกงหรือหัวตัดจากประเทศญี่ปุ่นหรือเปล่าครับ
มีครับ อะไหล่ราคาไม่แรง แต่ของแต่งของเล่นราคาจุกอยู่ครับ
ภายในกระสอบตัวญี่ปุ่น สภาพดี ๆ ทั้งชุดมี 4-5 หมื่นเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: panjap ที่ มีนาคม 11, 2019, 10:12:30
แก้ไขปัญหาได้ดีครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kabutoro ที่ มีนาคม 11, 2019, 10:26:00
เป็นรถที่เคยเล็งไว้หลายครั้งแต่ก็ซื้อไม่ทันซักที คันสุดท้ายที่เห็นเจ้าของเอาไปทำเป็นรถลงสนามสปูนแท้ทั้งคัน เคยถามจะขายให้ผมแต่ผมมันสายชิลอยากได้เดิมๆออโต้มากกว่า
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Bier ที่ มีนาคม 11, 2019, 11:40:19
ดูในคลิปสุดท้าย พอรอบแตะ 5,500 เสียงมาเลย  :D
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Krongbun ที่ มีนาคม 11, 2019, 12:17:54
 ;D สวยครับ
ทำเองจูนเอง อย่างกับในหนัง เก่งมากครับ
เดี๋ยวมีตัง จะขอมีอู่ในบ้านตัวเองมั่ง อยากทำ ::)
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: w_th ที่ มีนาคม 11, 2019, 14:31:27
รถสวยมาก
ขอบคุณที่แชร์ข้อมูลดีๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 11, 2019, 16:11:29
แก้ไขปัญหาได้ดีครับ
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 11, 2019, 16:14:26
เป็นรถที่เคยเล็งไว้หลายครั้งแต่ก็ซื้อไม่ทันซักที คันสุดท้ายที่เห็นเจ้าของเอาไปทำเป็นรถลงสนามสปูนแท้ทั้งคัน เคยถามจะขายให้ผมแต่ผมมันสายชิลอยากได้เดิมๆออโต้มากกว่า
ออโต้เหมาะกับชีวิตทุกวันนี้มากกว่าจริง ๆ ครับ  ;D
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 11, 2019, 16:16:03
ดูในคลิปสุดท้าย พอรอบแตะ 5,500 เสียงมาเลย  :D
ดังไม่สู้บล็อก B แต่ก็ทำให้เรามีรอยยิ้มเล็ก ๆ ได้ครับ  ;D
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 11, 2019, 16:17:35
;D สวยครับ
ทำเองจูนเอง อย่างกับในหนัง เก่งมากครับ
เดี๋ยวมีตัง จะขอมีอู่ในบ้านตัวเองมั่ง อยากทำ ::)
ทำเองละเอียดกว่าจริง ๆ ครับ ไปให้คนอื่นทำไม่ถูกใจสักที  :'(
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ มีนาคม 11, 2019, 17:11:28
รถสวยครับ EG นี่เดี๋ยวนี้เจอแต่เละๆ มาแล้วทั้งนั้น เยี่ยมมากครับ
ถ้าผมมีความรู้หรือประสบการณ์ช่างแบบนี้ ก็อยากทำแบบนี้บ้างจังครับ หารถรุ่นเก่าที่ดูไม่น่ายาก อย่างพวก Corolla E100 หรือ Isuzu TF ไล่เก็บไปเรื่อยๆ เอาไว้ขับเล่น น่าอิจฉาจังครับ
ผมมีความคิดอยู่ว่า พอเรียนจบ รถคันนี้ก็ต้องคืนให้พ่อ
ว่าจะทำงานเก็บเงิน หาสามห่วงไม่ก็ตาโตมาทำแบบนี้บ้าง
มันสนุกดีนะครับ แต่ต้องมีเวลากับมันในช่วงเก็บงานแน่นอน
พอทำจบ ก็ขับใช้งานสบาย ๆ
     Honda Civic ตาโต เครื่อง Vtec 127 แรงม้า  ถือว่าเป็นรถแรงของยุคนั้นเลยนะ  แต่ผมเห็นรถรุ่นนี้ที่ยังวิ่งอยู่บนถนนส่วนใหญ่จะวิ่งแบบอืดๆนะ  คนขับส่วนใหญ่ก็อายุเยอะๆทั้งนั้น  แต่บอดี้นี้ก็ยังสวย  ถ้าได้หัวตัดสภาพดีๆจากญี่ปุ่นมาเปลี่ยนอะไหล่ก็น่าลองเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 11, 2019, 19:13:40
รถสวยมาก
ขอบคุณที่แชร์ข้อมูลดีๆ ครับ
ขอบคุณครับ ทีจริงมีอะไรอีกหลายอย่างเลย
แต่ไว้มีเวลาว่างจะมาแชร์ประสบการณ์ต่อครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: redsun ที่ มีนาคม 11, 2019, 20:30:19
ขอบคุณที่มาเล่าประสบการณ์ครับผม
สนุกดีนะครับ มีประโยชน์ด้วยครับ

3door เป็นรถที่มีเสน่าห์นะครับ
เดิมก็น่ารักครับ หรือแต่งซิ่งสามารถทำได้
เกียร์ออโต้ก็ขับใช้งานเรื่อยๆครับ

ถ้าขาซิ่ง
ได้เกียร์ M/T จัดโช้คดีๆสักชุด ยางหนึบๆ
ตั้งศูนย์แหล่มๆขับสนุกอยู่นะครับ
ลากรอบได้ตามสไตล์ HONDA ครับ
รถเล็กแต่ให้ช่วงล่างดับเบิลวิชโบน ดีงามเลยครับ
นี่แหล่ะรถสมัยก่อนเทคโนโลยีอาจจะไม่เท่าสมัยนี้
แต่จิตใจและความสร้างสรรค์ที่ใส่ให้กับรถมันสนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 12, 2019, 07:08:35
รถสวยครับ EG นี่เดี๋ยวนี้เจอแต่เละๆ มาแล้วทั้งนั้น เยี่ยมมากครับ
ถ้าผมมีความรู้หรือประสบการณ์ช่างแบบนี้ ก็อยากทำแบบนี้บ้างจังครับ หารถรุ่นเก่าที่ดูไม่น่ายาก อย่างพวก Corolla E100 หรือ Isuzu TF ไล่เก็บไปเรื่อยๆ เอาไว้ขับเล่น น่าอิจฉาจังครับ
ผมมีความคิดอยู่ว่า พอเรียนจบ รถคันนี้ก็ต้องคืนให้พ่อ
ว่าจะทำงานเก็บเงิน หาสามห่วงไม่ก็ตาโตมาทำแบบนี้บ้าง
มันสนุกดีนะครับ แต่ต้องมีเวลากับมันในช่วงเก็บงานแน่นอน
พอทำจบ ก็ขับใช้งานสบาย ๆ
     Honda Civic ตาโต เครื่อง Vtec 127 แรงม้า  ถือว่าเป็นรถแรงของยุคนั้นเลยนะ  แต่ผมเห็นรถรุ่นนี้ที่ยังวิ่งอยู่บนถนนส่วนใหญ่จะวิ่งแบบอืดๆนะ  คนขับส่วนใหญ่ก็อายุเยอะๆทั้งนั้น  แต่บอดี้นี้ก็ยังสวย  ถ้าได้หัวตัดสภาพดีๆจากญี่ปุ่นมาเปลี่ยนอะไหล่ก็น่าลองเหมือนกัน
รถ 20 ปีทุกคันที่ผมขับมา อืดทุกคันเลยครับ
เจ้าของแต่ละคนที่รู้จัก คือ เติมน้ำมันขับอย่างเดียว
เขาไม่ได้มาซีเรียสเรื่องอัตราเร่งของรถแบบผม  ::)

แต่ถ้าดูแลปรับจูนมันดี ๆ ผมว่าก็วิ่งดีไม่แพ้รถคุณพ่อผมแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 12, 2019, 07:26:47
ขอบคุณที่มาเล่าประสบการณ์ครับผม
สนุกดีนะครับ มีประโยชน์ด้วยครับ

3door เป็นรถที่มีเสน่าห์นะครับ
เดิมก็น่ารักครับ หรือแต่งซิ่งสามารถทำได้
เกียร์ออโต้ก็ขับใช้งานเรื่อยๆครับ

ถ้าขาซิ่ง
ได้เกียร์ M/T จัดโช้คดีๆสักชุด ยางหนึบๆ
ตั้งศูนย์แหล่มๆขับสนุกอยู่นะครับ
ลากรอบได้ตามสไตล์ HONDA ครับ
รถเล็กแต่ให้ช่วงล่างดับเบิลวิชโบน ดีงามเลยครับ
นี่แหล่ะรถสมัยก่อนเทคโนโลยีอาจจะไม่เท่าสมัยนี้
แต่จิตใจและความสร้างสรรค์ที่ใส่ให้กับรถมันสนุกมากครับ
ขอแจ้งการทดลองเพิ่มเติมครับ เพื่อใครอ่านมาเจอ แล้วเป็นประโยชน์

เรื่องการตั้งวาล์ว ผมเคยลองตั้ง
     - ไอดี 0.20 mm.
     - ไอเสีย 0.25 mm.
     ผลที่ได้ คือ รถวิ่งดีมากตอนเครื่องเย็น แต่พอเครื่องร้อน จะอืด
กับอีกแบบ
     - ไอดี 0.15 mm.
     - ไอเสีย 0.20 mm.
     ผลที่ได้ คือ เครื่องเย็นก็อืด เครื่องร้อนก็อืดครับ

ข้อมูลฝั่งอเมริกา ผมไปหามา เครื่อง D15B VTEC เขาตั้ง
     - ไอดี 0.18 mm.
     - ไอเสีย 0.23 mm.
     ผลที่ได้ คือ รถวิ่งดีทั้งเครื่องเย็น และเครื่องร้อนครับ
     แล้วมีเทคนิคในการเช็คว่าได้ระยยที่ต้องการหรือยัง
     พอตั้ง 0.18 mm. เสร็จ เอา 0.20 mm. สอดดู ถ้าไม่เข้า
     แสดงว่าระยะที่ตั้งอยู่ในช่วง 0.18 - 0.19 mm. แน่นอน
     เป็นเทคนิดช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตั้งวาล์วไปในตัวครับ
     ไอเสียก็เช่นกัน ตั้ง 0.23 mm. เสร็จ ให้เช็ควิธีเดียวกันโดยใช้
     0.25 mm. เช็คครับ

ส่วนเรื่องช่วงล่างสำหรับผม มันโอเคในระดับนึงแล้ว (โช็คเดิม+สปริงโหลด)
     มันไม่ได้นุ่มอะไรมากมายครับ ผ่านรอยต่อถนนต่าง ๆ รู้สึกได้
     ขับ 100-120 ก็นิ่งดี ไม่น่ากลัวอะไร แต่รถผมใส่กันโคลงหลังนะครับ
     เคยเอาออก เวลาจั๊มคอสะพานแบบเอียง ๆ ท้ายมีดิ้นนิด ๆ
     และรถผมนั่ง 1-3 คนจะปกดีไม่มีอะไร แต่พอนั่ง 4 คน ช่วงล่างหลัง
     จะยันครับเวลาผ่านเนิน หรือลูกระนาด ซึ่งผมไม่ชอบในจุดนี้ 😂
     เวลาเล่นโค้งหนัก ๆ พอไปได้ครับ ไม่ถึงดับดีหรือคม (ยาง Toyo DRB 195/55/r15)
 
     เคยใส่โช๊คของ D2 กระบอกม่วง ไส้จะกองรวมกันให้ได้ มันหนึบจริง
     เกาะจริง ปรับมาระดับนุ่มสุดก็แข็งกระด้างครับ ใส่ได้ไม่นานก็เอาออก
     มันไม่เหมาะสมกับการใช้งานของที่บ้าน  :'(
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: redsun ที่ มีนาคม 12, 2019, 12:12:30
ดีๆๆ
ขับรถมีความสุขครับคุณ  TUATOR ::)
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NS ที่ มีนาคม 13, 2019, 20:30:24
สนุกดีครับ ขอบคุณที่มาแชร์ครับ บอดี้นี้คงเป็นตำนานของรถญี่ปุ่นขนาดเล็กต่อไปเพราะเห็นเก็บกันหลายคันมากครับ
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 14, 2019, 21:05:30
ดีๆๆ
ขับรถมีความสุขครับคุณ  TUATOR ::)
ขอบคุณครับ ตอนนี้แฮปปี้กับมันมาก
หัวข้อ: Re: ขอแชร์ประสบการณ์อัตราเร่งของรถเก่า อายุ 27 ปี ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Woradorn ที่ มีนาคม 14, 2019, 21:06:33
สนุกดีครับ ขอบคุณที่มาแชร์ครับ บอดี้นี้คงเป็นตำนานของรถญี่ปุ่นขนาดเล็กต่อไปเพราะเห็นเก็บกันหลายคันมากครับ
บางคนเก็บชนิดที่ว่า ราคาทำไปไกลมากครัย 😂😂😂