Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: V221 ที่ มีนาคม 12, 2019, 20:48:09
-
เริ่มจาก Mercedes Benz W222 S350D Exclusive กันก่อน ลองวัดค่าฝุ่น PM2.5 นอกตัวรถกันดู
-
ลองเข้ามาในรถ เปิดแอร์ ไม่เปิดระบบอากาสหมุนเวียน ค่าค่อยๆลดลง
-
คราวนี้เปิดอากาศหมุนวนในรถ ค่าค่อยๆลดลงเหลือ1
-
อีกวันนึงมาลองกับ Audi A8D4 กันบ้าง ลองวัดค่าฝุ่นนอกตัวรถ
-
เปิดแอร์โดยไม่เปิดระบบอากาศหมุนวน ค่าค่อยๆลดลง
-
คราวนี้เปิดระบบอากาศหมุนวน ค่าค่อยๆลดลงจนเหลือ0
-
สรุปคือเท่าๆ กันแหละครับ 0 กับ 1 ใกล้กันมากกกก จนสัญนิฐานได้เลยว่าแทบจะเป็นค่าความเพี้ยนของเครื่องได้เลย สรุป แอร์รถยุโรปสามารถกรอง PM2.5 ได้เป็นอย่างดี
-
เคยเห็นในบอร์ดนึงทดสอบ Audi แบบเปิดให้อากาศภายนอก พบว่ากรอง PM2.5 ได้จริงแต่ค่ายังหลักสิบ จากการทดสอบนี้คงจะจริง คนใช้ Audi ผมว่าต้องปิดอากาศภายนอกจะดีกว่า
ส่วนตอนจอดรถดับเครื่องยนต์ ผมเจอทดสอบของ Benz จะเปิดในอากาศภายนอกเข้ามาอัตโนมัติ คงเรื่องความปลอดภัย แต่ถ้าจอดรอในที่มลพิษสูงก็กลายเป็นว่าระบบเปิดในมลพิษเข้ามาแทนนะเนี่ย ส่วนรถญี่ปุ่นอย่าง Honda ตอนจอดจะปิดกั้นอากาศภายนอกตามที่ตั้งไว้ก่อนดับเครื่องยนต์
ผมไม่เห็นคนเอาผลทดสอบของ BMW มาลงเลย อยากรู้ว่ากรองแอร์เกรดปกติ (ต้นทุน BSI?) ที่มากับรถกรองได้สมบูรณ์ไหม เพราะเห็น BMW TH ประกาศขายกรองแอร์เกรดละเอียดด้วย อยากรู้ว่าจำเป็นไหมที่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่มแยกต่างหาก เพราะยี่ห้อเพื่อนๆ ใช้กรองละเอียดจากโรงงานทั้งนั้น
-
ผมใช้เครื่องวัดรุ่นเดียวกับคุณวี วัด Volvo 2 รุ่น ก็ได้ 0-1 เหมือนกันครับ
-
ที่ผมวัดมา แบบปิดอากาศหมุนเวียน
W213 ประมาณ 0-1
E39 ประมาณ 8-15
Benz w140 ประมาณ 5-8
Benz clk ประมาณ 10
E coupe w207 11-19 (แปลกมาก ผลแย่)
ใช้เครื่องวัด Sndway , laser egg 2 ครับ
-
ผมเคยสงสัยว่าทำไมกรองอากาศรถยุโรปถึงแพงกว่ารถญี่ปุ่นมากๆประมาณ5-10เท่าเลย มาวันนี้เข้าใจละ...
-
วัด benz มาหาข้อสรุปจะเหมาะสมหรือ ในเมื่อเวลาใช้จริงระบบแอร์จะเอาอากาศข้างนอกเข้าโดยอัตโนมัติ (แย่)
audi เป็นไงไม่รู้
ถ้าวันไหน PM2.5 ขึ้นสูงๆ หรือต้องขับตาม 10ล้อ บ่อยๆ อย่านั่ง benz เลยครับ
-
อิอิ อยากรู้จังถ้าเอาเครื่องวัดจ่อปลายท่อไอเสีย ดีเซลยูโร6 แบบนี้ pm2.5 ที่ปล่อยออกมาจะเท่าใด
-
pm2.5 ในรถในความคิดส่วนตัวผม
1. การปล่อยอากาศเข้ารถบ้างดีแล้ว มันเป็นความสำคัญอันดับแรก แม้ว่าอากาศบ้านเราไม่ดียังไงก็ตาม
2. การป้องกัน pm2.5 ขึ้นอยู่กับความแน่นหนาของห้องโดยสาร ท่ออากาศแอร ขอบประตู ขอบเบาะหลังแผงลำโพงจนถึงฝาท้าย ขอบกระจกข้าง ยัน sunroof รวมไปถึงรางระบายน้ำไต้ sunroof สิ่งเหล่านี้ยิ่งเห็นผลมากตอนรถวิ่งเร็วสูง
3. ส่วนกรองอากาศเป็นการลด pm2.5 ก็กรองได้ตามเกรด ถ้าข้อ 2 ไม่ดีมันก็ลดไม่ทันหรือช้าบ้างเหมือนกัน
4. ข้อสำคัญเลยคือ กรองอากาศ ต้องเปลี่ยนตามที่กำหนด และ ต้องเลือกแบบมี ชาโคล,คาร์บอน
-
เมื่อวานพึ่งสั่งเครื่องมาลองเล่นเหมือนกันครับ
(https://scontent.fbkk12-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/53467210_10156830827800027_8487799144419688448_n.jpg?_nc_cat=110&_nc_ht=scontent.fbkk12-3.fna&oh=0321c038f70e7ca7878575568933e240&oe=5D1A3315)
(https://scontent.fbkk12-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/54463165_10156830846170027_6250588136343076864_n.jpg?_nc_cat=104&_nc_ht=scontent.fbkk12-2.fna&oh=e330ee2f9ce8c0be6d8d7b546fa53484&oe=5D06898B)
(https://scontent.fbkk8-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/53604397_10156830827850027_167227489427390464_n.jpg?_nc_cat=100&_nc_ht=scontent.fbkk8-3.fna&oh=f9900e2611dca48592326a46fd0ab3b9&oe=5D2363E7)
จากรูปในรถ / ในห้องนอน / ไอเสียเบนซิน 2.0 ท่อตรง 3 นิ้วไม่มี แคท
-
ผมไม่เห็นคนเอาผลทดสอบของ BMW มาลงเลย อยากรู้ว่ากรองแอร์เกรดปกติ (ต้นทุน BSI?) ที่มากับรถกรองได้สมบูรณ์ไหม เพราะเห็น BMW TH ประกาศขายกรองแอร์เกรดละเอียดด้วย อยากรู้ว่าจำเป็นไหมที่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่มแยกต่างหาก เพราะยี่ห้อเพื่อนๆ ใช้กรองละเอียดจากโรงงานทั้งนั้น
ผมเคยลองอยู่ครั้งเดียว แต่ภายนอกขึ้นสูงมาก ราว 120 ug ในรถขับไปสักพักครึ่งชั่วโมงวัดได้ 20-30
จัดว่าฟอกไม่ทัน หรือไส้กรองไม่ดีพอไม่รู้ แต่ผมพอใจ ยอมรับได้ หายใจสะดวก ไม่เจ็บปอดแบบอยู่ข้างนอก
-
แสดงว่าไม่อ่าน คุณ V221 ทดสอบทั้งเปิด/ปิดอากาศหมุนวนครับท่าน ผลคือได้ค่า 6 ไปอ่านใหม่นะ แล้วผมก็เห็นคนอื่นเขาทดสอบแล้วว่าเปิดอากาศภายนอกบางคนได้ 0-1 เลยก็มี เพราะฉะนั้นไม่ห่วยแน่นอน
วัด benz มาหาข้อสรุปจะเหมาะสมหรือ ในเมื่อเวลาใช้จริงระบบแอร์จะเอาอากาศข้างนอกเข้าโดยอัตโนมัติ (แย่)
ถ้าวันไหน PM2.5 ขึ้นสูงๆ หรือต้องขับตาม 10ล้อ บ่อยๆ อย่านั่ง benz เลยครับ
น่าจะกรองแอร์เกรดธรรมดาหรือเปล่าครับ เพราะทั้ง Benz กับ Audi ที่เคยเห็นเขาก็ทดสอบในสภาวะ PM2.5 100+ ได้ผลใกล้เคียงของคุณ V221 เลย
ผมไม่เห็นคนเอาผลทดสอบของ BMW มาลงเลย อยากรู้ว่ากรองแอร์เกรดปกติ (ต้นทุน BSI?) ที่มากับรถกรองได้สมบูรณ์ไหม เพราะเห็น BMW TH ประกาศขายกรองแอร์เกรดละเอียดด้วย อยากรู้ว่าจำเป็นไหมที่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่มแยกต่างหาก เพราะยี่ห้อเพื่อนๆ ใช้กรองละเอียดจากโรงงานทั้งนั้น
ผมเคยลองอยู่ครั้งเดียว แต่ภายนอกขึ้นสูงมาก ราว 120 ug ในรถขับไปสักพักครึ่งชั่วโมงวัดได้ 20-30
จัดว่าฟอกไม่ทัน หรือไส้กรองไม่ดีพอไม่รู้ แต่ผมพอใจ ยอมรับได้ หายใจสะดวก ไม่เจ็บปอดแบบอยู่ข้างนอก
-
อิอิ อยากรู้จังถ้าเอาเครื่องวัดจ่อปลายท่อไอเสีย ดีเซลยูโร6 แบบนี้ pm2.5 ที่ปล่อยออกมาจะเท่าใด
มาลองกันครับ ฝุ่นนอกรถวันนี้
-
วัดฝุ่นจากปลายท่อไอเสียทั้ง2ข้าง รถผมเป็นเครื่องยนต์ดีเซลยุโร5 เติมน้ำมันดีเซลยูโร5อย่างเดียว
-
มาลองวัดที่ปลายท่อไอเสีย Mercedes Benz W212 E200 CGI เติมน้ำมัน Shell V-Power Euro 4
-
กลับมาวัดกันในรถ Benz W212 ไม่เปิดระบบอากาศหมุนวน
-
เปิดระบบอากาศหมุนวน
-
สุดยอดรีวิวเลยครับ เห็นๆ ตัวเลขกันเลย
-
ผลทดสอบเครื่องยนต์ดีเซลของคุณ V221 ชัดเจนมาก เครื่องยนต์เบนซิน Benz CGI Euro 5 ผลที่ได้เมื่อเติม V-Power เบนซิน Euro 4 กลายเป็นว่าค่า PM2.5 สูงกว่า แต่ผมมีข้อสังเกตจากการที่ดูมาหลายที่ พบว่าถ้าทดสอบตอนสตาร์ทรถครั้งแรกเช้าๆ อากาศเย็น ระบบฟอกไอเสียยังทำงานไม่เต็มที่ บางทีส่งผลให้ค่าฝุ่นสูงขึ้นได้ครับ
ผมเคยเห็นผลทดสอบ Benz เครื่องยนต์ Euro 6 ที่ต้องเติม AdBlue เขาทดสอบทั้ง V-Power ดีเซล Euro 4 และบางจากพรีเมี่ยม Euro 5 ได้ค่าฝุ่นค่อนข้างต่ำเช่นเดียวกับที่คุณ V221 ทดสอบ
สุดท้ายผมก็เบื่อพวกเอาแต่โพสต์ดราม่าเครื่องยนต์ดีเซล คือทำยังกับว่าตัวเองใช้เบนซินแล้วรักษาสิ่งแวดล้อมสุดๆ เครื่องยนต์ดีเซลเลวร้ายประเภทฉันจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวในชีวิตเลย คือก็เอาตามที่สบายใจทั้งที่ตัวเลขผลก็บอกอยู่เห็นๆ
-
ขอบคุณสำหรับผลทดสอบครับ เอาจริงๆระบบกรองของ Benz นี่ประสิทธิภาพดีทีเดียวนะครับ
ปิดระบบหมุนวนอากาศยังได้ค่า 10 สำหรับผมถือว่าโอเคเลยครับ
-
ลองวัดเหมือนกันครับ แต่ขอละไว้ว่ารถรุ่นอะไร ใบ้ว่าเป็นรถ ญี่ปุ่น ครับ :D
-
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด กรองแอร์รถยนต์ มันกรองได้ละเอียดกว่า 2.5 ไมครอน อีกนะครับ
ผล PM2.5 ออกมาก็ต้องประมาณต่ำกว่า 10 ผมถือว่าผ่านแล้ว
-
มันไม่เกี่ยวว่ายี่ห้อนี้จะได้ทุกรุ่น เพราะมันอยู่ที่ชนิดแผนกรองอากาศเป็นหลัก จริงๆ จขกท. ต้องแกะแผ่นกรองออกมาให้ดูว่าเป็นชนิดไหน
โดยทั่วไปถ้าใช้แผ่นกรองชนิด HEPA กระบะตอนเดียว 4-5 แสนกว่า ก็กรองฝุ่น 2.5 pm ได้หมดจรดเหมือนกัน
-
รถยุโรปเขาก็ใช้แผ่นกรองคาร์บอนเหมือนกันเกือบทุกรุ่นในยี่ห้อนั่นแหละ ราคาแผ่นกรองแอร์อย่าง Benz เนี่ย A/CLA ยัน S-Class เปลี่ยนยกชุดราคาศูนย์ 4-5,000 นะครับ ไม่ใช่รถญี่ปุ่นที่เปลี่ยนหลักร้อยต้นๆ
แผ่นกรอง HEPA เจ้าดังนั่นนะไม่ใช้เกรดคาร์บอนด้วย ผมเห็นเกรดแผ่นกรองคาร์บอนขายกันที่ 7xx บาท และแผ่นกรองแบบคาร์บอนมีข้อเสียคือ ถ้าหมดอายุการใช้งานต้องเสียตังค์เปลี่ยนทันที ไม่งั้นจะเกิดกลิ่นอับชื้นเหม็นเน่าในรถด้วย
มันไม่เกี่ยวว่ายี่ห้อนี้จะได้ทุกรุ่น เพราะมันอยู่ที่ชนิดแผนกรองอากาศเป็นหลัก จริงๆ จขกท. ต้องแกะแผ่นกรองออกมาให้ดูว่าเป็นชนิดไหน
โดยทั่วไปถ้าใช้แผ่นกรองชนิด HEPA กระบะตอนเดียว 4-5 แสนกว่า ก็กรองฝุ่น 2.5 pm ได้หมดจรดเหมือนกัน
-
มาลองของToyota Alphard Facelift ใหม่ๆที่เพิ่งถอยมาไม่นานครับ เปิดระบบอากาศหมุนเวียนแล้ว
-
สมเป็นคลีนดีเซลจริงๆ เรียกว่าเครื่องเบนซินส่วนใหญ่ในประเทศนี้อายไปเลย
ที่มาบอกว่าฝรั่งโละให้คนไทยใช้เพราะฝุ่นพิษนี้ไม่จริงเสียแล้ว
pm2.5 output<input ไปจอดรถติดที่ไหนก็ทำตัวเป็นเครื่องฟอกฝุ่น pm ไปในตัวด้วย
แต่ตอนวิ่งหรือเร่งนี่ไม่รู้เป็นยังไงนะครับ
ส่วนกรองในรถจะทดสอบจริงๆ ต้องรอค่าฝุ่นมันขึ้นเยอะครับ >100 ug
ผมว่าน่าจะยากนะที่จะกรอง ได้เหลือน้อย 1 ug ทุกพื้นที่ของห้องโดยสาร
-
สมเป็นคลีนดีเซลจริงๆ เรียกว่าเครื่องเบนซินส่วนใหญ่ในประเทศนี้อายไปเลย
ที่มาบอกว่าฝรั่งโละให้คนไทยใช้เพราะฝุ่นพิษนี้ไม่จริงเสียแล้ว
pm2.5 output<input ไปจอดรถติดที่ไหนก็ทำตัวเป็นเครื่องฟอกฝุ่น pm ไปในตัวด้วย
แต่ตอนวิ่งหรือเร่งนี่ไม่รู้เป็นยังไงนะครับ
ส่วนกรองในรถจะทดสอบจริงๆ ต้องรอค่าฝุ่นมันขึ้นเยอะครับ >100 ug
ผมว่าน่าจะยากนะที่จะกรอง ได้เหลือน้อย 1 ug ทุกพื้นที่ของห้องโดยสาร
555 ตอนวิ่งน่าสงสัยสำหรับ Audi TDI เพราะรถรุ่นนี้ก็โกงค่าNOxเหมือนกัน ส่วนเมื่อวานตอนกลางวันฝุ่นนอกรถที่ทำงานผมปาเข้าไป120เลยครับ ตอนอยู่ในรถAlphardยังไงๆไม่มีต่ำกว่า38เลยครับ น่ากลัวมาก ตอนเย็นวานถึงค่อยๆลดลง
-
เหมือนจะเคยได้ยินมาว่ากรองแอร์รถยุโรปบางรุ่นจะมี 2 อันนะครับ ตัวแรกกรองที่ช่องรับลมเข้า อีกตัวกรองที่ตู้แอร์ แต่น่าจะเป็นพวกรุ่นแพงๆ รุ่นทั่วไปที่เคยเห้นก้มีกรองแค่อันเดียว แต่ใหญ่ หนากว่ากรองแอร์รถญี่ปุ่นเยอะเลย
กรองคาร์บอนน่าจะเน้นเรื่องกำจัดกลิ่น ถ้าไม่มีเอาถ่านไปวางในรถก็คงพอจะทดแทนกันได้บ้าง อิอิ
-
เหมือนจะเคยได้ยินมาว่ากรองแอร์รถยุโรปบางรุ่นจะมี 2 อันนะครับ ตัวแรกกรองที่ช่องรับลมเข้า อีกตัวกรองที่ตู้แอร์ แต่น่าจะเป็นพวกรุ่นแพงๆ รุ่นทั่วไปที่เคยเห้นก้มีกรองแค่อันเดียว แต่ใหญ่ หนากว่ากรองแอร์รถญี่ปุ่นเยอะเลย
กรองคาร์บอนน่าจะเน้นเรื่องกำจัดกลิ่น ถ้าไม่มีเอาถ่านไปวางในรถก็คงพอจะทดแทนกันได้บ้าง อิอิ
ใช่ครับ แต่ของAudiผมเพิ่งเปลี่ยนไปมีตัวเดียวเหมือนกับของE200 CGI ยี่ห้อ Mann Germany ลืมถ่ายรูปเก็บไว้ให้ดูกันแต่ขนาดจะเล็กกว่าE200อยู่ประมาณ30-40%ครับ
-
รถยุโรปเขาก็ใช้แผ่นกรองคาร์บอนเหมือนกันเกือบทุกรุ่นในยี่ห้อนั่นแหละ ราคาแผ่นกรองแอร์อย่าง Benz เนี่ย A/CLA ยัน S-Class เปลี่ยนยกชุดราคาศูนย์ 4-5,000 นะครับ ไม่ใช่รถญี่ปุ่นที่เปลี่ยนหลักร้อยต้นๆ
แผ่นกรอง HEPA เจ้าดังนั่นนะไม่ใช้เกรดคาร์บอนด้วย ผมเห็นเกรดแผ่นกรองคาร์บอนขายกันที่ 7xx บาท และแผ่นกรองแบบคาร์บอนมีข้อเสียคือ ถ้าหมดอายุการใช้งานต้องเสียตังค์เปลี่ยนทันที ไม่งั้นจะเกิดกลิ่นอับชื้นเหม็นเน่าในรถด้วย
มันไม่เกี่ยวว่ายี่ห้อนี้จะได้ทุกรุ่น เพราะมันอยู่ที่ชนิดแผนกรองอากาศเป็นหลัก จริงๆ จขกท. ต้องแกะแผ่นกรองออกมาให้ดูว่าเป็นชนิดไหน
โดยทั่วไปถ้าใช้แผ่นกรองชนิด HEPA กระบะตอนเดียว 4-5 แสนกว่า ก็กรองฝุ่น 2.5 pm ได้หมดจรดเหมือนกัน
ผมก็เห็นด้วยกับคุณ HHHsung นะครับ จริงๆ อย่างที่ผมแจ้งเบื้องต้นว่า กรองรถยนต์เดี๋ยวนี้เป็น HEPA หมดละ ส่วนจะเป็นแบบคาร์บอน แบบชาโค หรือ มี 2-3 อันนั้นไม่ว่ากัน แล้วแต่การออกแบบ
แต่จุดประสงหลักๆ คือ กรองอากาศ กรองฝุ่น ถ้ากรองอันละ 300 , 500 แต่กรองอากาศแล้วค่า AQI มันพอๆ กับกรองอันละ 3,000, 5,000 ผมว่าแล้วมันจะต่างอะไรกันละครับ
เดี๋ยวผมขอไปทดสอบวัดอากาศหาค่า AQI ในรถคันละไม่กี่แสน กับ คันเป็นล้าน มาเทียบเพิ่มเติมให้นะครับ ว่ามันเป็นยังไง