Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: apinui ที่ มีนาคม 13, 2019, 15:02:57
-
ผมเชื่อว่าหลายๆคนอาจยังไม่เคยเห็น และคิดว่า สถานีชาร์จที่วางอยู่ในห้างหรือสถานที่ต่างๆนั้นเค้าให้ชาร์จฟรี .... จริงๆไม่มีที่ไหนฟรีนะครับ
รูปสถานีชาร์จนี้อยู่ในช่วงถนนมุ่งหน้าเข้าจังหวัดเพชรบุรี เป็นสถานที่พักการเดินทางจุดนึงซึ่งผมแวะมาทานข้าวช่วงเดินทางไปเที่ยวหัวหินเมื่อ เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา
พอดีเห็นสถานีชาร์จเลยเดินเข้าไปดูรายละเอียด ก็ได้รายละเอียดตามรูปครับ โดยที่ผมสดุดตรง กำลังการชาร์จมีกำลังเพียงแค่ 3.7 KWh เท่านั้นเอง ...
พอผมมาคำนวนจากสูตรคำนวนที่เคยอ่านมา ยกตัวอย่าง 330e Plug-in Hybrid ที่แบตเตอรี่ lithium-ion ความจุ 7.6 kWh (gross) / 5.7 kWh (net) ซึ่งถ้าใช้จนหมด และถ้าจะชาร์จให้เต็ม ก็ต้องรอกันถึง 2 ช.ม.กว่าเลยทีเดียว และ ค่าใช้จ่ายสำหรับ 2 ช.ม. คือ 80 บาท และเราสามารถใช้ 80 บาทนี้ได้เพียวๆ(ใช้ไฟฟ้าวิ่งเพียวๆ) แค่ 40 ก.ม. .....(ตามสเป็กของ BMW)
ลองคำนวนกลมๆกันดูแบบนี้ ก็พอจะได้คำตอบแล้วล่ะครับว่า จริงๆแล้วมันถูกกว่าน้ำมันจริงหรือเปล่า (ยังไม่รวมเสียเวลานะ)
ป.ล.สถานีชาร์จ ถ้าอยู่ในห้าง ก็ไม่รวมถึงค่าจอดรถและอื่นๆนะครับ อย่าคิดว่ามีรถ Plug-in Hybrid ขับเข้าห้างแล้วมีที่จอดเฉพาะให้และชาร์จไฟฟรีล่ะครับ
(https://img.live/images/2019/03/13/20190309_105230.md.jpg) (https://img.live/image/7yOfnA)
(https://img.live/images/2019/03/13/20190309_104904.md.jpg) (https://img.live/image/7yOlza)
(https://img.live/images/2019/03/13/20190309_104940.md.jpg) (https://img.live/image/7yOvCH)
-
ChargeNow และตู้ชาร์จตาม central ฟรีครับ
EA มีหลายที่ยังฟรีอยู่ ดูรายละเอียดได้ในแอปเค้าเอง
Plug-in ไม่ใช่ Full EV ครับ เลยรับกระแสชาร์จได้แค่นั้น ไม่มีคนซื้อ phev มาเพื่อวิ่งแค่ไฟฟ้าล้วนๆหรอกครับ ค้องดูการทำงานร่วมกัน
-
จ่ายเงินยังไงก็ไม่คุ้มครับ แต่เข้าใจว่าเขาทำรองรับรถ EV ในอนาคต เพราะถ้าเสียตังเข้าใจว่าปล่อยกระแสไฟได้เกิน 22kwh แต่ทีนี้รถ plug in ตอนนี้ส่วนมากรองรับไฟได้แค่ 3.7 kwh เพราะฉะนั้นถ้าหัวชาร์จปล่อยไฟมา 22 kwh รถก็รับได้แค่ 3.7kwh อยู่ดี
แต่ที่พาราก้อนวันเสาร์-อาทิตย์ ผมใช้บ่อย กดจองผ่าน app ก่อนถึง ไปถึงก็ได้จอดเลย ไม่ต้องวนให้หัวเสีย คิดซะว่ายอมจ่าย 80 บาท เพื่อที่จอดรถครับ
ส่วนที่ชาร์จอื่นๆ ในกลุ่มเซลทัลใช้ฟรีครับ
-
เรื่องจุดชาร์จหลายๆที่ยังให้บริการฟรีอยู่ครับ ตามคห.ด้านบน
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการใช้บริการนี่มันขึ้นอยู่กับการใช้รถและการวางแผนการเดินทางของแต่ละบุคคลด้วยครับ อย่างเคสของผม ถ้าวางแผนการเดินทางดี เฉลี่ยต่อเดือนใช้น้ำมันน้อยมาก(กรณีวิ่งในเมืองนะครับ)
ซึ่งการให้บริการชาร์จไฟถ้าเสียค่าบริการแบบนี้ มันเหมาะกับรถ full ev ในอนาคตครับ สำหรับผมมองว่ายังไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ เราวางแผนเดินทางให้ดีแค่นี้ก็ตอบโจทย์ในเรื่องความประหยัดอยู่ครับ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ) :-X
-
ปีก่อนไปลอง Model 3 , ตัวนี้เป็นช่วงที่ไม่ฟรี supercharge , ตอนหลังต้นปี model 3 charge free ปีละหลายหมื่น mile,
สรุปตัวเลขเป็นตัวอย่างของ Tesla คือ
charge ที่ 32kW/hr - ได้ราวๆ 258km/hr ,
คืนนั่น charge ไป 81km ต้องจ่ายราวๆ 68บาท
ค่าใช้จ่ายต่อ กม อยู่ที่ 0.83 บาท ต่อ กิโลเมตร
ผมว่าเรทในไทยก็น่าจะใกล้เคียง? ลองดูคับ
(https://www.img.in.th/images/d275d7050a4ebf3e49c1143e2897258b.md.jpg) (https://www.img.in.th/image/DbxPKi)
(https://www.img.in.th/images/2f39c659b71aa296aa536abef76f525f.md.jpg) (https://www.img.in.th/image/DbxWfj)
-
บางข้ออาจยังเข้าใจผิดอยู่นะครับ
1 EA มีทั้งตู้ฟรีและไม่ฟรีอย่างที่เห็น ตู้ที่ฟรีตอนนี้คือช่วงทดลอง ต่อให้ชาร์จได้ฟรีก็ปล่อยไฟน้อยมาก เอาง่ายๆกว่าจาก bmw 330e จาก2 ชม เป็น 6 ชมเต็ม
2 EA เป็นธุรกิจ ไม่ใช่ทำการกุศล มีหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จะให้ใช้บริการฟรีคงไม่ได้
3 โมเดลธุรกิจของ EA คือ ดีลกับเจ้าของสถานที่ เมื่อมีคนมาใช้บริการ อัตตราก็ตามที่เห็น ซึ่ง EA ต้องรับค่าไฟ และจ่ายส่วนแบ่งให้เจ้าของที่ รวมถึงมีหน้าที่ดำเนินการติดตั้งตู้ชาร์จด้วย ถ้าใครมีที่ว่างๆเหลือลองติดต่อให้เค้าเอาตู้ชาร์จมาลงได้
4 ตู้ชาร์จของ EA ที่เสียเงินจะจ่ายกระแสไฟได้ 7.2kw ซึ่งรถปลั๊กอินอย่าง 330e ตัวรถรับได้ 3.6 เพียงเท่านั้น จึงต้องชาร์จถึง2 ชม ถ้ารับได้เต็ม 7.2 อย่างที่เครื่องจ่ายจะใช้เวลา 1ชม เท่ากับว่าจ่ายเงิน 40 บาท ซึ่งสมเหตุสมผลมากขึ้น เรื่องนี้จะโทษ EA อย่างเดียวคงไม่ได้ แต่ EA ควรปรับเรทราคาให้เหมาะสม จะคิดตามปริมาณไฟที่ใช้ก็ได้
5 ตู้ Charge now ที่ส่วนใหญ่อยู่ในเครือเซ็นทรัล ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่มีจำนวนตู้น้อยคือห้างละ 1 ตู้รับได้ 2 คันซึ่งส่วนใหญ่ไม่พอให้บริการ จะมีที่เซ็นทรัลเวิลที่มีอยู่หลายตู้ รับรถได้หลายคัน ส่วนตัวผมยังมองว่าใช้ฟรีอยู่ดีเพราะห้างส่วนใหญ่ให้จอดฟรี 3 ชม หรือฟรีไปเลยก็มี ซึ่งเวลาแค่นี้พอจะให้รถปลั๊กอิน 1 คันเต็มได้แล้ว
6 ยังมีตู้ของ Benz โดยเฉพาะอีก ซึ่งให้บริการฟรี แต่เฉพาะ Benz
ปล สเปคมาตรฐานสำหรับ AC ของตู้ EA คือ 7.2 kw แต่ทำไมตู้ในรูปถึงแปะ 3.7 อันนี้ไม่รู้เพราะอะไร หรือ EA มีการเปลี่ยนแปลงอะไร เรื่องนี้ต้องอัพเดตอีกที แต่ส่วนใหญ่ไม่เห็นผลเพราะรถปลั๊กอินส่วนใหญ่รับได้เท่านี้อยู่แล้ว
-
อยากให้ตั้งตู้ขาร์จขนาด100KWขึ้นไปเยอะๆจะได้ซื้อรถEVมาใช้มั่ง
-
ที่ไหน มีตู้ยักษ์ๆ อันนั้นแหละมี quick charge เช่นที่ พัทยา หรือในเมืองบางที่
รถจะชาจเร็วได้หรือไม่ขึ้นกับ vcu ในรถสั่งการด้วยครับ ต่อให้คุณใช้เบนซ์ คุณไปใช้ตู้ quickcharge มันก็ไม่มีผล ถ้า vcu ในรถมันบอกว่ารับได้แค่นี้ จริงๆ ตอนทำตู้ ของเบนซ์มันมีตัวล้อคพิเศษด้วยนะ ต้องให้ specialist มาปลดล้อคตรงนี้ ตู้ของ EA ถึงจ่ายไฟให้ได้
-
ถ้าเป็นแบบ Full EV จริง มันจะใช้ระยะเวลาชาร์จกี่ชั่วโมงอะ
-
ถ้าเป็นแบบ Full EV จริง มันจะใช้ระยะเวลาชาร์จกี่ชั่วโมงอะ
ขึ้นกับขนาดแบตครับ ถ้า รถมีระบบ quickcharge ก็ต้องมี 1.15 ชม. แต่เครื่องชาจ ต้องแรงนะ เป็น 100 kw
-
บ้านเรายังต้องขยายอีกมาก ถึงจะพอรองรับการใช้งาน
-
อุปสงค์ อุปทาน ครับ เริ่มก่อนจ่ายแพง เรื่องปกติ ดูอย่างโทรศัพท์มือถือ เครื่องแรกๆ ขนาดแกลลอนน้ำมัน ราคาขายหลักแสนยังซื้อหากันได้
ตลาดรถ pure EV ยังไม่เกิด ก็ไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนระบบชาร์จแบบกระแสสูง (quick charge) เอาเป็นแบบ normal charge 16-32 แอมป์ไปก่อนก็พอ เพราะทำได้ง่ายๆ
ปล. ร้านอาหารหรูๆ ไข่เจียวต้นทุนฟองละ 4-5 บาท ยังขายกันจานละ 40-50 บาท ได้ ค่าไฟ 3.7 หน่วย ที่ต้นทุนการไฟฟ้าจ่ายกันไม่ถึง 20 บาท จะขาย 50 บาท 100 บาท ก็ไม่แปลกครับ
เพราะค่าใช้จ่ายแฝงเยอะ และที่สำคัญ คนยังใช้น้อย กำไรต่อหน่วยเลยต้องมาก บูมเมื่อไหร่ คนขายเยอะ ราคามันก็จะลดลงมาเอง