Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: NOOM22 ที่ เมษายน 03, 2019, 12:57:31
-
ทำไมเครื่องดีเซลของBM ถึงเติมแค่น้ำมันปกติ ไม่ต้องเติมสาร แอดบูล เหมือนเบนซ์ครับ
แบบนี้ทำไมคนถึงเลือก เบนซ์ เพราะอะไร นอกจากเติมน้ำมันแล้ว เวลาเซอวิส ต้องเติมสารแอดบูลอีก
เท่ากับว่า ค่าใช้จ่ายในการเซอวิสแต่ละครั้งสูงกว่าถูกมั้ยครับ แถมราคารถยังขายแพงกว่าอีก
ทำไมไม่เลือก bm ซื้อมาเติมน้ำมันอย่างเดียว ถูกกว่าด้วย
แล้วคนที่เลือกเบน เค้ารู้มั้ยว่า รถตัวเองต้องเติมสารแอดบูลด้วย หรือมารู้ตอนเซอวิส
อันนี้สอบถามเฉยๆนะครับ ไม่มีดราม่าอะไร
-
ตามที่เข้าใจนะครับ สารแอดบลูเติมเพื่อลดมลพิษให้ได้ค่าตามที่ ตปท.เค้ากำหนด
คนที่ซื้อรถกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เค้าไม่สนใจค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆที่เพิ่มมาในส่วนนี้รอกครับ
เอาง่ายๆ เวลาเช็คระยะ bmwมีฟรีbsi ส่วนเบนซ์จ่ายเอง คนก็ยังเลือกใช้ เบนซ์มากกว่า
-
แค่ add blue เติมทีนึงก็อยู่ได้หมื่นกม. ค่าเติมต่อครั้งหลักพัน มันก็ไม่เท่าไหร่นะ ไม่น่าเอามาเป็นประเด็น สำหรับคนใช้รถระดับนี้ล่ะครับ
เหมือน bmw เมืองนอก ก็ต้องเติม แต่มาเมืองไทย มาตรฐานไอเสีย เรายังไม่ถึง เค้าเลยปรับลดสเปคลงมา ประมาณนั้นครับ
-
แล้วที่เติมครึ่งหนึ่งได้หมื่นกี่โล นี้ค่าใช้จ่ายเท่าไรครับ
แบบนี้ก็เท่ากับว่า เบนซ์ถูกยกระดับเหนือกว่าBMถูกมั้ยครับ เพราะราคา และค่าดูแลต่างกันอยู่
-
ดีเซล Benz ใช้เครื่องยนต์ตามมาตรฐาน Euro 6 แบบเดียวกับที่ผลิตใช้ในยุโรป ต้องเติม AdBlue
ดีเซล BMW ปรับจูนเครื่องยนต์ให้ผ่านมลพิษ Euro 5 ซึ่งเพียงพอกับกฎหมายของไทย
AdBlue ขายเป็นถัง 10 ลิตร 1,200 บาท (ข้างนอก 900 บาท) วิ่งได้ 10,000 กม. แล้วแต่รุ่นของรถ บางรุ่นถัง 10 ลิตร รุ่นใหญ่หน่อยก็ 20 ลิตร (แบ่งเติมได้ ไม่ต้องรอหมดเกลี้ยงถัง)
-
คนเลือกก็คนละกลุ่ม คนละเป้าหมายกันอยู่แล้วครับ ไม่มีใครมาเลือกรถเพราะประเด็นเล็กน้อยเท่านี้หรอกครับ คนขับ mb ต้องรู้ทุกคนอยู่แล้วเซลต้องกำชับตั้งแต่ออกรถอยู่แล้วไม่งั้นหมดเมื่อไรจอดตายไปไหนไม่ได้
เทียบเวลาเข้าศูนย์ mb จ่ายแพงอยู่พอควรนะครับสองหมื่นบวกลบกับการเซอร์วิสธรรมดาแบบไม่มีซ่อมอะไร เทียบกับ bm ก็หมื่นบวกลบ แต่สบายตรงที่ไม่ต้องจ่ายอะไร เมื่อวีคก่อนผมเอาไปเข้าศูนย์เช็คระยะสองรายการบิลออกมาหมื่นกว่าแอบเห็นยางปัดน้ำฝนสี่พันกับน้ำมันเครื่องอีกราวๆหกพันกว่า ถ้าจ่ายเองคงเสียดายเงินอยู่เหมือนกัน
-
มันมีผลกับฐานภาษีหรือเปล่าครับ เพราะว่า co2 มันน่าจะต่ำกว่า
-
มันมีผลกับฐานภาษีหรือเปล่าครับ เพราะว่า co2 มันน่าจะต่ำกว่า
ถ้าเครื่อง BMW euro5 สามารถทำค่า co2 ได้ต่ำกว่าค่าที่กฎหมายไทยกำหนด
ภาษีก็น่าจะเสียเท่ากันครับ..
-
เพราะเค้าต้องการกำจัด NOx ครับ ในช่วงอุณหภูมิสูง NOx จะเยอะมากจน NOC (NOx oxidation catalyst) breakdown NOx ไม่ทัน เลยต้องใช้ Adblue เข้ามาช่วย ถ้าต้องการผ่านมาตรฐานสิ่งแวดล้อมสูง ๆ ก็ต้องใช้ Adblue เข้ามาเสริมครับ
-
แล้วแต่ spec ครับ
ในไทย Euro5 เขาก็ผ่านแล้ว
เหมือยรถประกอบไทยส่งนอกบางรุ่น บางคัน เป็น Euro5 แต่ขายในประเทศ เป็น Euro4 ฉันใดก็ฉันนั้น
ส่วนเรื่องเทคโนโลยี ระดับ หรือ อะไรก็แล้ว ผมว่าถ้ามันยังไม่ผิดกฏหมาย หรือ ยังเป็นไปตามกฏหมายอยู่ ผมว่าก็ไม่ได้ดูแย่อะไร
ดีซะอีก อย่างน้อยก็ service ถูกกว่า
ปล.ถึงผมอยากให้เป็น Euro6 ก็เหอะนะ
-
ไม่อยากปวดหัวระยะยาวเลือก BM ครับ อุปกรณ์น้อยกว่า Benz ที่เติม Adblue เอาง่ายๆคือBenzขี้เกียจทำเครื่องหลายสเป็คน่ะแหละผลักภาระมาให้ลูกค้าเอา อย่าลืมว่าน้ำมันดีเซลบ้านเรา Base คือ Euro4 และต่อให้เป็นพรีเมี่ยมมันมี Euro5 แค่2ยี่ห้อเท่านั้น แม้เครื่อง Euro6 จะเติม Euro4 ได้ แต่จริงๆก็ไม่แนะนำอยู่ดี
-
ชอบ egr+dpf ของบีเอ็ม บำรุงรักษาน้อย ใช้มาไม่เคยมีปัญหาอะไร น่าจะทนทานกว่า
แต่ตอนนี้มีเรียก recall ตรวจอุปกรณ์หล่อเย็น egr ในรถบางรุ่นอยู่
-
ไม่อยากปวดหัวระยะยาวเลือก BM ครับ อุปกรณ์น้อยกว่า Benz ที่เติม Adblue เอาง่ายๆคือBenzขี้เกียจทำเครื่องหลายสเป็คน่ะแหละผลักภาระมาให้ลูกค้าเอา อย่าลืมว่าน้ำมันดีเซลบ้านเรา Base คือ Euro4 และต่อให้เป็นพรีเมี่ยมมันมี Euro5 แค่2ยี่ห้อเท่านั้น แม้เครื่อง Euro6 จะเติม Euro4 ได้ แต่จริงๆก็ไม่แนะนำอยู่ดี
สรุป bm ดีกว่า mb เหรอครับ
-
ไม่อยากปวดหัวระยะยาวเลือก BM ครับ อุปกรณ์น้อยกว่า Benz ที่เติม Adblue เอาง่ายๆคือBenzขี้เกียจทำเครื่องหลายสเป็คน่ะแหละผลักภาระมาให้ลูกค้าเอา อย่าลืมว่าน้ำมันดีเซลบ้านเรา Base คือ Euro4 และต่อให้เป็นพรีเมี่ยมมันมี Euro5 แค่2ยี่ห้อเท่านั้น แม้เครื่อง Euro6 จะเติม Euro4 ได้ แต่จริงๆก็ไม่แนะนำอยู่ดี
สรุป bm ดีกว่า mb เหรอครับ
ในแง่นี้ผมเห็นด้วยครับ แต่ตอนนี้Benzทำราคาและออปชั่นได้เร้าใจกว่าBMWมากมายครับ
-
BMW 520d ผมวิ่งมา 1.1 แสนกิโลแล้ว ผมมักเติมดีเซลธรรมดา 90% ด้วยครับ เน้นปั๊มฝรั่ง
ผมถือว่าไม่จุกจิกเลย ใช้มาแล้วสบายใจและถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เทียบกับตอนก่อนออก ตอนนั้น Benz มี E300 Blutech Hybrid (ดีเซลไฮบริด) ที่ไม่กี่ปีหลังจากนั้น มีปัญหาอะไรเยอะแยะมากมาย
ถ้าเลือก MB ไป ป่านนี้รถอาจจะจอดอู่ หรือเสียค่าซ่อมไปเป็นแสนแล้วก็ได้
-
ชอบ egr+dpf ของบีเอ็ม บำรุงรักษาน้อย ใช้มาไม่เคยมีปัญหาอะไร น่าจะทนทานกว่า
แต่ตอนนี้มีเรียก recall ตรวจอุปกรณ์หล่อเย็น egr ในรถบางรุ่นอยู่
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้และเจ้าของความเห็นนะครับ
และขอความรู้ท่านอื่นๆเรื่อง BMW ดีเซลที่ใช้ EGR และ DPF
อยากทราบว่าระบบ DPF ที่มีใน BMW กับ DPF ในมาสด้า CX5 2.2D ที่ตอนนี้กำลังมีปัญหา มันแตกต่างกันตรงไหนครับ
ที่ทราบของมาสด้า คือ ฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านห้องเผาไหม้เข้าไปเผาเขม่าในกรอง DPF แล้วของ BMW เป็นแบบนี้เหมือนกันหรือไม่ครับ
-
คนจะซื้อเบนซ์บางคนไม่รู้นะครับ
ล่าๆ เพิ่งคุยในกลุ่ม line มา มีพี่คนนึงจะซื้อรถ ถามระหว่าง Benz เครื่องดีเซล กับ BMW
ผมบอกไปว่าต้องเติม adblue ด้วยนะ เค้าก็บอกว่าเพิ่งทราบเนี่ยแหละ เซลไม่เห็นบอก
มีบางคนก็ใช้ตรงนี้เป็นตัวเลือกในการซื้อรถด้วยครับ
-
ผมว่า มีคนใช้ MB จำนวนนึง น่าจะ 1/5 (ประมาณ ) ไม่รู้ครับ เพราะเวลารถมีปัญหา ไฟขึั้น เขาไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น บางคนใช้ดีเซล ไม่รู้ว่าต้องเติม จนกระทั่ง รถจอด... เรียกยานแม่ ก็ด่าว่า รถไม่ดี แปลว่าไม่รู้ว่าต้องเติมพอสมควร ....
ส่วนมากเป็นคนประเภท มือถือแพงๆจะจำหน่ายวันไหน รู้สเปคหมดเลย แต่รถราคาเป็นล้าน ดันขี้เกียจอ่านคู่มือ