Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: The Mechanics of Emotions ที่ พฤษภาคม 04, 2019, 11:57:50
-
อยากทำตามความฝันขับ BMW สักคันครับ ดู e90 กำลังศึกษารุ่นย่อยอยู่ครับ 320i 325i 320d ว่าจะซื้อตอนปลายปี ความรู้รถยนต์พื้นฐานพอมีบ้าง แต่ไม่ได้ชำนาญถึงขั้นรื้อเปลี่ยนเองได้ งบไม่เกิน 6 แสนบาท ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างครับ สำหรับยุโรปมือสองคันแรก อู่ไม่น่าใช่ปัญหา ลองดูๆ ในคลับไว้แล้วครับ อยากได้มาปั้นต่อ เช่น ทำภายในใหม่ ทำภายนอก m3 แต่งคลีนๆ อยาก build ให้เหมือนใหม่สุด เป็นคนขับรถเร็ว อยากได้อัตราเร่งที่ดีกว่า CX-5 2.0 อัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ยแถว 11 โล/ลิตร พอรับได้ แต่ถ้าประหยัดกว่านี้จะดีมาก
เท่าที่ศึกษามานะครับ
-325i จริงๆ อยากได้รุ่นนี้ แต่ไม่รู้กินน้ำมันแค่ไหนครับ เสียงหวานดี
-320d ประหยัดและแรงดี แต่เสียงไม่เพราะ มือสองราคายังแรงอยู่
-320i 4 สูบ ถือว่ากลางๆ ราคาถูกหน่อย
pre lci หรือ lci แล้วก็ได้ครับ ถ้าตัว pre lci กะว่าจะเอาไปแปลงหน้า แปลงท้าย lci ครับ
การซ่อมบำรุง ค่าใช้จ่ายต่อปี อะไหล่ ความคงทน รุ่นย่อยไหนดีครับ เป็นยังไงบ้างครับ ผมเองก็หาข้อมูลไว้บ้างแล้ว อยากได้ความเห็นจากท่านสมาชิกครับ ขอบคุณครับ
-
Pre Lci ปัญหาค่อยข้างเยอะเลยครับตัว 320i. เกียร แรคพวงมาลัย ภายในลอก.
แนะนำเป็นตัว Lci แล้วครับ. ถ้าใช่รถไม่เยอะ หรือมีรถสลับใช้ แนะนำ 325i ครับ ได้ inline-6 BMW ตัวใหม่ๆก็หาไม่ได้ละครับเสียงนี้. ราคาถือว่าโอเค กินน้ำมันในเมือง 7-8โลลิตร วิ่งไกลๆ ไม่เกิน 120 ได้ 11-12 km/l. (ผมเคยใช้ e60 525i เครื่องเดียวกัน).
320d ส่วนไหญ่ที่ขายวิ่งเยอะกันมากพอสมควรครับ ไมลเกิน 150,000 ทั้งนั้น.
ส่วนตัวผมว่าช่วง e90 ขับสนุก มั่นใจกว่า f30 เยอะเลยครับ ถึงจะตึงตังไปหน่อย. ปจุบัน ใช้ f30 320d lci ผมว่าช่วงล่างไม่ดีเลย ดีตรงเครื่องประหยัดละครับ
-
ถ้า จขกท.ตามอ่านในคลับอยู่ คงเจอว่าตอนนี้ในบอร์ดกำลังแฉเรื่องอู่ T3 อู่ดังย่านบางนา ที่หมกเม็ดลูกค้ามาหลายเคสกันสนุกเลยครับ
กลับมาที่ e90 ต่อ ผมซื้อมาครบ 1 ปีครับ เท่าที่นึกออก น่าจะทำไปประมาณ 100-150K แล้ว มีทั้งที่มันเสีย และที่อยากเปลี่ยนเองด้วยก็มีครับ
ถ้าชอบขับรถไว ตัด 320i ออกเลยครับ กว่าจะไหลถึง 120 ได้นี่ช้าพอควร แต่ถ้าไปเลือก 6 สูบแล้วอยากได้ประหยัดกว่า 11km/l ก็ใช้ 325 330 ไม่ได้เลยครับ พวกนั้นกินกว่าเยอะ ทีนี้ จขกท.ก็เหลือให้เลือกแค่ 320d แล้วล่ะ แต่ด้วยงบที่มี โอกาสหา 320d ที่บำรุงรักษา ดูแลมาดีดี สภาพดี ค่อนข้างยากครับด้วยงบแค่นี้ บอกตรงๆ ถ้าซื้อมาถูก โอกาสที่งบซ่อมบำรุงครั้งแรกจะบานปลายเกิน 100,000 มีสูงครับ
ผมว่างบมันน้อยไปหน่อยสำหรับความต้องการที่บอกมาครับ ที่ดูเป็นไปได้สุดก็ 320i เครื่อง 2000 cc รหัส n46 เท่าที่ขับมาในเมือง กินน้ำมันแตะๆ 10km/l ครับ ตอนผมซื้อมา 480,000 ครับ ทำเองอีกประมาณ 50k ก่อนที่คอมแอร์จะพังและออยเครื่องจะแตก สองอย่างนี้รวมกันตีกลมๆ 30k ที่เหลือต้องเก็บอยู่ ก้มีรางกระจก กลอนประตู ยางขอบประตู เกียร์กระตุก ประเก็น ซีลวารลที่เครื่องรั่ว ท้อน้ำรั่ว ไฟวงแหวนขั้วละลาย พวกนี้อาการประจำรุ่นครับ
รถเก่าสิบปี ความคงทนคงขึ้นอยู่กับว่าอะไรที่เปลี่ยนมาแล้วบ้างครับ ถ้ายังไม่เคยเปลี่ยนก็นับวันรอพังได้
- ทำภายใน ถ้าพ่นสีเบาะ ผ้าหลังคาก็ 10-15k ถ้าหุ้มใหม่ก็ 20-25 ถ้าอัลคันทาร่า ดีดีก็มี 40k+
- ทำภายนอก ไม่แพงครับ กันชนหน้าซื้อแยก 8k ฝาท้ายหาร้านสลับ ไม่น่าเกิน 15k
- แต่งคลีนๆ น่าจะคล้ายๆผม ผมแต่งแนว stance ใส่สตรัทโหลดกดสุดแกน ล้อ18นิ้วกว้าง 9.5อมซุ้มนิดๆ คุ้มประตู ทริมหุ้มสีดำ หุ้มหลังคาดำ ทั้งหมดนี้รวมล้อด้วยประมาณ 100k+
- เช็คระยะ ถ้านับแค่ของเหลว 3-5 K ครับ น้ำมันเกียร์ประมาณ 8k น้ำยาหม้อน้ำเบิกศูนย์ 550บาท
พิมพ์เท่าที่นึกได้ เม้นเยอะหน่อย แต่คือประสบการณ์ตรงครับ e90 เป็นรถที่เก่าแล้ว แต่มีความสวยงามครับ เป็นรถที่ผมชอบตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม และเลือกที่จะขับคันนี้ทุกครั้งและก็สนุกทุกครั้ง จนลืม benz bmw ฯลฯ คันอื่นที่มีไปหมด 555+ ก็ขอยินดีต้อนรับเข้าสู่คลับครับ
-
หืมมม T3 หมกเม็ดเหรอครับ ผมก็อยู่ในคลับ BMW แต่ยังไม่เห็นเคสนี้เลย มีลิ้งค์ไหมครับ T3เป็นอู่ที่ผมติดตามมาพอสมควร และกำลังคิดว่าจะเข้าไปใช้บริการอยู่พอดีเลยครับ
ถ้า จขกท.ตามอ่านในคลับอยู่ คงเจอว่าตอนนี้ในบอร์ดกำลังแฉเรื่องอู่ T3 อู่ดังย่านบางนา ที่หมกเม็ดลูกค้ามาหลายเคสกันสนุกเลยครับ
กลับมาที่ e90 ต่อ ผมซื้อมาครบ 1 ปีครับ เท่าที่นึกออก น่าจะทำไปประมาณ 100-150K แล้ว มีทั้งที่มันเสีย และที่อยากเปลี่ยนเองด้วยก็มีครับ
ถ้าชอบขับรถไว ตัด 320i ออกเลยครับ กว่าจะไหลถึง 120 ได้นี่ช้าพอควร แต่ถ้าไปเลือก 6 สูบแล้วอยากได้ประหยัดกว่า 11km/l ก็ใช้ 325 330 ไม่ได้เลยครับ พวกนั้นกินกว่าเยอะ ทีนี้ จขกท.ก็เหลือให้เลือกแค่ 320d แล้วล่ะ แต่ด้วยงบที่มี โอกาสหา 320d ที่บำรุงรักษา ดูแลมาดีดี สภาพดี ค่อนข้างยากครับด้วยงบแค่นี้ บอกตรงๆ ถ้าซื้อมาถูก โอกาสที่งบซ่อมบำรุงครั้งแรกจะบานปลายเกิน 100,000 มีสูงครับ
ผมว่างบมันน้อยไปหน่อยสำหรับความต้องการที่บอกมาครับ ที่ดูเป็นไปได้สุดก็ 320i เครื่อง 2000 cc รหัส n46 เท่าที่ขับมาในเมือง กินน้ำมันแตะๆ 10km/l ครับ ตอนผมซื้อมา 480,000 ครับ ทำเองอีกประมาณ 50k ก่อนที่คอมแอร์จะพังและออยเครื่องจะแตก สองอย่างนี้รวมกันตีกลมๆ 30k ที่เหลือต้องเก็บอยู่ ก้มีรางกระจก กลอนประตู ยางขอบประตู เกียร์กระตุก ประเก็น ซีลวารลที่เครื่องรั่ว ท้อน้ำรั่ว ไฟวงแหวนขั้วละลาย พวกนี้อาการประจำรุ่นครับ
รถเก่าสิบปี ความคงทนคงขึ้นอยู่กับว่าอะไรที่เปลี่ยนมาแล้วบ้างครับ ถ้ายังไม่เคยเปลี่ยนก็นับวันรอพังได้
- ทำภายใน ถ้าพ่นสีเบาะ ผ้าหลังคาก็ 10-15k ถ้าหุ้มใหม่ก็ 20-25 ถ้าอัลคันทาร่า ดีดีก็มี 40k+
- ทำภายนอก ไม่แพงครับ กันชนหน้าซื้อแยก 8k ฝาท้ายหาร้านสลับ ไม่น่าเกิน 15k
- แต่งคลีนๆ น่าจะคล้ายๆผม ผมแต่งแนว stance ใส่สตรัทโหลดกดสุดแกน ล้อ18นิ้วกว้าง 9.5อมซุ้มนิดๆ คุ้มประตู ทริมหุ้มสีดำ หุ้มหลังคาดำ ทั้งหมดนี้รวมล้อด้วยประมาณ 100k+
- เช็คระยะ ถ้านับแค่ของเหลว 3-5 K ครับ น้ำมันเกียร์ประมาณ 8k น้ำยาหม้อน้ำเบิกศูนย์ 550บาท
พิมพ์เท่าที่นึกได้ เม้นเยอะหน่อย แต่คือประสบการณ์ตรงครับ e90 เป็นรถที่เก่าแล้ว แต่มีความสวยงามครับ เป็นรถที่ผมชอบตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม และเลือกที่จะขับคันนี้ทุกครั้งและก็สนุกทุกครั้ง จนลืม benz bmw ฯลฯ คันอื่นที่มีไปหมด 555+ ก็ขอยินดีต้อนรับเข้าสู่คลับครับ
-
Pre Lci ปัญหาค่อยข้างเยอะเลยครับตัว 320i. เกียร แรคพวงมาลัย ภายในลอก.
แนะนำเป็นตัว Lci แล้วครับ. ถ้าใช่รถไม่เยอะ หรือมีรถสลับใช้ แนะนำ 325i ครับ ได้ inline-6 BMW ตัวใหม่ๆก็หาไม่ได้ละครับเสียงนี้. ราคาถือว่าโอเค กินน้ำมันในเมือง 7-8โลลิตร วิ่งไกลๆ ไม่เกิน 120 ได้ 11-12 km/l. (ผมเคยใช้ e60 525i เครื่องเดียวกัน).
320d ส่วนไหญ่ที่ขายวิ่งเยอะกันมากพอสมควรครับ ไมลเกิน 150,000 ทั้งนั้น.
ส่วนตัวผมว่าช่วง e90 ขับสนุก มั่นใจกว่า f30 เยอะเลยครับ ถึงจะตึงตังไปหน่อย. ปจุบัน ใช้ f30 320d lci ผมว่าช่วงล่างไม่ดีเลย ดีตรงเครื่องประหยัดละครับ
ขอบคุณมากครับ งั้นคงต้อง 320i ไม่ก็ 320d lci แล้วครับ ตัว 6 สูบ ดูจะสิ้นเปลืองไปหน่อยครับ
-
ผมคิดว่าตัว 320i ก็น่าจะอัตราเร่งดีกว่า CX5 2.0 นะครับ คือด้วยงบ 6 แสนบาท มองตัว 320i ไว้ก็ไม่เสียหาย ฟิลลิ่งการขับดีแน่ๆ เพียงแต่อัตราเร่งก็ต้องยอม 320d ไป
อีกอย่างคือ E90 ก็เป็นรถที่เก่าแล้ว ในไทย F30 โฉมต่อจาก E90 เปิดตัวประมาณปี 2011-2012 หมายความว่า E90 ก็จะอายุอานาม 7-8 ไปหรือมากกว่านั้นเเล้วครับ
ถ้าจะเล่น 320d จริงๆ เลือกดีๆ นะครับ เพราะคนใช้รุ่นนี้ วิ่งกันเยอะมากๆ แน่ๆ รถที่บ้านผม 520d F10 4 ปี ยังวิ่งไป 1 แสนกิโลแล้วเลย เพราะใช้อยู่คันเดียววิ่งเที่ยวไปทั่วไทยเลยครับ วิ่งทางไกลประหยัดน้ำมันไม่ต่ำกว่า 16 km/l
จริงๆ แล้วเชียร์ 320d ครับ เพราะอัตราเร่งดี ประหยัดน้ำมัน ขับง่าย พุ่งสุดๆ แต่ถ้าหา 325i ได้และเจอสถาพดี ก็ดีครับ เหมาะกับเป็นรถใช้ขับเล่นวันหยุดมากกว่า เพราะกลัวว่าอะไหล่จะหายาก และด้วยการกินน้ำมันขนาดนั้นของ 325i ถ้าใช้ในชีวิตประจำวันทุกวัน เงินจะไปจมกับค่าน้ำมันเยอะเลยครับ
-
ถ้า จขกท.ตามอ่านในคลับอยู่ คงเจอว่าตอนนี้ในบอร์ดกำลังแฉเรื่องอู่ T3 อู่ดังย่านบางนา ที่หมกเม็ดลูกค้ามาหลายเคสกันสนุกเลยครับ
กลับมาที่ e90 ต่อ ผมซื้อมาครบ 1 ปีครับ เท่าที่นึกออก น่าจะทำไปประมาณ 100-150K แล้ว มีทั้งที่มันเสีย และที่อยากเปลี่ยนเองด้วยก็มีครับ
ถ้าชอบขับรถไว ตัด 320i ออกเลยครับ กว่าจะไหลถึง 120 ได้นี่ช้าพอควร แต่ถ้าไปเลือก 6 สูบแล้วอยากได้ประหยัดกว่า 11km/l ก็ใช้ 325 330 ไม่ได้เลยครับ พวกนั้นกินกว่าเยอะ ทีนี้ จขกท.ก็เหลือให้เลือกแค่ 320d แล้วล่ะ แต่ด้วยงบที่มี โอกาสหา 320d ที่บำรุงรักษา ดูแลมาดีดี สภาพดี ค่อนข้างยากครับด้วยงบแค่นี้ บอกตรงๆ ถ้าซื้อมาถูก โอกาสที่งบซ่อมบำรุงครั้งแรกจะบานปลายเกิน 100,000 มีสูงครับ
ผมว่างบมันน้อยไปหน่อยสำหรับความต้องการที่บอกมาครับ ที่ดูเป็นไปได้สุดก็ 320i เครื่อง 2000 cc รหัส n46 เท่าที่ขับมาในเมือง กินน้ำมันแตะๆ 10km/l ครับ ตอนผมซื้อมา 480,000 ครับ ทำเองอีกประมาณ 50k ก่อนที่คอมแอร์จะพังและออยเครื่องจะแตก สองอย่างนี้รวมกันตีกลมๆ 30k ที่เหลือต้องเก็บอยู่ ก้มีรางกระจก กลอนประตู ยางขอบประตู เกียร์กระตุก ประเก็น ซีลวารลที่เครื่องรั่ว ท้อน้ำรั่ว ไฟวงแหวนขั้วละลาย พวกนี้อาการประจำรุ่นครับ
รถเก่าสิบปี ความคงทนคงขึ้นอยู่กับว่าอะไรที่เปลี่ยนมาแล้วบ้างครับ ถ้ายังไม่เคยเปลี่ยนก็นับวันรอพังได้
- ทำภายใน ถ้าพ่นสีเบาะ ผ้าหลังคาก็ 10-15k ถ้าหุ้มใหม่ก็ 20-25 ถ้าอัลคันทาร่า ดีดีก็มี 40k+
- ทำภายนอก ไม่แพงครับ กันชนหน้าซื้อแยก 8k ฝาท้ายหาร้านสลับ ไม่น่าเกิน 15k
- แต่งคลีนๆ น่าจะคล้ายๆผม ผมแต่งแนว stance ใส่สตรัทโหลดกดสุดแกน ล้อ18นิ้วกว้าง 9.5อมซุ้มนิดๆ คุ้มประตู ทริมหุ้มสีดำ หุ้มหลังคาดำ ทั้งหมดนี้รวมล้อด้วยประมาณ 100k+
- เช็คระยะ ถ้านับแค่ของเหลว 3-5 K ครับ น้ำมันเกียร์ประมาณ 8k น้ำยาหม้อน้ำเบิกศูนย์ 550บาท
พิมพ์เท่าที่นึกได้ เม้นเยอะหน่อย แต่คือประสบการณ์ตรงครับ e90 เป็นรถที่เก่าแล้ว แต่มีความสวยงามครับ เป็นรถที่ผมชอบตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม และเลือกที่จะขับคันนี้ทุกครั้งและก็สนุกทุกครั้ง จนลืม benz bmw ฯลฯ คันอื่นที่มีไปหมด 555+ ก็ขอยินดีต้อนรับเข้าสู่คลับครับ
อ่านมาเหมือนกันครับ เท่าที่ลองคิดดูน่าจะเป็น 320i lci ก็น่าจะโอเคละครับ อัตราเร่งก็น่าจะแรงกว่า CX-5 2.0 อยู่นิดหน่อย กินน้ำมันคงพอๆ กัน ตัวหกสูบคงต้องอยู่ในฝันไปก่อนครับ เหตุผลต้องมาก่อนอารมณ์ ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลเพียบเลย ^^
-
ผมคิดว่าตัว 320i ก็น่าจะอัตราเร่งดีกว่า CX5 2.0 นะครับ คือด้วยงบ 6 แสนบาท มองตัว 320i ไว้ก็ไม่เสียหาย ฟิลลิ่งการขับดีแน่ๆ เพียงแต่อัตราเร่งก็ต้องยอม 320d ไป
อีกอย่างคือ E90 ก็เป็นรถที่เก่าแล้ว ในไทย F30 โฉมต่อจาก E90 เปิดตัวประมาณปี 2011-2012 หมายความว่า E90 ก็จะอายุอานาม 7-8 ไปหรือมากกว่านั้นเเล้วครับ
ถ้าจะเล่น 320d จริงๆ เลือกดีๆ นะครับ เพราะคนใช้รุ่นนี้ วิ่งกันเยอะมากๆ แน่ๆ รถที่บ้านผม 520d F10 4 ปี ยังวิ่งไป 1 แสนกิโลแล้วเลย เพราะใช้อยู่คันเดียววิ่งเที่ยวไปทั่วไทยเลยครับ วิ่งทางไกลประหยัดน้ำมันไม่ต่ำกว่า 16 km/l
จริงๆ แล้วเชียร์ 320d ครับ เพราะอัตราเร่งดี ประหยัดน้ำมัน ขับง่าย พุ่งสุดๆ แต่ถ้าหา 325i ได้และเจอสถาพดี ก็ดีครับ เหมาะกับเป็นรถใช้ขับเล่นวันหยุดมากกว่า เพราะกลัวว่าอะไหล่จะหายาก และด้วยการกินน้ำมันขนาดนั้นของ 325i ถ้าใช้ในชีวิตประจำวันทุกวัน เงินจะไปจมกับค่าน้ำมันเยอะเลยครับ
ขอบคุณมากครับ 320i ไม่ก็ 320d ก็น่าจะพอแล้วครับ เอาไว้สลับกับ CX-5 บ้าง ถ้าเอาดีเซลก็จะได้ทั้งแรงและประหยัดมากแต่ค่าตัวยังสูงอยู่เลยครับ แต่ถ้าเอาเบนซินค่าน้ำมันก็พอรับได้พอดีครับ ค่าตัวถูกด้วย ตามที่ท่านว่าตัว 6 สูบ น่าจะหาอะไหล่ยากและแพงกว่า 320 แน่ๆ เพราะรถน้อยกว่า เรื่องการซ่อมบำรุงเป็นยังไงบ้างครับ พวกค่าใช่จ่าย?
-
เป็น post ใน e90 club thailand ครับ คนเปิดนี่คือนำ serie 5 F10 ไปเข้ามาแล้วงานไม่ดีครับ ทีนี้คนอื่นเลยตามมาเม้นท์ประสบการณ์ตัวเองกันเรื่อยๆครับ ส่วนตัวผมเองโดนไม่มากครับ ที่เอาเข้าล่าสุดก็มีปัญหาน้ำหาย น้ำมันเครื่องรั่ว แต่ก็ยังไม่จบดีเท่าไหร่ จริงๆคิดว่าเพราะอู่เมื่อก่อนงานดีราคาไม่แพงจนเกินไป เลยดังไวครับ ทีนี้ก็เข้าวัฏจักร คือ พอดัง รถเยอะ เจ้าของไม่สามารถคุมคุณภาพได้ ต้องเร่งส่งงานให้ทันเพราะรถเยอะ ก็ทำให้เกิดความผิดพลาด งานไม่ละเอียดเท่าเดิม และดูเหมือนว่า e90 ที่เป็นรถราคาถูก จะเหมือนว่าไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่เท่ารถราคาแพงกว่าแบบ porsche หรือ bmw รุ่นใหม่ๆ ที่เป็นลูกค้าอู่เหมือนกันครับ
-
ถ้า จขกท.ตามอ่านในคลับอยู่ คงเจอว่าตอนนี้ในบอร์ดกำลังแฉเรื่องอู่ T3 อู่ดังย่านบางนา ที่หมกเม็ดลูกค้ามาหลายเคสกันสนุกเลยครับ
กลับมาที่ e90 ต่อ ผมซื้อมาครบ 1 ปีครับ เท่าที่นึกออก น่าจะทำไปประมาณ 100-150K แล้ว มีทั้งที่มันเสีย และที่อยากเปลี่ยนเองด้วยก็มีครับ
ถ้าชอบขับรถไว ตัด 320i ออกเลยครับ กว่าจะไหลถึง 120 ได้นี่ช้าพอควร แต่ถ้าไปเลือก 6 สูบแล้วอยากได้ประหยัดกว่า 11km/l ก็ใช้ 325 330 ไม่ได้เลยครับ พวกนั้นกินกว่าเยอะ ทีนี้ จขกท.ก็เหลือให้เลือกแค่ 320d แล้วล่ะ แต่ด้วยงบที่มี โอกาสหา 320d ที่บำรุงรักษา ดูแลมาดีดี สภาพดี ค่อนข้างยากครับด้วยงบแค่นี้ บอกตรงๆ ถ้าซื้อมาถูก โอกาสที่งบซ่อมบำรุงครั้งแรกจะบานปลายเกิน 100,000 มีสูงครับ
ผมว่างบมันน้อยไปหน่อยสำหรับความต้องการที่บอกมาครับ ที่ดูเป็นไปได้สุดก็ 320i เครื่อง 2000 cc รหัส n46 เท่าที่ขับมาในเมือง กินน้ำมันแตะๆ 10km/l ครับ ตอนผมซื้อมา 480,000 ครับ ทำเองอีกประมาณ 50k ก่อนที่คอมแอร์จะพังและออยเครื่องจะแตก สองอย่างนี้รวมกันตีกลมๆ 30k ที่เหลือต้องเก็บอยู่ ก้มีรางกระจก กลอนประตู ยางขอบประตู เกียร์กระตุก ประเก็น ซีลวารลที่เครื่องรั่ว ท้อน้ำรั่ว ไฟวงแหวนขั้วละลาย พวกนี้อาการประจำรุ่นครับ
รถเก่าสิบปี ความคงทนคงขึ้นอยู่กับว่าอะไรที่เปลี่ยนมาแล้วบ้างครับ ถ้ายังไม่เคยเปลี่ยนก็นับวันรอพังได้
- ทำภายใน ถ้าพ่นสีเบาะ ผ้าหลังคาก็ 10-15k ถ้าหุ้มใหม่ก็ 20-25 ถ้าอัลคันทาร่า ดีดีก็มี 40k+
- ทำภายนอก ไม่แพงครับ กันชนหน้าซื้อแยก 8k ฝาท้ายหาร้านสลับ ไม่น่าเกิน 15k
- แต่งคลีนๆ น่าจะคล้ายๆผม ผมแต่งแนว stance ใส่สตรัทโหลดกดสุดแกน ล้อ18นิ้วกว้าง 9.5อมซุ้มนิดๆ คุ้มประตู ทริมหุ้มสีดำ หุ้มหลังคาดำ ทั้งหมดนี้รวมล้อด้วยประมาณ 100k+
- เช็คระยะ ถ้านับแค่ของเหลว 3-5 K ครับ น้ำมันเกียร์ประมาณ 8k น้ำยาหม้อน้ำเบิกศูนย์ 550บาท
พิมพ์เท่าที่นึกได้ เม้นเยอะหน่อย แต่คือประสบการณ์ตรงครับ e90 เป็นรถที่เก่าแล้ว แต่มีความสวยงามครับ เป็นรถที่ผมชอบตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม และเลือกที่จะขับคันนี้ทุกครั้งและก็สนุกทุกครั้ง จนลืม benz bmw ฯลฯ คันอื่นที่มีไปหมด 555+ ก็ขอยินดีต้อนรับเข้าสู่คลับครับ
อ่านมาเหมือนกันครับ เท่าที่ลองคิดดูน่าจะเป็น 320i lci ก็น่าจะโอเคละครับ อัตราเร่งก็น่าจะแรงกว่า CX-5 2.0 อยู่นิดหน่อย กินน้ำมันคงพอๆ กัน ตัวหกสูบคงต้องอยู่ในฝันไปก่อนครับ เหตุผลต้องมาก่อนอารมณ์ ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลเพียบเลย ^^
มีอีกทางเลือกครับ มอง 320 นั่นละครับ รถมันไม่แย่นะ ช่วงล่างจัดว่าคม นิ่ง แพ้ Mini r53 ผมนิดเดียว ทีนี้พอใช้สักพักจะเริ่มรุ้ว่า จริงๆแล้วเราต้องการปั้นรถให้มีบุคลิกแบบไหนครับ อย่างของผมตอนนี้โปรเจคในหัวคือ
1. แปลงภายนอกเป็น e90 m3 ตอนนี้คุยๆกับอู่บ้างแล้วละ งบประมาณ 200k +
2. วางเครื่อง n54 335i เครื่องนี้คือ European 2JZ ครับ แรงมาก ปั้นง่าย เสียงเพราะ งบ 200k เหมือนกัน
-
มาเชียร์ 325i ครับ ถ้ายอมรับเรื่องกินน้ำมันได้ผมว่าเป็นรถที่ดีและขับสนุกมากครับ
ปล.อู่นี้ผมก้อไปโดนมา เข้าไปตามแรงโปรโมตสุดท้ายก้ออย่างที่ในคลับว่าแหละครับ ;D
-
ไม่ค่อยมีความรู้อะไรเท่าไรนะครับ
ส่วนตัวชอบ e90 ตัวแรกๆที่เป็น 330i เห็นสเป็คแล้วน่าสนใจดีเครื่อง 3000 cc แรงม้าเคลม 258 แรง น่าจะเหลือเฟือกับการใช้งานบนถนนแล้วละครับ หน้าตาอาจจะไม่หล่อเท่าตัวท้ายๆ แต่ส่วนตัวผมก็ว่ามันก็สวยดีอยู่
ส่วนเรื่องอู่ เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยใช้ bmw เหมือนกัน ก็อาศัยถามเขาเอาบ้าง ลองไปเข้าดูเองบ้าง ดีบ้างไม่ดีบ้างก็ว่ากันไป แต่ bmw จะดีอยู่อย่างอะไหล่เก่าเซียงกงจะมีเข้ามาเยอะ ของ 90 ช่วงนี้อาจจะดูแพงหน่อย แต่เดี๋ยวพอถึงรอบเขาราคาก็จะลงมาเองครับ เท่าที่ดูราคาอะไหล่เก่า bmw จะขึ้นอยู่รอบของที่ญี่ปุ่นว่ารถรุ่นไหนเขาเริ่มจะโละๆมา พ่อค้า บ้านเราก็ไปตัดมาได้เยอะ อะไหล่ก็จะราคาถูกลง
-
เคยใช้ bmw 320d e90 ครับ
แนะนำตัวนี้เลยครับ ทั้งแรง ทั้งประหยัด ไม่รู้สึกจุกจิก แต่อะไหล่ก็ราคาตามแบรนด์ครับ
ค่อยๆดูไป อาจจะเจอรถใช้ไม่เยอะครับ ตอนผมขาย รถอายุ 9 ปี ผมใช้แค่ แปดหมื่นกว่า แต่ไม่แนะนำ 320i ครับ อืดไปหน่อย ไหนๆจะเล่น bm แล้ว เอาตัวที่แรงหน่อยครับ จะได้สนุกกับการขับเต็มที่
-
ผมเชียร์ 325i นะครับด้วยความเป็นบีเอ็ม 6 สูบเรียง
แม้ว่าจะกินน้ำมันกว่า 320i และอัตราเร่งถ้าจับเวลาก็ไม่น่าจะเร็วกว่า 320 d ซักเท่าไหร่
อย่างของผมวิ่งในเมืองได้ไม่เกิน 8 โลลิตร วิ่งทางยาวได้ 10 นิดๆ
แต่อรรสรสในการขับขี่ทั้งเสียงและอัตราเร่งมันได้ครับ ซึ่ง 320i ให้ไม่ได้ทั้งคู่ ส่วน 320d ให้ได้แค่อัตราเร่ง
ส่วนตัวผมมองว่าสองอย่างนี้เป็นองค์ประกอบที่ค่อนข้างสำคัญในการทำให้รถขับสนุกครับ
ค่าดูแลรักษาก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ส่วนค่าน้ำมันถ้าเทียบกับ 320i ตีซะว่าต่างกันโลละบาทเองครับ