Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ange1us ที่ พฤษภาคม 28, 2019, 15:02:37
-
ยังตัดสินใจไม่ได้ครับ ชอบ e60 520d มาตั้งแต่มันออกมาใหม่ๆ ตอนนี้เห็นมือสองราคาถูกลงมาก เลยสนใจครับ
ส่วน prius ก็อยากลองใช้ hybrid เพราะราคาแบตก็ลงมาแล้ว น่าสนใจเช่นกัน
เรื่องซ่อมหลังซื้อนี่ ราคาคันไหนซ่อมโหดกว่า จุกจิกกว่ากันครับ แล้วคันไหนประหยัดน้ำมันกว่ากันครับ
ผมใช้ในกรุงเทพเป็นส่วนมาก แต่ก็ขับออก ตจว บ่อยๆ ไประยอง ชลบุรี เดือนละ 2-3 ครั้ง
นานๆจะขับขึ้นเหนือทีนึง ปีละครั้ง
คิดว่าจะซื้อสดนะครับ จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย รบกวนโหวตพร้อมบอกเหตุผลด้วยก็ดีนะครับ
ปล.ชอบ ct200h ด้วย แต่กลัวหาอู่ซ่อมยากครับ
- มีรถของแฟนสำรองอยู่คันนึงเป็น jazz ครับ
- อายุ 3x แต่งงานแล้ว ยังไม่มีลูกครับ
- กะใช้ไม่เกิน 10 ปี ครับ คงขายซื้อใหม่
ขอบคุณครับ
-
ถ้ามีงบซ่อมบำรุงเหลือ ๆ + มีอู่ที่ไว้ใจได้ ผมเลือก e60 เลยครับ
2 คันนี้คนละฟิลกันเลยนะครับ
คันนึงหนักแน่น อีกคน ออกเบา ๆ ลอย ๆ 8)
-
- จากที่บ้านมี รุ่น e 60 อยู่นะครับ
- ค่าดูแล รักษา กรณีเข้าศูนย์ เปลี่ยนของแท้ เช็คตามระยะ รถที่บ้าน ตอนนี้ 200000 กม รถปี 2008
- ตก ปีละ 150000 บาท ครับ
ถ้ารับค่า ใช้จ่ายไหว แนะนำ BMW ขับดี กว่าเยอะครับ
-
- จากที่บ้านมี รุ่น e 60 อยู่นะครับ
- ค่าดูแล รักษา กรณีเข้าศูนย์ เปลี่ยนของแท้ เช็คตามระยะ รถที่บ้าน ตอนนี้ 200000 กม รถปี 2008
- ตก ปีละ 150000 บาท ครับ
ถ้ารับค่า ใช้จ่ายไหว แนะนำ BMW ขับดี กว่าเยอะครับ
ตามนี้ครับ ของผมทั้ง 525ise กับ 520d LCI ตกปีล่ะแสนกว่าๆครับ
-
- จากที่บ้านมี รุ่น e 60 อยู่นะครับ
- ค่าดูแล รักษา กรณีเข้าศูนย์ เปลี่ยนของแท้ เช็คตามระยะ รถที่บ้าน ตอนนี้ 200000 กม รถปี 2008
- ตก ปีละ 150000 บาท ครับ
ถ้ารับค่า ใช้จ่ายไหว แนะนำ BMW ขับดี กว่าเยอะครับ
ตามนี้ครับ ของผมทั้ง 525ise กับ 520d LCI ตกปีล่ะแสนกว่าๆครับ
แล้วถ้าเป็นอู่นอกราคาจะประมาณเท่าไหร่ครับ แถวบ้านผมอยู่พระรามสามเห็นว่ามีอู่ดีๆอยู่ที่นึง
-
เป็นผมไป CT200h ครับ ยังไงก็ดูแลง่ายพอๆกับ prius ในทางเทคนิค
ถ้ามี jazz เป็นสำรองแสดงว่าคันที่กำลังจะเลือกเป็นคันหลัก E60 LCI ผมว่าก็แก่เกินจะไว้ใจครับ ถ้ามีออก ตจว.เดือนละ 2-3 ครั้ง
เคยใช้ prius mc อยู่ 4 ปี ระบบเครื่องยนต์ไม่ได้ดูแลยากมากมายอู่นอก services เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทำ prius ได้ ct200h ก็ต้องทำได้ครับเพราะระบบเดียวกันหมด
-
จากคนใช้ prius มาตั้งแต่ปี 2012 ปลายปีนะครับ ของผมตัว mc
วันนี้ขับมาประมาณ 116,000 กม
ยังไม่เคยเจอซ่อมหนักเลยสิ่งที่มีเปลี่ยนไปแล้ว
1. แบต ลูกใหญ่ hybrid เสียเงินไป 893 บาท ค่าทำลายแบต (ตอนนี้เหลือประกันแบตอีก 4 ปี )
2. แบตลูกเล็ก ราคา 6,800 แต่เพิ่งเสีย หลังจากใช้งานมาประมาณ 6 ปี
3. ลูกหมากกันโครง แท้ศุนย์ 2 ข้างราคา 4,500 ครับ
นอกนั้นยังไม่เปลี่ยนเลย ทั้ง ผ้าเบรก จาน อื่นๆ ยังเหลืออีกเพียบ ใช้งานได้อีกนานๆครับ
พวก inverter นี่ประกัน 15 ปีนะครับ
ขับดี ช่วงล่างดีกว่าที่คนไม่เคยขับคิดเยอะมาก นี่คือสาเหตุว่าทำไมชอบเจอ prius มุดๆบนทางด่วนบ่อยๆ
และประหยัดครับ ขับจาก กทม ไป เชียงใหม่ เหลือประมาณ 3 ขีด จาก 10 ขีด ครับ
ในกทม ผมวิ่งได้เต็มถังประมาณ 830 โล ครับ
สรุป เท่ากับรถยังเหลือประกัน ระบบ hybrid อีกนานมาก และแบตเหลืออีกเกือบ 5 ปี น่าใช้นะครับ
เติมเต็มถังเท่ากับพวก วีออส เพราะถังมันใหญ่แค่ 45 ลิตร เต็มถังวิ่งได้ประมาณ 700 - 900 โล แล้วแต่ตีนคนขับ
-
ออก ตจว เดือนละ 2-3 ครั้ง น่าห่วงทั้งสองคันแต่ prius จะได้รถที่อายุยังไม่มากน่าจะมีภาษีดีกว่าพอสมควร
งบนี้ลองมอง Teana ดูครับได้รถปีใหม่ๆ เลย ราคาลงเยอะ ค่าดูแลไม่มากอย่างที่คิด ขับทางไกลดีเลยครับ
-
ถ้ามีงบ5-6แสน
+งบซ่อมปีละ1แสน++ สำหรับอู่นอก
หาE60 ปีใหม่ๆ ไมล์น้อยๆครับ จะได้ไม่ค้างคาใจ
-
ใช้พรีอุสปี12 อยู่ครับ ในเมืองส่วนใหญ่ขับอยู่แถวนราธิวาส สาทร วิทยุ พระราม1
อัตรากินน้ำมัน ค่าอะไหล่บางอย่าง ลองดูที่ผมตอบใน link นี้ครับ
(ถ้าพรีอุสเดิมๆต้องประหยัดน้ำมันกว่ารถผมอีก เพราะรถผมเปลี่ยนล้อและยางหน้ากว้างขึ้น เป็น 215/50/17 จากเดิมๆ 195/65/15)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=70786.0
เรื่องซ่อมในอนาคตนี่ตอบยากเหมือนกัน ตอนนี้รถผมยังไม่เสียอะไรในอะไหล่ที่ list ไว้ ยกเว้นแบตไฮบริดที่อยู่ในประกัน แต่ถ้าเกิดมันเสียขึ้นมา ค่าซ่อมปีนั้นก็อาจสูงกว่าปกติ
e60 ไม่เคยใช้เลยครับ , เคยใช้ e39 และยังใช้ e38 อยู่แต่วิ่งน้อยลงเพราะหันมาใช้พรีอุสเป็นส่วนใหญ่ ไม่รู้ค่าซ่อมพอๆกันรึเปล่า
ช่วงที่ใช้ e39 กับ e38 บ่อยๆ เข้าอู่นอกตลอด (อยู่ถนนนราธิวาสแต่ไปเข้าอู่นอกที่คุ้นเคยแถวศรีนครินทร์) รถเก่าค่าซ่อมต่อปีมันไม่ค่อยแน่นอนเหมือนรถใหม่ , บางปีเสียอะไรเล็กน้อย ไม่แพง รวมค่าบำรุงรักษาเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ปีนั้นอาจจะหมื่นกว่าบาท , บางปีไปเสียตัวแพงๆหลายตัว ค่าซ่อมปีนั้นอาจร่วมแสนได้(อู่นอก)
แต่ถ้าให้เอาค่าซ่อมรวมกันแล้วเอาปีหารเฉลี่ย ค่าซ่อมรถผมตอนนั้นปีละประมาณ 4 หมื่นบาทต่อคันต่อปี แต่นั่นคือเกินห้าปีที่แล้ว ตอนนี้รถเก่าลงถ้าใช้บ่อยๆน่าจะมีค่าซ่อมต่อปีที่แพงกว่าเดิมครับ
-
- จากที่บ้านมี รุ่น e 60 อยู่นะครับ
- ค่าดูแล รักษา กรณีเข้าศูนย์ เปลี่ยนของแท้ เช็คตามระยะ รถที่บ้าน ตอนนี้ 200000 กม รถปี 2008
- ตก ปีละ 150000 บาท ครับ
ถ้ารับค่า ใช้จ่ายไหว แนะนำ BMW ขับดี กว่าเยอะครับ
ตามนี้ครับ ของผมทั้ง 525ise กับ 520d LCI ตกปีล่ะแสนกว่าๆครับ
แล้วถ้าเป็นอู่นอกราคาจะประมาณเท่าไหร่ครับ แถวบ้านผมอยู่พระรามสามเห็นว่ามีอู่ดีๆอยู่ที่นึง
นี่อู่นอกแล้วครับ ถ้าศูนย์คูณสองครับ
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ ตอนนี้คะแนน e60 นำลิ่วเลย แต่ถ้าค่าซ่อมบำรุงปีละแสนห้า ถือว่าหนักเอาการอยู่ครับ คิดหนักๆ
-
เทียบแบบนี้ 555 e60 สิครับ
-
- จากที่บ้านมี รุ่น e 60 อยู่นะครับ
- ค่าดูแล รักษา กรณีเข้าศูนย์ เปลี่ยนของแท้ เช็คตามระยะ รถที่บ้าน ตอนนี้ 200000 กม รถปี 2008
- ตก ปีละ 150000 บาท ครับ
ถ้ารับค่า ใช้จ่ายไหว แนะนำ BMW ขับดี กว่าเยอะครับ
ตามนี้ครับ ของผมทั้ง 525ise กับ 520d LCI ตกปีล่ะแสนกว่าๆครับ
แล้วถ้าเป็นอู่นอกราคาจะประมาณเท่าไหร่ครับ แถวบ้านผมอยู่พระรามสามเห็นว่ามีอู่ดีๆอยู่ที่นึง
- อู่นอก เคยเข้าครั้งเดียวครับ
- เทียบราคาอะไหล่แล้ว กรณีใช้อะไหล่แท้ ราคาไม่ต่างกับ ศูนย์เลย เพราะอะไหล่ของแท้ตรา BMW ต้องเบิกศูนย์ เลยราคาเท่าศูนย์ครับ
แต่ ที่จะถูกกว่าคือ ราคาอู่ จะคิดค่าแรง แบบเหมา ประมาณ ไม่เกิน 3000 บาทในกรณี เปลี่ยน 2-3 ชิ้น
( ถูก แต่ การรับประกัน ไม่ค่อยประทับใจ )
- ราคาค่าแรง ศูนย์จะคิด เป็น ชิ้นๆ เลย แต่สามารถ สอบถามศูนย์ ก่อน เพื่อชั่งใจ ราคาอาจไม่ต่างกันมาก
( แต่สิ่งที่จะต่างคือ การรับประกันอะไหล่แท้ รับประกันอะไหล่ 2 ปี ไม่จำกัดระยะทางครับ แล้วเวลาจะเคลมกรณีอะไหล่เสีย เคลมง่ายจริงๆ )
-
- จากที่บ้านมี รุ่น e 60 อยู่นะครับ
- ค่าดูแล รักษา กรณีเข้าศูนย์ เปลี่ยนของแท้ เช็คตามระยะ รถที่บ้าน ตอนนี้ 200000 กม รถปี 2008
- ตก ปีละ 150000 บาท ครับ
ถ้ารับค่า ใช้จ่ายไหว แนะนำ BMW ขับดี กว่าเยอะครับ
ตามนี้ครับ ของผมทั้ง 525ise กับ 520d LCI ตกปีล่ะแสนกว่าๆครับ
แล้วถ้าเป็นอู่นอกราคาจะประมาณเท่าไหร่ครับ แถวบ้านผมอยู่พระรามสามเห็นว่ามีอู่ดีๆอยู่ที่นึง
- อู่นอก เคยเข้าครั้งเดียวครับ
- เทียบราคาอะไหล่แล้ว กรณีใช้อะไหล่แท้ ราคาไม่ต่างกับ ศูนย์เลย เพราะอะไหล่ของแท้ตรา BMW ต้องเบิกศูนย์ เลยราคาเท่าศูนย์ครับ
แต่ ที่จะถูกกว่าคือ ราคาอู่ จะคิดค่าแรง แบบเหมา ประมาณ ไม่เกิน 3000 บาทในกรณี เปลี่ยน 2-3 ชิ้น
( ถูก แต่ การรับประกัน ไม่ค่อยประทับใจ )
- ราคาค่าแรง ศูนย์จะคิด เป็น ชิ้นๆ เลย แต่สามารถ สอบถามศูนย์ ก่อน เพื่อชั่งใจ ราคาอาจไม่ต่างกันมาก
( แต่สิ่งที่จะต่างคือ การรับประกันอะไหล่แท้ รับประกันอะไหล่ 2 ปี ไม่จำกัดระยะทางครับ แล้วเวลาจะเคลมกรณีอะไหล่เสีย เคลมง่ายจริงๆ )
- จริงๆ รถถ้าซ่อมเปลี่ยนตามระยะ ตลอด ผมมั่นใจ ว่า ขับรถออก ตจว บ่อย ไม่ต้องกังวล ว่าจะเสียกลางทางนะครับ โอกาสเกิดน้อยมาก
ถ้าดูแลซ่่อมตามระยะจริงๆ
- แต่ ถ้าอยากอุ่นใจ ผมแนะนำให้สมัคร บริการ ช่วยเหลือฉุกเฉินครับ เสียค่าสมัคร แค่ ปีละ 2000 บาทเอง
ลองดู อันนี้ รถใหม่BMW จะแถมตัวนี้ มาให้ ตอน 5 ปี แรก ครับ แต่ เราสามารถสมัครเองได้ครับ ในกรณีที่รถเกิน 5 ปีแล้ว .
http://auto.mondial-assistance.co.th/
-
ิBMW แบบไม่ต้องคิดมากเลยครับ
-
2 ตัวนี้ ถ้างบซ่อม + เวลา ไม่ใช่ประเด็น ไป E60 ครับ
อันที่จริง ผมว่าคุณต้องลองชั่งน้ำหนักดูว่า มีแพลนจะมีลูกเร็วๆนี้หรือเปล่าครับ ถ้าคิดจะมีลูกในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทั้งสองตัวอาจจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เหมาะนักครับ
-
แล้วคันไหนประหยัดน้ำมันกว่ากันครับ
[...] แต่ก็ขับออก ตจว บ่อยๆ ไประยอง ชลบุรี เดือนละ 2-3 ครั้ง
ถ้าจะเอา Prius จริงๆ ตั้งงบหกแสน แล้วอาจได้ถึงสองคันครับ ดังนั้นถ้างบหกแสนจริงๆก็หา 520d ได้เลย
คันไหนประหยัดกว่า เอาเป็นว่าเมื่อหลายปีก่อน Yahoo.com เคยเทียบกัน 520d ประหยัดกว่านะ (hwy)