Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: bungy ที่ มิถุนายน 25, 2019, 12:29:38
-
ค่าใช้จ่ายในการมีรถ 1 คันในยุโรปแพงกว่าค่าใช้จ่ายในไทยหรือเปล่าครับ
พอดีรถที่ขายในยุโรปเมื่อตีราคาเป็นเงินบาทถูกกว่ารถยุโรปขายในไทยพอสมควร เลยคิดว่าค่าใช้จ่ายน่าถูกกว่าด้วย
ผมกำลังคิดว่า ไทยเราตั้งราคารถแพง เมื่อเทียบกับค่าครองชีพ ทำให้คนไทยไม่ค่อยมีเงินเหลือเก็บเท่าไร เลยทำให้เป็นหนี้สูง และทำให้รถบนท้องถนน พวกรถหรูๆ หรือแพงๆ ค่อนข้างน้อยกว่าใน ยุโรป พอสมควร
ถ้าราคารถถูกลงก็ดีนะครับ ผมคิดว่า คนไทยเป็นหนี้น้อยลงด้วย และ รถหรูๆมากขึ้น
-
เพราะรถยนต์ เป็น สินค้าฟุ่มเฟือย
ราคาในไทย+ภาษีเยอะ เลยแพง
ค่าใช้จ่าย เป็นไปตามค่าเงิน และโปรโมชั่นของแต่ละประเทศ
ถ้าเทียบเป็นค่าเงิน ดอลล่า ไม่รวมค่าส่ง ราคาอะไหล่ ต่างกันนิดเดียว
มีแต่ค่าแรง ที่ไทยเราถูกกว่ายุโรป มาก
-
คิดว่าน่าจะแพงกว่าเยอะครับ
ผมไม่เคยอยู่ยุโรปแต่ขอเปรียบเทียบตอนเรียนอยู่แคนาดาให้ฟัง ผมใช้เบนซ์รุ่นนึงซึ่งราคารถถูกกว่าเมืองไทยพอสมควร
แต่ค่าประกันปีละ 5000กว่าเหรียญ แถมเวลาจะเคลมก็ต้องจ่าย deductible อีก 500 เหรียญ เมืองไทยประกันชั้น 1 ราคาไม่ถึงครึ่ง เคลมฟรีหมด
service A ปกติก็ 8-900 เหรียญ ถ้าเป็น service B ก็มากกว่านั้น ส่วนที่เมืองไทยก็ประมาณครึ่งเดียว หลักๆน่าจะเป็นค่าแรงที่ต่างกันค่อนข้างเยอะ
ทุกครั้งที่ออกจากบ้านยังไงก็โดนค่าที่จอดรถครับ ชั่วโมงละ 15 บาท ไปจนถึงชั่วโมงละเป็น 100 แล้วแต่โซน ขับรถเข้าห้างก็เสียค่าที่จอด ไม่มีการแสตมป์บัตรอะไรแบบบ้านเรา ในยุโรปหลายประเทศค่าที่จอดรถน่าจะแพงกว่าแคนาดาด้วย
ไหนจะ speeding ticket $200 หรือ parking violations ต่างๆ $100+ จ่ายใบสั่งทีก็หน้ามืดแล้วครับ
ส่วนตัวผมคิดว่าราคารถบ้านเราแพงจริง แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆถูกมากครับ
ปัญหามันคือรายได้ของคนเมื่อเทียบกับราคารถมากกว่า พนักงานเงินเดือนรายได้เฉลี่ยในยุโรปมากกว่าเรา 3-4 เท่าเป็นอย่างน้อย ถ้าพนักงานเงินเดือนในเมืองไทยได้ 6 หลักเหมือนพนักงานเงินเดือนในยุโรป เราก็คงเห็นรถหรูวิ่งเต็มไปหมดเหมือนกันแหล่ะครับ แม้จะราคาเท่าเดิม
-
+1
หลายกระทู้แล้วที่เจอคนจิจารณ์ราคารถบ้านเราเทียบกับต่างประเทศ เอาแต่ราคาตัวรถมาเทียบกันตรงๆ แต่ไม่พูดความจริงว่าต่างประเทศเขามีค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ ที่แพงกว่าขนาดไหน บางคนวิจารณ์ด่าราคารถในไทยแบบเสียๆ หายๆ โดยไม่พูดถึงค่าใช้จ่ายแฝงของต่างประเทศเลย
คิดว่าน่าจะแพงกว่าเยอะครับ
ผมไม่เคยอยู่ยุโรปแต่ขอเปรียบเทียบตอนเรียนอยู่แคนาดาให้ฟัง ผมใช้เบนซ์รุ่นนึงซึ่งราคารถถูกกว่าเมืองไทยพอสมควร
แต่ค่าประกันปีละ 5000กว่าเหรียญ แถมเวลาจะเคลมก็ต้องจ่าย deductible อีก 500 เหรียญ เมืองไทยประกันชั้น 1 ราคาไม่ถึงครึ่ง เคลมฟรีหมด
service A ปกติก็ 8-900 เหรียญ ถ้าเป็น service B ก็มากกว่านั้น ส่วนที่เมืองไทยก็ประมาณครึ่งเดียว หลักๆน่าจะเป็นค่าแรงที่ต่างกันค่อนข้างเยอะ
ทุกครั้งที่ออกจากบ้านยังไงก็โดนค่าที่จอดรถครับ ชั่วโมงละ 15 บาท ไปจนถึงชั่วโมงละเป็น 100 แล้วแต่โซน ขับรถเข้าห้างก็เสียค่าที่จอด ไม่มีการแสตมป์บัตรอะไรแบบบ้านเรา ในยุโรปหลายประเทศค่าที่จอดรถน่าจะแพงกว่าแคนาดาด้วย
ไหนจะ speeding ticket $200 หรือ parking violations ต่างๆ $100+ จ่ายใบสั่งทีก็หน้ามืดแล้วครับ
ส่วนตัวผมคิดว่าราคารถบ้านเราแพงจริง แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆถูกมากครับ
ปัญหามันคือรายได้ของคนเมื่อเทียบกับราคารถมากกว่า พนักงานเงินเดือนรายได้เฉลี่ยในยุโรปมากกว่าเรา 3-4 เท่าเป็นอย่างน้อย ถ้าพนักงานเงินเดือนในเมืองไทยได้ 6 หลักเหมือนพนักงานเงินเดือนในยุโรป เราก็คงเห็นรถหรูวิ่งเต็มไปหมดเหมือนกันแหล่ะครับ แม้จะราคาเท่าเดิม
-
ค่าแรงเข้าอู่ใน us. ก้อโหดร้ายเอามากๆเช่นกัน
-
ผมก็สนใจเรื่อง คชจ ต่างๆ หากต้องใช้รถในอังกฤษ เลยไปลองหาข้อมูลมา
โจทย์คือถ้าใช้รถ ford focus 2.0
- ภาษีมลพิษประมาณ 155 ปอนด์/ปี
- ค่าประกันภัย 450-850 ปอนด์/ปี มันกว้างมากเพราะเขาเอาอายุ ที่จอดรถ ลักษณะการใช้รถมาคิดความ- เสี่ยงด้วย อายุยิ่งน้อยเบี้ยยิ่งแพง และยิ่งแก่ 65+ ก็จะเริ่มแพงขึ้นเรื่อยๆๆ
- ค่าเข้าเมืองน่าจะหมายถึง zone 1 London จ-ศ 7:00-18:00 วันละ 11.50 ปอนด์
ถ้ารถมลพิษเกินกำหนด จะโดนเพิ่มอีก 12.50 ปอนด์
- ค่าจอดรถ อันนี้น่าสนใจเพราะเขาบอกราคาที่จอดรถใน London แพงที่สุดในโลก ราคาประมาณ 3.5-6 ปอนด์/ชม
คิดไปทำงาน 250 วัน/ปี จอดรถวันละ 8 ชม คชจ ประมาณ 10,600 ปอนด์ ต่อปี หรือ 4 แสนกว่าบาทต่อปี นี่ยังไม่รวมค่า service ต่างๆ
ปล. ถ้ามีอะไรขาดตกไป ขออภัยนะครับ
ถ้ามองตามนี้ก็ถือว่าแพงมากๆ คชจ เกือบ 1 ใน 3 ของรายได้เฉลี่ยคนอังกฤษเลย แต่อันนี้มัน extreme case เพราะในชีวิตจริงคงไม่มีใครขับรถไปทำงานใน London ทุกวัน เต็มที่คงใช้รถแค่เสาร์-อาทิตย์ เพราะระบบขนส่งก็ดี อากาศก็ดี
ดูเหมือนแพงนะครับ แต่มองดีๆ นโยบายเขาคือไม่อยากให้รถเข้ามาติดๆ กระจุกกันในเมืองเลยมีมาตราการต่างๆ มากกว่า แต่ overall คงไม่แพงมากเมื่อเทียบกับรายได้ เพราะมันสะท้อนออกมากจากยอดขาย โดยยอดขายรถของประเทศอังกฤษ 2.5+ ล้านคันต่อปี กับจำนวนประชากร 55 ล้านคน ในขณะที่เยอรมันขายรถได้ 3+ ล้านคันต่อปี กับประชากร 80 กว่าล้านคน หรือประเทศอิตาลี กับฝรั่งเศส ที่มีประชากรพอๆ กับประเทศไทย แต่มียอดขายประมาณ เกือบ 2 ล้านคันต่อปี
ส่วนราคารถ ผมว่าไม่ควรเอามาเกี่ยวกับเรื่อง คชจ ต่างๆ มาสนับสนุนว่ารถราคาแพง (เพราะภาษี) สมเหตุสมผลแล้ว เพราะมันไม่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น จะมาบอกว่า สินค้าแบรนด์เนมเก็บถาษีแพง สมควรแล้ว เพราะอาหารบ้านเราถูก?
edit: เพิ่มข้อมูล
-
ค่าน้ำมัน ลิตรนึง เกือบร้อย (ตอนนี้ ไม่รู้ ครับ)
ตอน 10ปีก่อนที่ผมไปเที่ยว 3 อาทิตย์
แถมต้องลงไปเติมเอง
ค่าที่จอดก็แพงเช่นกัน
บ้านผมมีที่จอดใต้ดิน ตอนหิมะตกก็สบายหน่อย
พ่อผมมาเมืองไทย แกบอก น้ำมันถูกเวอร์
-
.
.
ผมว่าอย่าเอามารวมกันครับ ราคารถก็ราคารถ
ค่าใช้จ่ายอื่นๆก็คือส่วนอื่นๆ และราคารถบ้านเรามันก็แพงจริงๆ
แบบไม่ต้องมีอะไรมาอ้างเลย
จะมาอ้างว่าเพราะค่าแรงถูกรถเลยแพง
เพราะค่าปรับถูกรถเลยแพง
เพราะค่าจอดรถถูกรถเลยแพง
ผมว่าเหมือนคนตรรกะไม่ปกตินะครับ
-
.
.
ผมว่าอย่าเอามารวมกันครับ ราคารถก็ราคารถ
ค่าใช้จ่ายอื่นๆก็คือส่วนอื่นๆ และราคารถบ้านเรามันก็แพงจริงๆ
แบบไม่ต้องมีอะไรมาอ้างเลย
จะมาอ้างว่าเพราะค่าแรงถูกรถเลยแพง
เพราะค่าปรับถูกรถเลยแพง
เพราะค่าจอดรถถูกรถเลยแพง
+1 และถ้าอย่างนั้นจริงทำไมไม่คิดรายได้ของประชากรด้วย คิดแต่ค่าใช้จ่ายเช่นค่าแรง ซึ่งช่างซ่อมรถก็กินข้าวคนละราคาอยู่ละ
-
ในยุโรปอาจจะใช่ แต่อย่างในเมกา ราคารถถูก ค่าใช้จ่ายรถก็ไม่ได้มีอะไรนี่ครับ มีแค่ค่าประกัน จอดอะไรก็ฟรีหมด ถ้าไม่ใช่กลางเมืองใหญ่จริงๆ
-
ต้องรวยมากครับ รถทั่วไปไปอยุ่นู่นอยู่ได้แหละค่านั่นค่านี่ แต่พอเริ่มเป็นรถหรูแล้วนอกจากซื้อถูกว่าไทยจริงแต่ภาษีอื่นอีก ยิ่งอยู่ไม่ถูกประเทศยิ่งแพง บางประเทศภาษีโหดเหมือนไทยเลยแต่เป็น Road tax เช่น Netherlands
แต่อย่างเยอรมัน กับอังกฤษนี่เศรษฐีไทยสะสมรถเก็บสบายครับ ล่าสุดผมเห็น Senna ของเศรษฐีไทยพึ่งรับมาสดๆเลย
เอาจริงๆมันแล้วแต่เมือง ประเทศครับ มันไมได้แย่หรือแพงเวอร์ไปซะหมดหรอก แต่ใช่ว่าจะถูกด้วย ก็แค่นั้น ง่ายๆแค่อเมริกาประเทศเดียวก็ภาษีต่างกันระหว่างรัฐแล้ว
ซื้อรถในแคลิฟอร์เนีย เทียบกับในฮิวสตัน ก็ต่างกันเยอะละ
แต่ถ้าให้คิดจริงๆนะ ถ้าเป็นคนไทยไปใช้ชีวิตเมืองนอกมันก็เป็นราคาที่จ่ายได้อยู่แล้วไงครับ ถ้าไป อยู่เมืองนอกจะใช้ชีวิตโดยแปลงเป็นเงินบาททำไม รู้สึกแพงทุกอย่างนั่นแหละถ้าคิดแบบนั้น แต่คนที่อยู่แบบถาวรเค้าอยู่แบบใช้ค่าเงินที่นู่นไม่มาแปลงกลับ มันก็ไม่รู้สึกแพงอะไรขนาดนั้นหรอก ว่ามั้ย
ยิ่งใครรวยมากๆอยู่แล้วเค้ายิ่งสบายซะอีก
-
รถบ้านเขาไม่ว่า เมกา ยุโรปค่าแรงคิดเป็นชั่วโมงและหน่วยยากง่ายที่ทำครับ เคยถามเพื่อนที่เมกาบอก ชม.นึงกับอู่บ้านๆก็ราวๆ 40-50 usd แล้วถ้าอู่มีชื่อก็เกินกว่านั้นอีก เวลาชนเขาถึงไม่ค่อยซ่อมกันเท่าไรขายซากทิ้งเข้าเชียงกงประมูลส่งทางเอเชีย ตะวันออก ดีกว่า
-
ถ้าพูดถึงแค่ค่าใช้จ่ายผมว่าเดี๋ยวนี้รถพรีเมียมในไทยค่า maintenance ทั่วไปกับค่าประกันภัยแทบไม่ต่างกับในต่างประเทศเลยครับ อย่าง Porsche เอาเข้าไปทำ service ประจำปีที่อเมริการาคา $300-400 Usd อู่นอกในไทยเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอย่างเดียวมีตั้งแต่เกือบหมื่นไปจนถึงหมื่นกลางๆ ต่างประเทศจะแพงกว่าก็คงพวกงานหนักๆแบบยกเครื่องออกแต่ถ้าอู่ดีๆเค้าก็ทำรถได้เร็วมากครับ
-
แพงกว่านะครับ แต่ควรดูค่าครองชีพที่ต่างกันด้วยนะครับ
-
ที่บ่นกันเรื่องค่าแรงถูกสู้เมืองนอกไม่ได้เนี่ยครับ ถ้าค่าแรงแพงเท่าเมืองนอกเราจะต้องกินข้าวจานละเท่าไหร่ครับ ทุกวนนี้ข้าว1มื้อ 50บาทก็ยังอิ่ม อยู่เมืองนอกเงินเดือนเยอะแต่ข้าวจานละ200ขึ้น ค่าเช่าบ้านก็ราคาต่างกันมากๆ ผมบอกเลยว่าถ้าบ้านเราเงินเดือนเท่าเมืองนอกได้จริง อย่างที่บ่นกัน เราได้กินข้าวแกงข้างถนนราคา 150แน่