Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: aleebahbah ที่ กรกฎาคม 10, 2019, 14:30:03
-
อยากทราบความเห็นของทุกท่านครับว่า Mitsubishi Lancer ex 2.0 gt ในปัจจุบันยังน่าใช้อยู่มั้ยครับ
พอดีเปิดเวป one2car ดูเล่นๆ เห็นราคาเหลือไม่ถึง 5 แสนแล้ว
-
ต้องถามว่า อยากได้อะไรจากมัน ?
ถ้าอยากได้สมรรถนะ กดมันส์ เหยียบพุ่ง ช่วงล่างหนึบๆ จัดเลยครับ ไม่ผิดหวัง ค่าดูแลอาจจะสูงกว่ารถตลาดบ้างนิดนึง
แต่ถ้า ต้องการรถเงียบๆ ช่วงล่างนุ่มๆ ประหยัดน้ำมัน ไปมองคันอื่นด่วน
-
ต้องถามว่า อยากได้อะไรจากมัน ?
ถ้าอยากได้สมรรถนะ กดมันส์ เหยียบพุ่ง ช่วงล่างหนึบๆ จัดเลยครับ ไม่ผิดหวัง ค่าดูแลอาจจะสูงกว่ารถตลาดบ้างนิดนึง
แต่ถ้า ต้องการรถเงียบๆ ช่วงล่างนุ่มๆ ประหยัดน้ำมัน ไปมองคันอื่นด่วน
ผมรีบพิมพ์ไปหน่อยครับ ต้องขอเพิ่มเติมดังนี้ ;)
ข้อดี-ข้อเสีย , สมรรถนะโดยรวม ถ้าเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน เช่น Altis , Civic, Mazda 3
-
มือสองด้วยกัน ผมให้ fb มีอนาคตกว่า
ถึงมันจะไม่เจ๋งสุดๆ แต่ทำต่อได้อีกเยอะ
-
น่าจะแรงนะ. เคยขับเร็วมาก. มันยังมากดไล่. อาจจะแต่งเพิ่มมั้ง
-
ถ้าเทียบในยุคเดียวกัน มันดีนะครับ ช่วงล่างผมว่าดีกว่า 3 อีก เครื่องก็เฉย ๆ นะ แต่ที่ไม่ชอบคือ เบาะมันเล็กนั่งไม่ค่อยสบายเลย
ถ้าเทียบกับรถยุคใหม่ ผมว่า ทั้ง 3 และ civic 1.5t ดีกว่าทุกอย่างเลย
-
เล่นรถตลาดเถอะ อะไหล่น่าจะเริ่มหายาก แถมเลิกผลิตขายทั่วโลกแล้ว ไม่มีอนาคตที่จะเล่น
-
ผมว่าช่วงล่างเทพสุดของรถญี่ปุ่น C seg ในยุคนั้นละมั้ง ดีกว่า 3 อีก
มันนุ่ม เก็บแรงสะเทือนดี และหนึบ นัดโค้งสนุกและมั่นคง 3 ก็ดีแต่ไม่นุ่มเท่า
เครื่อง เกียร์ เฉยๆ แต่เปลืองน้ำมัน ส่วนนึงเพราะมันหนักกว่าชาวบ้าน~ 100kg
วัสดุภายในค่อนข้างกาก เป็นพลาสติกแข็งๆหมดเลย
-
ผมจะเลือกรถตลาดอย่างสมาชิกว่าแล้วทำช่วงล่างครับถ้ารถรุ่นนี้ เครื่องอะไหล่เอาเรื่องครับ เช่นลูกปืนล้อข้างละ 4800 เปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง มีเงินหมื่นครับเพราะต้องเปลี่ยนยกทั้งชุเใหญ่ ไม่งั้นไม่จบ แต่ก็เป็นรถที่ไว้ใจได้ครับถ้าดูแลดีๆ ผมว่า อัตราสิ้นเปลืองก็พอรับได้ครับ หน้าตาก็แต่งดูดีได้ครับ
-
ผมมีโอกาสเป็นเจ้าของอยู่ราวๆเกือบปี
ช่วงล่าง พวงมาลัย เบรค ผมชอบมาก ถ้าไม่ชอบแนวพวงมาลัยหนักๆ แนะนำให้เลี่ยงเลยครับ เพราะพวงมาลัยค่อนข้างหนัก
เครื่องทนมาก แต่อาจจะต้องใส่ใจเกียร์หน่อย
ยิ่งถ้าชอบกดหนักๆ ต้องติดออยเกียร์ เพื่อระบายความร้อนของน้ำมันเกียร์เพิ่มครับ
เรื่องอัตราสินเปลืองนี่ ต้องเอามาคิดด้วยนะครับ เพราะเครื่อง 2.0 ค่อนข้างกินเชื้อเพลิงพอสมควร
อะไหล่บางตัวก็ถูก บางตัวก็แพง ตาม segment ครับ
-
ขาย City ทิ้งแล้วมาออก Lancer EX 1.8
เพราะชอบการขับขี่และช่วงล่างจริงๆครับ
ออกต่างจังหวัดขับสบายมาก
เรื่องกินน้ำมันจับติดแก๊สก็จบเลย
ถ้าสนใจจริงๆแนะนำ 2.0
เพราะตัว 1.8 ไฟเครื่องมักจะติดๆดับๆ เกิดจากระบบ FFV ที่รองรับ E85 ซึ่งทำให้หงุดหงิดบ้าง
อีกอย่างคือมันมีรุ่นพี่เป็น EVO X ต่อยอดความแรงได้อีกยาวๆ และระบบ S-AWC ที่เป็นที่สุดของค่าย Mitsu
-
เพื่อนผู้หญิงผมเป็นเซลล์ ขับมา3แสนกว่าโลแล้ว ติดแก้สด้วย มันยังขับนิ่งๆเลยครับ
-
ขาย City ทิ้งแล้วมาออก Lancer EX 1.8
เพราะชอบการขับขี่และช่วงล่างจริงๆครับ
ออกต่างจังหวัดขับสบายมาก
เรื่องกินน้ำมันจับติดแก๊สก็จบเลย
ถ้าสนใจจริงๆแนะนำ 2.0
เพราะตัว 1.8 ไฟเครื่องมักจะติดๆดับๆ เกิดจากระบบ FFV ที่รองรับ E85 ซึ่งทำให้หงุดหงิดบ้าง
อีกอย่างคือมันมีรุ่นพี่เป็น EVO X ต่อยอดความแรงได้อีกยาวๆ และระบบ S-AWC ที่เป็นที่สุดของค่าย Mitsu
ค่าบำรุงรักษาแพงมั้ยครับ จากคอมเม้นของหลายๆท่าน เห็นบอกค่าอะไหล่แพงมาก
ด้วยความที่รถเลิกผลิตไปเกือบ5ปีแล้ว อะไหล่ยังหาได้ง่ายมั้ยครับ
-
ขาย City ทิ้งแล้วมาออก Lancer EX 1.8
เพราะชอบการขับขี่และช่วงล่างจริงๆครับ
ออกต่างจังหวัดขับสบายมาก
เรื่องกินน้ำมันจับติดแก๊สก็จบเลย
ถ้าสนใจจริงๆแนะนำ 2.0
เพราะตัว 1.8 ไฟเครื่องมักจะติดๆดับๆ เกิดจากระบบ FFV ที่รองรับ E85 ซึ่งทำให้หงุดหงิดบ้าง
อีกอย่างคือมันมีรุ่นพี่เป็น EVO X ต่อยอดความแรงได้อีกยาวๆ และระบบ S-AWC ที่เป็นที่สุดของค่าย Mitsu
ค่าบำรุงรักษาแพงมั้ยครับ จากคอมเม้นของหลายๆท่าน เห็นบอกค่าอะไหล่แพงมาก
ด้วยความที่รถเลิกผลิตไปเกือบ5ปีแล้ว อะไหล่ยังหาได้ง่ายมั้ยครับ
ค่า MAก็ปกติครับ ถ้าเทียบกับ Cityคันเก่าผม
อาจจะแพงขึ้นบ้างจากปริมาณน้ำมันเครื่องที่เยอะขึ้น วิ่งมาจน 100,000+ ก็มีเปลี่ยนพวกบูชยางหลายชิ้นหน่อย เพราะช่วงล่างเป็น Multilink
ส่วนอะไหล่ผมคิดต่างครับ
ที่ว่าอะไหล่น้อยกว่าเจ้าตลาด อันนี้น้อยจริงเลย
แต่ด้วยความที่มันยังไม่มี New Model สักที ทำให้หลายๆประเทศยังต้องเข็นมาขายโดยมีปรับหน้าตา ปรับเครื่องให้ประหยัดขึ้น อะไหล่ทั่วไปเลยยังมีอยู่เยอะครับ
ปล. ผมเน้นเข้าอู่ครับ เลยไม่แน่ใจว่าเข้าศูนย์จะแพงมากไหม
-
ขาย City ทิ้งแล้วมาออก Lancer EX 1.8
เพราะชอบการขับขี่และช่วงล่างจริงๆครับ
ออกต่างจังหวัดขับสบายมาก
เรื่องกินน้ำมันจับติดแก๊สก็จบเลย
ถ้าสนใจจริงๆแนะนำ 2.0
เพราะตัว 1.8 ไฟเครื่องมักจะติดๆดับๆ เกิดจากระบบ FFV ที่รองรับ E85 ซึ่งทำให้หงุดหงิดบ้าง
อีกอย่างคือมันมีรุ่นพี่เป็น EVO X ต่อยอดความแรงได้อีกยาวๆ และระบบ S-AWC ที่เป็นที่สุดของค่าย Mitsu
ค่าบำรุงรักษาแพงมั้ยครับ จากคอมเม้นของหลายๆท่าน เห็นบอกค่าอะไหล่แพงมาก
ด้วยความที่รถเลิกผลิตไปเกือบ5ปีแล้ว อะไหล่ยังหาได้ง่ายมั้ยครับ
ค่า MAก็ปกติครับ ถ้าเทียบกับ Cityคันเก่าผม
อาจจะแพงขึ้นบ้างจากปริมาณน้ำมันเครื่องที่เยอะขึ้น วิ่งมาจน 100,000+ ก็มีเปลี่ยนพวกบูชยางหลายชิ้นหน่อย เพราะช่วงล่างเป็น Multilink
ส่วนอะไหล่ผมคิดต่างครับ
ที่ว่าอะไหล่น้อยกว่าเจ้าตลาด อันนี้น้อยจริงเลย
แต่ด้วยความที่มันยังไม่มี New Model สักที ทำให้หลายๆประเทศยังต้องเข็นมาขายโดยมีปรับหน้าตา ปรับเครื่องให้ประหยัดขึ้น อะไหล่ทั่วไปเลยยังมีอยู่เยอะครับ
ปล. ผมเน้นเข้าอู่ครับ เลยไม่แน่ใจว่าเข้าศูนย์จะแพงมากไหม
อู่นอกนี่ ควรเป็นอู่เฉพาะทางเลยมั้ยครับ แบบเน้นมิตซูเป็นหลัก
ส่วนถ้าเข้าศูนย์ผมว่าน่าจะแพงพอสมควร
-
ขาย City ทิ้งแล้วมาออก Lancer EX 1.8
เพราะชอบการขับขี่และช่วงล่างจริงๆครับ
ออกต่างจังหวัดขับสบายมาก
เรื่องกินน้ำมันจับติดแก๊สก็จบเลย
ถ้าสนใจจริงๆแนะนำ 2.0
เพราะตัว 1.8 ไฟเครื่องมักจะติดๆดับๆ เกิดจากระบบ FFV ที่รองรับ E85 ซึ่งทำให้หงุดหงิดบ้าง
อีกอย่างคือมันมีรุ่นพี่เป็น EVO X ต่อยอดความแรงได้อีกยาวๆ และระบบ S-AWC ที่เป็นที่สุดของค่าย Mitsu
ค่าบำรุงรักษาแพงมั้ยครับ จากคอมเม้นของหลายๆท่าน เห็นบอกค่าอะไหล่แพงมาก
ด้วยความที่รถเลิกผลิตไปเกือบ5ปีแล้ว อะไหล่ยังหาได้ง่ายมั้ยครับ
มาอยู่ในกลุ่ม อะไหล่ตัวถัง มือสองเพียบ ตนไป 10 รื้อทำมาก อะไหล่สิ้นเปลืองไมแพ่งอย่ามี่คิครับ ผมใช้มา 9 ปี ไมล์ 230000 วิ่งแม่แจ่มด้วย เกียร์ยังปกติดีครับ... ติดแกสมาแต่ป้ายแดง วาวล์ปกติ กำลังอักปกติ ใช้ดีๆ ทนครับ... รถขายไม่ดี รถวิ่งน้อย แต่ของแต่งเยอะ อยากแรง ไป RA ไป 10 ได้ อยากทำ MT ตรงรุ่น 75000 ครับ...
-
ผมจะเลือกรถตลาดอย่างสมาชิกว่าแล้วทำช่วงล่างครับถ้ารถรุ่นนี้ เครื่องอะไหล่เอาเรื่องครับ เช่นลูกปืนล้อข้างละ 4800 เปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง มีเงินหมื่นครับเพราะต้องเปลี่ยนยกทั้งชุเใหญ่ ไม่งั้นไม่จบ แต่ก็เป็นรถที่ไว้ใจได้ครับถ้าดูแลดีๆ ผมว่า อัตราสิ้นเปลืองก็พอรับได้ครับ หน้าตาก็แต่งดูดีได้ครับ
ผมไม่ได้ขาย แค่เอาราคามาให้ดูครับ...
-
ปัจจุบันใช้ Lancer ex 2.0 gt ปี 2009 วิ่ง 250,000 กม.
- ช่วงล่าง พวงมาลัย เบรคดีมาก มันแค่ตึงตังเพราะล้อโต แต่ก็นุ่มนะ
- เบาะโอบพอดีตัว เบาะหลังนั่งสบายสุดในคลาส เบาหน้าหนังเริ่มแข็ง มีเปื่อยบ้าง
- เสียงเครื่อง เสียงลม เสียงยาง เสียงมอไซค์ ดังมาก
- ค่าซ่อมบำรุงถ้าเข้าศูนย์ก็พอๆ กับ C-seg ยี่ห้ออื่น เข้าอู่ทั่วไปก็ซ่อมได้ไม่ยาก อู่มิตซูก็เยอะ
- ด้วยความเป็นรถญี่ปุ่น อะไหล่ยังคงมีตลอด หลายชิ้นก็ใช้กับรุ่นอื่นๆ ได้ หมดห่วงแน่นอน ราคาก็มาตรฐาน ไม่แพง ไม่ถูก
- เท่าที่ใช้ก็ไม่จุกจิก มีเปลี่ยนหม้อน้ำรั่ว เปลี่ยนไดสตาร์ท โช๊คหลัง บู๊ชยางช่วงล่าง คันชัก และอะไหล่อื่นๆ ที่สึกหรอตามระยะ
- เครื่องทนมาก ติดแก๊สตั้งแต่ 20,000 กม. เคยตั้งวาล์ว 1 ครั้ง เกียร์ก็ปกติถ้าใช้แบบคนทั่วไป เปลี่ยน นมก.ทุก 40,000 กม. ตามคู่มือ
อยากรู้อะไรเพิ่มเติมหลังไมค์มาได้ครับ
-
ปัจจุบันใช้ Lancer ex 2.0 gt ปี 2009 วิ่ง 250,000 กม.
- ช่วงล่าง พวงมาลัย เบรคดีมาก มันแค่ตึงตังเพราะล้อโต แต่ก็นุ่มนะ
- เบาะโอบพอดีตัว เบาะหลังนั่งสบายสุดในคลาส เบาหน้าหนังเริ่มแข็ง มีเปื่อยบ้าง
- เสียงเครื่อง เสียงลม เสียงยาง เสียงมอไซค์ ดังมาก
- ค่าซ่อมบำรุงถ้าเข้าศูนย์ก็พอๆ กับ C-seg ยี่ห้ออื่น เข้าอู่ทั่วไปก็ซ่อมได้ไม่ยาก อู่มิตซูก็เยอะ
- ด้วยความเป็นรถญี่ปุ่น อะไหล่ยังคงมีตลอด หลายชิ้นก็ใช้กับรุ่นอื่นๆ ได้ หมดห่วงแน่นอน ราคาก็มาตรฐาน ไม่แพง ไม่ถูก
- เท่าที่ใช้ก็ไม่จุกจิก มีเปลี่ยนหม้อน้ำรั่ว เปลี่ยนไดสตาร์ท โช๊คหลัง บู๊ชยางช่วงล่าง คันชัก และอะไหล่อื่นๆ ที่สึกหรอตามระยะ
- เครื่องทนมาก ติดแก๊สตั้งแต่ 20,000 กม. เคยตั้งวาล์ว 1 ครั้ง เกียร์ก็ปกติถ้าใช้แบบคนทั่วไป เปลี่ยน นมก.ทุก 40,000 กม. ตามคู่มือ
อยากรู้อะไรเพิ่มเติมหลังไมค์มาได้ครับ
อยากทราบอัตราการบริโภคน้ำมันโดยเฉลี่ยครับ จากที่เคยหาข้อมูล
พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าซดหนักมาก ถ้าเทียบกับคู่แข่งในคลาสเดียวกัน :(
-
อยากทราบอัตราการบริโภคน้ำมันโดยเฉลี่ยครับ จากที่เคยหาข้อมูล
พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าซดหนักมาก ถ้าเทียบกับคู่แข่งในคลาสเดียวกัน :(
[/quote]
ซดน้ำมันหนักจริง 10-12 กม./ล.
ถ้าเป็นแก๊ส เติม 450-500 บาท วิ่งได้ 250-300 ก.ม.
ถ้าซื้อมือสอง แนะนำติดแก๊สครับ
-
ตอนปี 14 - 15 เคยไล่หาอยู่นะ มีโชว์รูม แถวรามคำแหง มีรถค้างอยู่ด้วย เป็น 2.0 ฟรีดาวน์ เกือบละ เกือบได้ซื้อละ เซลล์ตามอยู่หลายรอบ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ มาซื้อจริงๆ ตอนปี 17 ได้ "อีเตี้ย" มานี่แหละ
-
หาที่ซื้ออะไหล่ใด้ ลุยเลย ถ้าคิดจะพึ่งศูนย์ อะไหล่แพงมาก
ผมเอานิวแลนเซอร์มาใช้ มีกลุ่มขายอะไหล่ ก็เลยใช้ใด้แบบสบายใจ
เรื่องการขับขี่ เทียบกับคู่แข่ง ดีกว่าพอควร มั่นใจกว่า
-
เห็นว่าเกียร์ cvt เจ้านี้ไม่ค่อยทนนะครับ
-
ตอนปี 14 - 15 เคยไล่หาอยู่นะ มีโชว์รูม แถวรามคำแหง มีรถค้างอยู่ด้วย เป็น 2.0 ฟรีดาวน์ เกือบละ เกือบได้ซื้อละ เซลล์ตามอยู่หลายรอบ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ มาซื้อจริงๆ ตอนปี 17 ได้ "อีเตี้ย" มานี่แหละ
ซื้อมือสองมาเหรอครับ สภาพยังดีมั้ยครับ
เคยได้ยินว่าตอนนี้ รถสภาพดีๆหายากมากครับ เจอแต่ช้ำๆ :'(
-
ตอนปี 14 - 15 เคยไล่หาอยู่นะ มีโชว์รูม แถวรามคำแหง มีรถค้างอยู่ด้วย เป็น 2.0 ฟรีดาวน์ เกือบละ เกือบได้ซื้อละ เซลล์ตามอยู่หลายรอบ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ มาซื้อจริงๆ ตอนปี 17 ได้ "อีเตี้ย" มานี่แหละ
ซื้อมือสองมาเหรอครับ สภาพยังดีมั้ยครับ
เคยได้ยินว่าตอนนี้ รถสภาพดีๆหายากมากครับ เจอแต่ช้ำๆ :'(
มีสิครับ สวยๆ แต่ผมเก็บละ ไม่ปล่อยนะ 555...
-
ตอนปี 14 - 15 เคยไล่หาอยู่นะ มีโชว์รูม แถวรามคำแหง มีรถค้างอยู่ด้วย เป็น 2.0 ฟรีดาวน์ เกือบละ เกือบได้ซื้อละ เซลล์ตามอยู่หลายรอบ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ มาซื้อจริงๆ ตอนปี 17 ได้ "อีเตี้ย" มานี่แหละ
ซื้อมือสองมาเหรอครับ สภาพยังดีมั้ยครับ
เคยได้ยินว่าตอนนี้ รถสภาพดีๆหายากมากครับ เจอแต่ช้ำๆ :'(
มีสิครับ สวยๆ แต่ผมเก็บละ ไม่ปล่อยนะ 555...
จะกลายร่างเป็น Evo X มั้ยครับ 8)
-
ใช้ ex 2.0 อยู่
ข้อเสีย กินน้ำมัน
ข้อดี ช่วงล่างโคตรดี อัตราเร่งพอใช้ได้
รถในคลับเห้นวิ่งมากสุดที่เคยเห็นก็ 500,000 กิโลเมตร+++ กันไปแล้ว ความทนทานบอกเลยหายห่วง
ถ้ามีงบ ทำ RA ขับ 4 ตรงรุ่น ยกวางไขน็อตอย่างเดียว ไม่ต้องแปลงอะไรเลย