Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: BNR 34 GTR ที่ กรกฎาคม 19, 2019, 22:01:23
-
2 ตัวนี้ความหมายของมันคืออะไรครับ เวลาอ่าน ข้อมูลเกี่ยวกับการจูนกล่องมักจะพูดถึงกัน แต่ผมไม่มีความเข้าใจของระหว่าง 2 ตัวนี้เลยครับ
-
http://www.headlightmag.com/%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%871735/
ใน link ก็พอมีอธิบายไว้อยู่บ้างเหมือนกันครับ
-
แรงของรถมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง การเผาไหม้เชื้อเพลิงจำเป็นต้องอาศัยปัจจัย 3 อย่างหลัก เชื้อเพลิง อากาศ ไฟ ซึ่งต้องสมดุลย์กัน .. นอกจากนี้ก็จะมีปัจจัยรอบข้างที่ส่งผลทางอ้อมอีกเช่น อุณหภูมิอากาศ
ทีนี้จะรู้ได้ยังไงว่าจุุดไหนคือ "สมดุลย์" ในรถสมัยก่อน คำตอบคือ ไม่รู้ ต้องจูนแต่งคาร์บู แต่งนมหนูเอา ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น
รถสมัยใหม่มี ECU ช่วยประมวลผลและปรับน้ำมันและไฟตามตารางเงื่อนไขต่างๆที่กำหนดไว้ในกล่อง
Close-loop คือ โหมดของการทำงานของ ECU ที่ใช้ input จาก O2 sensor กลับไปปรับการทำงานของหัวฉีดและองศาจุดระเบิด (ถ้าจำไม่ผิด close-loop จะปรับน้ำมันเป็นหลัก/องศาตุดระเบิดกล่องจะค่อยๆ advance ไฟไปเรื่อยๆจนเริ่มเขกถึงหยุด) โดยกล่องจะพยายามทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้ที่จุดที่ใกล้ stoich ที่สุด (สำหรับเครื่องเบนซิล อากาศ 14.7 ส่วนต่อ น้ำมัน 1 ส่วน) เพราะเป็นจุดที่เผาไหม้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งความสมบูรณ์ของการเผาไหม้สามารถดูได้จากค่าของ O2 sensor .. เน้น"เผาไหม้สมบูรณ์ที่สุด"
Open-loop คือ โหมดการทำงานของ ECU ที่ทำงานโดยไม่สนใจ input จาก O2 sensor เลย โดยปกติ ECU จะใช้โหมดการทำงานนี้ในกรณีที่ต้องการความรวดเร็วในการประมวลผล (เช่น ช่วงกดคันเร่งลึกๆ เครื่องยนต์ต้องตอบสนองทันที) หรือในกรณีที่มีความเสี่ยงในการประมวลผลผิดพลาดมากๆ (เช่น ช่วงเพิ่งติดเครื่อง สัญญาณจาก O2 sensor ผิดปกติ) ในโหมดนี้ ECU จะคุมน้ำมัน องศาไฟ (และอากาศ กรณีเป็นเครื่อง turbo) โดยอาศัยตารางที่กำหนดไว้เท่านั้น ... ซึ่งโดยทั่วไปจะกำหนดไว้ให้ได้ส่วนผสมที่"หนา"นิดหน่อย ซึ่งส่วนผสมที่"หนา"นิดหน่อย (สำหรับเครื่องเบนซิล อากาศ 12.8-13.2 ส่วนต่อ น้ำมัน 1 ส่วน) จะให้ output ที่ดีกว่า
ถึงที่สุดแล้วรถจะแรงขึ้นได้ ต้องเผาน้ำมันเยอะขึ้น* เนื่องจากรถ NA ไม่สามารถจูนอากาศได้ จึงไม่สามารถเพิ่มน้ำมันได้ โดยเฉพาะถ้ารถอยู่ในโหมด close-loop ยังไง ECU ก็จะพยานามกลับไปที่ stoich เสมอ ซึ่งจ่ายน้ำมันน้อยกว่าจุดที่ให้กำลังสูงสุด คนจูนกล่องจึงจะพยายาม
1. จูน open-loop ให้ได้ส่วนผสมที่"หนา"กำลังดี
2. หาทางให้ ECU อยู่ในโหมด open-loop ให้บ่อย/ง่ายที่สุด
* พูดรวมๆ หมายถึง max power ไม่รวมการเกลี่ยกราฟให้"เนียน"นะครับ และยังไม่พูดถึงการใช้องศาไฟที่ aggressive ขึ้นซึ่งสามารถเพิ่มแรงได้โดยไม่ต้องใช้น้ำมันเยอะขึ้น
-
อันแรก...เป็นการใช้รอบเครื่องที่ไม่รุนแรง ปกติจะเคลมไว้ที่ 3000 รอบ อันนี้กล่องจะใช้ 02 ตัวหน้าเป็นตัวกำหนดการจ่ายน้ำมัน ตามตาราง
กรณีที่เป็น โอเพน หมายถึงรอบเครื่องที่สูงเกินนั้น อันนี้จะใช้ 02 ตัวหลังเป็นตัวกำหนดการจ่ายน้ำมัน รถแต่งมักจะปิดการใช้งาน 02 ตัวนี้ และไม่ให้ค่าฟีดแบคไปที่กล่อง..
อธิบายง่าย ๆแค่นี้ครับ
-
ชัด ;)
-
Close loop คือพันธนาการของกล่องหลักเพื่อจะรักษาส่วนผสม 1 แลมบ์ดาไว้ให้คงที่ กล่องจะพยายามรักษาค่านี้ เพื่อการเผาไหม้ที่หมดจด มลพิษน้อยๆ และประหยัดน้ำมัน ซึ่ง close loop นี้จะเกิดขึ้นในช่วงการทำงานปกติ เช่น รอบเครื่องไม่เกิน 3000 และกดคันเร่งไม่เกิน 70% (รถแต่ละยี่ห้อ/รุ่น ค่านี้จะแตกต่างกันไปครับ)
Open loop คือการหลุดพ้นจากพันธนาการ 1 แลมบ์ดา จะเกิดขึ้นได้ใน 3 กรณี (ถ้าผมจำไม่ผิด)
1. ตอนเครื่องเย็น ช่วงวอร์มเครื่องนอกจากรอบเครื่องจะสูงกว่าปกติแล้ว ยังฉีดน้ำมันมากกว่าปกติด้วย
2. เมื่อกดคันเร่งโหลดเกิน 70% (บางรุ่น 80%)
3. เมื่อรอบเครื่องเกิน 3000 (บางรุ่น 4000)
ในกรณีข้อ 2-3 กล่องจะเข้าใจว่าคนขับต้องการสมรรถนะที่เกินกว่าปกติ เช่น การเร่งแซง หรือการขับแบบรีบเร่ง กล่องจะปล่อยให้เกิดการจ่ายน้ำมันที่หนาขึ้น (และอื่นๆ) ช่วยให้ได้สมรรถนะที่สูงขึ้นครับ
ในการจูนกล่อง กล่องที่เป็นแบบกล่องพ่วงหรือ piggyback จะไม่สามารถไปยุ่งกับการจูนน้ำมันช่วง close loop ได้เลย จูนได้เพียงองศาไฟเท่านั้น ทำให้กล่อง piggyback จะเห็นความต่างว่ารถแรงขึ้นได้ชัดเจนก็ในช่วงการกระทืบคันเร่งเท่านั้น ส่วนกล่องแยกหรือ standalone สามารถจูนได้ทุกรอบทุกโหลด จึงเห็นความแตกต่างของึวามแรงได้ตั้งแต่รอบต่ำหรือการกดคันเร่งเบาแล้้ครับ
ผมไม่ใช่จูนเนอร์ อ่านๆฟังๆมาอีกทีครับ
-
ผมขอพูดในมุมที่เข้าใจง่ายๆ ภาษาบ้านๆ ละกันครับ ตามที่รู้มาแบบหางอิ่ง ::) ::)
ระหว่าง close loop กับ open loop
มันคือ
-> โหมดประหยัดน้ำมัน กับ ไม่สนความประหยัด
-> โหมดค่อยเป็นค่อยไป กับ โหมดใส่ไม่ยั่ง
-> โหมดกดคันเร่งนิดหน่อย กับ โหมดกดันเร่งจมทะลุเข้าห้องเครื่องไปเลย
-> โหมดเจี๋ยมเจี้ยม กับ โหมดบ้าพลัง
-> โหมดรักทะนุถนอมเครื่องยนต์ กับ โหมดให้เครื่องยนต์ทำงานเต็มไปเลย
-> โหมดเงียบเสียอ่อยๆ กับ โหมด VTEC คำรามฟ๊อนๆ
ผมนิยามแบบนี้ละกันครับ เข้าใจง่ายดี 55 ::) ::) ::)