Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: phraeboy_mz2 ที่ กันยายน 27, 2019, 10:03:21
-
คือวันก่อน ผมออกตัวไฟแดงไวกว่ารถคันอื่นๆตามปกติที่ผมขับ แต่มีแจ๊ส 2018 ตามหลังผมแต่ปรากฏว่ามันเร่งพุ่งออกมาทิ้งไม่เห็นฝุ่นเลย ซึ่งตรงนี้ผมไม่ได้ติดใจอะไรหรอกเพราะรู้สมรรถนะรถตัวเองดี MZ2 ปี 2012 แรงม้าก้น้อยกว่าแจ๊สแถมมันยังเป็น CVT อีก แต่จากตรงนี้ทำให้ผมสงสัยบางประเด็น เกี่ยวกับเกียร์แบบ torque converter ธรรมดา กับเกียร์ CVT คือ ( อันนี้ไม่ได้เทียบกับรถตัวเองกับรถรุ่นอื่นนะคับ แต่พูดในภาพรวมๆ in general )
1. ถ้าออกตัวพร้อมกัน รถ torque จะสามารถนำรถ CVT ได้หรือไม่
สมมุติว่า รถ A เป็น torque ธรรมดา กับรถ B เป็น CVT รถคันไหนจะนำไปแบบทิ้งห่าง ถ้าไม่พิจารณาถึงแรงม้าแรงบิดอัตราเร่ง
อีกแง่หนึ่ง ถ้านำเรื่องแรงม้าแรงบิดมาพิจารณาร่วมด้วย รถ torque จะนำรถ cvtได้มั้ย ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนเลย อย่าง มาสด้าสาม 2018 กับแจ๊ส 2018 ถ้าออกตัวพร้อมกัน คันไหนจะนำก่อน และหากแจ๊สนำไปก่อน มาสด้าสาม จะสามารถไล่ทันจนนำได้มั้ย
2. รถอีโคคาร์ในตลาดอย่าง สวิฟท์ ซิแอซ มาร์ช มิราจและแอททราจที่ใช้เกียร์ CVTของ JATCO ทำไมสมรรถนะมันดีจังคับถึงแม้แรงม้าจะน้อย เพราะผมเคยเจอหลายครั้งที่ขับตามสวิฟท์ กับ แอททราจ แม้นผมจะใช้ความเร็วถึง 140 ก้ยังตามรถพวกนี้ไม่ทันเลยคับ ผมสงสัยว่าเกียร์ cvt ของรถกลุ่มนี้มันมีผลต่อ performance โดยรวมของรถแน่ๆ ถ้าคนขับใจถึง เท้าถึง และเหยียบเต็มที่แบบซิ่ง เพราะปกติคนขับรถอิโคก้ขับแบบเฉื่อยๆ แต่ถ้ามีขาซิ่งเหยียบรถพวกนี้ก้แรงเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ :-\
-
Cvt ถ้ากดเต็มเท้า รอบมาไว รถก็พุ่งความเร็วไหลดี แต่เกียร์จะทนหรือไม่อีกเรื่อง
-
เทียบกับรถและเครื่องยนต์ที่เหมือนกันเนอะ
1. ช่วงต้น แบบ torque จะนำ cvt เพราะ cvt ต้องค่อยๆออกตัว (ecu สั่งให้อมพลังเอาไว้) ไม่งั้นสายพานกระจาย
ช่วงกลาง-ปลาย cvt จะนำ torque เพราะสายพานจับดีแล้ว จะตื้บแค่ไหนก็ได้
2. ข้อดี cvt คือทดรอบได้ละเอียดกว่า torque จึงได้ประสิทธิภาพการเร่งที่ดีกว่า
แต่ถ้า torque ปรับอัตราทดดีๆ ก็ได้ประสิทธิภาพที่ได้เทียบเท่ากับ cvt
-
เอาเรื่องแรก
AT Torque vs CVT
ถ้าสมมุติว่า รถคันเดียวกัน เครื่องยนต์เดียวกัน น้ำหนักเท่ากัน ทุกๆ เหมือนกัน แต่ต่างกันแค่เกียร์ (สมมุติมีให้เลือก 2 ออฟชั่น)
* ตามความติดผมนะ *
- ระยะ 60 ฟุต AT เร็วกว่า(คล้ายๆ MT จะออกตัวเร็วกว่า AT) เพราะมันมีการทะยานออกในตอนแรกๆ และ พุ้งออกจากจุดนิ่ง(0 km/h) ไวกว่า CVT
- ระยะ 100 เมตร CVT จะเห็นว่าเร็วกว่า AT แล้ว
- ระยะ 100 เมตร ถึง Top Speed ก็ยังเป็น CVT ลอยๆ เลย
ส่วนเกียร์ยี่ห้อที่เอ่ยมา ผม no comment ละกัน
-
1.ถ้าเครื่องยนต์สเปคเดียวกัน torque สปีดน้อยๆเสียเปรียบครับ เพราะ cvt อัตราทดต่อเนื่องกว่า สูญเสียกำลังน้อยกว่า
ช่วงที่ตัดต่อเกียร์ รอบของเกียร์ torque จะตกลง กำลังตกลง แต่ cvt ไม่มีตรงนี้ กำลังพุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว แต่แก้ได้ด้วย
เกียร์ torque ที่มีสปีดเยอะๆ เช่น 8 หรือ 10 สปีด หรือไม่ก็เกียร์ครัชคู่
2. แรงม้าต่อน้ำหนักครับ เบามากๆรถพวกนี้ เคยเจอ มิราจmt เร่งได้โหดเหมือนกัน
นอกจากนี้ผมว่าเป็นที่การเซทช่วงกำลัง บางคันเร่งต้นดี บางคันกลางปลายดี คนขับก็มีส่วนสำคัญมากครับ
-
จากประสบการณ์ขับรถ
- 2200 cc + AT4 มา 350,000 km.
- 2500 cc + CVT 80,000 km
- 1600 cc turbo + CVT 73,000 km
- 1500 cc CVT 36,000 km
- 1200 cc CVT รถเช่า 2500 km
- 1300 cc + AT ก็ mz2 รถเช่า 1500 km
ประสบการ์บอกว่า นอกจากแรงดึงเป็นช่วงๆ ที่ทำให้รู้สึกว่ารถเร็วของเกียร์ AT แบบเดิมๆแล้วนั้น อย่างอื่นๆ น่าจะสู้ CVT ไม่ได้เลยครับ ถ้า CVT ลูกนั้นทนทาน เหมือน AT
และ ถ้าเครื่องเดียวกัน ใส่ AT กับ CVT ผมว่า CVT เหนือกว่าชัดเจน บนเงื่อนไขเดียวกันว่า CVT ต้องทนทานนะครับ
mz2 1300 cc รู้สึกดีกระฉับกระเฉงเมื่อความเร็วต่ำ พอเกิน 80-100 ไปแล้วเหนื่อย ผมว่าพวก 1200 CVT ลอยลำในความเร็วสูงๆได้ดีกว่า สบายกว่า โดยที่รอบเครื่องไม่ได้สูงเลยครับ
CVT ให้เครื่องทำงานในช่วงรอบเครื่องคงที่ ที่ให้ประสิทธิภาพดีที่สุด ณ.ขณะนั้น ได้ตลอด เกียร์ก็ไปคำนวนอัตราทดให้ดีที่สุดได้ทุกขณะ ไม่ว่าจะความเร็วไหนๆ โหลดเท่าไหร่ เพราะอัตราทดมันละเอียดมากๆ ได้ทุกแบบที่เกิดขึ้น
ตัวอย่าง ผมออกตัว ด้วยรอบเครื่อง 1000-1500 จาก 0-60 กม. โดยรอบเครื่องไม่เปลี่ยนเลย จนเร็วเกิน 60 ไปแล้วครับ
คุณสามารถขับ CVT ให้ประหยัดได้ทุกความเร็ว โดยควบคุมคันเร่งให้ดีๆ หมายถึงขับให้ ได้ 20 กม-ลิตร ได้ในเกือบทุกช่วงความเร็วครับ (ขึ้นกับขนาดเครื่องยนต์ด้วยนะครับ ถ้า 1500 ซีซี ขับประหยัด ระดับ 20 กม-ลิตร ได้ตั้งแต่ 40-100 กม-ชม ถ้า 2500 ซีซี ต้องขับ 70-110 ถึงจะได้ 20 กม-ลิตร)
ผมขับ 2500 CVT ให้กินน้ำมันพอๆกับ 1500 CVT ได้ เมื่อวิ่งทางไกลในความเร็วเหมือนๆกันครับ คือ 18-20 กม./ลิตร
ปัจจุบัน ผมคิดว่าจะเลือกแต่รถ CVT ใช้ครับ ถ้ามันไม่ได้เปราะบางเกินไป , CVT8+CVT-M6 ของ Jatco ผ่านนะครับ คือ ทนใช้ได้
-
cvt ที่ดี คือมันดีมากจนผมไม่อยากได้เกียร์ at ธรรมดาเลย
แต่ถ้า jatco ขอบายครับ
-
JATCO 7 เป็นเกียร์ CVT ที่มีขนาดเล็กสุด ถูกสุด แต่มีประสิทธิภาพสูงสุดในท้องตลาด (ข้อมูลเมื่อ 5 ปีที่แล้ว)
JATCO ทำการลดขนาดพูเล่ย์ลง เพื่อลดแรงเสียดทาน ทำให้เกียร์ลูกนี้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ช่วงอัตราทดแคบลง
และใช้เฟืองท้าย 2 สปีดเพื่อเพื่อแก้ปัญหาอัตราทดแคย ทำให้ช่วงทำงานเกียร์กว้างเท่าเกียร์ CVT ลูกใหญ่
เรื่องความทนทาน อันนี้เดาว่ามาจากการบำรุงรักษาไม่ถึง + ออกแบบเกียร์พอดีเกินไปครับ
-
โอ้ว ขอบคุณทุกความเห็นเลยคับ ได้ทราบถึงข้อแตกต่าง ข้อดี ข้อเสีย การใช้งาน คสามรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเกียร์ทั้งสองแบบชัดเจนดีมากคับ ก้ถือว่าแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันนะคับ สมาชิกบอร์ดหลายๆท่านที่ไม่รู้ข้มูลเชิงลึกแบบนี้เหมือนผมก้จะได้เรียนรู้ไปด้วยคับ เพราะกูรูในบอร์ดเรามีเยอะคับ ไม่ผิดหวังเลยเมื่อเข้ามาขอความรู้ในนี้ อิอิ :D
-
CVT ยุคต่อไปของโตต้า จะมีเฟืองขับตอนออกตัวเพิ่มขึ้นมา
เพื่อลดจุดอ่อนตอนออกตัวของ CVT นี่หละครับ :o
-
ถ้ารู้นิสัยเกียร์ ผมว่า cvt ขับมันกว่า at อีกครับ รู้สึกว่ามันเหยียบติดเท้ากว่า ไม่ต้องกดคันเร่งเยอะก็ไปได้แบบเนียนๆ และเร็วด้วย แต่มันไม่ให้ความรู้สึกพุ่งๆ แบบ at แค่นั้นเอง
-
CVT Jatco เป็นเกียร์ที่ "กลางแรงยาว" และ "ต้นหาย(นิดๆ)-ปลายเหี่ยว" ครับ
1. ถ้าไม่ออกแบบให้ต้นอมนิดๆ แหกครับ โดยเฉพาะถ้าใครกล้าบ้าบอ (ไม่ใช่แค่บ้าบิ่น ใช้คำว่าบ้าบอ) ปลด Torque Limiter หรืออะไรราวๆ นั้น ผมกล้าบอกเลยว่าแหก โดยเฉพาะเกียร์ที่สายพานอันเท่าหนังกะติ๊ก
2. CVT-7 สมัยออกมาใหม่ ไม่ใช่แค่ 5 ปี ก่อน ถ้ายังไม่ลืมกัน มาร์ชโฉมนี้คันแรกกับเกียร์ JF015E ก็จะ 10 ปี ในเร็วๆ นี้แล้ว สมัยนั้นจุดเด่นคือช่วงอัตราทดกว้างมาก (4.006-0.55) หรือประมาณ 7.2:1 โดยใช้ตัว... นิสสันเรียกว่า Subplanetary หรือเอาง่ายๆ เกียร์ AT 2 สปีด อัตราทด 1.8:1 พ่วงไว้ ทำให้เป็นเกียร์ที่ถึงจะอมนิดๆ แต่อัตราทดช่วงต้นดีและมีจังหวะ "กระตุก" คือเปลี่ยนเกียร์ราวๆ ช่วง 40-60 กม./ชม. (ถ้าขับแบบปกติ)
3. แต่กระนั้น ด้วยข้อจำกัดขนาดเกียร์และการออกแบบอื่นๆ เกียร์ลูกนี้รับแรงบิดได้ไม่เ่กิน 180-200 Nm ซึ่งน้อยมากๆ โดยเฉพาะเมื่อเอามายัดเครื่องพวก MRA8DE (Sylphy-Pulsar 1.8) หรือ HR16DE (Sylphy-Pulsar-Juke-Livina) ซึ่งแรงบิดเกือบๆ เต็มข้อจำกัดเกียร์ ก็มีโอกาสแหกถ้าขับหรือดูแลไม่ดี ในขณะที่พวก 1.2 Eco-Car ทั้งหลาย แรงบิดมันแค่ราวๆ 100-110 Nm ถ้าไม่มีปัญหาถึงขั้นไม่ได้ถ่ายน้ำมันเกียร์หรือออยรั่ว ก็จะโอกาสแหกน้อยกว่า
4. ด้วยความที่อัตราทดลากยาวมาก รถพวกนี้สามารถกระทืบได้เต็ม Teen จนถึง 120 แบบแข่งกับพวก 1.4-1.5 ที่เกียร์หนืด หรือสับเกียร์ไม่เก่งได้สบายๆ เหมือนกับที่นิสสันเคลมว่า 1.2+CVT อัตราเร่งไล่ๆ กับ 1.4 สมัยนั้น แต่หลังจากนั้นคือ นอกจากเครื่องเองจะหมดแรงแล้ว เกียร์เองก็สุดพลังละเหมือนกัน จุดสำคัญที่สุดคือถ้ากระทืบต่อ มันไปได้ 140-160 จริง แต่อัตราสิ้นเปลืองจะอนาถามาก ผมกล้ายืนยันว่าพวกอีโคคาร์ 1.2 พ่วง CVT-7 พอวิ่งเร็วๆ (120+) กินกว่า Jazz/Fiesta เด้อครับ
-
นอกเรื่องนิดนึง ชัวร์นะครับว่า Jazz คันนั้นเป็น CVT ไม่ใช่ MT 8) 8)
-
ลองเทียบ 0-100 ของสวิฟกับ MZ2 1.5 ตัวเก่าสิครับมันพอพอกันเลยน้ะ
ผมเคยจับ 0-100 ของผมอยู่มันจะอยู่ที่ 12-13 sec
Toq AT มันค้างรอบนานเกินไปอ่ะครับ เสียตรงนี้แหละ
ขนาด F1 ยังแบน CVT เลยน้ะเออ ;D
แต่ไอ้ จัสโง่ CVT7 เนี่ยมันลดต้นทุนเกิ๊น ใช้แรกๆก็สมูทดีอยู่หรอก
หลังๆเริ่มกระตุก เริ่มเย่อ ::) ขนาดเปลี่ยน นมก. ทุกๆ 30k ออกมาดำปี๊ ที่จริงมันไม่ควรเป็นแบบนั้น
เพราะมันใช้ นมก. เป็นเหมือนกาวระหว่างสายพานกับพูลเลย์ ไม่ได้เอาไว้หล่อลื่นอย่างเดียวเหมือนเกียร์ปกติทั่วไป มันควรจะใส
ถ้าใครทีนหนัก ก็เตรียมตัวได้เลย ::) ผมคนนึงแหละทีนหนัก
ทำใจครับ รถใหม่ อัตราเร่งและหลายๆอย่างดีกว่าแน่นอน
-
ที่บ้านกับรถแฟนเป็น city 1500 เครื่องเดียวกัน แต่ต่างปีคือ 2013 กับ 2015
การออกตัว ไต่ความเร็ว การขึ้นเขา การเร่งแซง ต่างกันมาก การกินน้ำมันต่างกันพอสมควร
CVT ชนะหมดทุกด้าน ผมว่า 5AT เดิมค่อนข้างโง่นะ เวลาขับๆขึ้นห้างเกียร์เปลี่ยนขึ้นเองเฉยเลย
ทั้งที่ควรจะลดลงให้ กลับกัน ขับทางไกล แค่เนินนิดเดียว กลับเปลี่ยนเกียร์ลงให้ซะงั้น รอบพุ่ง
เปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็น ขับแล้วหงุดหงิด บวดกับเสาเอ เตี้ย เข้าออกยาก หงุดหงิดสุดๆ
มีตัวเก่าที่ดีกว่าหน่อยคือ การเก็บเสียง เสียงช่วงล่าง กับการประกอบ เสียงกุกกักต่างๆ ตัว 2013 น้อยกว่า 2015
-
ความมันส์ สนุก. ไม่ใช่แค่ออกตัวนะ
แต่ออกตัวไฟแดง ผมก้อชอบครับ.
-
นอกเรื่องนิดนึง ชัวร์นะครับว่า Jazz คันนั้นเป็น CVT ไม่ใช่ MT 8) 8)
กำลังจะมาถามแบบนี้พอดี
ส่วนเรื่องเกียร์
CVT ของ Honda ออกตัวได้ไวกว่า Jatco 7 อีกครับ พอๆ กับเกียร์ 5AT ลูกเดิมใน Jazz ตัวก่อนเลย
-
ที่บ้านกับรถแฟนเป็น city 1500 เครื่องเดียวกัน แต่ต่างปีคือ 2013 กับ 2015
การออกตัว ไต่ความเร็ว การขึ้นเขา การเร่งแซง ต่างกันมาก การกินน้ำมันต่างกันพอสมควร
CVT ชนะหมดทุกด้าน ผมว่า 5AT เดิมค่อนข้างโง่นะ เวลาขับๆขึ้นห้างเกียร์เปลี่ยนขึ้นเองเฉยเลย
ทั้งที่ควรจะลดลงให้ กลับกัน ขับทางไกล แค่เนินนิดเดียว กลับเปลี่ยนเกียร์ลงให้ซะงั้น รอบพุ่ง
เปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็น ขับแล้วหงุดหงิด บวดกับเสาเอ เตี้ย เข้าออกยาก หงุดหงิดสุดๆ
มีตัวเก่าที่ดีกว่าหน่อยคือ การเก็บเสียง เสียงช่วงล่าง กับการประกอบ เสียงกุกกักต่างๆ ตัว 2013 น้อยกว่า 2015
ตัวอย่างการขับขึ้นเนิน สะพาน จะเห็นความต่างได้ชัด เวลาวิ่งมายาวๆ
AT ถ้าเหยียบคันเร่งคงที่ ไม่เติม ความเร็วจะลดลง รอบเครื่องจะตกลง(ตอนนั้นทอร์คล๊อกแล้ว)ทำให้ไม่อยู่ในรอบที่ให้แรงบิดเท่าเดิม ความเร็วจะลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะแรงบิดตกลงชัด จนต้องเหยียบคันเร่งเพิ่ม รอบกวาดขึ้น มีแรงส่งต่อ
CVT ถ้าเหยียบคันเร่งคงที่ ไม่เติม ความเร็วลดลงน้อยไม่มากเท่า AT เพราะ รอบเครื่องอยู่ที่เดิม แรงบิดเท่าเดิม เกียร์จัดการปรับทดอย่างละเอียดให้ ความเร็วก็ตกแต่น้อยมากแทบจะลอยขึ้นเนิน-สะพาน ไปแบบนุ่มนวล
ถ้าได้ขับเครื่องใหญ่ๆหน่อย + CVT นี่ไหลๆเลยครับ กระบะซิ่งทั่วไปถ้าๆไปไล่ๆตามกัน ตอนกระบะเปลี่ยนเกียร์นี่ เราแทบจะชนท้ายเลย ความเร็วตกต่างกันมาก CVT ขึ้นเร็วพุ่งไหลยาวไร้รอยต่อ เปลี่ยนกันซัก 3-4 เกียร์ รอยต่อนี่ทิ้งกันเป็นวินาทีเลย
ผมชอบรถเครื่องใหญ่แรงเยอะ ใส่ CVT มาก เพราะเร็วได้จริงๆ จะขับประหยัดก็ทำได้แบบเหลือเชื่อ สนุกได้ ประหย้ดได้ ไปเรียบๆนิ่มๆแต่เร็ว
-
ความมันส์ สนุก. ไม่ใช่แค่ออกตัวนะ
แต่ออกตัวไฟแดง ผมก้อชอบครับ.
อันนี้ผมเห็นด้วยกับคุณ Pegasus7700 ครับ
ผมละกลัวจริงๆว่าอนาคตจะเป็น cvt กันหมด อารมณ์มันไม่ได้จริงๆ ยกเว้นว่าจะมีการพัฒนาให้มี cvt ที่ให้ความสนุกได้ในรถบ้านๆ อันนี้รับได้ครับ
-
ผมลองมาหลายครั้งละในJazz.เอา 5At ตัวก่อนมาดีกว่าcvt นี่ข้อดีเลยแค่ประหยัด
แถม cvt.เทียบกั บ mt. Mt. ออกตัวเป็นเร็วกว่าครับ ทุกบอดี้เลย cvt.ตันปลายด้วย ปลายไม่ไหล
แตายกคันเร่งจะใช้ engine brake ดันไหล วุ้ย
-
ถ้าช่วงออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง AT จะพุ่งออกไวกว่า ส่วน CVT จะหน่วงๆกว่าเป็นปกติ
แต่ถ้าช่วงเริ่มมีความเร็วแล้ว ยังไง CVT ก็ทำความเร็วได้ไหลต่อเนื่องได้ดีกว่า
สมมุติรถสองคันที่มีกำลังเครื่องสูงสุด 100hp @ 5000rpm, แรงบิด100Nm @4,500rpm เหมือนกัน ต่างกันที่คันนึงใช้เกียร์ 6AT อักคันเป็น CVT
รถ 6AT พอเร่งผ่านจุด peak ของเครื่องจนสุด red line ก็ต้องเปลี่ยนอัตราทด ขึ้นเกียร์ใหม่ เพื่อจะได้เร่งผ่านจุด peak ซ้ำอีกครั้ง นั่นหมายความว่า คันที่ใช้ 6AT จะสามารถใช้จุด peak ของเครื่องยนต์ได้ 6 ครั้ง ถ้าอยากใช้จุด peak มากกว่านี้ก็ต้องเปลี่ยนเป็น 8AT, 10AT
แต่ CVT เนื่องจากมันปรับอัตราทดได้ตลอดและไม่ตายตัว (กรณีที่ไม่ได้ใช้โหมด MT หรือไม่มีระบบตวัดรอบ) นั้นหมายความว่ารถสามารถให้กำลังที่จุด peak หรือใกล้เคียงจุด peak ได้ตลอดเวลา ทำให้เร่งได้เต็มประสิทธิภาพกว่า
แต่สุดท้ายยังไงผมก็ยังชอบอารมณ์ การดึง การเปลี่ยนเกียร์ของ AT มากกว่าอยู่ดี รวมถึงเสียงเครื่องยนต์ตอนที่กวาดรอบด้วย
-
ความมันส์ สนุก. ไม่ใช่แค่ออกตัวนะ
แต่ออกตัวไฟแดง ผมก้อชอบครับ.
อันนี้ผมเห็นด้วยกับคุณ Pegasus7700 ครับ
ผมละกลัวจริงๆว่าอนาคตจะเป็น cvt กันหมด อารมณ์มันไม่ได้จริงๆ ยกเว้นว่าจะมีการพัฒนาให้มี cvt ที่ให้ความสนุกได้ในรถบ้านๆ อันนี้รับได้ครับ
อนาคตเป็นไฟฟ้าครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องออกตัว ไปห่วงเรื่องอื่นดีกว่า
-
นอกเรื่องนิดนึง ชัวร์นะครับว่า Jazz คันนั้นเป็น CVT ไม่ใช่ MT 8) 8)
แรกๆผมก้นึกสงสัยอยู่นะคับว่ามันเปน MT มั้ย แต่เห็นว่าแจ้สรุ่นนี้มันเป็น cvt ก้เลยเข้าใจแบบนั้นคับ แต่รุ้สึกว่ารุ่นนี้จะมี MT ด้วยเนาะคับ แต่ผมก้ตอบไม่ไเเหมือนกันคับ ว่าเปนอะไรกันแน่ แหะๆ :P
-
ก็อัตราทดมันทำได้เยอะกว่านิเนอะ :D
-
รถผมเครื่อง 1500 เกียร์ CVT ผมเหยียบไว้ที่ 2-3พันรอบ ความเร็วก็เริ่มมาแล้วครับ ถ้าเป็น Altis 08 ของแฟน ต้องเหยียบ 3 พันรอบขึ้น แต่คันเร่ง Altis ไวดีครับ เลยไม่รู้สึกว่าหน่วงเท่าไหร่ Jazz คันนั้นอาจจะทำคันเร่งหรือจูนกล่องมาก็ได้นะ หรือเข้าเกียร์ S ให้รอบดีดมาอีกสักพันรอบก็ได้ครับ
-
ที่บ้านกับรถแฟนเป็น city 1500 เครื่องเดียวกัน แต่ต่างปีคือ 2013 กับ 2015
การออกตัว ไต่ความเร็ว การขึ้นเขา การเร่งแซง ต่างกันมาก การกินน้ำมันต่างกันพอสมควร
CVT ชนะหมดทุกด้าน ผมว่า 5AT เดิมค่อนข้างโง่นะ เวลาขับๆขึ้นห้างเกียร์เปลี่ยนขึ้นเองเฉยเลย
ทั้งที่ควรจะลดลงให้ กลับกัน ขับทางไกล แค่เนินนิดเดียว กลับเปลี่ยนเกียร์ลงให้ซะงั้น รอบพุ่ง
เปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็น ขับแล้วหงุดหงิด บวดกับเสาเอ เตี้ย เข้าออกยาก หงุดหงิดสุดๆ
มีตัวเก่าที่ดีกว่าหน่อยคือ การเก็บเสียง เสียงช่วงล่าง กับการประกอบ เสียงกุกกักต่างๆ ตัว 2013 น้อยกว่า 2015
ใช้ jazz 5at จะยิ่งหงุดหงิดกว่านี้อีก จ้องจะ kickdown เพื่อกระโจนลูกเดียวเลย อิอิ
-
ผมลองมาหลายครั้งละในJazz.เอา 5At ตัวก่อนมาดีกว่าcvt นี่ข้อดีเลยแค่ประหยัด
แถม cvt.เทียบกั บ mt. Mt. ออกตัวเป็นเร็วกว่าครับ ทุกบอดี้เลย cvt.ตันปลายด้วย ปลายไม่ไหล
แตายกคันเร่งจะใช้ engine brake ดันไหล วุ้ย
engine brake นี่แล้วแต่บริษัทรถจูนมาเลยครับ
เท่าที่สังเกต ถ้ารถใหญ่ ออกแบบวิ่งทางไกลยาวๆ engine brake จะน้อย เอาไว้ไหลๆยาว
ถ้ารถเล็กเครื่องเล็ก สำหรับใช้ในเมือง engine brake จะมาไวและเยอะกว่า ทำให้ขับในเมืองที่รถวิ่งๆหยุดๆได้ง่าย ใช้เบรคน้อย
Sienta นี่ engine brake ค่อนข้างเยอะ และมาทุกช่วงความเร็ว มีจนกระทั่งรถจอด ยกคันเร่งปุ๊บ แรงดึงมาเลย ขับชลอจอด บางทีแทบไม่ต้องเบรค
Teana มี engine brake จนความเร็วช้ากว่า 40 ตัดปล่อยไหล
Sylphy DIG ตัดปล่อยไหลช้ากว่า ราวๆ 30
และ แรงดึงเหมือนน้อยกว่า Sienta
-
ด้านความประหยัด การถ่ายทอดกำลังที่แปรผันต่อเนื่อง ชื้นส่วนน้อย ต้นทุนต่ำ = CVT
ด้านความแข็งแรงทนทาน อายุการใช้งานยืนยาวไม่เสียง่าย รองรับแรงบิดฉุดกระชากมหาศาลจากเครื่องยนต์ได้ดี และรองรับภาระการฉุดลากได้มาก = Torque Converter
รถเกียร์ Torque Coverter ปัจจุบันในไทยเริ่มต้นจาก 6 Speed เป็นอย่างต่ำ และมีการใช้ Engine Brake ได้ดีกว่า CVT อย่างชัดเจนโดยเฉพาะเวลาลงเขาลาดชันที่อันตราย
โดยส่วนตัว ผมยังหลงรัก Torque Converter อยู่ ถึงแม้ CVT ส่วนใหญ่จะมีความสามาถประหยัดน้ำมันได้เหนือกว่าก็ตาม
รถยุโรปสายพันธุ์แท้ทุกเซ็กเม้นท์ก็ยังคงใช้ระบบ Torque Converter ส่วนรถญี่ปุ่นจะเป็นระบบ CVT ในรถยนต์นั่งและ SUV ขนาดกลาง
-
1.ถ้าภาพรวมยังไงมันได้อยู่แล้วครับ CVTที่ผมเคยขับๆมาส่วนใหญ่มันจะอมตอนออกตัวนิดนึง
2.ผมขับมาเกือบหมดละ มันไม่ได้แรงอะไรนะ อยู่ที่คนมากกว่า บางทีเค้ากดรถลอยลำมาแล้วอ่ะ วัดกันลำบาก
CVT JATCO ผมชอบแค่ตอนมันเยอร์อ่ะ ไม่ต้องเบรคบ่อยๆ ดีมากขับในเมือง อารมณ์เอนจิ้นเบรค
-
ตั้งแต่ใช้รถที่เป็ยเกียร์ CVT (City zx,City2016) ผมชอบมากครับไม่ต้องเค้นเหยียบคันเร่งเลย ไปแบบนุ่มๆ แต่ไปเร็ว ข้อเสียที่ไม่ชอบเลยคือ พอถอนคันเร่งเกิด engine brake แรงไปหน่อย
ปล.ผมว่า cvt ถ้าขับปกติไม่ซัดโหดตลอดนี่ทนมาก city zx ใช้มา11ปี 360,000โล เปลี่ยนแค่ฟรายวีลล์เกียร์แค่นั้น
-
เข้ามาดูดความรู้ 8)
ล่าสุดผมเพิ่งขับสวิฟ รถเพื่อน ทำไมเร่งขึ้นยากจัง 140 นี่เหนื่อยนะกว่าจะถึง
-
ตั้งแต่ใช้รถที่เป็ยเกียร์ CVT (City zx,City2016) ผมชอบมากครับไม่ต้องเค้นเหยียบคันเร่งเลย ไปแบบนุ่มๆ แต่ไปเร็ว ข้อเสียที่ไม่ชอบเลยคือ พอถอนคันเร่งเกิด engine brake แรงไปหน่อย
ปล.ผมว่า cvt ถ้าขับปกติไม่ซัดโหดตลอดนี่ทนมาก city zx ใช้มา11ปี 360,000โล เปลี่ยนแค่ฟรายวีลล์เกียร์แค่นั้น
เรื่อง CVT ทนทานนี่ ยังน่าสนใจ CVT7 jatco มีวิ่งได้ถึง 500,000 กม ก็มี คันนั้นใช้วิ่งเป็นรถรับ-ส่ง นทท. วิ่งแต่ ตจว.ส่วนใหญ่ หลายคันก็ถึง 3 แสน แบบเดิมๆ
ส่วนตัวเชื่อว่า วิธีขับขี่มีผลจริง และการดูแลอาจต้องละเอียดกว่า AT ครับ
-
ผมว่าเกียร์อัตโนมัติแบบเฟืองหรือทอร์คคอนเวิร์ตเตอร์นี้ดูจริงใจ ให้ความซื่อสัตย์และคาดเดาอาการได้ง่ายกว่าเกียร์ cvt นะครับ เพราะเกับร์อัตโนมัติแบบ torque converter ความเร็วกับรอบมักจะแสดงได้เข้าใจกันมากกว่า เกียร์นี้ รอบเท่านี้ ความเร็วเท่านี้ เข้าใจได้ง่ายกว่า cvt ที่บางทีกดไปที่รอบ2000แล้วความเร็วยังไม่ถึง50กม./ชั่ฝโมงเลยครับ(jacto7) อีกทั้งยังมี engine brake ที่ดีกว่าเวลาขับลงเขาครับ
-
นอกเรื่องนิดนึง ชัวร์นะครับว่า Jazz คันนั้นเป็น CVT ไม่ใช่ MT 8) 8)
ถ้าเป็นMT จะสู้ CVTไหวไหมครับ
-
อยากรู้ว่า jatco ใส่รถรุ่นไหนบ้างในปัจจุบัน จะได้บอกให้คนอื่นระวังครับ ???