Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: diamond4me ที่ ตุลาคม 21, 2019, 09:54:42
-
เริ่มสตาร์ทติดขัดหน่อย ก็ควรรีบเปลี่ยนแบตเลยไหม?
-
ดูอายุแบตก่อนเลยครับ ถ้าแบตแห้ง กึ่งแห้ง เกิน 2 ปี ก็ต้องระวังหน่อย
สัญญาณเตือนเรื่องต้องลากเวลาสตาร์ทนี่ ถ้าผิดปกติแบบรู้สึกได้
ผมว่าเปลี่ยนเลยดีกว่า เพราะเวลาแบต หมดแล้วหมดเลย
หมดที่บ้านไม่เป็นไร แต่ถ้าหมดนอกบ้าน อาจงานงอก+โดนฟัน
เรื่องแบบนี้ผมเคยลองเสี่ยงมาแล้ว เสียเวลาอย่างแรง ยิ่งรีบๆอยู่ด้วย
เพิ่มอีกหน่อย ที่จริงมันก็มีไฟไว้ให้ตรวจดูด้วยสายตาด้วยนะครับ
ลองดูตามคำแนะนำบนหม้อแบต
-
ถ้ามีเครื่องตรวจ ก็บอกได้ครับ เช่นวัดกำลังสำรอง วัดค่าความต้านทานภายใน
แต่ถ้าไม่มี ต้องตรวจว่า ระบบชาร์ทกลับ ทำงานได้สมบูรณ์ไหม
แบตขาดการประจุกลับเข้าหรือไม่
จึงจะบอกได้ครับ ว่าบกพร่องตรงไหน
-
ขอพ่วงถามครับ มีหลักดูไหมว่าถ้ารถจอดเฉยๆ ไม่ได้เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าใดเลย มีการใช้ไฟเกินเท่าไหร่จึงจะถือว่า "ผิดปกติ" อาจมีไฟรั่ว .. พอดีที่บ้านมีรถคันนึงสังเกตว่าแบตอายุสั้น จอดไม่นาน (1-2 สัปดาห์)ก็มีอาการสตาร์ทยาก แม้จะเป็นแบตใหม่
-
ใช้เครื่องวัด CCA วัดเลยครับ ( Cool Cranking Ampere )
สามารถวัดโวลด์ วัดความต้านทานแบต และวัดCCA ได้ครับ
CCA เยอะแสดงว่าแบตนั้นยังมีสภาพดี เก็บไฟอยู่ครับ
เช่น ถ้ารถเครื่อง 2000 ซีซี ถ้า CCA มากกว่า 260 ยังสตาร์ทได้ครับ
เช่น ถ้ารถเครื่อง 1500 ซีซี ถ้า CCA มากกว่า 195 ยังสตาร์ทได้ครับ
(แบตใหม่ 65 แอมป์ ค่า CCA ประมาณ ห้าร้อยกว่า ถึง หกร้อยครับ)
ถ้าCCA มีค่าน้อย ความต้านทานแบตเตอรี่มีค่าสูง
แปลว่าแบตเสื่อมแล้ว เก็บไฟไม่อยู่แล้วครับ
เช่น หากแบตเสื่อมแล้ว ชาร์จไฟได้อยู่ครับโวลท์เพิ่มพร้อมสตาร์ท แต่"เก็บไฟไม่ได้"ครับ
จะเห็นได้จากตอนเช้าสตาร์ทได้ปรกติด พอจอดรถทิ้งไว้ตอนเย็นมาสตาร์ทใหม่ไม่ติดแล้วครับ
หน้าตาเครื่องวัดตามกระทู้นี้เลยครับ
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=72774.0
-
1.สังเกตตาแมว 2.เอาให้ชัวร์+ไม่เดือนร้อนเรื่องเงิน 1.5-2 ปี ก็เปลี่ยนลูกใหม่ครับ (แต่หาร้านที่ไว้ใจได้หน่อยนึง อาจเก็บข้อมูลจากพวกกลุ่มรถตู้ในพื้นที่)
-
ขอพ่วงถามครับ มีหลักดูไหมว่าถ้ารถจอดเฉยๆ ไม่ได้เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าใดเลย มีการใช้ไฟเกินเท่าไหร่จึงจะถือว่า "ผิดปกติ" อาจมีไฟรั่ว .. พอดีที่บ้านมีรถคันนึงสังเกตว่าแบตอายุสั้น จอดไม่นาน (1-2 สัปดาห์)ก็มีอาการสตาร์ทยาก แม้จะเป็นแบตใหม่
เคยได้ยินว่า 10-50 มิลลิแอมป์ ยอมรับได้ครับ
-
ผมฟังเสียงสตาร์ทเอา ถ้ามีอาการอืดกว่าปกติ(หลังจากจอดเกินสัปดาห์)
หรือสังเกตกับกล้องติดรถก็ได้ ถ้าเปิดกุญแจ มันทำงานไปแล้ว สตาร์ทเครื่อง มันรีสตาร์ทใหม่ ยิ่งสองสามวัน มันแสดงอาการ นั่นมันกลับบ้านไปแล้วครับ
-
ครบ 2 ปีเปลี่ยนเลยก็ดีครับ
-
ดูอายุแบตก่อนเลยครับ ถ้าแบตแห้ง กึ่งแห้ง เกิน 2 ปี ก็ต้องระวังหน่อย
สัญญาณเตือนเรื่องต้องลากเวลาสตาร์ทนี่ ถ้าผิดปกติแบบรู้สึกได้
ผมว่าเปลี่ยนเลยดีกว่า เพราะเวลาแบต หมดแล้วหมดเลย
หมดที่บ้านไม่เป็นไร แต่ถ้าหมดนอกบ้าน อาจงานงอก+โดนฟัน
เรื่องแบบนี้ผมเคยลองเสี่ยงมาแล้ว เสียเวลาอย่างแรง ยิ่งรีบๆอยู่ด้วย
เพิ่มอีกหน่อย ที่จริงมันก็มีไฟไว้ให้ตรวจดูด้วยสายตาด้วยนะครับ
ลองดูตามคำแนะนำบนหม้อแบต
+1
-
ผมฟังเสียงสตาร์ทเอา ถ้ามีอาการอืดกว่าปกติ(หลังจากจอดเกินสัปดาห์)
หรือสังเกตกับกล้องติดรถก็ได้ ถ้าเปิดกุญแจ มันทำงานไปแล้ว สตาร์ทเครื่อง มันรีสตาร์ทใหม่ ยิ่งสองสามวัน มันแสดงอาการ นั่นมันกลับบ้านไปแล้วครับ
+1
-
ฟังเสียงสตาร์ทครับ มันจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ถ้าเริ่มรู้สึกก็เปลี่ยนได้เลย ที่ปล่อยตายกัน หลายคนรู้สึก แต่ช่างมันเอาไว้ก่อนค่อยเปลี่ยน ก็เรียบร้อย
-
ถ้าแบตเสื่อม สตาร์ทช้าแล้ว คือการส่งสัญญาณระยะท้ายๆแล้วครับ
ลองวิธีง่ายๆครับ เปิดสวิตออน เปิดไฟในห้องโดยสาร สังเกตุว่าแสงไฟหรี่ ไม่สว่างเหมือนเดิมครับ
-
ขอพ่วงถามครับ มีหลักดูไหมว่าถ้ารถจอดเฉยๆ ไม่ได้เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าใดเลย มีการใช้ไฟเกินเท่าไหร่จึงจะถือว่า "ผิดปกติ" อาจมีไฟรั่ว .. พอดีที่บ้านมีรถคันนึงสังเกตว่าแบตอายุสั้น จอดไม่นาน (1-2 สัปดาห์)ก็มีอาการสตาร์ทยาก แม้จะเป็นแบตใหม่
เคยได้ยินว่า 10-50 มิลลิแอมป์ ยอมรับได้ครับ
ขอบคุณครับ
-
แช๊ะเดียวไม่ติดก็เริ่มติดตามอาการ ฟังเสียงบ่อยๆละครับ หลังจากนั้นไม่นานหรอก มันก็ไป