Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: karavek ที่ พฤศจิกายน 25, 2019, 22:52:44
-
เห็นช่วงนี้ ทั้งนิสสัน และฮอนด้าเปิดตัวเครื่อง 1.0 Turbo เลยสงสัยว่าช่างของทั้ง 2 เจ้า จะรับมือไหวไม๊... ไม่ใช่ว่าเครื่องมาดี แต่มาตายตอนบำรุงรักษานะครับ
-
รถกระบะ บ้านๆ แทบทุกยี่ห้อ ก็ใช้เทอร์โบ เป็นมาตรฐานนับสิบๆปีแล้วนะครับ
ผมคิดว่า เรื่องเทอร์โบ อาจจะเป็นเรื่องใหม่ สำหรับคนที่เพิ่งเคยใช้รถยนต์นะครับ
ใช้ไป เดี๋ยวก็รู้เอง ฮิ..ฮิ..
-
ต่างกับเครื่องปรกติ อย่างไรหรือครับ
ที่ว่าต้องพร้อมหน่ะ
-
1.5 T มาเป็นชาติละ ทำไมช่างจะทำไม่เป็น หลักการเดียวกันหมด
-
เท่าที่รู้ตอนนี้ 1.5 โบ ของฮอน เจ้าของต้องสละเวลาเข้าตรวจเช็คระยะบ่อยกว่ารถปรกติ ส่วนมาก วิ่งได้อยู่ที่ 5,000 -7,000 กิโลเมตร ต่อครั้ง เเล้วเเต่ไฟจะเตือน ไม่ใช่ปัญหาการดูเเลของช่าง เเต่เป็นของลูกค้ามากกว่า ที่ต้องยอมเสียเวลาเยอะขึ้นนิดนึง
หมั่นดูเกจวัดความร้อน วิ่งมายาวๆจอดรถเเล้วก็วอมดาวสักนิดนึง ช่วยถนอมชิ้นส่วน น้ำมันเครื่องพยายามใช้ของดีๆไว้ก่อน
-
ในฐานะที่ Turbo ของเจ้า 2 ดีเซลเคยลาโลกมาแล้ว
ผมเชื่อว่าช่างไทยอ่ะพร้อมครับ แบรนด์เองนั่นแหละจะพัฒนาให้พร้อมตามรึเปล่า
-
ช่างพร้อมครับ ระบบ Turbo มีในรถ ขนผัก ใช้มาหล่ 10 ปีแล้ว ไม่ใช่พึ่งมี
และ ทนมากๆ ด้วยหากไม่พิเรน และ บำรุงรักษา ถูกต้อง
-
ตอบตามจริง ค่าซ่อมบำรุงสูงกว่าแน่นอนครับ เมื่อเทียบกับ 1.5NA หรือ 1.2NA ธรรมดา
แค่เทอร์โบพังตัวนึงก็เสียเงินซ่อมครึ่งแสนได้ละ(อู่นอกก็ว่ากันไป)
ส่วนเรื่อง know how ของช่างนี่สบายครับ
ช่างเดี๋ยวนี้ เรื่องซ่อมเรื่องเล็กละ เขามองข้ามไปถึงจะแต่ง จะแปลง จะโม จะแรง ยังไงแล้วครับ
-
เห็นคำถามนี้แล้ว ผมนึกถึง Honda Odyssey และ Mitsu SpaceWgn คันเก่าเลย
ผม : น้องๆ ล้างตู้แอร์หลังด้วยนะ
พนักงานรับรถ : ??? สตั้นท์ไปแป๊บ แล้วถามผมกลับแบบงงๆ มีด้วยเหรอพี่
-
turbo เขามีมานานแล้ว ถ้าใช้ตามที่ รง.กำหนด ผมว่าพังยาก
-
ผมว่าซ่อมง่ายกว่ารถไฮบริดอีกนะ
-
ช่างพร้อมที่จะซ่อมอยู่แล้ว ปัญหาคงอยู่ที่เจ้าของรถพร้อมที่จะจ่ายค่าซ่อมหรือเปล่า
-
เทอร์โบมันพังง่ายขนาดนั้นเลยหรอครับ
-
เทอร์โบมันพังง่ายขนาดนั้นเลยหรอครับ
ใช้งานปกติ มันก็ไม่ได้พังง่ายขนาดนั้น แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่พังนะครับ กี่กิโลเมตรว่าไป ซึ่ง NA มันตัดจุดนี้ไปเลย จริงไหม
ส่วนคนที่ใช้งานเยอะ ใช้งานหนัก มันก็มีโอกาศพังหรือถึงระยะดูแลเร็วกว่ากำหนด จริงไหมครับ
ปล.รถผมเทอร์โบ 2 ลูก ก็คิดเรื่องดูแลรักษาไว้เช่นกัน
-
มันก็ไม่มีอะไรนี่ครับ
ชิ้นไหนพัง เปลี่ยนชิ้นนั้น
รถกระบะใช้เทอร์โบไม่เห็นเป็นประเด็นอะไร เก๋งยุโรปก็ใช้เทอร์โบกันเป็นปกติ
-
เรื่องช่างซ่อมไม่เท่าไรครับเครื่องเทอร์โบสบาย ๆ ห่วงแต่เรื่องเบิกอะไหล่ศูนย์มากกว่า ;D ;D ;D
-
ผมเป็นห่วงผู้ใช้มากกว่าครับ ถ้าดูแลรักษาไม่ดีนี่จะพังเอาง่ายๆตั้งแต่ไม่กี่หมื่นโล....
ถึงเวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก็เข้าให้ตรงรอบ หรือถ้าจะไปเข้าอู่นอกเองก็เลือกใช้ของเหลวต่างๆให้ดีหน่อย
น้ำมันเกียร์อย่าลากนาน ถึงเวลาที่เหมาะสมก็เปลี่ยน
จะว่าไปมันก็ไม่ได้ดูแลยากไปกว่ารถ NA เดิมๆสักเท่าไหร่ ขอแค่เข้าใจว่าต้องดูแลยังไง
บางคนยังมีความเชื่อว่ารถใช้ๆไปไม่ต้องดูแลมากมันก็ไม่พังแบบรถสมัยก่อนๆ จะคิดแบบนั้นก็คงไม่ได้แล้ว
-
รอชมครับ
-
เครื่องยนต์สันดาป มีมาเป็นชาติ ซ่อมไม่เป็นก็ไม่ต้องเป็นช่างยนต์คับ
ที่มีปัญหามันคือระบบไฟฟ้า ออฟชั่น ของเล่นจุ๊กจิ๊กต่างหากที่ทำให้ ปวดหัว
-
ที่แน่ๆช่างจูนจะมีงานทำขึ้นในยุคเครื่อง turbo
โรงงานตอนม้าตอนบิดเพื่อให้ผ่านเกณฑ์ ส่วนช่างจูนก็จูนม้าจูนบิดให้เท่าหรือมากกว่าสเปคนอกได้สบายในราคาเบาๆ ไม่ต้องทำเยอะเหมือนรถ na
อย่าง city 1.0turbo เครื่องเดิมไม่ต้องเพิ่มของน่าจะจูน 140-150ม้า /220-230นิวตันได้ไม่ยาก ซึ่งเทียบเท่าเครื่อง 2.0na+ ได้สบายโดยจ่ายค่าจูนเพียงหลักพันบาท ซึ่งถ้าลงทุนหลักหมื่นทำของด้วยก็ไปอีกไกล
แต่ที่ห่วงคือเรื่องช่วงล่างกับเบรคเพราะโรงงานเค้าเซ็ตมาให้เป็นแค่ eco/city car เท่านั้น
-
1.0T ของ Almera ขออย่าให้ดังเหมือนเทอร์โบนาวาร่าก็แล้วกันนะครับ
-
มันยากตรงไหน ?
Turbo ในกระบะ มีมาเกิน 10 ปีแล้ว ไม่ได้งานยากอะไร แล้ว ก็พิสูจน์กันแล้วว่า ค่ายไหนเทอร์โบเปราะ พังไว
ในเก๋ง Civic ขายมาหลายปี ก็ยังไม่มีประเด็นอะไร ก็แค่ ถ่ายน้ำมันไวกว่ากำหนดหน่อย ยิ่งเวลาวิ่งในเมืองประจำ ไฟเตือนขยันขึ้นจริงๆ
ใน Pulsar DIG ใช้มา 2 ปี ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่ารถปกติ service ทุกหมื่นกม. เหมือนกัน จะมีแค่ ระวังตอนซัดมายาวๆ แล้ว แวะเข้าห้องน้ำ ก็จะไม่ดับเครื่อง เอากุญแจไขล็อค แค่นั้นครับ
-
รอดูกันไปยาวๆ สามสูบเทอร์โบ
-
เทอร์โบถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะ ไม่บูสท์เกิน ทนเท่าอายุรถ
ไม่ใช่ยุคซุปเปอร์ชาร์ท ที่ลูกปืนมีอายุ
-
ผมว่าเครื่องหนะไม่น่าห่วงเลย
ห่วงเกียร์CVTมากกว่า แค่ธรรมดาNAยังพัง ไม่รู้ทำมาเผื่อแรงบิดของturboมากน้อยแค่ไหน
-
ช่างกับศูนย์พร้อมอยู่แล้วครับ เรื่องการซ่อมและดูแล
ห่วงเรื่องคนจะใช้ดีกว่าครับ ว่าเข้าใจหลักการรถเทอร์โบดีรึยัง
-
เครื่องไม่เท่าไร
แต่เกียร์ CVT สร้างชื่อไว้เยอะกว่า
-
เทอร์โบมันพังง่ายขนาดนั้นเลยหรอครับ
ใช้งานปกติ มันก็ไม่ได้พังง่ายขนาดนั้น แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่พังนะครับ กี่กิโลเมตรว่าไป ซึ่ง NA มันตัดจุดนี้ไปเลย จริงไหม
ส่วนคนที่ใช้งานเยอะ ใช้งานหนัก มันก็มีโอกาศพังหรือถึงระยะดูแลเร็วกว่ากำหนด จริงไหมครับ
ปล.รถผมเทอร์โบ 2 ลูก ก็คิดเรื่องดูแลรักษาไว้เช่นกัน
ผมว่ารถเก๋งเล็ก ถ้าดูแลตามระยะ และไม่อัดหนักหรือเค้นเครื่องจนเรดไลน์ตลอดคงไม่น่าจะพังไว รถผมโบเดี่ยวมันก็ยังปกติอยู่ครับ ตอนนี้ก็เข้าหลักสี่แสนโลแล้วนะครับ
-
น่าจะเหมือน 1.5 T แหละครับ
-
สบายครับ มันไม่ได้ซับซ้อนอะไร
-
สมัยนี้ เหมือนแต่ละศูนย์ ช่างไม่พอหรือไง หรือรถเยอะเกินไป ทำไม่ทัน ทำไม่ไหว
-
น่าจะซ่อมบำรุง ดูแล ง่ายนะครับ เข้าศูนย์ตามระยะก็จบ 8)
-
เฟียสต้า 1.0 เค้าลืมเราแล้วสินะ :'( ช่างนอกยังซ่อมได้อ่ะคิดดู
-
เครื่องไม่กลัวเลยครับ ตัวแต่เกียร์ cvt จะทนหรือเปล่า
-
ผมว่าความทน แบบยุคก่อนมันหมดไปเเล้วครับ แบบยุค 90 2000 ตอนนั้น
สมัยนี้ผมว่าวิ่งได้ 150,000 โล ถ้าไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่เครื่อง/เกียร์เลย ผมว่าก็บรรลุเป้าหมายค่ายรถเค้าแล้ว
Turbo ไม่ได้แปลกใหม่ มีแต่คนใช้แหละเห่อกันไปเองครับ กลัวเกียร์ CVT จะพังก่อนอีกต่างหาก เพราะรถติดโบ คนขับมันก็จะเหยียบมันๆ ขึ้น CVT มันไม่ใช่เกียร์เน้นทนอะไร
-
เกียร์ 2ค่ายนี้ อันไหนทนกว่ากันครับ
-
ตอบตามคำถามครับ ช่างนิสสัน พอซ่อมได้ ไม่มั่นใจเปลี่ยนทั้งชุด
ช่างฮอนด้าเคยถามหัวหน้า 2-3ศูนย์ ว่าซ่อมเป็นมั๊ย เค้าบอกไปอบรมมาแล้ว สรุปคือซ่อมไม่เป็น เปลี่ยนทั้งชุดเหมือนกัน
ส่วนค่ายอื่นที่ศูนย์เคยมีประสพการณ์ ซ่อมมาแล้วน่าจะซ่อมกันพอได้
ส่วนการบำรุงรักษา ก็ตามคู่มือระยะเท่าไหร่เปลี่ยนอะไรบ้าง
-
Genuine Technician ได้รับการอบรมเรียบร้อยแน่นอน