Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: FlowMind ที่ สิงหาคม 30, 2010, 23:18:40
-
ในบรรดารถที่ช่วงล่างเป็น Torsion Beam คันไหนช่วงล่างดีสุดอ่าคับ
-
ตอนนี้น่าจะเป็น Zafira
อนาคตน่าจะเป็น Cruze 8)
-
รถเล็กสัญชาติญี่ปุ่น ส่งสวิฟท์เข้าชิง 1 คัน
-
เท่าที่เคยขับมานะครับ
Estima ก็เกาะใช้ได้นะครับ แต่มันนุ่มไปหน่อย เพราะฉะนั้นขอยกตำแหน่งนี้ให้
Chevrolet Zafira ละกันครับ เกาะ หนึบ แน่น ไม่เด้ง
เสริมอีกนิด(คิดถึง) รถ Mini van คันเล็กพอๆกับ Vios City แต่ขับเร็วนิ่งมั่นใจเหมือนพวก Accord camry
รถคันเล็กๆ แต่นั่งได้ 7 คน เบาะนั่งออกแบบมาสุดยอด พับเบาะแล้วมันคือที่นั่งเล่นไพ่ดีๆนั่นเอง
-
Peugeot 405 ครับ หนึบระดับหาตัวจับยากเลยล่ะ
หรือใครจะเถียง.. ;D
-
เอาเฉพาะที่ผมเคยสัมผัสมาแล้วคัดเหลือมาก็
ช่วงล่างเน้นแน่นๆแข็งๆหน่อย แต่เกาะ alfa 155 , peugeot 205 gti , opel kadet 3 dr
ทั้งเกาะและนุ่มนิดนึงก็ peugeot 405 , นุ่มกว่าอีกนืดก็ opel astra แฮทช์แบ็ค ,Volkswagen Vento นุ่มขึ้นมาอีกแต่ขับไม่มันเท่า
แต่ที่ขับมารู้สึกว่าทั้งเกาะและขับมันที่สุดคือ peugeot 205 gti กับ alfa gtv 1750 (คานแข็ง)
จำพวกรถแนว mpv ที่ใช้ช่วงล่างแบบนี้ก็มีเยอะครับ ดีๆก็มีเยอะ แต่ฟิลลิ่งการขับมันก็มีข้อจำกัดด้วยขนาดของมัน ต่อให้มันจะเกาะขนาดไหน สำหรับผมรถที่ใช้ช่วงล่างแบบนี้ ต่อให้เป็นรถ mpv ก็เถอะ ซึ่งส่วนใหญ่เซตมาแนวทางนิ่มนวล
(ใครบ้าจะไปเซตรถแนวนี้ให้แข็งโดกเดกแต่โครตเกาะถนนแล้วมาบอกว่าช่วงล่างคันนี้เป็น Torsion Beam ที่ดีที่สุด)
ผมขอให้นั่งแบบนิ่มนวลสบาย เกาะพอตัว ผมก็ถือว่านี่คือรถที่ช่วงล่างดีแล้วสำหรับผม
ความคิดเห็นส่วนตัวครับ
-
opel astra +1เสียงครับ
-
ไม่แน่ใจว่า จขกท จะให้เทียบกันในเฉพาะ B secment ป่าวนะ เช่น vios jazz mazda 2 ประมาณนี้ หรือเอาหมดทุกคันทุกแบบคับ
-
ถ้ารถยุโรป ยกให้ Zafira ถ้ารถเล็กญี่ปุ่น Swift อีกเสียงงับ
-
เปอร์โยต์ ตามที่ท่านข้างบนหลายท่านบอกมานั่นแหละครับ เจ้าพ่อคานแข็งเกาะหนึบตัวจริง
อัลฟ่า บางรุ่นก็ดีครับ เดอดิออง มั๊ง ชื่อช่วงล่างหลังของอัลฟ่า ที่เกาะหนึบใกล้แบบอิสระแท้ ที่ทำได้ก็เพราะการออกแบบให้เกียร์ไปอยู่ท้ายรถ ทำให้รถมีบาลานซ์น้ำหนักหน้าหลังดีกว่าเปอร์โยต์ ถ้าจำไม่ผิดนะครับ เพราะรุ่นนี้กว่า 20 ปีแล้ว
รถซับคอมแพ็กซ์ปัจจุบันในไทย วีออส ยารีส ซิตี้ แจ๊ส มาสด้า2 เฟียสต้า สวิฟท์ มีพื้นฐานช่วงล่างหลังแบบคานแข็งให้ตัวได้นิดหน่อยเหมือนกัน จึงสามารถปรับแต่งให้ เกาะถนนใกล้เคียงกันได้ครับ
ความแตกต่าง ขึ้นกับว่า โรงงานจะตั้งใจขายให้ใครใช้
ถ้าขายคนรักความสบาย เขาก็จะปรับบางรุ่นให้นิ่ม
ถ้าขายคนรักซูมซูมหรือซิ่ง เขาก็จะปรับรุ่นท็อปให้แข็ง
สรุปแล้ว ช่วงล่างคานแข็งให้ตัวได้ในรถเล็กเมืองไทย รุ่นเกาะถนนจะกระด้าง รุ่นเกาะถนนน้อยจะนุ่มกว่า เท่านั้นเองครับ
ชุดแต่งช่วงล่างครบชุดหน้าหลัง ทั้งช็อคและสปริง แบบปรับช็อคได้หลายระดับ จึงเป็นชุดแต่งที่เหมาะกับคนที่มีความต้องการช่วงล่างคุณภาพสูง
ถ้าเน้นเรื่องเกาะถนนในรถเล็กพวกนี้ จำเป็นต้องเปลี่ยนช่วงล่างครับ
รถซับคอมแพ็กซ์ที่ว่าย้วยๆนิ่มไม่ได้เรื่อง เปลี่ยนชุดของ Tein ครบเซ็ต รับรองว่า เกาะหนึบกว่า เพื่อนร่วมคานแข็งไปในทันที
ดังนั้น ถ้ามีความต้องการใช้รถซับคอมแพ็กซ์ ที่เกาะถนนที่สุด และเป็นจุดใหญ่ในการเลือกรถ
เลือกดูก่อนว่า Tein หรือ Bilstein ทำของยี่ห้อใดมาครบเซ็ต หน้าหลัง ทั้งสปริงและซ็อค
เลือกได้แล้ว ค่อยไปซื้อรถยี่ห้อนั้นมาใช้ครับ
รับรองว่า เกาะสุดสุด เท่าที่ คานแข็งหลังจะทำได้เลยล่ะ แต่ก็ เกาะถนนแบบกระด้างนะครับ
ไม่สามารถเกาะถนนแบบหนึบหนับ เช่นที่ ช่วงล่างหลังอิสระแท้ทำได้
Bilstein เขาคุยว่า ชุดที่เปลี่ยนใส่รถเล็กยี่ห้อหนึ่ง ทดสอบที่สนามของเบนซ์ในเยอรมัน
เขารับรองว่า ใช้งานได้ดีในชีวิตประจำวันบนถนนเมืองไทย เรียบ ขรุขระ รับได้หมด
จริงเท็จประการใด เขาก็คุยว่า " Engineered in Germany " ละครับ
ผมไม่เคยลองกับรถเล็ก
แต่ ยี่ห้อ Bilstein นี้ ผมใช้ช็อคของเขาในรถกระบะขับสี่ คานแข็งแหนบหน้าหลัง
โอ้ มันเหนือชั้นมากจริงๆ ครับ
รถกระบะขับสี่คานแข็งแหนบหน้าหลัง เกาะถนนขึ้นกว่าเดิมมาก นี่ขนาดแหนบเดิมหน้าหลังนะ
สำหรับรถเล็กที่ใช้ชุดช่วงล่างใหม่ที่เกาะกว่าเดิมมาก
ทำให้ขับรถได้เร็วขึ้นอย่างมั่นใจ
เร็วขึ้น ซิ่งขึ้น มุดมากขึ้น
ดิสเบรกหลังซิครับ สำคัญขึ้นมาอีก
ยี่ห้อไหน ให้ ดิสเบรกหลัง ย่อมทำให้รถเบรกได้ปลอดภัยกว่า เวลาซิ่ง
เป็นอีกปัญหานะครับ ที่ควรจะคิด ถ้าต้องการ รถเล็กที่เกาะและเบรคดี
เบรกดี คือ เบรกมีการจับตัวแบบลิเนียร์หรือต่อเนื่อง
แตะเบา เบรกทำงานเบาๆ
แตะหนักอีกนิด เบรกทำงานเพิ่มตามน้ำหนักเท้า
กระทืบเบรก เบรกทำงานสุดแรง ABS ต้องช่วยด้วย ถ้าคนขับไม่ใช่พวกประสาทไวพอ
ที่สำคัญสำหรับรถเบรกดีคือ เบรกแล้ว หน้าไม่ทิ่ม ท้ายไม่ยกโชว์ช่วงล่างคานแข็ง จนน่าเกลียด
ที่จริง ใช้รถเล็ก เลือกที่นุ่มๆ นั่งสบายๆ น่าจะดีกว่านะครับ
อย่าไปซิ่ง กับช่วงล่างคานแข็งให้ตัวได้เลยครับ
ถนนเมืองไทย ไม่เรียบ ปุ ปะ หลุม มากมาย
รถเล็กพวกนี้ วิ่งผ่านด้วยความเร็ว ท้ายส่าย ทุกยี่ห้อนั่นแหละครับ
ล้อหลังขวาปีนถนนปะ ล้อหลังซ้ายก็ถูกแรงกระทำในทิศตรงข้าม ท้ายมันก็ส่ายเป็นของแน่อยู่แล้ว
ถ้าเป็น ช่วงล่างอิสระแท้ ล้อหลังขวากับซ้าย แยกขาดกันเด็ดขาด
แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ สปริงหลังยาวหรือสั้น
สปริงหลังยาวให้ตัวได้ดี ก็จะแยก ล้อหลังขวาซ้ายได้มากกว่า แบบ สปริงหลังสั้นครับ
คุยกันเรื่องช่วงล่างหลัง ต้องมอง ระยะสปริงยุบยืด ระยะช็อคยืดยุบตามสปริง
ใครยืดยุบได้ดีกว่า ก็เป็นรถใช้งานจริงที่มีช่วงล่างพื้นฐานดีกว่า
คิดที่ เซ็ตความอ่อนแข็งใกล้เคียงกัน และ ล้อยางขนาดเดียวกันนะครับ
-
เปอร์โยต์ ตามที่ท่านข้างบนหลายท่านบอกมานั่นแหละครับ เจ้าพ่อคานแข็งเกาะหนึบตัวจริง
อัลฟ่า บางรุ่นก็ดีครับ เดอดิออง มั๊ง ชื่อช่วงล่างหลังของอัลฟ่า ที่เกาะหนึบใกล้แบบอิสระแท้ ที่ทำได้ก็เพราะการออกแบบให้เกียร์ไปอยู่ท้ายรถ ทำให้รถมีบาลานซ์น้ำหนักหน้าหลังดีกว่าเปอร์โยต์ ถ้าจำไม่ผิดนะครับ เพราะรุ่นนี้กว่า 20 ปีแล้ว
รถซับคอมแพ็กซ์ปัจจุบันในไทย วีออส ยารีส ซิตี้ แจ๊ส มาสด้า2 เฟียสต้า สวิฟท์ มีพื้นฐานช่วงล่างหลังแบบคานแข็งให้ตัวได้นิดหน่อยเหมือนกัน จึงสามารถปรับแต่งให้ เกาะถนนใกล้เคียงกันได้ครับ
ความแตกต่าง ขึ้นกับว่า โรงงานจะตั้งใจขายให้ใครใช้
ถ้าขายคนรักความสบาย เขาก็จะปรับบางรุ่นให้นิ่ม
ถ้าขายคนรักซูมซูมหรือซิ่ง เขาก็จะปรับรุ่นท็อปให้แข็ง
สรุปแล้ว ช่วงล่างคานแข็งให้ตัวได้ในรถเล็กเมืองไทย รุ่นเกาะถนนจะกระด้าง รุ่นเกาะถนนน้อยจะนุ่มกว่า เท่านั้นเองครับ
ชุดแต่งช่วงล่างครบชุดหน้าหลัง ทั้งช็อคและสปริง แบบปรับช็อคได้หลายระดับ จึงเป็นชุดแต่งที่เหมาะกับคนที่มีความต้องการช่วงล่างคุณภาพสูง
ถ้าเน้นเรื่องเกาะถนนในรถเล็กพวกนี้ จำเป็นต้องเปลี่ยนช่วงล่างครับ
รถซับคอมแพ็กซ์ที่ว่าย้วยๆนิ่มไม่ได้เรื่อง เปลี่ยนชุดของ Tein ครบเซ็ต รับรองว่า เกาะหนึบกว่า เพื่อนร่วมคานแข็งไปในทันที
ดังนั้น ถ้ามีความต้องการใช้รถซับคอมแพ็กซ์ ที่เกาะถนนที่สุด และเป็นจุดใหญ่ในการเลือกรถ
เลือกดูก่อนว่า Tein หรือ Bilstein ทำของยี่ห้อใดมาครบเซ็ต หน้าหลัง ทั้งสปริงและซ็อค
เลือกได้แล้ว ค่อยไปซื้อรถยี่ห้อนั้นมาใช้ครับ
รับรองว่า เกาะสุดสุด เท่าที่ คานแข็งหลังจะทำได้เลยล่ะ แต่ก็ เกาะถนนแบบกระด้างนะครับ
ไม่สามารถเกาะถนนแบบหนึบหนับ เช่นที่ ช่วงล่างหลังอิสระแท้ทำได้
Bilstein เขาคุยว่า ชุดที่เปลี่ยนใส่รถเล็กยี่ห้อหนึ่ง ทดสอบที่สนามของเบนซ์ในเยอรมัน
เขารับรองว่า ใช้งานได้ดีในชีวิตประจำวันบนถนนเมืองไทย เรียบ ขรุขระ รับได้หมด
จริงเท็จประการใด เขาก็คุยว่า " Engineered in Germany " ละครับ
ผมไม่เคยลองกับรถเล็ก
แต่ ยี่ห้อ Bilstein นี้ ผมใช้ช็อคของเขาในรถกระบะขับสี่ คานแข็งแหนบหน้าหลัง
โอ้ มันเหนือชั้นมากจริงๆ ครับ
รถกระบะขับสี่คานแข็งแหนบหน้าหลัง เกาะถนนขึ้นกว่าเดิมมาก นี่ขนาดแหนบเดิมหน้าหลังนะ
สำหรับรถเล็กที่ใช้ชุดช่วงล่างใหม่ที่เกาะกว่าเดิมมาก
ทำให้ขับรถได้เร็วขึ้นอย่างมั่นใจ
เร็วขึ้น ซิ่งขึ้น มุดมากขึ้น
ดิสเบรกหลังซิครับ สำคัญขึ้นมาอีก
ยี่ห้อไหน ให้ ดิสเบรกหลัง ย่อมทำให้รถเบรกได้ปลอดภัยกว่า เวลาซิ่ง
เป็นอีกปัญหานะครับ ที่ควรจะคิด ถ้าต้องการ รถเล็กที่เกาะและเบรคดี
เบรกดี คือ เบรกมีการจับตัวแบบลิเนียร์หรือต่อเนื่อง
แตะเบา เบรกทำงานเบาๆ
แตะหนักอีกนิด เบรกทำงานเพิ่มตามน้ำหนักเท้า
กระทืบเบรก เบรกทำงานสุดแรง ABS ต้องช่วยด้วย ถ้าคนขับไม่ใช่พวกประสาทไวพอ
ที่สำคัญสำหรับรถเบรกดีคือ เบรกแล้ว หน้าไม่ทิ่ม ท้ายไม่ยกโชว์ช่วงล่างคานแข็ง จนน่าเกลียด
ที่จริง ใช้รถเล็ก เลือกที่นุ่มๆ นั่งสบายๆ น่าจะดีกว่านะครับ
อย่าไปซิ่ง กับช่วงล่างคานแข็งให้ตัวได้เลยครับ
ถนนเมืองไทย ไม่เรียบ ปุ ปะ หลุม มากมาย
รถเล็กพวกนี้ วิ่งผ่านด้วยความเร็ว ท้ายส่าย ทุกยี่ห้อนั่นแหละครับ
ล้อหลังขวาปีนถนนปะ ล้อหลังซ้ายก็ถูกแรงกระทำในทิศตรงข้าม ท้ายมันก็ส่ายเป็นของแน่อยู่แล้ว
ถ้าเป็น ช่วงล่างอิสระแท้ ล้อหลังขวากับซ้าย แยกขาดกันเด็ดขาด
แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ สปริงหลังยาวหรือสั้น
สปริงหลังยาวให้ตัวได้ดี ก็จะแยก ล้อหลังขวาซ้ายได้มากกว่า แบบ สปริงหลังสั้นครับ
คุยกันเรื่องช่วงล่างหลัง ต้องมอง ระยะสปริงยุบยืด ระยะช็อคยืดยุบตามสปริง
ใครยืดยุบได้ดีกว่า ก็เป็นรถใช้งานจริงที่มีช่วงล่างพื้นฐานดีกว่า
คิดที่ เซ็ตความอ่อนแข็งใกล้เคียงกัน และ ล้อยางขนาดเดียวกันนะครับ
ผมไม่เถียงนะ แต่ไม่ว่าจะ Tein หรือ Bilstein
ชุดช่วงล่างเค้าใส่มาแล้ว อย่างเตี้ยเลยอะ ไม่เหมาะกับตลาดผู้บริโภคส่วน
ใหญ่อย่างแรง ผมเคยใช้ Yaris แล้วก็ไปถอย Tein super street มา ทั้งนุ่มทั้งเกาะ
ขับได้อย่างสวรรค์เลยในทาง Motorway แต่แล้วก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นในทางที่กำลัง
ก่อสร้าง กับทางเข้าคอนโด เพราะมันเตี้ยมากอะ
ผมให้ Swift อีกหนึ่งเสียง รถที่เซ็ตมาได้ดี นุ่มแต่เกาะ และเป็นความสูงในระดับโรงงาน
เจอเนินเต่า ผมผ่านได้สบายๆ ไม่ต้องระวังด้านล่างเหมือนรถแต่งมาให้เตี้ย
ผมว่าถ้าจะ vote ควร vote ให้รถที่เซ็ตออกมาเดิมๆ จากโรงงานดีกว่า
ปล. ผมถอย super street มาเกือบครึ่งแสน เสร็จแล้วผมปล่อยต่อทันที 3 หมื่นกว่าๆ
ในเวลา 1 เดือน ถึงแม้ผมจะชอบ feeling มันขนาดไหน แต่ก็รับไม่ได้ ที่การขับต้องเรื่องมาก
ขึ้นกว่าเดิมเยอะ เจอสะพาน แต่หลังเต่า เจอขอบถนน เห็นแล้วสยองทุกครั้ง ยิ่งขึ้นลงลาน
จอดรถ ยิ่งเป็นเรื่องลำบากตรากตรำมากกกก สรุปแล้วไม่เข้าท่าเลยจริงๆ จนกว่าที่
Tein หรือ Bilstein จะมีชุดช่วงล่าง ให้เลือกตามความสูงเดิมๆ standard น่ะแหล่ะ ผมถึงจะ
เชียร์ให้
-
ถ้าจะคิดเฉพาะรถจากโรงงาน จ่ายเงินเท่ากัน เรื่องช่วงล่างก็ไม่ควรจำกัดแค่ ทอร์ชั่นบาร์ ครับ
เพราะ เงินเท่ากัน หรือน้อยกว่า ยังสามารถได้ช่วงล่างเบรกที่ดีกว่า โดยแลกกับ งานพลาสติกตกแต่งที่ไม่ดี
499,000 บาท คือราคาค่าตัว โปรตอน นีโอ ช่วงล่างอิสระสี่ล้อ สปริงหลังยาว ดิสเบรกสี่ล้อ เกียร์ธรรมดา
564,000 บาท คือค่าตัว โปรตอน นีโอ เกียร์ออโต้ ครูสคอนโทรล
549,000 บาท คือค่าตัว โปรตอน เจนทู รถฟาสแบ็คท้ายลาด ดิสเบรกสี่ล้อ เกียร์ธรรมดา
629,000 บาท คือค่าตัว โปรตอน เจนทู เกียร์ออโต้ ครูสคอนโทรล
ทุกรุ่น เกาะถนนเบรกดี กว่า ซับคอมแพ็กซ์ทุกยี่ห้อที่ขายในไทย
น่าเสียดายที่พระนครเป็นผู้ขาย จึงจำเป็นต้องมองข้ามไป
กลับมาคิดที่ ทอร์ชันบาร์คานแข็งให้ตัวได้นิดหน่อย และไม่ชอบเตี้ย ไม่ชอบแข็งมากไป
การเปลี่ยนช็อคดีดี อีกสักชุด ไม่ต้องเปลี่ยนสปริง ก็ทำให้รถเกาะขึ้นกว่าโชว์รูมได้อย่างไม่แพง
ช็อคปรับระดับได้ของดี ก็ทำให้ รถซัพคอมแพ็กซ์ที่เกาะน้อย กลายเป็นเกาะมากกว่าเพื่อนฝูงได้อย่างไม่ยาก
ไม่มีข้อจำกัดว่า ห้ามตกแต่งรถเพิ่มเติม
เพราะคนซื้อรถ สามารถปรับรถตัวเองให้ดีขึ้นได้ เพื่อแลกกับ สิ่งที่ได้จากศูนย์บริการที่มากกว่า ดีกว่า และอะไหล่ที่แพร่หลายมากกว่า
เงินน้อย ก็แค่เปลี่ยนซ็อค
เงินมาก ก็เปลี่ยนเซ็ตช่วงล่าง
Tein ก็มีชุด Standard ที่เน้นนุ่ม ระดับ Basic-K ก็มีให้เลือกครับ รถสูงตามโรงงานแปะ
ซื้อช่วงล่างแต่ง ควรศึกษาก่อนไปที่ร้าน
Tein มีช่วงล่าง Standard Premium Street Competition ให้เลือกตามการใช้งาน
Yaris ใส่ชุด Tein Standard ของญี่ปุ่น สูงเท่าเดิม เกาะถนนมากขึ้น และ เกาะกว่า Swift อินโดแน่นอนครับ
ชุด Street หมายถึง แข่งในถนนนะครับ ไม่ใช่ หมายถึง ใช้งานสบายๆแบบ Standard
สำหรับคนที่สนใจคุณภาพช่วงล่าง จึงควรเลือก ชุดแต่งช่วงล่าง ก่อน เลือกรถเล็กที่ใช้ช่วงล่างคานแข็งหลัง
อย่าลืม เลือกชุดแต่ง ให้เหมาะถูกต้อง ด้วยนะครับ
อย่าไปซื้อโปรตอนเข้าเชียวนะ เพราะพระนครเป็นคนขาย
ผมยกตัวอย่างโปรตอน เพื่อให้ ลองฟีลลิ่ง ช่วงล่างอิสสะแท้ เบรกดิสสี่ล้อ ที่จับตัวลิเนียร์ใช้ได้ เพื่อเป็น ต้นแบบ ให้ไปเลือก รถยี่ห้ออื่น ที่ใช้ ช่วงล่างคานแข็งให้ตัวได้ ดรัมเบรกหลัง
ถ้าได้สลับรถใช้ไปมา จะรู้สึกถึง ระบบเบรกที่จับตัวไวตามสัมผัสเท้า แตกต่างจากระบบดรัมเบรกหลังชัดเจนเลยครับ
เรื่อง เบรกหน้าทิ่มมากทิ่มน้อย ก็เป็นประเด็นหลักเช่นกันครับ
-
เสริม อ. traveller นิดเดียวครับ
Proton ขอไม่ข้องแวะด้วย ถ้ายังคงเป็น ผู้จำหน่าย รายปัจจุบัน
-
ผมสงสัยมานานแล้วว่า Torsion Beam กับ Torsion Bar ที่เรียกกันว่าสวิงอาร์ม มันต่างกันมั้ยครับ
เพราะดูอย่าง เปอร์โยต์ 205 305 405 ที่เรียกว่า Torsion Bar มันใช้เหล็กบิดที่ติดตั้งอยู่ใต้เบาะคนนั่งหลังแทนคอยสปริง
ยื่นแขนออกมาจับล้อสองข้าง และรถซีตรองรุ่นที่ใช้ระบบไฮดรอนิวแมติกตั้งแต่ ds19ถึง C5ก็ใช้แบบนี้ (ผมใช้Xantiaอยู่ )
แต่ซีตรองใช้แก้สไนโตรเจนที่อยู่ในตุ้มเหล็ก ลูกประมาณมะพร้าวเผาแทนคอยสปริง
ข้างในตุ้มมีแผ่นยางไดอะแฟรมก็หน้าตาคล้ายเนื้อมะพร้าวแต่สีดำ
กั้นระหว่างแก๊สกับน้ำมันไฮดรอลิกที่ไหลเข้าออก แต่เวลามันลงที่ขรุขระ หลุ่มบ่อ ปีนขึ้นเนิน
ผมรูสึกว่ามันเป็นอิสระคล้ายสัตว์เลื้อยคลานปีนป่าย
แต่ก็ถูกเรียกว่าTorsion Bar หรือบางที่เรียกว่าคานอิสระ แต่พอเป็น Torsion Beam มันมีสปริงหลัง
เลยงงนิดนึงว่า Torsion Barให้ตัวได้มากกว่า Torsion Beam มั้ย
แล้วยังมีแบบTorsion Beamที่ซันนี่ B14 และเซฟิโร่ขับหน้าทุกรุ่น
ที่เป็นคานเหล็กบิดแบบตรงกับล้อเลย
เทียบกับเยื้องนิดหน่อยอย่างอัลติสหรือพวกรถเล็กตลาดทั้งหลาย อันไหนจะให้ตัวได้ดีกว่า
ใครพอทราบบ้าง รบกวนขอความรู้หน่อยครับ
-
ไม่แน่ใจว่า จขกท จะให้เทียบกันในเฉพาะ B secment ป่าวนะ เช่น vios jazz mazda 2 ประมาณนี้ หรือเอาหมดทุกคันทุกแบบคับ
จริงๆผมอยากรู้พวกรถญี่ปุ่นที่มีขายในบ้านเราอ่าคับ แต่ๆๆ ลืมบอกไปครับโทดที แฮะๆ ^^
-
เท่าที่เคยขับมานะ ยก Zafira ให้ทั้ง 10 นิ้วเลย เลยบ้าอะไรไม่รู้ทั้งบรรทุกของได้เยอะ เป็นรถครอบครัว แถมเกาะถนนสุดยอด ให้ดูว่าหน้าตาช่วงล่างคันนี้เป็นอย่างไร บางท่านอาจเห็นจนเบื่อแล้วก็ได้ เหอะๆ
ตลอดเวลาที่ใช้รถคันนี้มาเป็นระยะเวลา 7 ปีผมคิดเสมอว่าคันนี้ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อแน่นอน(ตอนนั้นเด็กๆยังไม่ค่อยรู้เรื่องรถ) เพราะทั้งเกาะทั้งนุ่ม ไม่เด้ง แต่พอมันพลิกตัวเองให้เราดูแล้ว ผมก็งง... ที่นั่งมาตลอด 7 ปีนี้ เป็นคาดบิดหรอเนี่ย ???
ถ้าเป็นรถเล็กญี่ปุ่น ก็คง Mazda2 ตามที่หลายๆคนบอก
-
ถ้าจะคิดเฉพาะรถจากโรงงาน จ่ายเงินเท่ากัน เรื่องช่วงล่างก็ไม่ควรจำกัดแค่ ทอร์ชั่นบาร์ ครับ
เพราะ เงินเท่ากัน หรือน้อยกว่า ยังสามารถได้ช่วงล่างเบรกที่ดีกว่า โดยแลกกับ งานพลาสติกตกแต่งที่ไม่ดี
499,000 บาท คือราคาค่าตัว โปรตอน นีโอ ช่วงล่างอิสระสี่ล้อ สปริงหลังยาว ดิสเบรกสี่ล้อ เกียร์ธรรมดา
564,000 บาท คือค่าตัว โปรตอน นีโอ เกียร์ออโต้ ครูสคอนโทรล
549,000 บาท คือค่าตัว โปรตอน เจนทู รถฟาสแบ็คท้ายลาด ดิสเบรกสี่ล้อ เกียร์ธรรมดา
629,000 บาท คือค่าตัว โปรตอน เจนทู เกียร์ออโต้ ครูสคอนโทรล
ทุกรุ่น เกาะถนนเบรกดี กว่า ซับคอมแพ็กซ์ทุกยี่ห้อที่ขายในไทย
น่าเสียดายที่พระนครเป็นผู้ขาย จึงจำเป็นต้องมองข้ามไป
กลับมาคิดที่ ทอร์ชันบาร์คานแข็งให้ตัวได้นิดหน่อย และไม่ชอบเตี้ย ไม่ชอบแข็งมากไป
การเปลี่ยนช็อคดีดี อีกสักชุด ไม่ต้องเปลี่ยนสปริง ก็ทำให้รถเกาะขึ้นกว่าโชว์รูมได้อย่างไม่แพง
ช็อคปรับระดับได้ของดี ก็ทำให้ รถซัพคอมแพ็กซ์ที่เกาะน้อย กลายเป็นเกาะมากกว่าเพื่อนฝูงได้อย่างไม่ยาก
ไม่มีข้อจำกัดว่า ห้ามตกแต่งรถเพิ่มเติม
เพราะคนซื้อรถ สามารถปรับรถตัวเองให้ดีขึ้นได้ เพื่อแลกกับ สิ่งที่ได้จากศูนย์บริการที่มากกว่า ดีกว่า และอะไหล่ที่แพร่หลายมากกว่า
เงินน้อย ก็แค่เปลี่ยนซ็อค
เงินมาก ก็เปลี่ยนเซ็ตช่วงล่าง
Tein ก็มีชุด Standard ที่เน้นนุ่ม ระดับ Basic-K ก็มีให้เลือกครับ รถสูงตามโรงงานแปะ
ซื้อช่วงล่างแต่ง ควรศึกษาก่อนไปที่ร้าน
Tein มีช่วงล่าง Standard Premium Street Competition ให้เลือกตามการใช้งาน
Yaris ใส่ชุด Tein Standard ของญี่ปุ่น สูงเท่าเดิม เกาะถนนมากขึ้น และ เกาะกว่า Swift อินโดแน่นอนครับ
ชุด Street หมายถึง แข่งในถนนนะครับ ไม่ใช่ หมายถึง ใช้งานสบายๆแบบ Standard
สำหรับคนที่สนใจคุณภาพช่วงล่าง จึงควรเลือก ชุดแต่งช่วงล่าง ก่อน เลือกรถเล็กที่ใช้ช่วงล่างคานแข็งหลัง
อย่าลืม เลือกชุดแต่ง ให้เหมาะถูกต้อง ด้วยนะครับ
อย่าไปซื้อโปรตอนเข้าเชียวนะ เพราะพระนครเป็นคนขาย
ผมยกตัวอย่างโปรตอน เพื่อให้ ลองฟีลลิ่ง ช่วงล่างอิสสะแท้ เบรกดิสสี่ล้อ ที่จับตัวลิเนียร์ใช้ได้ เพื่อเป็น ต้นแบบ ให้ไปเลือก รถยี่ห้ออื่น ที่ใช้ ช่วงล่างคานแข็งให้ตัวได้ ดรัมเบรกหลัง
ถ้าได้สลับรถใช้ไปมา จะรู้สึกถึง ระบบเบรกที่จับตัวไวตามสัมผัสเท้า แตกต่างจากระบบดรัมเบรกหลังชัดเจนเลยครับ
เรื่อง เบรกหน้าทิ่มมากทิ่มน้อย ก็เป็นประเด็นหลักเช่นกันครับ
แล้วถ้าเป๋็นเดิมๆจากโรงงานล่ะครับ ประมาณว่าคานแข็งที่เซ็ทมาจากโรงงานที่ดีที่สุดล่ะ เผื่อคนที่ไม่ชอบแต่งรถ หรือไม่มีงบที่จะเปลี่ยน จะแนะนำตัวไหนครับ
-
ผมเคยขับ VW Passat TDI เกาะใช้ได้เลยครับ
-
ถ้าเป็นรถซิตี้คาร์ประกอบใน ยกให้ Vios Turbo ครับ เป็นคันเดียวที่สภาพเดิมๆ วิ่งแช่แถว 200 ได้สบาย(แต่เสียงลมดัง) เข้าโค้งก็ดี เบรคดี แต่ช่วงล่างเดิมกระด้างเกิน ยังคิดว่าถ้าแต่งนิดหน่อย และติด lsd เพิ่ม น่าจะขับมันขึ้น
ส่วนตัว ว่า Swift กับ 2 จะใกล้เคียงวิออสโฉมแรก ตัวธรรมดา
รถซิตี้คาร์ที่อยากลองขับมาก ก็ Mitsu Colt Ralliart ขอเกียร์ MT นะ เคยดูญี่ปุ่นมันทดสอบ วิ่งดีที่สุดในคลาสละ
รถใหญ่กว่านี้ที่นึกออกก็ A4B5 1.8T เดิม กับ Golf Mk3 สภาพไม่เดิม ทั้งสองคันก็พอใช้ได้ครับ :D
สำหรับรถที่ช่วงล่างหลังเป็นคาน และวิ่งได้เร็วสุดๆ ผมคิดว่าเป็น Civic Type R Mugen โฉมยุโรป
ไม่เคยขับหรอกครับ ตัว FN2 ธรรมดา ยังไม่เคยลองเลย
แต่สื่อเมืองนอกว่าตัว Mugen นี่น้องๆรถแข่ง เข้าโค้งได้สุดยอด เวลาต่อรอบในเซอร์กิตก็ดีมากครับ
เกินหน้าเกินตารถขับหน้าเครื่องเทอร์โบ ของยี่ห้ออื่น
-
หนูมองว่า ไอ้ระบบรองรับแบบคานแข็งนี่ จะดีจะเน่า ก็อยู่ที่ ขดสริง จริงๆเลย ถ้าเน้น ยวบยาบ รถญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะเจอนี้ (แต่เห็น คานแข็ง ที่เห็นอยู่ปัจจุบัน ถ้าไม่นับโคโรลล่า รถพวกเล็กๆก็คานแข็งหมด แต่ฟิลลิ่งอย่าง 2 สวิฟ ก็จะดีกว่า รุ่นทั่วไปพอดู )
หนูชอบ ช่วงล่างแบบนี้ เพราะ ส่วนหนึ่ง คานบางยี่ห้อออกแบบ ซะ แบน แบบนี้มีผลต่อท้ายรถแน่นอน คือโล่ง พื้นที่ วางของก็โล่งกว่า อิสระจม
เทียบกับ Civic เตารีด กับ Jazz มองชัดเลย และการดูแลรักษา หนูว่าไม่อวกเท่ากับคันเก่าเท่าไรค่ะ เพราะชิ้นส่วนมันน้อยจริงๆ
แต่ถ้าให้มองคานแข็ง จริงๆ คันที่น่าเกลียดที่สุด คือ Soluna ตัวแรกค่ะ แหม รถสมัยก่อนบอกว่ารถต้นทุนต่ำ โหย ให้ คานแข็งแบบไม่กั๊กเลย ตอนแรกก็นึกว่า เอาคานศาลาการเปรียญ มาใส่ เวลา มองจากด้านหลัง โดดเด้งมากๆ พอๆ กับ NV
หลังๆ อืม ออกแบบดีกว่าเดิมเยอะ เลยค่ะ เท่าที่สังเกต เห็นโครงมันเป็นตัว H มากกว่า ตัว I นะคะ
เคยอ่านนิตยสาร เล่มไหนไม่รู้ เขาเขียนว่า แปลก ค่ายยุโรป รถขนาดคอมแพคตัวหนึ่ง เปลี่ยนช่วงล่างหลัง จากคานบิด เป็น อิสระ แต่รถคอมแพค ญี่ปุ่นบางยี่ห้อกลับเอาคานแข็งใส่ แทนอิสระเดิม ถึงขนาด บางรุ่นจากเดิม วิ่งดีๆ กลับ ลงเหวไปเลย
ริงโกะค่ะ
-
หุหุ กระทู้นี้ท่าจะแตกแขนงไปได้ไกล ;D ว่ากันตั้งแต่
- เทียบรถดังๆ ที่ใช้ช่วงล่างคานแข็ง
- ตกลง Torsion Bar หรือ Torsion Beam กันแน่ ที่ว่าคานแข็ง คานบิด
- ทอร์ชั่นบีมจากโรงงานรุ่นไหนเซ็ทมาได้ดีที่สุด
- ทอร์ชั่นบีมใช่ว่าไร้พิษสง เปลี่ยนโช้ค/สปริงซะใหม่ก็เป็นตุ๊กแกได้
- ทอร์ชั่นบีมแต่ละยุคต้นทุนไม่เท่ากัน
- คำว่าช่วงล่างดีคืออะไร ดูว่าเกาะถนนอย่างเดียวใช่มั้ย หรือหมายถึงความเกาะ+ความนุ่มบนถนนประเทศไทย
9 ลอ 9 ชักยาวแฮะ :D
แต่เอาเป็นว่าขอชื่นชมช่วงล่างเก่าๆ อย่าง 405 ที่ช่วงล่างหลังแบบโช้คเอนหลัง เพื่อลดอาการตูดกระดกและท้ายยวบได้ดีมากๆ เกาะถนนรึก็เทพ
อันนี้ช่วงล่างหลากหลายรูปแบบครับ ลองดู
http://www.autolign.co.nz/Nolathane.asp
ข้อมูลเพิ่มเติม
- Torsion Bar หมายถึงแกนเหล็กบิด ทำหน้าที่แทนสปริง มักใช้ในช่วงล่างหน้ารถกระบะรุ่นเก่าครับ ทำให้ประหยัดพื้นที่ในแนวตั้งไปได้ จะสังเกตว่ากระบะรุ่นเก่าๆ จะไม่มีเบ้าโช้คโผล่มาให้ติด strut tower bar แบบรถสมัยนี้ครับ เบ้าโช้คจะอยู่ต่ำ
(http://www.autolign.co.nz/images/NolathaneDoubleContArm2.gif) (http://filmat11inc.com/images/torsion%20bar.gif)
- Torsion Beam หมายถึงคานบิด เมื่อก่อนบ้านเราเรียกคานแข็ง เพราะช่วงล่างแบบนี้สมัยก่อนแทบจะเป็นช่วงล่างที่ไม่อิสระเอาซะเลย แทบไม่ต่างอะไรกับแหนบ เพียงแต่นุ่มนวลกว่าแหนบ และมีการใช้แขนเหวี่ยง( Trailing Arm) มายึดกันช่วงล่างดิ้นเดินหน้าถอยหลัง (ซึ่งคนละแบบกับช่วงล่างแบบ Trailing Arm เพราะเทรลลิ่งอาร์มเป็นช่วงล่างแบบอิสระ ไม่ได้ใช้คานเหล็กพาดขวางรถแบบทอร์ชั่นบีม)
(http://www.autolign.co.nz/images/NolathaneCoilSprings.gif)
ซึ่งไม่ทันไร ช่วงล่างแบบนี้ก็ถูกพัฒนามาเป็นแบบ "คาดบิด" ที่บิดได้เต็มตัว ดังที่ใช้่กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ด้วยการเขยิบคานแข็งเข้ามาด้านหน้าและต่อปลายแขนออกไปยึดดุมล้อหลังแทน ทำให้เกิดการบิดตัวได้ แหม่ ไม่ทันไรช่วงล่างแบบนี้ก็ฮิตจัด เพราะมีข้อดีมากมาย ที่นับได้ก็มี - ประหยัดพื้นที่ ต้นทุนต่ำ ออกแบบง่าย แข็งแรงทนทาน ชิ้นส่วนน้อย ไม่จำเป็นต้องใช้เหล็กกันโคลง บำรุงรักษาง่าย เวลาบรรทุกหนัก มุม camber จะไม่ค่อยเปลี่ยน ทำให้ล้อไม่แบะ เพียงแต่ช่วงล่างแบบนี้ทำให้ดูเป็นรถราคาถูก และประสิทธิภาพ "จริงๆ" ยังคงสู้แบบอิสระเต็มตัวไม่ได้ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเคลื่อนตัวในแนวต่างๆ มากกว่า และมีคุณสมบัติที่หลากหลายกว่า
ดูภาพประกอบจากเว็บนี้จะเข้าใจความเป็นมาได้ละเอียดขึ้นครับ http://www.phithan-toyota.com/th/article_detail.php?article_id=60&category_id=1&read=1
-
ตามไปอ่านในพิธานแล้วครับ เห็นภาพเลย เชียร์ Corolla น่าดู แต่ก็เห็นด้วยนะ
ว่า trailing arm มันจำเป็นจริงๆ สำหรับช่วงล่างคานแข็งแบบเดิมๆ สรุปคือถ้าจะมา
ทางประหยัด ใช้คานแข็ง ก็ต้องพ่วง trailing arm มาด้วย ไม่งั้นสเป็คไม่ผ่านอย่างแรง
คือ ผมไม่ถูกใจ อิอิอิ
-
ผมคนหนึ่งหละเกือบซื้อ โปรตรอน นีโอ ไปแระ ตอนนั้นติดใจที่ ช่วงล่างอิสระ ดิสเบรค สี่ล้อ เนี่ยแหละ แต่สุดท้ายก็ไม่เอาครับ ไปเอากระบะแทน
-
ตามไปอ่านในพิธานแล้วครับ เห็นภาพเลย เชียร์ Corolla น่าดู แต่ก็เห็นด้วยนะ
ว่า trailing arm มันจำเป็นจริงๆ สำหรับช่วงล่างคานแข็งแบบเดิมๆ สรุปคือถ้าจะมา
ทางประหยัด ใช้คานแข็ง ก็ต้องพ่วง trailing arm มาด้วย ไม่งั้นสเป็คไม่ผ่านอย่างแรง
คือ ผมไม่ถูกใจ อิอิอิ
แหม่ เป็นธรรมดาครับ จริงๆ ค่ายอื่นสมัยนี้ก็เป็น twisted beam กันหมดแล้ว เพียงแต่โตโยต้าเขาตั้งชื่อว่า ETA Beam ให้เป็นเอกลักษณ์ของเขาเองแค่นั้นครับ
-
ตามไปอ่านในพิธานแล้วครับ เห็นภาพเลย เชียร์ Corolla น่าดู แต่ก็เห็นด้วยนะ
ว่า trailing arm มันจำเป็นจริงๆ สำหรับช่วงล่างคานแข็งแบบเดิมๆ สรุปคือถ้าจะมา
ทางประหยัด ใช้คานแข็ง ก็ต้องพ่วง trailing arm มาด้วย ไม่งั้นสเป็คไม่ผ่านอย่างแรง
คือ ผมไม่ถูกใจ อิอิอิ
แหม่ เป็นธรรมดาครับ จริงๆ ค่ายอื่นสมัยนี้ก็เป็น twisted beam กันหมดแล้ว เพียงแต่โตโยต้าเขาตั้งชื่อว่า ETA Beam ให้เป็นเอกลักษณ์ของเขาเองแค่นั้นครับ
555 เหมือนเชยน่ะครับ เห็นว่าเป็น คานๆ มักจะมองในแง่ลบ แต่พอดูภาพประกอบก็ เออ นะ ใช้ได้เหมือนกัน