Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: paulmoderndog ที่ พฤศจิกายน 30, 2019, 08:34:52
-
https://www.magcarzine.com/toyota-america-ev-interview/ (https://www.magcarzine.com/toyota-america-ev-interview/)
ผมว่าเขาทำแต่เขาจะทำก็ตอนที่ทุกคนทำรถไฟฟ้ากันหมดแลัว
ส่วนตัวผมว่า เขารอลูกค้ากลุ่มใหม่(อาจจะเป็นเด็กรุ่นใหม่ว่า okไหมในการรอ Fast Charge) คือถ้าผู้บริโภคกลุ่มนี้รับได้กับการ Chargeไฟ 20นาที+/- เมื่อนั้นโตโยต้าคงลงมาทำ BEV
อีกอย่าง ผมไม่แน่ใจว่ามันจะคล้าย Nokiaไหม ที่กว่าจะใช้ระบบ Android ก็หลังที่บริษัทแม่ล่มสลายไปก่อน
-
ผมว่า Toyota ซุ่ม
แล้วรอโอกาสขายตูมตามทั่วโลก
-
ไม่เหมือน nokia แน่นอน เพราะตอนนี้ทุกบริษัทในโลกมี nokia เป็นบทเรียนแล้ว ประวัติศาตร์จึงไม่ซ้ำแน่นอน
ยิ่ง toyota เป็นบริษัทชั้นนำของโลก ป่านนี้ซุ่มนำคนอื่นไปไกลด้วยซ้ำ 8) 8) 8)
-
ผมว่า EV มันใช้เวลาพัฒนาไม่นานครับ ต่อยอดจากเทคโนโลยีขับเคลื่อนที่มีอยู่แล้ว
-
EV ของ toyota ก็มีขายนะครับ
(https://www.img.live/images/2019/11/30/32.jpg)
(https://www.img.live/images/2019/11/30/33.jpg)
(https://www.img.live/images/2019/11/30/34.jpg)
(https://www.img.live/images/2019/11/30/35.jpg)
(https://www.img.live/images/2019/11/30/36.jpg)
(https://www.img.live/images/2019/11/30/37.jpg)
(https://www.img.live/images/2019/11/30/38.jpg)
(https://www.img.live/images/2019/11/30/40.jpg)
(https://www.img.live/images/2019/11/30/41.jpg)
-
เหมือน Eco Car แหละครับ รอให้เจ้าอื่นเค้าขายไปก่อนแล้วตัวเองค่อยมาตู้มเดียวยืนหนึ่งแบบยาริส
-
ส่วนประกอบหลักเสร็จหมดแล้ว เหมือนๆกันทุกค่ายนั้นล่ะ
ที่ Toyota ยังไม่ขายตอนนี้เพราะมันไม่คุ้มเลย
ต้นทุนส่วนใหญ่ ไปลงกับแบต แทบจะครึ่งๆ
แบตใหม่ยังพัฒนาไม่เสถียร ก็ยังไม่ขาย
ใช้ Ni-MH หรือ Lithium-ion มันก็วิ่งได้แค่หลักร้อยกิโลเมตร
จะให้วิ่งไกลได้ ก็ต้องเพิ่มขนาดแบต รถหนัก ต้นทุนสูง
บอกไว้สำหรับคนที่ตื่นตาตื่นใจกับรถไฟฟ้า
ตราบใดที่รถไฟฟ้า EV ยังไม่สามารถทำขนาดแบตให้เท่าหรือเล็กกว่าถังน้ำมันในรถสันดาป
และวิ่งได้มากกว่า 500 กิโล ก็แค่รถที่ขายเทคโนโลยีเก่าเมื่อ10กว่าปีมาแล้ว
-
ผมว่า Toyota ซุ่ม ไม่ใช่ไม่ยอมทำ ทำไว้แล้ว แต่คงคิดว่าปล่อยขายตอนนี้ ยังไม่คุ้ม รอทุกอย่างพร้อม แล้วปล่อยขายมาทีเดียว ที่หนึ่งเหมือนเดิม
-
Toyota เค้ามองว่าเทคโนโลยี แบตเตอรี่ในปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์ รถยนต์ไฟฟ้าครับ ระยะทาง น้ำหนัก และลักษณะการปล่อยหรือเก็บกระแส
ทางToyota เค้าเน้นศึกษาเทคโนโลยี solid state เป็นหลัก เคยลงว่าสำเร็จแล้วด้วย ถ้าทำได้จริง EV ของtoyota ก็จะมาในเร็ววันครับ
-
ถ้าคนไทยซื้อเยอะๆ toyotaทำแน่ๆ
ผมยังไม่ซื้อ เพราะมีรถคันเดียว ใข้ทำงาน รับส่งลูก ไปพัยา ไปเชียงคาน เชียงใหม่ มันไปไม่ถึง ไม่มีที่แวะชาร์ท ต่อให้ขับถึงที่พักก็ไม่มีที่ชาร์ทอีก
-
เค้าทำครับ แค่ไม่เน้นเป็นหลักแบบบางค่ายเพราะมีคนที่ใช้น้อยอยู่ ประเทศที่บังคับก็มีไม่ถึง 10 ประเทศ ดังนั้น มันก็เป็นไปตามความต้องการของตลาด สมมติว่า BEV มีคนใช้ 20% เค้าก็ทำ 20% ที่เหลือก็ไว้พัฒนารถอื่นๆ ถ้าวันนึงคนหันมาใช้ 80% เค้าก็ทำ 80% เอง อย่างจีนใช้รถไฟฟ้ามาก ก็เน้นขายรถไฟฟ้าในจีน ทำไมจะต้องทิ้งตลาดเดิมซึ่งคนส่วนใหญ่ยังใช้เครื่องสันดาปอยู่ล่ะ
ถามว่าไม่ทุ่มงบพัฒนาเยอะๆจะทันชาวบ้านเหรอ ผมว่าทุ่มไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เทคโนโลยียังไม่หนีกันมากหรอก ทุ่มงบไปก็ยังสร้างความแตกต่างได้ยาก
ที่น่าจับตาคือจุดแข็งเรื่องความทนทานเครื่องยนต์ของค่ายนี้ พอเปลี่ยนเป็นยุครถไฟฟ้าจะมีจุดแข็งอะไรมาแข่งกับชาวบ้าน สิ่งที่พอจะเป็นจุดเด่นจึงน่าจะเป็นเรื่อง solid state ถ้าพัฒนาเสร็จเมื่อไหร่ จะเห็นค่ายรถทยอยปล่อยของกันแน่นอน
-
ระดับพี่โต เค้าทำ hybrid อันดับต้นๆของโลก
มีทั้งเครื่อง เกียร์ มอเตอร์ แบตเตอรี่ ยำรวมกันได้
แค่ทำรถไฟฟ้า แค่มอเตอร์ กับ แบต สบายมาก
แต่
ทำแล้วจะขายได้หรือเปล่า ขอดูตลาดแป็บนึง
ปล ที่เค้าคิดทำ hybrid ขึ้นมา ก็เพื่อ แก้ปัญหาแบตเตอรี่ รถไฟฟ้า
ที่มีข้อจำกัดมากมาย รวมถึงการชาร์ทไฟ ที่นานแสนนาน
เค้า ก้าวข้ามรถไฟฟ้า มาหลายก้าวละ จะกลับไปทำ
ไม่น่าจะลำบากอะไร
-
พี่โตฉลาดนะครับไม่น่าต๊องส์ คือผมว่าเขาพร้อมสุดล่ะทั้งโปรดักส์และศูนย์ ผมยังคิดไม่ออกเลยถ้าเทสลามาขายในไทยผมจะซื้อแล้วเข้าศูนย์ไหน ไม่ต้องบอกนะครับว่ารถไฟฟ้าไม่ต้องซ่อมบ่อยผมว่ามันต่างกับรถน้ำมันแค่เครื่องกับเกียร์2อย่างแค่นั้นแหละที่เหลือเหมือนกันเพิ่มแบ็ตเตอรี่พร้อมไฟไหม้หรือระเบิดอีกต่างหาก ที่ชาร์ตก็ยังไม่ค่อยมี(บางประเทศอาจพร้อม)แต่ปั๊มน้ำมันทุกประเทศมีแน่ ไฮบริดก็ยังประหยัดมากๆแถมของโตต้าดีกว่าคนอื่นอีกดังนั้นจะรีบขายทำไม เจ๊งไปหลายรายแล้วนะครับรถไฟฟ้าล้วน
-
ถ้าพี่โตจะทำ ได้แน่นอน
ระบบ hybrid ขายลิขสิทธิ์ได้หลายเจ้า เข้าได้ดีกับกระแสสังคม
ส่วนตัวคิดว่า ผลตอบแทนที่มากกว่าการขายรถ!
คืออยากให้ต้องใช้fossil fuel ไปอีกหน่อย
Toyota Motors ซื่อขายหุ้นในนาม TM
กองทุนของเค้าน่าจะถือหุ้นใหญ่ในบริษัทนํ้ามันทั่วโลก
แค่เดาฯอะครับ😅
-
ผมว่าระดับ toyota รถ ev ทำได้ ระบบน้อยกว่ารถปัจจุบันเยอะ
แต่ผมห่วง ecosystem มากกว่า
โรงไฟฟ้า ระยะเวลาการชาร์ทระหว่างทางเหมือนเติมน้ำมัน แท่นชาร์ทไฟฟ้าในบ้าน ซัพพายเออร์ ช่างที่ซ่อมเป็น
ตอนนี้ผมว่าเรารอประเทศต้นแบบที่มีรถ ev ใหม่ขาย 100%
-
ระบบ HV นี่ก็แทบจะเป็น EV กลายๆแล้วครับ เอาจริงๆ ระบบ HV มันซับซ้อนกว่า EV เยอะแยะ ทั้งการตัดต่อกำลัง เกียร์ที่ต้องให้เข้าชุดกับเครื่องยนต์ ไปถึงการดูแลระบบที่ต้องมีทั้ง oil ทั้ง coolant กะอีกแค่ EV เพียวๆ ไม่ยากเลย
แต่ที่ไม่ทำ เพราะมันไม่คุ้ม อย่างที่หลายความเห็นว่ามาครับ ณ ปัจจุบันนี้ รถ EV มีสัดส่วนเท่าไหร่ของโลก เขาจะทำทำไม เมื่อผลิตของมา คนซื้อมีน้อยมากๆ พี่โตเขารอจังหวะน่ะแหล่ะ CHR EV ก็ปล่อยมาชิมลาง พี่เขาไปมองโน่น Hydrogen แล้วครับ
-
ผมว่าอาจซุ่ม ก้าวข้ามเทคโนโลยีรถไฟฟ้าไปเลยมั้งครับ 8)
-
ผมขอเดาแบบงูๆปลาๆนะครับ
Tesla นี่ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของ Toyota แต่ไม่ออกนาม
-
เริ่มช้ากว่าเค้า เพราะวิเคราะห์ว่า hybrid จะจำเป็นกว่า EV และลงทุนไปกับ hybrid กับ hydrogen เยอะ
พอแนวโน้วเปลี่ยนก็รีบระดมทีม ซึ่งไม่ตกขบวน
แต่ยังไม่รุกเต็มที่เพราะ EV วันนี้ยังสร้างกำไรไม่มาก ซึ่ง toyota เป็น บ.รถที่เน้นกำไรที่สุดในโลก
และมี solid state เป็นทีเด็ดรอปล่อยของอยู่
-
ส่วนประกอบหลักเสร็จหมดแล้ว เหมือนๆกันทุกค่ายนั้นล่ะ
ที่ Toyota ยังไม่ขายตอนนี้เพราะมันไม่คุ้มเลย
ต้นทุนส่วนใหญ่ ไปลงกับแบต แทบจะครึ่งๆ
แบตใหม่ยังพัฒนาไม่เสถียร ก็ยังไม่ขาย
ใช้ Ni-MH หรือ Lithium-ion มันก็วิ่งได้แค่หลักร้อยกิโลเมตร
จะให้วิ่งไกลได้ ก็ต้องเพิ่มขนาดแบต รถหนัก ต้นทุนสูง
บอกไว้สำหรับคนที่ตื่นตาตื่นใจกับรถไฟฟ้า
ตราบใดที่รถไฟฟ้า EV ยังไม่สามารถทำขนาดแบตให้เท่าหรือเล็กกว่าถังน้ำมันในรถสันดาป
และวิ่งได้มากกว่า 500 กิโล ก็แค่รถที่ขายเทคโนโลยีเก่าเมื่อ10กว่าปีมาแล้ว
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
-
มุมมองส่วนตัว ผมว่าเหมือนกับยุคเริ่มต้นของ DVD
ในยุคบุกเบิกในไทย โซนี่ปล่อยให้พานาลุยตลาดไปก่อน เพราะเครื่ิองเล่นก็ราคาสูง แผ่นก็หาซื้อยาก แผ่นเช่าแทบไม่ต้องพูดถึง แผ่นหิ้วก็แบ่งโซน ยังไม่เป็น all zone (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ)
พอตลาดติดแล้ว โซนี่ก็ลุยตลาดเต็มตัว แซงพานาไปยืน 1 ได้ไม่ยาก
โตโยต้า ก็น่าจะเล่นเกมแนวนี้ครับ
-
ลงทุนกับ fuel cell กับ hybrid ไปก็ถอนทุนให้คุ้มครับ
แต่ในอนาคต ev ยังไงก็มา ไม่มีใครประเทศไหน มาทำfeuel cell เลย
toyotaควรรีบ ปรับตัว อย่ามัวมองถึงแต่อดีต ควรมองไปที่อนาคต และ
ผลิตรถevที่มีประสิทธิภาพกว่า มาแทนดีกว่า
อดีตมันมียทเนียนอยู่แล้ว กับบริษัทที่ประบตัวช้า เช่น kodak nokia
อาจไม่รุนแรงขนาดนี้น แต่ใน5-10ปีอาจเสียความเป็นอันเับต้นๆในตลาดโลกได้ครับ
-
ไม่รู้เหมือนกัน
แต่ที่ญี่ปุ่น คงมีรถต้นแบบทดสอบอยู่ทุกวัน แต่ยังไม่ลงในตลาดนี้
-
ผมว่าเค้าไม่จำเป็นต้องรีบนะครับ และจริงๆ EV ก็มีขายอยู่บ้าง แต่ Tech อะไร ผมไม่แน่ใจ เมื่อเทียบกับเจ้าอื่น
ถึงเวลาจะทำจริงๆ ผมว่า เค้าสามารถไป JV หรือแม้กระทั่ง Takeover ใครซักคน เพื่อให้ได้ Tech นั้นมา
-
TESLA เขาจูบปากกับ TOYOTA มาตั้งนานแล้วครับ
ส่วนที่ TOYOTA ไม่ออกโรงเอง ผมว่า กาลเวลา ยังไม่เหมาะที่จะเปิดตัว ณ ตอนนี้ ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่า
องค์กรอย่าง TOYOTA แค่รถ EV ผมว่าเขาเสกให้คุณได้เสมอ ลองไปดู TOYOTA CITY ที่ญึ่ปุ่นซิครับ แล้วจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
-
ต่อไปเราจะไม่ได้ซื้อรถแล้วครับ
แต่เราจะซื้อการเคลื่อนที่
บริษัทรถยนต์ก็เปลี่ยนสินค้าจาก vehicle มาเป็น mobility
ถึงจุดนั้นเราก็จะไม่ได้สนใจแล้วว่าพาหนะที่เราใช้งานเติมอะไร
คราวนี้ไปมองดูฝั่งผู้ค้าพลังงาน
ก็เริ่มมีการคาดไว้ว่ายอดขายน้ำมันจะเพิ่มขึ้นไปจุดสูงสุดในอีกประมาณ 10ปีข้างหน้า
แล้วยอดก็จะทรงๆ ไปอีกซักพัก หลังจากนั้นยอดขายก็จะค่อยๆลดลง
ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 15ปี รถน้ำมันกับรถพลังงานใหม่จะมียอดอย่างละครึ่ง
แถมถ้ารถไฟฟ้ามาจริงตามที่คาด
ยอดการใช้ปั๊มน้ำมันต่อรถ1คันจะหายไป 90%
เพราะส่วนใหญ่รถพวกนี้จะชาร์ตไฟที่บ้านใครบ้านมันอยู่แล้ว
ทำให้เหลือรถที่มาเติมตามปั๊มแค่พวกที่เดินทางไกล
มาดูฝั่งการไฟฟ้า
ตอนนี้บ้านไหนจะติดตั้งเครื่องชาร์ตไฟรถยนต์
ต้องอขอหม้อแลงขนาด 30แอมป์ขึ้นไป จะ1เฟส 3เฟส ก็แล้วแต่ความสะดวกลูกค้า
รวมถึงต้องไปสำรวจหม้อแปลงใหญ่ในพื้นที่ด้วยว่ามีขนาดพอรึเปล่า
การติดตั้งตัวชาร์ตก็ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พวกหมู่บ้านจัดสรรใหม่ๆไม่น่ามีปัญหา
ส่วนใหญ่น่าจะเป็นพวกพื้นที่เมื่องเก่าที่คนอาศัยมาหลายสิบปีที่ต้องตรวจสอบให้ดี
ถามว่าทางผู้ผลิตผลิตขายได้มั๊ย
ยังไงเค้าก็พร้อมขายทุกเจ้า
เพียงแต่เจ้าไหนจะขายก่อน ขายหลัง ขายถูก ขายแพง
ขายที่ไหนก่อนหลัง
ขอแค่มีคนอยากซื้อพอ เค้าก็พร้อมขาย
เทสล่าก็ใช้แบตพานาโซนิค
พานาโซนิคก็เป็นพันธมิตรกับโตโยต้า
โตโยต้าถือหุ้นใน grab
Grab มีข้อมูลการเดินทางลูกค้า
สุปว่าโตโยต้ามีเกือบทุกอย่าง
ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ LV5 ก็ได้ยินว่าหลายเจ้าพร้อมแล้ว
เหลือแค่รอ network ไว้สำหรับเชื่อมต่อ
ซ฿่งคราวนี้ก็ต้องมาลุ้นว่า 5G ที่เตรียมใช้ในอีก 1-2ปีข้างหน้าจะแรงพอมั๊ย
latency จะต่ำจนทำให้ระบบปลอดภัยพอรึเปล่า
ไม่งั้นก็ต้องไปรอ 6G ที่คาดว่าจะมาประมาณปี 2025 นู่นเลย