Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Seadog ที่ ธันวาคม 27, 2019, 08:28:48
-
ไม่สนเรื่องหาปั๊มเติมยาก ไม่สนเรื่องหมดเร็ว ไม่สนเรื่องอัตราสิ้นเปลือง
สนแค่ผลดีต่อเครื่องยนต์ อัตราเร่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบน้ำมัน อันไหนดีกว่ากันครับ
ขอบคุณครับ
-
คิดว่า E85 น่าจะส่งผลเสียต่ออุปกรณ์ต่างๆ มากกว่า แต่อัตราเร่งน่าจะดีกว่าครับ
-
ที่เคยลองใน CRV G4 2.4 เติม E85 (สเปครถรองรับนะ) วิ่งไม่ออก เร่งไม่ขึ้น กินน้ำมันเยอะ ลองครั้งเดียว ตอนออกรถมาใหม่ๆ แล้วจบกัน
-
ขอเดาแบบไม่ชัวร์ว่า..
ข้อดี
- อัตราเร่งรอบกลางรอบสูงดีกว่า (ถ้าเท้าหนัก)
- ปล่อยมลพิษน้อย
ข้อเสีย
- แรงบิดรอบต่ำน้อยกว่า (ขึ้นห้าง ขึ้นเขาแบบที่ใช้ความเร็วต่ำ)
- หัวเทียนอายุสั้นลง
- เครื่องรับภาระกำลังอัดมากกว่า
ฝากกระทู้ speed test น้ำมันแต่ละชนิดไว้ครับ กล่องเดิม ไม่รีแฟลช แต่ไม่มี E85 รถผมหัวฉีดไม่พอ
https://community.headlightmag.com/index.php?topic=68509.0
-
ไม่สนเรื่องหาปั๊มเติมยาก ไม่สนเรื่องหมดเร็ว ไม่สนเรื่องอัตราสิ้นเปลือง
สนแค่ผลดีต่อเครื่องยนต์ อัตราเร่ง และอุปกรณ์ต่างๆ ในระบบน้ำมัน อันไหนดีกว่ากันครับ
ขอบคุณครับ
ตอบตามการใช้งานจริง แล้วแต่กรณีครับ
1. รถเดิม อี85 ค่าพลังงานน้อยกว่าเบนซินเพียวๆมากเทียบกันต่อหน่วย อัตราเร่งด้อยกว่าแบบรู้สึกได้
ไม่ต้องถึงเร่งหรอกครับ ออกตัวก็รู้สึกได้แล้ว
2. รถจูน อันนี้ต้องการออกเทนสูง อี85 จะแรงกว่า
ปล.เรื่องอุปกรณ์ถ้ารถรองรับ ผมว่าไม่มีไรน่าห่วง คันที่ใช้ อี85 เยอะสุด ผมวิ่งมา 180000 โลแล้ว ไม่มีไรเสียหายครับ
มีแค่อืดแค่นั้น ยิ่งวันไหนได้เติม shell v power เข้าไปนี่ สวรรค์ชัดๆ 555555
-
ไม่รู้สิรถผมใช้ E20 สูงสุด แต่ลองเติม E85 ใช่ครับน้ำมันหมดไว ตอนเติมเข็มน้ำมันก็ไม่ขึ้นทันทีหีชรือขึ้นช้ามาก
นอกนั้นผมว่าอัตราเร่งติดเท้ามาก รถมันเหมือนเจอความดีดเหมือนแรงขึ้น แต่นั่นแหละแค่ลองไม่กี่ถังอาจจะรู้สึกไปเอง เพราะปกติคิอเติม E20 ตลอด
ส่วน 95 นี่เติมนับครั้งได้ ประหยัดและวิ่งเหมือนๆกับ E20 เลยไม่ค่อยเติม แพงเปล่าๆ
-
นี่แหละครับ ผมถึงงง บางคนบอกว่าเติม E85 พุ่งกว่า บางคนบอกอืดกว่า ทั้งๆ ที่สเปครถก็รองรับเหมือนกัน
แล้วสงสัยอีกว่า E85 ที่ว่าทำให้เครื่องสะอาด ทำไมถึงส่งผลเสียต่ออุปกรณ์ครับ
-
น่าจะต้องแบ่งเป็น 2 ฝ่ายนะครับ
ฝ่ายนึง เน้นพลังงานทางเลือก ประหยัดใช้งานได้ ไม่เปลืองทรัพยากร
อีกฝ่ายนึง เขาจะเน้นความแรง เอาประโยชน์จากค่าออกเทน มาสำหรับการปรับแต่งเครื่องให้แรงมากกว่าเดิม
-
รถแจ๊สผมใช้มา5ปีวิ่งไป1แสน กม. เติม อี85เป็นหลักและอี20บ้าง ขับขึ้นมาแทบทุกดอย อัตราเร่งแซง ทั้งทางเรียบและทางชัน..ผมพอใจมากๆ เครื่องยังนิ่งใกล้เคียงกับรถใหม่ ไม่เคยซ่อมไม่เคยเสียครับ
-
รถปัจจุบันถ้าทำมารองรับE85 จากโรงงานรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีในการผลิตดี ออกแบบมาดี
ใช้E85 สะอาดกว่า ดีต่อเครื่องยนต์กว่า(ในกรณีที่ใช้จ้ำมันเครื่องผ่านมาตรฐานILSAC GF5ขึ้นไป) และจะได้อัตราเร่งดีกว่านิดนึง -- Octane สูงกว่าทำให้สามารถเล่น Ignition Timing ได้กว้างขึ้น และองศาเปิดปิดวาวล์ก็กว้างขึ้นครับ(เฉพาะรถที่มี Variable Valve timingและOpening)
-
สงสัยเหมือนกันครับ ไปถามที่ไหนก็มี 2 เสียงแบบนี้ตลอดเลย
-
ตามการใช้งานเก๋งรถผมเอง
เติม E10 91 และ E10 95พรีเมียม และ E20 กับ E85
จุดคุ้มทุนที่สุด คือ E20 ครับ Km/L กับ เงินที่จ่ายตอนเติมคุ้มที่สุด ผมบันทึกใน app ตลอด
พวก E ทั้งหลาย จุดเด่น หรือ หลักใหญ่ใจความจริงๆ เขาเน้นเรื่องมลพิษครับ ยิ่ง E85 นี่โครตสะอาด บอกเลย ทั้งควัน เขม่า ไอเสีย และ มลพิษ น้อยสุดๆ หาดูข้อมูลประกอบได้เลย
ผมใช้ E20 หลักๆ ล้างรถ มือลูบตรงปลายท่อไอเสีย แทบไม่มีเขม่าดำ ติดมือเลย แต่พอเติม E10 91/95 มีดำๆ ติดมาออกมาบ้าง ไม่ต้องพูดเบนซินเลย อันนั้นเขม่าเยอะเลย ซึ่งนั้นก็หมายความว่า กรณีเขม่าเยอะ การเผาไหม้ไม่สะอาด ก็เกิดการสึกหรอ และ ผลเสียในระบบเครื่องยนต์เยอะกว่าแน่นอน
ถ้าจะเอาเรื่องเบนซิน หรือ E10 จุดเด่นเลย คือ เรื่องกำลังของเครื่องยนต์ที่ได้ครับ มากกว่า พวก E สูงๆ เป็นหลักเลย
แต่รถรุ่นใหม่ power band สูง แรงบิดเป็น flat torque กัน ผมจึงไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง จากการใช้งานจริงๆ จาก E10 E20 และ E85 เลยแม้แต่น้อย
เมืองนอกมีทำ 0-100 ระหว่างน้ำมัน เบนซิน E10 ,E20 และ E85 ในรถคันเดียวกัน กลุ่มเบนซิน E10 อัตราเริ่งดีกว่า E20, E85 ก็จริง แต่หลักไม่ถึง วินาที สำหรับผมแล้ว การใช้งานจริง ผมไม่รู้สึกเลยดีกว่า ผมถือว่าไม่ต่างกันเลย
-
ถ้ารถรองรับ E85 มาแล้วเติมไปก็ไม่มีผลเสียหรอกครับ แต่อัตราเร่งจะสู้ 95 ไม่ได้ ถ้าจะให้รถแรงกว่าเดิมต้องจูนเพิ่มขึ้นอีกด้วยเพราะ E85 อ๊อกเทนมากกว่า ถ้ารถเดิม ๆจากโรงงานไม่ได้ทำอะไร ยังไงเติม 95 ก็ดีกว่าครับ
-
ตรงกันข้ามครับ
E85 อืดสุด เร่งไม่ค่อยขึ้น
95 พุ่งสุด เร่งดีสุด
ถ้าขับ ตจว. บ่อยๆจะรู้ ซึ่งผมวิ่ง ตจว. ทุกวันเช้าเย็น
กรณีเดิมๆนะ ไม่จูนแต่งใดๆ
-
แสดงว่า ผู้ผลิตรถยังไม่นิ่ง มีแกว่งๆ เพราะบางคันเติมแล้วดี บางคันเติมแล้วไม่ดี ;D
-
มันขึ้นอยู่กับผู้ผลิตล่ะมั้ง เพราะ Saab เติม E85 จะได้แรงม้ามากขึ้นจนตีตราว่า BioPower ที่จูนให้แรงและรองรับมาตั้งแต่แรก แต่กับแบรนอื่น เช่น Honda Jazz ในไทยรองรับ E85 แต่ที่ญี่ปุ่นต้นตำรับกลับรองรับได้แค่ E10 ก็ไม่แปลกที่มันจะอืดลงเมื่อเติม E85
-
ผมขอแชร์ประสบการณ์ในส่วนของE20 แต่เป็นมอเตอร์ไซค์ ฟิโน่ผมรถอายุ10ปีกับ6เดือน รุ่นนี้เป็นคาบู สเป็คให้เติมE10 แต่ผมเติมE20
ในความรู้สึก E20 (ได้ทำการรองแหวนเพื่อจะได้จ่ายน้ำมันหนาขึ้น นอกนั้นไม่ได้ปรับแต่)
ข้อดี จะเด่นมากในช่วงรอบกลางไปถึงรอบสูงสุด
หัวเทียนสีออกน้ำตาล
กลิ่นเหม็นน้อยลง
ข้อเสีย ตอนเช้าสตาร์ทติดยาก วอมนานกว่าE10 และกำลังจะไม่มีตอนที่เครื่องเย็น
E10 จะเติมต่อเมื่อปั็มนั้นไม่มีE20
-
ผมเคยถามคำถามแบบเดียวกันนี้เลย
ขอให้ความเห็นว่า ถ้าเราขับรถให้ประหยัดน้ำมันเป็นและชำนาญแล้ว
การเติม E85 จะทำให้ประหยัดเข้าไปอีกครับ
โฟกัสที่เรื่องประหยัด ไม่ใช่ความแรงนะครับ
-
ถ้ามี knock sensor แล้วกล่อง advance timing ตามค่าที่ได้
e85 น่าจะแรงกว่า แต่หมดไว
-
รถหัวฉีดที่เติมได้ตั้งแต่ 95 e10 e20 e85
ไม่สามารถจ่ายน้ำมันได้หนาเท่ากันได้ทุกประเภทน้ำมัน
เพราะe85 ต้องจ่ายมากกว่า95 30% ถึงให้พลังงาน ความร้อนที่เท่ากัน
ฉะนั้นรถที่เติม 95ได้ จะเป็นพระเอก พอเติมe85 จะเป็นผู้ร้าย
ถ้าระบบหัวฉีด จุดระเบิด ฉลาดพอชดเชยให้e85ได้ จะไม่แย่กว่าเยอะ
แต่กล่องต้องใช้เวลาเรียนรู้พอสมควร อาจเป็นวันถึงเดือน
คันไหนเติมe85ไปสักพักแล้ววิ่งดี มีแรง ไม่อืดตื้อ
พอเติม95 หรือ e20 แล้วรู้สึกกว่าน้ำมันหนาไป เครื่องจะตึง มีแรงแต่หนักในรอบต่ำ
แสดงว่ากล่องเรียนรู้การจ่ายe85 ได้ดีในระดับที่ทดแทน95 e20ได้
รถที่เติมe85 ได้อย่างเดียว จะให้กำลังไม่ต่างจาก95 แต่เติมอย่างอื่นไม่ได้แม้แต่e20
ที่เหนือกว่า95คือ ฝาสูบจะเย็นกว่า เขม่าน้อยกว่ามาก กลิ่นไม่เหม็น มีแต่กลิ่นเหล้าหึ่ง
รวมทั้งหมดเร็วกว่า95เยอะ แต่ถูกกว่ามาก หาเติมง่ายก็น่าใช้กว่า
ถ้าจะเติมe100 ต้องเปลี่ยนหัวฉีด แต่ถ้าจะแค่นใช้เครื่องจะอืดลง เพราะบางไป
-
คันที่เติม E85 ได้ ใช้มา 3 หมื่นกว่าโล เติม E85 สลับกับ E20 เทียบแล้ว E20 แรงมาดีกว่าครับ วิ่งทางไกล ประหยัดกว่าด้วย เคยดูคลิปที่จูนรถแข่ง ที่ใช้ E85 ต้องจูนให้เป๊ะครับ ถึงจะแรงกว่า E20 ได้ ตอนนี้ผมเลยเติม E85 เวลาขับรถติด ๆ ในเมืองครับ
-
สอบถามเป็นความรู้ครับ
ทำไมรถที่รองรับหรือเติม E85 อายุการใช้งานหัวเทียนจะสั้นกว่าปกติครับ
-
ผมสรุปแบบนี้ได้ไหมครับ
E85 จะดีกว่า 95 ก็ต่อเมื่อรถจูน E85 มาด้วย (ถึงแม้ว่ารถจะรองรับ E85 แต่ก็ไม่ได้ความว่าจะใช้ E85 ได้เต็มประสิทธิภาพ)
-
รถแม่บ้าน จะ 4 ปีแล้วครับ E85 เกือบ 100% ครับ แต่น่าสงสัยว่า พี่โต ไม่ค่อยสนใจ E85 แต่พี่ ฮอนเกือบทุกรุ่น
-
แล้วแต่การโปรแกรมมันครับ ตามหลักคือ ถ้ามันอ่านค่าแล้ว "ถมน้ำมัน" กับ "จูนองศาไฟ" ได้ประมาณนึง E85 ก็มีแนวโน้มแรงกว่าได้
แต่ถ้าเดิมๆ ส่วนมากอืดกว่า และไม่ได้ประหยัดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะช่วงหลังที่ราคาต่างกันแค่ 4-5 บาท จาก E20 ถ้าสมัยก่อนต่างกัน 14 บาท+ นี่ เติมเถอะ ถมน้ำมันยังคุ้ม
-
เทียบกัน ทีละประเด็น / แง่มุม
- พลังงานที่เผาไหม้ออกมาได้ เทียบระหว่าง เอทานอล : เบนซิน = 0.62 : 1
(เวลาใช้ E10 , E20 , E85 มันถึงสิ้นเปลืองปริมาณมากกว่า เพื่อให้ได้พลังงานเท่าๆ กัน)
- จุดเด่นของเอทานอล ที่ดีกว่า เบนซิน มีอยู่เรื่องเดียว คือ ค่าออกเทน ...
แต่... มันจะเอามาใช้เป็นประโยชน์ได้ ก็ต้องกับเครื่องยนต์ ที่ปรับตั้ง กำลังอัด หรือ อัตราส่วนอัดมาสูงๆ แล้ว
ฉนั้น ถ้าเครื่องเดิมๆ จากโรงงาน ที่ใช้ได้ทั้ง เบนซิน และ E ทั้งหลาย ... มันแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย
เพราะถ้ามันปรับมาจากโรงงานให้ใช้ข้อได้เปรียบจากค่าออกเทนสูงๆ ได้ .. พอไปเติมพวกเบนซิน 95 เครื่องก็น็อค ..
สรุป จากสถานการณ์-สภาพการณ์ปัจจุบัน ถ้ารถคุณเติมน้ำมันฝั่งเบนซินได้ทุกชนิด ...
>>> เติม E20 ดีที่สุด ทั้ง .. ประหยัดเงินต่อ กม. ที่สุด , ออกเทนระดับ 95-98 , ผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย
-
ต้องเข้าใจก่อนครับว่า
ถ้าเราวิ่งปกติ รอบต่ำๆ ไม่เห็นผล
ไม่มีใคร เครื่องน้อคที่ รอบต่ำๆ ใช่ไหม ครับ
เพราะ ที่รอบต่ำๆ ขับปกติ เครื่องไม่ได้ร้อนจัด
ทีนี้ พอรถปกติ มีการเหยียบ รุนแรง จนเครื่องร้อน
OEM จะป้องกันการ น้อค โดย ปรับองศาจุดระเบิด ให้ลดพลังงานลงในรอบสูงๆ ครับ รวมถึงจ่ายน้ำมันหนา ๆ
จนอากาศน้อย จุดระเบิด ติดยาก
ทั้งหมดที่พูดมา คือ รถบ้าน ทั่วไปครับ ต่อให้เราเติม E85 เค้าก็ จูนมา เผลอก็อืดกว่า
ที่นี้ พอมาเป็น E85 เพื่อการซิ่ง
ECU รถจะไม่สนใจ ที่จะปรับ องศาจุดระเบิด และ จ่ายน้ำมันให้หนาในรอบสูงๆ เพื่อลดพลังงาน
ที่นี้ รถก็จะ สามารถ ปรับจูนให้ได้ ประสิทธิภาพสูงสุด ได้ในทุก ย่านการใช้งานครับ
ทั้งนี้ รถ บ้าน ไม่มีผลครับ
-
ผมใช้ทั้งอี 20 -อี85 - lpg แบบเทียบกันตลอด ไม่น้อยกคว่าห้าปี
ความแรง อยู่ที่การเซ็ทเครื่องมา ถ้าแบบกลาง ๆ สู้ อี 20 ไม่ได้ แต่ถ้าตั้งค่าไฟให้เหมาะสม สู้ อี 85 ไม่ได้ทั้ง แรงบิด-แรงม้า แต่เรื่องประหยัด สู้ อี 20 ไม่ได้
lpg จูนเทียบได้ทุกรูปแบบ..
ยังไม่เห็นผลเสียเลย 85 เวลอุ่นเครื่องหอมจนเมา
-
รถที่เติมได้ก้ไม่มีผลใดๆครับกับเครื่อง ในระยะ5-7 ปี รถผมคันที่แล้ว เติม E20 ประมาณ 80000Km
E85 ประมาณ 95000 km ขายไปวิ่ง 175000กว่า รถ6 ปี ก้ไม่มีปัญหาใดๆกับเครื่องนะครับ ดูแลดี
ใช้ นมค. ดี ได้เปรียบครับ
-
ฝากกระทู้ไว้ครับ
E85 เทียบ E20
https://community.headlightmag.com/index.php?topic=73083.0
-
Classic มาก หัวข้อนี้. มาทุกๆ2อาทิตย์
อ่านในlink ด้านบนเลยครับ
แต่ขอตอบอีกที
- E85 วิ่งแล้วอืดกว่า. กินน้ำมันกว่า. เสียงดังเค้นกว่า เครื่องเรียบ
- เบนซิล. คันเร่งตึง มาเต็ม. ดึงกว่า. เสียงไม่เค้น
-
รถที่มีใช้อยู่แล้วเติม e85 ได้ ทั้ง 2 คัน (accord g9 , focus 1.5 turbo)
เติม e85 แล้ว ได้อัตราเร่งดีกว่าครับ เคยเทียบกันหลายครั้งแล้ว สลับ กับ e20
ผลปรากฏว่า e85 มีแรงดึงและอัตราเร่ง ออกตัว - ดีกว่า เลยใช้ e85 มาตลอดครับ
ผมเน้น สมรรถนะ ไม่เน้นประหยัดครับ
- ac g9 เติม e85 มาแล้ว 6 ปีไม่มีปัญหาครับ ขึ้นเขา ออกตัว เร่งดีกว่า น้ำมันอื่นๆที่เคยเติมครับ
- focus 1.5 turbo ecoboot ก็เช่นกันครับ
อีกปัจจัยหนึ่ง ผมวาขึ้นอยู่กับค่า setting จากโรงงาน และ เครื่องยนต์ด้วยครับ รถบางคันแค่รองรับให้เติม e85 ได้แค่ประหยัด แต่ไม่ได้ มีส่วนในเรื่องของ สมรรถนะ ครับ
-
เติมแต่ E85 ไม่เคยเติมน้ำมันชนิดอื่น
ไม่มีปัญหาครับ ;D รถจะ 3ปีและ
ไม่สนเรื่องแรงสนมลพิษ
คันหน้า hybrid ไม่ก็ ev