Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: mamaman ที่ มกราคม 04, 2020, 21:33:42
-
ผม ลองสังเกตุ ค่ายรถ เจ้าตลาดบ้านเราทั้งหลาย
ที่ ใช้ สิทธิใช้อัตราภาษี 14% จาก ปกติ 25 % ดังนั้น ราคารถ ควรถูกลงจากเดิม ราว 10 % ใช่ไหม
ยกตัวอย่าง City B-Segment SV+ เดิม ตัว TOP ราคา 750,000 คำนวณ ย้อนกลับ เอา 1.07 และ 1.25 = 560,747 ราคา แบบไม่มี ภาษี
จากนั้น เอา 560,747 คูณ อัตรา ภาษีใหม่ 14% แก้เป็น 12 % คืน 1.12 และ 1.07 = 683,999 671,999บาท
จากข้อมูลนี้ New City 2020 RS 739,000 > Old City SV + 671,999 คิดที่ อัตราภาษีเท่ากัน
จะเห็นว่า Honda ไม่ได้ ขายรถแพง ขูดเลือดแต่อย่างใดครับ เพราะใน City RS 2020 ใหม่นั้น มี อุปกรณ์หลายๆ เพิ่มมามากกว่า พอๆกับรุ่นเดิมพอสมควร แก้ ไข พบ ว่า RS 2020 และ SV+ 2018 Option ใกล้เคียงกันครับ มี Side Airbag และ ม่าน ถุงลม ไฟหน้า LED
แต่ถ้า เทียบ กับ RS ใหม่แล้ว Honda ค่อนข้างน่าเกลียดมากครับ ที่ขาย ราคา 739,000 บาท พี่เอากำไร เพียวๆ เลย คันละ 70,000 ไม่รวมกำไรจาก ทุนเดิม น่าเกลียดๆ มากๆๆๆๆๆๆ
แต่พอมาเจอ Nissan ทำราคาได้ต่ำ ต่ำจนน่าแปลกใจต่างหาก ต่ำจน ใครๆ ก็มองว่า คุ้มค่า เอามากๆ ก็ เล่นเอา คนซื้อ งงไปตามๆ กัน
ว่างๆ ทำ ตาราง เปรียบ เทียบ ความต่าง ของ สองรุ่นนี้ให้ดู จะเห็น ถึงต้นทุนที่แตกต่างกันครับ
สำหรับ บท สรุป ที่ เราต้อง การ จาก ภาษี Eco car
เราควรได้
1รถที่ราคาถูกลง
2ประหยัดน้ำมัน
3ความปลอดภัยเพิ่ม
แต่เจ้าตลาดหลายๆ ค่าย ไม่ใช่แค่ Honda นะครับ กลับ ยัดเยียด ราคาเดิมมาให้ แล้ว เราได้อะไร ได้แค่ option ที่ดีขึ้น ในราคาเท่าเดิมซะงั้น ก็ดีๆ ครับ
ที่เราได้ จริงๆ จาเจ้าตลาดคือ
1.รถราคา เกือบเท่าเดิม NG
2.ประหยัด น้ำมัน จริง OK
3.ความปลอดภัยเพิ่ม OK ( บางค่าย ไม่ OK หนักกว่า Honda อีกครับ ดูเอา เช่น ค่าย M )
สำหรับ เจ้ารองตลาด ผ่าน ทุกข้อ เราไม่โดนเอาเปรียบครับ
แค่เคือง Nissan ที่ไม่ยอมให้ SAB ในรุ่นล่าง
-
ปกติเวลาเปลี่ยนโฉม Model change หรือปรับโฉม Miner change ค่ายรถก็ขึ้นราคาอยู่แล้วไม่มากก็น้อย ราคารถมันจึงไม่เคยถูกลง
ความรู้สึก Honda City แพงขึ้นไหม ถ้าไม่นับรุ่น RS ( ผิดที่ honda เลือกเปิดตัวรุ่น RS มาเลยตั้งแต่แรก และไม่มีชุดแต่งใดๆ )
นับแค่รุ่น SV เป็นตัว Top ถือว่าราคาเหมาะสม และอาจทำให้ลูกค้า เปรียบเทียบกับ nNssan Almera, Mazda 2 ตรง ๆได้ ( ถึงแม้จะแพงกว่า แต่แลกด้วยความเป็นเจ้าตลาด ) แบบนี้คิดว่ากระแสจะแรงกว่านี้ด้วย
แต่ดูจากข่าวที่ยอดจอง 4 พันคัน และส่วนใหญ่เป็นรุ่น SV แสดงว่าลูกค้าก็มองว่าราคามันสมเหตุสมผล รับได้กับเงินที่จ่ายจนไม่ต้องขยับไปซื้อรุ่น SV
-
ในคลับอัลเมร่าตอนนี้รับรถกันเยอะมากรถสวยๆทั้งนั้น
-
City RS ได้ไฟหน้า Full LED ล้อ 16 นิ้ว ม่านถุงลม ผมว่าก็แพงอยู่นา แต่เอาจริงๆ ผมว่ารุ่น RS ควรขายที่ 699k จะเป็นราคาที่ดีงามที่สุด
แต่ Almera ราคาเปิดตัวนี่คือต่ำกว่าคาดหมายเยอะเลย คนในนิสสันยังงงเลย แต่ระบบ Active safety ต้นทุนก็ไม่แพงอย่างที่คิดนะ ที่ผมว่าแพงคือไฟหน้า LED หน้าปัดสีจอใหญ่ กล้องรอบคัน และม่านถุงลม
แต่ผมนี่รอดูคนมาถามหาออยคูลเลอร์เกียร์เลยครับ 55
-
รถที่ไทยยังไงก็ขายแพง
จะเห็นว่ามีหลายรุ่นที่เราตีมูลค่าว่าโคตรคุ้มขายได้ยังไง น่าจะขาดทุน(คนไทยเป็นห่วงบริษัทรถเหลือเกิ๊น)
แต่แล้วก็ไม่เคยเห็นว่าบริษัทรถรุ่นนั้นๆบ่นว่า ใส่ของมาเยอะเลยขาดทุนเลย มีแต่โชว์ยอดฟันกำไร
-
ไม่ได้บังคับให้ซื้อ ถ้าคนเห็นว่ามันไม่คุ้มค่าตัว
ก็ขายไม่ออกเอง ก็ต้องปรับราคา
-
City ใหม่ เขาออกมาแทน City เก่านะครับ ไม่ได้ทำออกมาแข่งกับ Ecocar
แต่ City มันหันมาทำ 1.0 turbo แทน ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้บริโภคด้วยซ้ำ
ถ้ามองเป็นธุรกิจ ก็ต้องบอกว่า Honda ต้องงทุนวิจัยและพัฒนาใหม่หมดด้วยซ้ำ เพื่อจะได้ได้สิทธิ์ลดภาษี ถ้ามองเป็นกลางไม่ลดราคา ก็สมควรแล้ว
แต่ถ้ามองในมุมมองลูกค้า ผมก็เห็นด้วยว่า Honda ขายแพงครับ
-
ถ้ารัฐบาลดูแลประชาชนดีๆ ก็คงจะดี
ดูอย่างที่จีน ที่รัฐบาลสั่งปรับ lexus สิครับ ขายแพงเว่อร์ โดยปรับเงิน
-
SV 1.5 เดิมออพชั่นใกล้เคียง SV Turbo จริงๆ หรอครับ?
เพราะผมเปิดตาราง spec ดู
เอาสิ่งที่ SV Turbo มีแต่ SV 1.5 เดิมไม่มี
- เบาะหนัง
- จอเครื่องเสียงรองรับ Apple CarPlay
- ถุงลมข้าง
- สัญญาณเตือนเข็มขัดคนนั่ง
แต่... สิ่งที่ SV 1.5 เดิมมีแต่ SV Turbo ไม่มีนะครับ
- ไฟหน้า LED (SV Turbo Projector Halogen)
- ไฟตัดหมอก LED
- ล้อ 16" (SV Turbo 15")
- Cruise Control
- Paddle Shift
- ช่องชาร์จไฟหลัง 12V 2 ช่อง
- กระจกแต่งหน้าฝั่งคนนั่ง
- ลำโพง 8 ตัว (SV Turbo 4 ตัว)
ประมาณนี้ครับ
แล้วก็ SV Turbo ไม่มีม่านถุงลมครับ ยิ่งเทียบกับ SV+ 1.5 เดิมได้ยากเลย เพราะรายนั้นก็มีเบาะหลังพับได้ 60:40 กับหมอนรองหัว 3 อันแบบปรับได้ มาให้ครับ
จริงๆ SV Turbo ต้องบอกว่าใกล้เคียง V+ 1.5 เดิมมากกว่าจริงๆ ครับ
-
ถ้ารัฐบาลดูแลประชาชนดีๆ ก็คงจะดี
ดูอย่างที่จีน ที่รัฐบาลสั่งปรับ lexus สิครับ ขายแพงเว่อร์ โดยปรับเงิน
เห็นด้วยครับ ขายแพงแต่คุณภาพไม่สมราคาอะไรน่าโดนปรับแบบเล็กซัสจริงๆ
SV 1.5 เดิมออพชั่นใกล้เคียง SV Turbo จริงๆ หรอครับ?
เพราะผมเปิดตาราง spec ดู
เอาสิ่งที่ SV Turbo มีแต่ SV 1.5 เดิมไม่มี
- เบาะหนัง
- จอเครื่องเสียงรองรับ Apple CarPlay
- ถุงลมข้าง
- สัญญาณเตือนเข็มขัดคนนั่ง
แต่... สิ่งที่ SV 1.5 เดิมมีแต่ SV Turbo ไม่มีนะครับ
- ไฟหน้า LED (SV Turbo Projector Halogen)
- ไฟตัดหมอก LED
- ล้อ 16" (SV Turbo 15")
- Cruise Control
- Paddle Shift
- ช่องชาร์จไฟหลัง 12V 2 ช่อง
- กระจกแต่งหน้าฝั่งคนนั่ง
- ลำโพง 8 ตัว (SV Turbo 4 ตัว)
ประมาณนี้ครับ
แล้วก็ SV Turbo ไม่มีม่านถุงลมครับ ยิ่งเทียบกับ SV+ 1.5 เดิมได้ยากเลย เพราะรายนั้นก็มีเบาะหลังพับได้ 60:40 กับหมอนรองหัว 3 อันแบบปรับได้ มาให้ครับ
จริงๆ SV Turbo ต้องบอกว่าใกล้เคียง V+ 1.5 เดิมมากกว่าจริงๆ ครับ
ด้วยใจรัก แม้จะเป็นญาติพี่น้องที่สนิทกันก็ยังเตือนลำบากครับ เป็นผมจะไม่ซื้อยี่ห้อนี้เป็นอันขาดนะ เพราะแพงและลดต้นทุนในส่วนที่มองเห็นและไม่เห็นอยู่เยอะจริงๆ
-
ถ้า civic 1.8 EL ขาย 974,000
Civic 1.5 ที่อ้อพชั่นเท่าๆกันขาย 1,099,000
ส่วนต่าง เครื่อง Turbo กับ NA ประมาณ 1 แสน
ได้แรงขึ้น ประหยัดขึ้น
จากที่คำนวณมาลดภาษีลดไปประมาณ 50,000 เองนะ
ถ้าถามว่าฮอนด้าทำไมทำกำไรจาก City มากเกินไป เทียบ Almera
ให้นึกถึงกรณี Fortuner 2.8v 1.649 ล้านที่มาแบบรถเปล่าเลย
กับเทอร่า 2.3 1.427 ล้าน ที่ระบบครบมากๆ
แล้ว 0-100 city 10.5x วิ กับแม็คขอบ 16
กับ 0-100 almera 11.5x วิ กับแม็คขอบ 15
มันก็พูดยากนะครับ คือมันยิบย่อยที่จะมาเทียบกันจริงๆ
-
ถ้ารัฐบาลดูแลประชาชนดีๆ ก็คงจะดี
ดูอย่างที่จีน ที่รัฐบาลสั่งปรับ lexus สิครับ ขายแพงเว่อร์ โดยปรับเงิน
เห็นด้วยครับ ขายแพงแต่คุณภาพไม่สมราคาอะไรน่าโดนปรับแบบเล็กซัสจริงๆ
SV 1.5 เดิมออพชั่นใกล้เคียง SV Turbo จริงๆ หรอครับ?
เพราะผมเปิดตาราง spec ดู
เอาสิ่งที่ SV Turbo มีแต่ SV 1.5 เดิมไม่มี
- เบาะหนัง
- จอเครื่องเสียงรองรับ Apple CarPlay
- ถุงลมข้าง
- สัญญาณเตือนเข็มขัดคนนั่ง
แต่... สิ่งที่ SV 1.5 เดิมมีแต่ SV Turbo ไม่มีนะครับ
- ไฟหน้า LED (SV Turbo Projector Halogen)
- ไฟตัดหมอก LED
- ล้อ 16" (SV Turbo 15")
- Cruise Control
- Paddle Shift
- ช่องชาร์จไฟหลัง 12V 2 ช่อง
- กระจกแต่งหน้าฝั่งคนนั่ง
- ลำโพง 8 ตัว (SV Turbo 4 ตัว)
ประมาณนี้ครับ
แล้วก็ SV Turbo ไม่มีม่านถุงลมครับ ยิ่งเทียบกับ SV+ 1.5 เดิมได้ยากเลย เพราะรายนั้นก็มีเบาะหลังพับได้ 60:40 กับหมอนรองหัว 3 อันแบบปรับได้ มาให้ครับ
จริงๆ SV Turbo ต้องบอกว่าใกล้เคียง V+ 1.5 เดิมมากกว่าจริงๆ ครับ
ด้วยใจรัก แม้จะเป็นญาติพี่น้องที่สนิทกันก็ยังเตือนลำบากครับ เป็นผมจะไม่ซื้อยี่ห้อนี้เป็นอันขาดนะ เพราะแพงและลดต้นทุนในส่วนที่มองเห็นและไม่เห็นอยู่เยอะจริงๆ
- สนิม
- แร๊คดัง
- งานประกอบ
ฮอนด้ายุคหลังน้ำท่วม ลดต้นทุนในจุดที่มองไม่เห็นไปเยอะมากจริงๆครับ
-
ประเทศนี้ แดนสวรรค์ของนายทุนครับ
แทนที่จะใด้รถราคาถูกลงมากๆ มันก็ลดให้นิดนึง
ในทางกลับกัน แทนที่เงินเท่าๆเดิมควรจะใด้รถที่ดีเหมือนแต่ก่อน กลับกลายเป็นว่าต้องจ่างแพงอีกนิด
แต่ใอ้ราคาที่ลดลงอีกนิด ก็ลดสเปคลงบานเบอะ
ใอ้มาตรการนี้ใครใด้ประโยชน์กันแน่ !!!!
-
ถ้ารัฐบาลดูแลประชาชนดีๆ ก็คงจะดี
ดูอย่างที่จีน ที่รัฐบาลสั่งปรับ lexus สิครับ ขายแพงเว่อร์ โดยปรับเงิน
เห็นด้วยครับ ขายแพงแต่คุณภาพไม่สมราคาอะไรน่าโดนปรับแบบเล็กซัสจริงๆ
SV 1.5 เดิมออพชั่นใกล้เคียง SV Turbo จริงๆ หรอครับ?
เพราะผมเปิดตาราง spec ดู
เอาสิ่งที่ SV Turbo มีแต่ SV 1.5 เดิมไม่มี
- เบาะหนัง
- จอเครื่องเสียงรองรับ Apple CarPlay
- ถุงลมข้าง
- สัญญาณเตือนเข็มขัดคนนั่ง
แต่... สิ่งที่ SV 1.5 เดิมมีแต่ SV Turbo ไม่มีนะครับ
- ไฟหน้า LED (SV Turbo Projector Halogen)
- ไฟตัดหมอก LED
- ล้อ 16" (SV Turbo 15")
- Cruise Control
- Paddle Shift
- ช่องชาร์จไฟหลัง 12V 2 ช่อง
- กระจกแต่งหน้าฝั่งคนนั่ง
- ลำโพง 8 ตัว (SV Turbo 4 ตัว)
ประมาณนี้ครับ
แล้วก็ SV Turbo ไม่มีม่านถุงลมครับ ยิ่งเทียบกับ SV+ 1.5 เดิมได้ยากเลย เพราะรายนั้นก็มีเบาะหลังพับได้ 60:40 กับหมอนรองหัว 3 อันแบบปรับได้ มาให้ครับ
จริงๆ SV Turbo ต้องบอกว่าใกล้เคียง V+ 1.5 เดิมมากกว่าจริงๆ ครับ
ด้วยใจรัก แม้จะเป็นญาติพี่น้องที่สนิทกันก็ยังเตือนลำบากครับ เป็นผมจะไม่ซื้อยี่ห้อนี้เป็นอันขาดนะ เพราะแพงและลดต้นทุนในส่วนที่มองเห็นและไม่เห็นอยู่เยอะจริงๆ
- สนิม
- แร๊คดัง
- งานประกอบ
ฮอนด้ายุคหลังน้ำท่วม ลดต้นทุนในจุดที่มองไม่เห็นไปเยอะมากจริงๆครับ
อารมณ์เดียวกับโตโยต้าที่ขายแพง แต่ออพชั่นโล่นและยัดเยียดไฮบริดครับ. แต่ผมก็ขอชื่ชมแคมรี่นะที่อย่างน้อยก็รู้ว่าฐานลูกค้าแคมรี่ เท้าหนักจึงมีเกียร์ที่เป็นทอร์คคอนเวิร์ตเตอร์แบบเฟืองมาให้ในรุ่นล่าสุด ทั้ง2.0และ2.5 แต่แอคคอร์ดนี่ยังให้ cvt แต่ไม่มีออยล์เกียร์แยกมาให้นี่สิ ยังไม่รวมถึงข่าวลือเรื่องเหล็กโครงสร้างในบางรุ่นครับ
-
ประเทศนี้ แดนสวรรค์ของนายทุนครับ
แทนที่จะใด้รถราคาถูกลงมากๆ มันก็ลดให้นิดนึง
ในทางกลับกัน แทนที่เงินเท่าๆเดิมควรจะใด้รถที่ดีเหมือนแต่ก่อน กลับกลายเป็นว่าต้องจ่างแพงอีกนิด
แต่ใอ้ราคาที่ลดลงอีกนิด ก็ลดสเปคลงบานเบอะ
ใอ้มาตรการนี้ใครใด้ประโยชน์กันแน่ !!!!
รถมันไม่ได้ทนทานอะไรแต่สาวกเค้ายึดติดในแบรนด์ครับ ทำให้ทำอะไรมาก็ขายได้แน่นอน. แต่ขอยกเว้นบริโอ้ และบริโอ้อเมซไว้นะครับที่ขายไม่ได้
-
SV 1.5 เดิมออพชั่นใกล้เคียง SV Turbo จริงๆ หรอครับ?
เพราะผมเปิดตาราง spec ดู
เอาสิ่งที่ SV Turbo มีแต่ SV 1.5 เดิมไม่มี
- เบาะหนัง
- จอเครื่องเสียงรองรับ Apple CarPlay
- ถุงลมข้าง
- สัญญาณเตือนเข็มขัดคนนั่ง
แต่... สิ่งที่ SV 1.5 เดิมมีแต่ SV Turbo ไม่มีนะครับ
- ไฟหน้า LED (SV Turbo Projector Halogen)
- ไฟตัดหมอก LED
- ล้อ 16" (SV Turbo 15")
- Cruise Control
- Paddle Shift
- ช่องชาร์จไฟหลัง 12V 2 ช่อง
- กระจกแต่งหน้าฝั่งคนนั่ง
- ลำโพง 8 ตัว (SV Turbo 4 ตัว)
ประมาณนี้ครับ
แล้วก็ SV Turbo ไม่มีม่านถุงลมครับ ยิ่งเทียบกับ SV+ 1.5 เดิมได้ยากเลย เพราะรายนั้นก็มีเบาะหลังพับได้ 60:40 กับหมอนรองหัว 3 อันแบบปรับได้ มาให้ครับ
จริงๆ SV Turbo ต้องบอกว่าใกล้เคียง V+ 1.5 เดิมมากกว่าจริงๆ ครับ
ที่ผมยกราคามาคือ 750,000 มันเป็น รุ่ TOP สุดครับ ของ City เก่าแล้วครับ
จริงๆ มันน่าจะ เทียบ 2020 RS กับ Top SV+ ที่ได้ อปก ความปลอดภัยเท่ากันๆ
กลายเป็น 2020 RS ราคา เท่ากับ Top SV+ 2018 น่าเกลียดมากไป จริงๆ ละครับ ทั้งที่ ภาษีลดไป 10 %
-
หนึ่งในเหตุผลที่ผมเชียร์ mg ให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
และเป็นกำลังใจให้ mg มีความมั่นคงในด้านการบริการ
ถึงผมจะยังไม่ได้เป็นลูกค้า หรือ fc ของ mg ก็ตาม
เพราะเราจะได้เห็นความจริงอีกด้านของค่ายรถมากขึ้น
-
เป็นมาตั้งแต่ eco car ยุคแรกปี 2008 แล้วล่ะครับ
ตอนนั้นก็เห็นด่าแต่ b-seg 1.5L ว่าเอาเปรียบ แล้วไปชื่นชม eco 1.2 ว่าพ่อพระ
ทั้ง ๆ ที่เวลาซื้อ ก็ไปซื้อ eco ตัว top ที่ราคาเท่า b-seg 1.5 ตัวกลางด้วยซ้ำ
กาลเวลาผ่าน พวก b-seg 1.5 ยังวิ่งรับใช้ดีอยู่ แต่พวก eco ก็พากันทะยอยพัง
พวกลูกปืน แอร์ พวงมาลัย ให้ต้องเสียเงินซ๋อมก่อนเวลาอันควร
มาวันนี้ จะไม่มี b-seg 1.5 แล้ว ทุกค่ายได้เรียนรู้พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อรถของคนไทย
ก็เลยจัดให้เป็น eco ทั้งหมดแล้วครับ
ก็ขึ้นอยู่กันคนซื้อกันแล้วล่ะ เงินอยู่ในกระเป๋า ถ้าไม่พอใจ ไม่ซื้อ ใครก็มาล้วงเอาเงินในกระเป๋าออกไปไม่ได้
ที่เป็นอย่างนี้เพราะเราเอาเงินไปขอซื้อรถเขาเองครับ รถสวย ๆ อยากได้มาก นานหลายเดือนก็รอรถกัน
เสี่ยงรถตายกลางทางก็ยินดีจะเสี่ยง แล้วอย่างนี้จะให้โทษใครดีล่ะครับ
-
เป็นมาตั้งแต่ eco car ยุคแรกปี 2008 แล้วล่ะครับ
ตอนนั้นก็เห็นด่าแต่ b-seg 1.5L ว่าเอาเปรียบ แล้วไปชื่นชม eco 1.2 ว่าพ่อพระ
ทั้ง ๆ ที่เวลาซื้อ ก็ไปซื้อ eco ตัว top ที่ราคาเท่า b-seg 1.5 ตัวกลางด้วยซ้ำ
กาลเวลาผ่าน พวก b-seg 1.5 ยังวิ่งรับใช้ดีอยู่ แต่พวก eco ก็พากันทะยอยพัง
พวกลูกปืน แอร์ พวงมาลัย ให้ต้องเสียเงินซ๋อมก่อนเวลาอันควร
มาวันนี้ จะไม่มี b-seg 1.5 แล้ว ทุกค่ายได้เรียนรู้พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อรถของคนไทย
ก็เลยจัดให้เป็น eco ทั้งหมดแล้วครับ
ก็ขึ้นอยู่กันคนซื้อกันแล้วล่ะ เงินอยู่ในกระเป๋า ถ้าไม่พอใจ ไม่ซื้อ ใครก็มาล้วงเอาเงินในกระเป๋าออกไปไม่ได้
ที่เป็นอย่างนี้เพราะเราเอาเงินไปขอซื้อรถเขาเองครับ รถสวย ๆ อยากได้มาก นานหลายเดือนก็รอรถกัน
เสี่ยงรถตายกลางทางก็ยินดีจะเสี่ยง แล้วอย่างนี้จะให้โทษใครดีล่ะครับ
เค้าคุย กันเรื่อง รถที่ใช้ ภาษี Eco car กัน
ที่ผมพูดคือ Eocology สิทธิ ภาษี 14 %
แล้วคุณ จะมา พูดเรื่อง รถที่เสียเสียภาษี ปกติเพื่ออะไรครับ
แล้วอีกอย่าง Eco car ไม่ได้แปลว่า รถ ต้นทุนต่ำหรือ รถกระป๋อง ค่ายรถเค้าก็ทำรถ ตามมาตราฐานเค้านั่นละ
ยกตัวอย่าง คุณ พูด แบบ เหมารวมนะ
"b-seg 1.5 ยังวิ่งรับใช้ดีอยู่ แต่พวก eco ก็พากันทะยอยพัง"
eco car ค่ายไหนครับ ที่ทยอยพัง
eco car หลายๆ คัน ก็คือ รถ B-segment แค่ใช้ สิทธิภาษีนี่ละ มันก็ยังวิ่งกันเกลือนเมือง หลายค่าย หลายคัน อย่าเหมารวมครับ
"มาวันนี้ จะไม่มี b-seg 1.5 แล้ว ทุกค่ายได้เรียนรู้พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อรถของคนไทย "
ก็เลยจัดให้เป็น eco ทั้งหมดแล้วครับ
คุณพูดไม่ถูกทั้งหมดครับ ครับ b-seg ยังคงอยู่ตลอดไปครับ
เพราะ b-seg คือ Segment รถ ขนาด พิกัด
ส่วนเครื่อง 1.5 ไม่มีอยู่ ไม่ใช่ปัญหาครับ มลพิษ ต้องมาก่อน
b-seg อาจจะหลายเป็น 1.2 E-power หรือ 1.5 Hybrid ก็ได้ นั่นไม่ใช่ปัญหา ดูรถให้ดูที่ แรงม้า แรงบิด ไม่ใช่ขนาดเครื่อง
eco คือ Ecology ได้ สิทธิภาษี ต่ำ ตามเงือนไข รัฐบาล ไทยแลนด์ ONLYYYYYYYY
ซึ่งผมว่า มันคือ กลไกลดภาษี เพื่อกระตุ้นยอดขายรถเก๋งเล็ก
ภาษี ที่ ถูกต้อง มันควร คิด ตาม การปล่อยมลพิษ หรือ Co2 แบบ ที่ สากลโลกเค้าใช้กัน
มีที่ไหน ดีเซล ควันดำ ปล่อยไอเสีย Co2 200mg เสีย ภาษี แค่ 4% บ้าไปแล้ววว แต่เรา ทำ
-
สินค้าแทบทุกชนิดยิ่งพัฒนาคุณภาพจะยิ่งดีขึ้น และราคาจะลดลงเรื่อยๆ
แต่สินค้าที่ยิ่งทำยิ่งแพงก็คือรถยนต์ ในขณะที่คุณภาพเพิ่มขึ้นนิดเดียว
-
ที่ได้สิทธิภาษีเรทต่ำ แต่ต้องใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น เลยแพงตรงเครื่องหรือเปล่าครับ เทอร์โบ ฉีดตรง ระบายความร้อนด้วยน้ำ 122แรงม้าแต่ประหยัด23km/l ปกติเครื่องเทอร์โบก็ต้นทุนสูงกว่าเครื่องnaอยู่แล้ว แล้วพอมาเทียบกับ1.5เดิม เครื่องตัวนี้ทำได้ดีกว่าเดิมเสียด้วย
แต่ราคาถ้าตั้งมาแบบนี้แล้วขายดี ขายได้ ด้วยเรื่องธุกิจใครจะโง่ลดราคาจริงไหมครับ แต่ถ้ามองมุมลูกค้าก็รู้สึกเอากำไรเกินไปรึเปล่่า
ผู้บริโภคก็เลือกเอายี่ห้ออื่นก็ได้ แต่ทำไมเค้ายังเลือกhonda?ยอมจ่ายเพื่อhonda?อันนี้น่าคิดกว่าว่าเค้าเอาต้นทุนส่วนนึงมาลงตรงนี้ด้วยหรือเปล่า รถยนต์คันนึงไม่ได้มีต้นทุนเฉพาะแค่ตัวรถ มันมีต้นทุนแฝงอื่นๆอีก
ถ้าใครคิดว่าฮอนด้าทำรถมายังไงก็ขายได้ให้ดูbrioไว้ครับ ทำแล้วเจ๊งก็มี
ส่วนภาษีที่ลดลง เมื่อเทียบกับต้นทุนที่เพิ่มมา หักลบกันแล้ว มันจะถูกลงเท่าไหร่อันนี้ก็น่าคิด
จะเทียบกับalmeraว่าทำไมรายนั้นทำราคาได้ ส่วนนึงเพราะเครื่องยนต์nissanก็รีดประสิทธิภาพได้ไม่เท่าฮอนด้า แค่ใส่ล้อ16 กับเปิดDRL co2 ก็เกินโควต้าละ แรงม้าก็น้อยกว่าเลยต้องใส่optionให้มาก และด้วยความแบรนด์รอง จะตั้งราคามาสู้ฮอนด้าก็คงจะขายไม่ออก เลยต้องตั้งราคาต่ำลงมาอีกสเตปเพื่อดึงลูกค้าอีกฐานไว้ ไม่ชนกับcityตรงๆเพราะแบรนด์สู้ไม่ได้
อันนี้ที่ผมลองวิเคราะห์นะครับ อาจผิดหรือถูกก็ไม่รู้เพราะยังไม่มีใครรู้ต้นทุนและกำไรต่อคันที่แท้จริงของตัวรถ
แต่ถ้ารถราคาเกินคุณภาพไปผมเชื่อว่าอีกไม่นานตามกลไกตลาดก็จะขายไม่ออกและอัดส่วนลดของแถมoptionออกมาแทน แต่ถ้ามันขายดีอยู่ก็คงยากที่บริษัทที่หวังแต่กำไรจะกดราคาลง
ปล.ผมเข้าใจว่าสิทธิภาษีceo carไม่ได้ทำเพื่อผู้บริโภคได้รถราคาถูกลง แต่ทำเพื่อให้ได้รถที่ปล่อยco2ต่ำในราคาเข้าถึงได้ อารมทำเพื่อสิ่งสิ่งแวดล้อม แม้มันจะย้อนแย้งกับการปล่อยco2ของรถบางประเภทก็ตาม
ปล.2ผมไม่ใช่ติ่งhondaนะ และก็ถ้าhondaจะกดราคาให้ต่ำลงก็เห็นด้วยครับ 55
-
คนไทยรวยครับ มีเงินจ่าย ตั้งราคามาเท่านี้ยอดจองก็พุ่งจนผลิตไม่ทันแล้ว
ถ้าคุณเป็นพ่อค้า มีเหตุผลอะไรต้องลดกำไรตัวเองลงอ่ะครับ ทีนโยบายรถคันแรกด่ากันยับบอกสร้างหนี้ ทำให้รถติดบลาๆๆ
แต่ก็อยากให้รถขายถูกๆ บ่นตลอดว่ารถเมืองไทยแพง งงกับตรรกะคนไทยอ่ะ คือแบบไหนก็ด่าอยู่ดี
ค่ายรถเขาวิจัยตลาดมาแล้วล่ะครับว่าชื่อชั้นของตัวรถ สมรรถนะที่ได้ของ city ตั้งมาแบบนี้ก็ขายดี
ส่วน almera เค้าก็รู้ตัวเองว่า ถ้าตั้งมาแพงมันแข่งกับ city ไม่ได้เค้าก็ต้องยอมลดกำไรลงบ้างให้มันแข่งขันได้
สุดท้ายก็อยู่ที่ อุปสงค์ อุปทานนั้นแหละ รถขายดีขอส่วนลดของแถมแทบลากเลือดพร้อมโขกดอกเบี้ยแพงๆ
แต่พอรถขายไม่ออก ทั้งลดแลกแจกแถมดอก 0% บานเบอะ
-
ตั้งราคาแล้วคนซื้อ ก็ตั้งครับ
ใครโกยได้ ก็โกยเอา ความโหดร้ายของทุนนิยม
คนซื้อก็ทราบครับว่าได้สิทธิ์ภาษี แต่ทำไงได้ มันอยากได้รถใหม่ เครื่องใหม่ ประหยัดขึ้น กว้างขึ้น
ถ้ายังมีรุ่น 1.5 ขาย กับตัวใหม่ 1.0 t ในราคาที่เท่ากัน ผมก็ว่ารุ่นใหม่ขายดีกว่า
แต่ rs แพงไป sv ก็พอ
-
ราคาที่ตั้ง ผู้ผลิตต้องประเมินแล้วว่า จะทำให้ได้กำไรสูงสุด Honda ไม่ยอมพลาดเรื่องนี้อยู่แล้วครับ ดูอย่าง BRV MC เปลี่ยนไฟ จอ เพิ่มเบาะปรับระดับ แล้วก็เพิ่มราคาอีก 1.5 หมื่น ยอดขายออกมาก็ไม่ได้ดีขึ้น แต่ผมว่าได้กำไรเพิ่มแน่นอน
ซื้อรถ ต้องมองยาว ๆ ด้วยครับ เรื่องอะไหล่ การบำรุงรักษา ผมว่าตอนนี้ นิสสัน ที่ญี่ปุ่น น่าเป็นห่วงมากนะครับ ตั้งแต่ Ghosn หนีออกมาได้นี่ เรื่องไม่จบง่าย ๆ แน่ อาจจะต้องโดนเทคอีกรอบก็ได้ครับ
-
"เค้าคุย กันเรื่อง รถที่ใช้ ภาษี Eco car กัน
ที่ผมพูดคือ Eocology สิทธิ ภาษี 14 %
แล้วคุณ จะมา พูดเรื่อง รถที่เสียเสียภาษี ปกติเพื่ออะไรครับ"
ก็พี่คุยว่า "มีใครรู้สึกว่า รถ B-seg ที่ได้สิทธิภาษี Eco 14% แล้วขายแพง"
ก็ที่เรารู้สึกเช่นนั้นเพราะเราเทียบรถ B-seg ที่ใช้สิทธิภาษี Eco กับ
รถ B-seg ที่ไม่ได้สิทธิ์ Eco ไม่ใช่เหรอครับ ว่าเมื่อได้สิทธิ์แล้วมันจะต้องขายไม่แพง
(ไปกว่า B-seg ที่ไม่ได้สิทธิ์ Eco) ไม่ใช่เหรอครับ
"ยกตัวอย่าง คุณ พูด แบบ เหมารวมนะ
"b-seg 1.5 ยังวิ่งรับใช้ดีอยู่ แต่พวก eco ก็พากันทะยอยพัง"
eco car ค่ายไหนครับ ที่ทยอยพัง
eco car หลายๆ คัน ก็คือ รถ B-segment แค่ใช้ สิทธิภาษีนี่ละ มันก็ยังวิ่งกันเกลือนเมือง หลายค่าย หลายคัน อย่าเหมารวมครับ"
ไม่ได้เหมารวมครับ เพราะ B-seg Eco บางยี่ห้อก็ยังคงความทนทานดีอยู่ แต่บางยี่ห้อก็ลดทอนลงไปเยอะ
"พวกลูกปืน แอร์ พวงมาลัย ให้ต้องเสียเงินซ๋อมก่อนเวลาอันควร" (คำว่าอันควร คงต้องเป็นความรู้สึกของแต่ละท่านนะครับ
คล้าย ๆ กับหัวข้อกระทู้ที่ขึ้นว่า "รู้สึกว่า..... แล้วขายแพง มาคุยกัน" นั่นแหละครับ ตามที่พี่เขียนเลยว่า มาคุยกัน)
แต่จะเป็นยี่ห้อไหน ในนี้มีกองเชียร์เยอะ และรู้ดีอยู่แล้วครับ
"มาวันนี้ จะไม่มี b-seg 1.5 แล้ว ทุกค่ายได้เรียนรู้พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อรถของคนไทย "
ก็เลยจัดให้เป็น eco ทั้งหมดแล้วครับ
"คุณพูดไม่ถูกทั้งหมดครับ ครับ b-seg ยังคงอยู่ตลอดไปครับ
เพราะ b-seg คือ Segment รถ ขนาด พิกัด
ส่วนเครื่อง 1.5 ไม่มีอยู่ ไม่ใช่ปัญหาครับ มลพิษ ต้องมาก่อน
b-seg อาจจะหลายเป็น 1.2 E-power หรือ 1.5 Hybrid ก็ได้ นั่นไม่ใช่ปัญหา ดูรถให้ดูที่ แรงม้า แรงบิด ไม่ใช่ขนาดเครื่อง"
พี่พูดอีกก็ถูกอีก และพูดตรงกับที่ผมพูดคือ "b-seg 1.5" จะไม่มีแล้ว
แต่เป็น b-seg 1.2, b-seg HV หรืออื่น ๆ คือผมหมายถึง b-seg 1.5(NA, ICEเปล่าๆ) น่ะครับที่จะไม่มีอีกแล้ว
Point ของผมเลยมันก็คือ เราเป็นลูกค้า เราเป็นเจ้าของเงิน เราเลือกได้ว่าจะซื้ออะไร ไม่ซื้ออะไร
สินค้าหรือรถที่ perfect สุด ๆ เลยคือ ทั้งสวย ทั้งดี ทั้งทน ออปชั่นเอยะ บริการดี และราคาถูก
แต่ในชีวิตจริงมันมีไม่ครบทุก ๆ ข้อ เหมือนกับคน ๆ หนึ่งที่ไม่สามารถดีและถูกใจได้ครบทุกด้าน
มันอยู่ที่เราเลือกว่าจะเอาดีข้อไหนและยอมรับข้อด้อยข้อไหนได้ ถ้ายอมรับไม่ได้ก็ไม่ต้องเลือกยี่ห้อนั้น
แล้วไปเลือกยี่ห้อที่เรายอมรับได้แทน เดี๋ยวยี่ห้อไหนเขาขายไม่ได้ก็ปรับตัวเอง และถ้าปรับตัวไม่ได้ก็ออกจากตลาดไป
มันก็เท่านั้นเองครับ ^^
-
City RS ได้ไฟหน้า Full LED ล้อ 16 นิ้ว ม่านถุงลม ผมว่าก็แพงอยู่นา แต่เอาจริงๆ ผมว่ารุ่น RS ควรขายที่ 699k จะเป็นราคาที่ดีงามที่สุด
แต่ Almera ราคาเปิดตัวนี่คือต่ำกว่าคาดหมายเยอะเลย คนในนิสสันยังงงเลย แต่ระบบ Active safety ต้นทุนก็ไม่แพงอย่างที่คิดนะ ที่ผมว่าแพงคือไฟหน้า LED หน้าปัดสีจอใหญ่ กล้องรอบคัน และม่านถุงลม
แต่ผมนี่รอดูคนมาถามหาออยคูลเลอร์เกียร์เลยครับ 55
เดี๋ยวก็มีคนมาถามหาเกียร์MT แน่นอนครับ
-
ผม ลองสังเกตุ ค่ายรถ เจ้าตลาดบ้านเราทั้งหลาย
ที่ ใช้ สิทธิใช้อัตราภาษี 14% จาก ปกติ 25 % ดังนั้น ราคารถ ควรถูกลงจากเดิม ราว 10 % ใช่ไหม
ยกตัวอย่าง City B-Segment SV+ เดิม ตัว TOP ราคา 750,000 คำนวณ ย้อนกลับ เอา 1.07 และ 1.25 = 560,747 ราคา แบบไม่มี ภาษี
จากนั้น เอา 560,747 คูณ อัตรา ภาษีใหม่ 14% แก้เป็น 12 % คืน 1.12 และ 1.07 = 683,999 671,999บาท
จากข้อมูลนี้ New City 2020 RS 739,000 > Old City SV + 671,999 คิดที่ อัตราภาษีเท่ากัน
จะเห็นว่า Honda ไม่ได้ ขายรถแพง ขูดเลือดแต่อย่างใดครับ เพราะใน City RS 2020 ใหม่นั้น มี อุปกรณ์หลายๆ เพิ่มมามากกว่า พอๆกับรุ่นเดิมพอสมควร แก้ ไข พบ ว่า RS 2020 และ SV+ 2018 Option ใกล้เคียงกันครับ มี Side Airbag และ ม่าน ถุงลม ไฟหน้า LED
แต่ถ้า เทียบ กับ RS ใหม่แล้ว Honda ค่อนข้างน่าเกลียดมากครับ ที่ขาย ราคา 739,000 บาท พี่เอากำไร เพียวๆ เลย คันละ 70,000 ไม่รวมกำไรจาก ทุนเดิม น่าเกลียดๆ มากๆๆๆๆๆๆ
แต่พอมาเจอ Nissan ทำราคาได้ต่ำ ต่ำจนน่าแปลกใจต่างหาก ต่ำจน ใครๆ ก็มองว่า คุ้มค่า เอามากๆ ก็ เล่นเอา คนซื้อ งงไปตามๆ กัน
ว่างๆ ทำ ตาราง เปรียบ เทียบ ความต่าง ของ สองรุ่นนี้ให้ดู จะเห็น ถึงต้นทุนที่แตกต่างกันครับ
สำหรับ บท สรุป ที่ เราต้อง การ จาก ภาษี Eco car
เราควรได้
1รถที่ราคาถูกลง
2ประหยัดน้ำมัน
3ความปลอดภัยเพิ่ม
แต่เจ้าตลาดหลายๆ ค่าย ไม่ใช่แค่ Honda นะครับ กลับ ยัดเยียด ราคาเดิมมาให้ แล้ว เราได้อะไร ได้แค่ option ที่ดีขึ้น ในราคาเท่าเดิมซะงั้น ก็ดีๆ ครับ
ที่เราได้ จริงๆ จาเจ้าตลาดคือ
1.รถราคา เกือบเท่าเดิม NG
2.ประหยัด น้ำมัน จริง OK
3.ความปลอดภัยเพิ่ม OK ( บางค่าย ไม่ OK หนักกว่า Honda อีกครับ ดูเอา เช่น ค่าย M )
สำหรับ เจ้ารองตลาด ผ่าน ทุกข้อ เราไม่โดนเอาเปรียบครับ
แค่เคือง Nissan ที่ไม่ยอมให้ SAB ในรุ่นล่าง
- ขอชื่ชมกระทู้นี้มากครับ ให้ความรู้คนที่เป็นเหยื่อของแบรนด์ได้ดี
บางทีก็สงสารที่โดนทางค่ายหลอกขายเอากำไร แต่ก็ยังไปเถียงแทนเค้าว่าของเค้าดีถึงแพง ไม่น่าแปลกใจที่จะโดนเอาเปรียบ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมประเทศไทย option ต่างๆ ถึงไม่เหมือนต่างประเทศ เพราะมันหลอกขายง่ายไงละ ^^
-
คงไม่มีประเทศไหนในโลกนี้ ที่รถผลิตในประเทศ แต่ราคาแพงมาก ถึงค่าแรงขั้นต่ำจะถูกกว่า เจแปน ถูกกว่าอเมริกา แต่ราคารถไม่ถูกตามค่าแรง
-
ที่ยกโน้นนี่นั่นมาพูด สรุปคือ พยามจะบอกว่าคนซื้อฮอนด้าซิตี้โง่ คนฉลาดเค้าจะซื้อนิสสัน อัลเมร่ากัน เหอะๆๆ ตลกดี
บางทีมันน่าจะเป็นเช่นนั้นนะ เมื่อดูจากการที่หลายคนไม่สนใจในสิ่งที่ทำมาขายนั้นมีข้อดีข้อเสียอะไร. ราคาสมเหตุผลอะไรมั้ยกะอีแค่ออยล์เกียร์แยกก็ยังไม่มีมาให้ทั้งที่สเปกเมืองนอกมีติดตั้งมาให้จากโรงงาน. นอกจากนี้ต้นทุนอื่นที่มองไม่เห็นอีกหลายส่วนที่มองไม่เห็นที่แอบลดแอบตัดกันสนุกสนาน. รวมไปถึงรุ่นอื่นๆสนิมขึ้นกันทั้งที่เป็นรถใหม่และการใช้งานไม่กี่ปี
-
ถ้าผมเป็นคนขาย ผมจะตั้งราคาแพงที่สุด เท่าที่จะมีคนซื้อครับ ทำไมต้องขายถูก?? บริษัทจำกัด ไม่ใช่มูลนิธิครับ
ถ้าผมเป็นคนซื้อ ผมจะซื้อรถที่ผมรับราคากับสิ่งที่ได้กลับมา จ่ายเงินเท่ากันรู้สึกดีกับคันไหนก็ซื้อคันนั้น ถ้ารู้สึกว่าแพงแล้วจะไปซื้อมันทำไม???
ผมใช้รถที่ขายแพง ออพชั่นน้อย แต่ขับมา สองแสนกิโลติดแก๊สด้วย มีแค่คอยล์จุดระเบิดเสีย อย่างอื่นอยู่ครบ
ก็อยู่ที่ผู้ซื้อนั้นแหละครับว่าชอบแบบไหน
-
บริษัทที่ดีมีกำไรอย่างยั่งยืนไม่จำเป็นต้องเน้นทำกำไรสูงสุดในทุกผลิตภัณฑ์หรอกนะ แบรนด์รถที่ผลิตรถด้วยแนวคิดที่ไม่ใช่เพื่อกำไรสูงสุดผมเชื่อว่ามี และผมก็ไม่เลือกซื้อรถที่ผมรู้สึกว่าเอาเปรียบอย่างเจ้าตลาดยุ่นและยุโรปบางแบรนด์...ยกเว้นผมไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า
-
ที่ยกโน้นนี่นั่นมาพูด สรุปคือ พยามจะบอกว่าคนซื้อฮอนด้าซิตี้โง่ คนฉลาดเค้าจะซื้อนิสสัน อัลเมร่ากัน เหอะๆๆ ตลกดี
ที่ผมต้อง ยกตัวอย่าง เยอะๆ
เพราะต้องการ รายละเอียด ใช้ตรรกะ และ เหตุผลเชิงข้อมูล
มากกว่า ถ่มน้ำลาย ผ่าน Keyboard ถ่อยๆ โดยที่ ผู้อ่านไม่ได้ ประโยชน์อะไร จากการ สนทนา แบบพวก USER ขยะอวตาร เอาไว้ด่าคนอื่น
มีประโยคไหน ที่ บ่งบอกความ โง่ หรือ ฉลาด บ้าง
-
ถ้าผมเป็นคนขาย ผมจะตั้งราคาแพงที่สุด เท่าที่จะมีคนซื้อครับ ทำไมต้องขายถูก?? บริษัทจำกัด ไม่ใช่มูลนิธิครับ
ถ้าผมเป็นคนซื้อ ผมจะซื้อรถที่ผมรับราคากับสิ่งที่ได้กลับมา จ่ายเงินเท่ากันรู้สึกดีกับคันไหนก็ซื้อคันนั้น ถ้ารู้สึกว่าแพงแล้วจะไปซื้อมันทำไม???
ผมใช้รถที่ขายแพง ออพชั่นน้อย แต่ขับมา สองแสนกิโลติดแก๊สด้วย มีแค่คอยล์จุดระเบิดเสีย อย่างอื่นอยู่ครบ
ก็อยู่ที่ผู้ซื้อนั้นแหละครับว่าชอบแบบไหน
ผมก็เห็นด้วยครับ ออฟชั่นเท่ากัน ราคาแพงกว่า แต่ทนกว่า จุกจิกน้อยกว่า ศูนย์บริการเป็นที่พึ่งได้มากกว่า ผมก็ซื้อครับ
เบื่อรถไม่ถึงแสนโล ลูกปืนล้อดัง แร็กดัง ตู้แอร์รั่ว ค่าซ่อม ค่าเสียเวลา ค่าหงุดหงิด เกินส่วนต่างเยอะ
-
มันก็อ้างว่าเพิ่มออฟชั่น
เอาจริง ๆ หากเทียบราคารถแล้ว บ้านเราแพงกว่ามาเลเซียอีกนะ
ไม่รู้รัฐจะอุ้มนายทุนไว้ทำไม :P
-
อย่าทะเลาะกันครับ แยกๆ
ผมว่า รถเมืองไทยก็แพงเกินไปจริงๆ ลดต้นทุนส่วนที่มองไม่เห็นเยอะ
ถ้าลดแบบใช้อะไหล่สหกรณ์เน้นปริมาณก็พอว่า แต่ถ้าลดแบบเอาอย่างอื่นมากลบนี่ก็ไม่โอเค
ปล. ถึงซื้อตัวนึงแล้ว ก็ออกความเห็นได้แบบดีๆ นะ... จุดดีก็บอกว่าดี
จุดที่มันไม่ดี หรือผู้ผลิตเคยทำกรรมกับผู้บริโภคมาก่อน (ในรุ่นก่อน)
ก็แลกเปลี่ยนได้เหมือนกัน เขาไม่ได้จ้างมา ปชส. ยี่ห้อรถทั้งสองรุ่นสักคน ใจเย็นๆ กันหน่อย....
-
อย่าทะเลาะกันครับ แยกๆ
ผมว่า รถเมืองไทยก็แพงเกินไปจริงๆ ลดต้นทุนส่วนที่มองไม่เห็นเยอะ
ถ้าลดแบบใช้อะไหล่สหกรณ์เน้นปริมาณก็พอว่า แต่ถ้าลดแบบเอาอย่างอื่นมากลบนี่ก็ไม่โอเค
ปล. ถึงซื้อตัวนึงแล้ว ก็ออกความเห็นได้แบบดีๆ นะ... จุดดีก็บอกว่าดี
จุดที่มันไม่ดี หรือผู้ผลิตเคยทำกรรมกับผู้บริโภคมาก่อน (ในรุ่นก่อน)
ก็แลกเปลี่ยนได้เหมือนกัน เขาไม่ได้จ้างมา ปชส. ยี่ห้อรถทั้งสองรุ่นสักคน ใจเย็นๆ กันหน่อย....
+1ครับ อ่านๆอยู่ดีดี เดือดกันซะงั้น คนหลังมาๆพาลไม่อยากตอบไม่อยากแชร์ ผมว่าไม่เห็นต้องแซะ
ต้องกัด แสดงความคิดเห็น แตกต่างก็ยอมรับ ไม่เห็นด้วยก็ชี้แนะนำเสนอมุมของตัวเองไป ให้เป็นประโยชน์ต่อกันและกันครับ
-
ผมไม่เคยเปรียบเทียบ almera กับ city เลย ยังไงก็คนละ segment
พอไปเปรียบกัน มันก็มีความต่าง ก็มาทะเลาะกันอีก
เห็นหลายกระทู้แล้ว กับรถ 2 คันนี้
-
ผมว่าราคารถในไทย ถ้าเอาไปเทียบกับประเทศอื่นๆ มันก็แพงกว่าประเทศอื่นๆ เกือบ ทุกยี่ห้อนะครับ
ทำไงได้ไม่มีการคุมราคาขายมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
แถมขนาดว่าเศรฐกิจโลกแบบนี้ แต่ละบริษัทรถก็ยังกำไรมากมาย โบนัสยังได้กันเยอะ = ยังได้กำไรเยอะหลายๆยี่ห้อ
-
ชอบอะไร = ซื้อคันนั้น ไม่งั้นเถียงกันตาย ;)
-
เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ
ในเมื่อได้ส่วนลดภาษีเยอะกว่า
แต่ทำไมรถ ยังมีราคาแพง (ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ?) เดี๋ยวหลงประเด็นที่เจ้าของกระทู้อยากปรึกษา
ความเห็นส่วนตัว: ผมก็งงๆนะครับ ได้ส่วนลดภาษี แต่ยังขายแพงอีกเนี่ย
ถ้ายกเหตุผล เรื่องการลงทุน ต่างๆนานา มา
มันก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี
นอกจากอยากได้กำไรมากขึ้น เท่านั้นเอง