Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Shanon007 ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2020, 11:42:27
-
คำถามสั้่นๆครับ จากคนไม่ค่อย มีความรู้เรื่องรถยนต์ แต่ พึ่งไป Re Map มา ประหยัดจริงครับ ถ้าเทียบกับตอนยังไม่ Re-Map
สาเหตุที่ไป Re-map เอาไว้แซงครับ ไม่ได้ต้องการแต่งซิ่งแรง แต่ผลที่ได้คือ นอกจากอัตรเร่งดีแล้ว เหยียบแล้วมา มันประหยัดน้ำมันกว่าเดิมจริงๆนะครับ
ผมเลยอยากรู้ ว่าทำมัย ถึงประหยัด กว่าก่อนทำครับ
ขอบคุฯครับพี่ๆ
-
ผมเชื่อว่าความประหยัด ขึ้นอยู่กับคนขับครับ
จากที่เคยจูนมา พยายามขับอย่างยิ่งยวดให้ประหยัดแล้วก็ยังได้อัตราสิ้นเปลืองเท่าเดิมอยู่ดีครับ
แต่ถ้าซิ่งจะรู้สึกว่าลื่นขึ้นครับ
ทั้งนี้เป็นประสบการณ์ของผมคนเดียว ถ้าเป็นรถคันอื่นของคนอื่นอาจจะมีส่วนประหยัดได้ครับ
แต่หลัก ๆ อยู่ที่วิธีการขับของเราครับ
-
ถ้าเหยียบเท่าเดิมก็กินเท่าเดิม แต่เนื่องจากแรงบิดรอบต่ำสูงขึ้น ส่วนใหญ่ถ้าเหยียบน้อยกว่าเดิม แต่พุ่งเท่าเดิม มันเลยประหยัดน้ำมันขึ้นได้นิดหน่อยครับ
-
แก้ไขค่าแฟคเตอร์เดิมของโรงงาน โรงงานต้องเน้นเรื่องมลพิษ ความทนของเครื่องเกียร์ ความประหยัด แต่รีแมพเหมือนไปโอเวอร์คล็อคสิ่งเหล่านี้ ส่วนมากจะแรงขึ้น
ลองนึกดูก่อนรีแมพ 80-120อาจ 8วิ
หลัง 80-120 เหลือ 6วิ ส่วนต่างเวลา กับการจ่ายน้ำมัน2วินั้น ไม่มั่นใจว่าตรงไหนจะมากกว่าแล้วแต่รถ
แต่ที่แน่ๆเราไปถึงความเร็วหนึ่งๆได้ไวขึ้น ไม่ต้องจ่ายน้ำมันน้อยแต่นานๆเหมือนเดิม
ตามที่เคยมีประสบการณ์ถ้าไม่เกร็งตูดขับหรือตั้งใจมากๆ ไม่ค่อยประหยัดมากกว่าเดิม มีแต่เปลืองเพราะกดเยอะ อีกอย่างใช้วิธีเติมกลับ ได้ผลแม่นสุด นับจากมิเตอร์ผมโดนแหกตามาเยอะครับ5555
-
ถ้าไป Remap มา อาจจะดีขึ้นด้านใดด้านนึง แต่ต้องเสียด้านอื่นไปแน่นอน
ค่าจากโรงงาน..น่าจะดีที่สุดในองค์รวมนะครับ เพราะผ่านการคำนวณมาโดยวิศวกรเงินเดือนมหาศาล เครื่องมือต่างๆมากมาย ;D :D ;)
-
รถมาจากโรงงานส่วนมากโปรแกรมเดิมๆค่า AFR น้ำมันจะหนาครับ เน้นเซฟตี้
พอเป็นพวกโปรแกรมรีเม็พจะจูนน้ำมันให้บางลงทำให้เวลาขับแบบไม่ซัดรถก็ใช้น้ำมันน้อยลง
รถอีโวผมตอนเดิมๆ 280 ม้ากินน้ำมันกว่าตอนจูน step แรกๆระดับ 350-360 แรงม้าอย่างชัดเจน
-
บางเจ้า tune ให้ฉีดน้ำมันบางลงมันก็ประหยัดขึ้นครับ แต่ห้องเผาไหม้ก็จะร้อนขึ้นด้วย
แต่ที่ tune เอาแรงๆ ส่วนใหญ่ไม่ประหยัดไปกว่า standard โรงงานนักหรอกครับ
-
ใช้คันเร่งน้อยลงในเวลาที่ขับ ปกติครับ รถผมก้อรีแมพ ประหยัดและแรงขึ้นครับ
-
ขอบคุณพี่ๆ ทุกคำตอบครับ
-
ขึ้นอยู่กับการขับขี่เป็นหลักครับ ผลจากการไปทำก็มีส่วนหน่อยนึง แต่ที่สำคัญ อย่าไปเชื่อตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่หน้าปัดครับ นับระยะทางกับการเติมแล้วคำนวณเองครับ ;)
-
เข้าไปอ่านดูนะ...
"น่าจะ" มีคำตอบให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=60971.0 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=60971.0)
-
มันมีหลายปัจจัยครับ เรื่องการ remap แต่คนส่วนใหญ่ จะเข้าใจไปทาง remap เพื่อความแรง
เงื่อนไข คนขับคนเดียวกัน เส้นทางเดียวกัน ขับเหมือนกัน การจราจรพอๆ กัน
การ remap เรื่องสั้นคือ การ map ใหม่(re) หรือ อีกคำคือ การเกลี่ยกราฟ(map) ใหม่ ให้ดีขึ้น ระเอียดขึ้นและกราฟสวยขึ้น (ยังไม่ต้องสนใจเรื่องการทำแรงนะ)
รถเดิมๆ เขาก็ทำออกมาดีอยู่แล้วในระดับนึง แต่พอ tuner หรือ คนที่สนใจเรื่องนี้ ดูกราฟเดิมๆ + ค่า AFR จากโรงงาน จะรู้ทันที กราฟมันไม่ได้สวยทั้งเส้น มีสวิงขึ้นๆ ลงๆ (ใครเคยไปจูนหรือ dyno test น่าจะเคยเห็น) มีบางช่วง บางรอบ จ่ายหนา แต่พอ บางช่วง บางรอบ จ่าย บาง ก็มี
แต่พอคนขับเป็นนาย A อยากได้รอบต้น ส่วนนาย B อยากได้รอบกลาง นาย C อยากได้รอบสูงวิ่งลอยๆ วิ่งทางไกล ทีนี้มันก็จะมี 3 แบบ(map) ที่ไม่เหมือนกันแล้ว
หลักๆ การ remap มันเป็นการ map ให้ตรงกับความต้องการ การขับขี่ และ ลักษณะการใช้งานของแต่ละคน
ทีนี้....มาที่เรื่อง "ความประหยัด" มันเป็นผลมาจากการเกลี่ยกราฟ(map) ให้ใช้น้ำมันให้เกิดการเผาไหม้ที่ดีที่สุด และ ผลิตกำลังรถได้มากที่สุด(คุ้มกับน้ำมันที่เสียไป) มันก็เลยมีผลให้ประหยัดในช่วงหรือรอบที่ใช้งานที่เหมาะสมที่สุด ครับ
-
รีแมปฯที่ทำให้ประหยัดขึ้นเพราะ
แก้ไขกระดานไฟครับ ถ้าใช้ น้ำมัน อี 20 ออกเทน 98 ในรถมาตรฐาน เขาจะไม่ปรับไฟให้แก่สุด แต่รีแมป จะปรับไฟให้แก่ขึ้น เพื่อเพิ่มกำลังรถ
พลังงานของรถได้มาจาก น้ำมัน-ส่วนผสม + แรงอัด+ไฟจุดระเบิด เมื่อค่าตัวใดถูกปรับให้เปลี่ยนไป ย่อมทำให้พลังงานเปลี่ยนไปด้วย พื้นฐานง่าย ๆครับ
สำหรับบางท่านไม่เคยรีแมป อาจจะไม่เห็นในแบบที่ท่านพบ มันเป็นแบบนั้นจริง ประหยัดขึ้น แรงขึ้น ในรูปแบบการใช้งานเดิม ๆ ผมใช้รถรีแมป มา4 คัน มันดีกว่าจริงๆ
-
ที่รู้คือ พอ remap จะได้แรงม้าแรงบิดมากขึ้น ทำให้เกียร์เปลี่ยนไวขึ้น สมมุติเดิมปกติเปลี่ยนที่ 4000 รอบทุกเกียร์ เพราะ ecu คำนวณว่าเปลี่ยนตรงนั้นได้อัตราเร่งตามที่ต้องการ
พอ remap แล้ว พอจะออกตัวให้ไปด้วยอัตราเร่งแบบเดิม ด้วยแรงบิดที่มากขึ้น รอบแค่ 3500 รอบก็เปลี่ยนเกียร์ได้แล้ว อันนี้ก็ช่วยประหยัดน้ำมันครับ
จากรถต้องเค้นรอบ พอเหยียบไม่ลึก มันก็ไปแล้วแบบไม่ต้องเค้น ก็ช่วยให้ประหยัดน้ำมันด้วย
-
อัพเดทความรู้ให้นะคับ
สำหรับคนที่ยังยึดติดกับความรู้เดิมๆ
ไม่เคยทำกับมือ ฟังเขาว่ามา
1. ค่าเดิมโรงงานจำเป็นต้องทำให้ผ่านค่ามลพิษ
2. กล่อง ECU ทำมาให้รองรับน้ำมันมากเกินไป ตารางค่าชดเชยก็แคบ เพราะมันคือต้นทุน
A/F Ratio แต่ละเครื่อง แต่ละน้ำมันต่างกัน
การ Ra map จะไปล๊อคค่า น้ำมัน อากาศ ไฟ ให้เหมาะสมกับน้ำมันที่เราจูน
ค่า A/F ที่เหมาะสม
เบนซิน 14.7/1
แก๊สโซฮอลล์ E10 14.1/1
แก๊สโซฮอลล์ E20 13.5/1
แก๊สโซฮอลล์ E85 9.8/1
CNG 17.2/1
ดีเซล 14.6/1
โพรเพน 15.5/1
ยกตัวอย่าง เครื่อง 1NZ 4AT ใส่ท่อ HKS ใส้ตรง ที่มีแต่คนบอกใส่ตรงมันโล่ง ไม่วิ่ง
มันก็แง๋ล่ะ ตารางเดิม ชดเชยไฟ อากาศสุดตารางแล้ว ยังไม่ได้ค่า A/F ที่เหมาะสมกับน้ำมันที่ใช้เลย มันจะวิ่งออกได้ไง
Re map ปรับน้ำมัน อากาศ ไฟ ให้เหมาะสม มันก็ค่า A/F ที่เหมาะสมกับน้ำมันที่จูน
รถมันก็วิ่งดีกว่าเดิม ประหยัดดกว่าเดิม
-
รีแมปฯที่ทำให้ประหยัดขึ้นเพราะ
แก้ไขกระดานไฟครับ ถ้าใช้ น้ำมัน อี 20 ออกเทน 98 ในรถมาตรฐาน เขาจะไม่ปรับไฟให้แก่สุด แต่รีแมป จะปรับไฟให้แก่ขึ้น เพื่อเพิ่มกำลังรถ
พลังงานของรถได้มาจาก น้ำมัน-ส่วนผสม + แรงอัด+ไฟจุดระเบิด เมื่อค่าตัวใดถูกปรับให้เปลี่ยนไป ย่อมทำให้พลังงานเปลี่ยนไปด้วย พื้นฐานง่าย ๆครับ
สำหรับบางท่านไม่เคยรีแมป อาจจะไม่เห็นในแบบที่ท่านพบ มันเป็นแบบนั้นจริง ประหยัดขึ้น แรงขึ้น ในรูปแบบการใช้งานเดิม ๆ ผมใช้รถรีแมป มา4 คัน มันดีกว่าจริงๆ
ขอแลกเปลี่ยนได้ไหมท่าน ว่าหนึ่งทริปยาวๆ ได้อัตราสิ้นเปลืองดีขึ้นประมาณกี่% สมมติผมวิ่งยาวๆ จากaไปb ระยะ800กิโลนี่ นับจากวิ่งถึงจอด ไม่นับระยะใดระยะหนึ่งในนั้นนะ เพราะบางคนเอาอัตราสิ้นเปลืองที่ดีที่สุดในระยะนั้นมาพูด อันนี้ผมว่าผิดการใช้งานจริง
อ้อ เรื่องปรับไฟนี่ทริกง่ายๆจริงๆ ผมใช้มาตั้งแต่ขยับจานไฟมอไซค์คาบูสมัยสองจังหวะ แรงขึ้นได้ง่ายๆ แต่สึกหรอมากหน่อย ขอบคุณล่วงหน้าครับ
-
เพิ่มแรงดันเทอร์โบให้บู๊ชสูงขึ้น
เพิ่มแรงดันน้ำมันให้แรงดันสูงขึ้น
เครื่องยนต์แรงขึ้น เหยียบคันเร่งน้อยลง รถก็วิ่งได้เร็วเหมือนเมื่อก่อน
ผลเสีย
เทอร์โบพังเร็วขึ้น
ปั้มน้ำมันพังเร็วขึ้น
หัวฉีดน้ำมันบวม พังเร็วขึ้น
-
เอ ทางทฤษฎีมันโอเคมาก remap ปรับไฟ ปรับ AF ให้มันดีที่สุด แต่แล้วทำไมไม่เห็นเคยมีใครมาถามถึง remap ให้ประหยัดเลยละคับ ? มีแต่ remap เน้นแรง หรือว่า ค่า remap มันไม่คุ้มกับความประหยัดที่เพิ่มมา ? (แบบยุคนึงที่ติด gas แล้วประหยัดกว่าเห็น ๆ )
-
รีแมปฯที่ทำให้ประหยัดขึ้นเพราะ
แก้ไขกระดานไฟครับ ถ้าใช้ น้ำมัน อี 20 ออกเทน 98 ในรถมาตรฐาน เขาจะไม่ปรับไฟให้แก่สุด แต่รีแมป จะปรับไฟให้แก่ขึ้น เพื่อเพิ่มกำลังรถ
พลังงานของรถได้มาจาก น้ำมัน-ส่วนผสม + แรงอัด+ไฟจุดระเบิด เมื่อค่าตัวใดถูกปรับให้เปลี่ยนไป ย่อมทำให้พลังงานเปลี่ยนไปด้วย พื้นฐานง่าย ๆครับ
สำหรับบางท่านไม่เคยรีแมป อาจจะไม่เห็นในแบบที่ท่านพบ มันเป็นแบบนั้นจริง ประหยัดขึ้น แรงขึ้น ในรูปแบบการใช้งานเดิม ๆ ผมใช้รถรีแมป มา4 คัน มันดีกว่าจริงๆ
ขอแลกเปลี่ยนได้ไหมท่าน ว่าหนึ่งทริปยาวๆ ได้อัตราสิ้นเปลืองดีขึ้นประมาณกี่% สมมติผมวิ่งยาวๆ จากaไปb ระยะ800กิโลนี่ นับจากวิ่งถึงจอด ไม่นับระยะใดระยะหนึ่งในนั้นนะ เพราะบางคนเอาอัตราสิ้นเปลืองที่ดีที่สุดในระยะนั้นมาพูด อันนี้ผมว่าผิดการใช้งานจริง
อ้อ เรื่องปรับไฟนี่ทริกง่ายๆจริงๆ ผมใช้มาตั้งแต่ขยับจานไฟมอไซค์คาบูสมัยสองจังหวะ แรงขึ้นได้ง่ายๆ แต่สึกหรอมากหน่อย ขอบคุณล่วงหน้าครับ
เอาคันปัจจุบันที่ใช้อยู่ รถผมใช้ 95- อี85 ได้ทุกประเภท เครื่อง 2.0โบ ถ้า ใช้ อี85 ทริปวิ่งไปถึงหนองกี่(บุรีรัมย์) ไป-กลับ 8.2ลิตร/100 กม. ยาง 225/45/18 วิ่ง 100 กูเกิล บอก 105
เมื่อก่อนปรับ ใช้โซฮอล์ 6.5ลิตร/100กม. แต่ค่ายาง 215/45/17 อ่อนจากปกติ ร้อยละสอง
(ปล. รถผมตั้งค่ายางในระบบไว้ 225/45/17 สามารถแก้ไขค่ายางได้ตามที่ใช้จริง แต่ผมชอบไมล์แข็ง ๆ คนนั่งข้าง ๆไม่รู้ว่าขับเร็ว...)
-
แค่จูนให้ afr เท่าเดิม แต่ advance ไฟให้มากขึ้น เท่ากับจ่ายน้ำมันเท่าเดิม แต่รถแรงขึ้นนิดนึง ก็ประหยัดน้ำมันได้นิดนึงแล้วครับ แต่ก็เสี่ยงเครื่องสึกหรอมากขึ้นด้วย
อีก factor ที่สำคัญคือ การวัดค่าส่วนต่างน้ำมันและการคำนวน มีโอกาสคลาดเคลื่อนสูงครับ ต้องเติมแบบเขย่าถังละเอียดจริงๆถึงจะแม่น
-
อยู่ที่คนจูน ปรับจูนให้ส่วนผสมใหม่+ความสมบูรณ์ของตัวเครื่องยนต์ และคนขับ
ขับแบบชิวๆไปเรื่อยๆ ประหยัดน้ำมัน
ขับซัดๆ ก็กินน้ำมันครับ
-
ตามความรู้ที่พอมีนะครับ
1.โรงงานต้องจูนให้ผ่านค่ามลพิษ (เพราะกฎหมาย ภาษี)
2.โรงงานต้องจูนให้เหมาะสมกับการใช้งานทุกสภาวะ (คนขับร้อยพ่อพันแม่)
3.โรงงานต้องจูนเอื้อให้เครื่องยนต์ทนทานมากที่สุด (ต้นทุน จะได้ไม่เปลืองค่าวัสดุเครื่องมาก)
ตรงข้ามกับพวกจูนกันเองทุกอย่าง มลพิษแล้วไง คนขับชอบขับแบบไหน เครื่องพังเร็วก็ซ่อมละกัน
จูนให้ประหยัดกว่าโรงงานผมว่ามันทำได้อยู่แล้ว แต่ผมว่ามันคงไม่สม่ำเสมอเท่ากับโรงงานจูน บางช่วงความเร็วมันอาจจะกินกว่าก็ได้ เราไม่ได้ขับรถความเร็วคงที่ตลอดหนิมันต้องมีเร่งมีเบรคบ้าง
สรุปตลอดอายุการใช้งานรถ ผมว่าจูนจากโรงงานจะประหยัดค่าซ่อมและค่าน้ำมันมากที่สุดครับ