Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: JRTH ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2020, 09:56:15
-
พอดีดูรถคันแรกใช้คนเดียว ดู mazda cx-3 //มือสอง// ไว้ อยากทราบถึงปัญหา และอัตราบริโภคน้ำมันแบบใช้จริงว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ
แล้วถ้าเทียบกับ mazda 2 //มือหนึ่ง// คันไหนน่าใช้กว่ากันครับ
ปล. เป็นรถคันแรก ใช้งานคนเดียว ใช้งานในกทม. ออกไซด์งานต่างจังหวัดบ้าง ขับไม่เร็วมาก 110-130 km/hr
ปล2. ขอบคุณสำหรับความเห็นของพี่ๆทุกคนครับ
-
สำหรับผม 2 ดีกว่าครับ
คือส่วนตัวใช้ไม่นานเลยลงดีเทลอะไรมากไม่ได้ เคยใช้ระหว่างรอซ่อมรถเกือบๆเดือน
ตัวดีเซลนะครับ ผมว่ามันอืดมาก อัตราบริโภคน้ำมันก็ soso f30 ทำได้ดีกว่าเยอะ
ข้างในแคบไม่ต่างจาก 2 เอาจิงๆผมไม่ได้ใช้เบาะหลังกะที่เก็บของด้านท้ายเลย ข้างหน้ามันคือ 2 เป้ะๆ แคบครับ
ยกสูงไม่ค่อยถูกใจด้วย(ตำแหน่งการนั่ง) เพราะสูงจิงก็ไม่ได้สูงกว่า 2 เท่าไหร่
อนาคตดูเป็นแรร์ไอเทมด้วย น้อง 2 เพื่อนเยอะกว่าน่าจะอุ่นใจกว่าได้มือ 1 แต่ถ้าชอบทรงผมก็ว่า cx3 สวยกว่าเยอะแหละ
-
มือ 1 สบายใจเรารู้หมด ไม่ต้องกังกล
มือ 2 เราก็ไม่รู้ประวัติ ถ้าดูรถเป็น ไม่ได้ชนหรือมีปัญหามา ก็ถือว่าคุ้มครับ
หากผ่อน มือ2 จะโดน +vat 7 % เพิ่มด้วยนะครับ 8)
-
เคยไปลองขับชอบมาก นิ่ง เงียบ เกาะ ติที่ภายในแคบ เหมาะแค่คนนั่งหน้าเป้นหลักแค่นั้น และราคาแรงไปหน่อย
เบนซิน 2.0 อยู่ใน Mz2 แบบยกสูง เครื่องแรง รถเบา ขับสนุกมาก เสียดายยอดไม่ค่อยดี เดาว่าราคามันแรงไปเมื่อเทียบขนาดรถ
ปล. ไม่มีความเห็นในส่วน after sale เพราะไม่เคยใช้ๆ แต่ Honda กับ toyota
-
ยี่ห้อนี้เชียร์ให้ออกป้ายแดงครับ เพราะขนาดป้ายแดงยังไม่ค่อยน่าไว้วางใจเลย
เพิ่มเติม เห็นว่าเป็นรถคันแรกและรถคันเดียว อยากให้พิจารณาเรื่องการบำรุงรักษา
และค่าแรงที่สูงกว่ารถญี่ปุ่นทั่วไปด้วยนะครับ ด้วยความปรารถนาดี
-
ตามหลักแล้วถ้ารถมือ2 ที่เรารู้ประวัติหรือสามารถเช็คย้อนกลับประวัติได้นั้น
จะขาดทุนน้อยกว่ารถมือ1มากๆครับ แต่ถ้าไม่รู้ประวัติและเกิดรถโดนยำมาขาย จะเสียหายกว่ารถมือ1มากๆครับ ไม่ว่าจะเสียโอกาสใช้รถ ซ่อมรู้นเสร็จนี้พัง ต้องเอาเวลามาแก้ไขปัญหาเรื่องรถอีก
Mazda ไปป้ายแดงเถอะครับ แม้ป้ายแดงยังมีปัญหาเยอะเลย
-
เน้นประหยัดน้ำมันไป 2 ดีเซล มือ 1 ครับ อยากแรงก็เอาไปจูนนิดหน่อยก็วิ่งกว่าเดิมคนละเรื่องแล้ว รถมีโบมันทำต่อง่าย แต่ถ้าเน้นความหล่อก็ต้อง CX3 ครับ
-
ต้องเล่นตัวเบนซิน 2.0 ก่อน mc ครับ
ผลิตก่อนแต่ defect น้อยกว่า mc แล้ว
ตัวเบนซินขับดีกว่า 2 ดีเซลเยอะครับ
ยิ่งเทียบกับเบนซิน 1.3 ยิ่งดีกว่าเยอะ
แต่ทั้ง 2 รุ่นนี้ต้องไม่มีคนนั่งหลังประจำนะครับมันค่อนข้างแคบและกระแทกพอสมควร
-
ผมเพิ่งจะซื้อมือสองมาให้แฟนใช้ครับ เป็นรุ่น 2.0 S ปี 2016 วิ่งมา 6 หมื่นโล (อาศัยว่าตัวเองดูรถแม่นและหาข้อมูลมาแน่นพอสมควร เลยกล้าซื้อครับ) และผมไม่ซีเรียสว่าอ๊อปชั่นต้องเต็มเหมือนรุ่น SP ครับ
ข้อดี
1. รุ่นนี้แนะนำให้เล่นเบนซินครับ อัตราเร่งถือว่าทันใจมากทีเดียว เกียร์ฉลาดครับ
ขับในเมืองกับนอกเมืองสนุกมากครับ
2. ช่วงล่างนิ่งในความเร็วสูง แถมในโค้งยังนิ่ง แต่มีนิสัยกระด้างเวลาความเร็วต่ำหรือ
เจอหลุม ช่วงล่างออกแนวหน้านิ่มหลังแข็ง ส่วนตัวชอบอีกอย่างคือรถมันยกสูงนี่แหละ
ไปไหนไม่ค่อยกังวลเท่าไร
3. รูปทรงกระทัดรัดมาก ส่วนตัวผมไม่ซีเรียส เพราะขับแค่ 2 คน เปลี่ยนเลนกับจอดรถ
สะดวกมาก
4. เก็บเสียงดีกว่าที่คาด (รถที่ผมเคยใช้อาจจะเสียงเข้ามามากกว่าชาวบ้านก็ได้ เช่น Z4 E89,
RX-8, C-Coupe ตัวเก่า)
5. สวย...
ข้อเสีย
1. ภายในแคบ ถ้านั่ง 2 คนกำลังดี แต่ 4 คนนี่อึดอัดแน่นอนครับ (ต่อให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ
มานั่งเบาะหลังยังบ่นอึดอัด)
2. iSTOP ทำงานถี่มาก หยุดปุ๊บดับปั๊บ ทำให้หงุดหงิดพอสมควร แต่แก้ได้ด้วยการปิดระบบทิ้ง
3. ใน club บอกลูกปืนล้อกับปั๊มติ๊ก(ตัวไมเนอร์)ชอบเสีย ส่วนตัวตั้งแต่ซื้อมาไม่เจอปัญหา
4. ถ้ารถวิ่งมาเยอะควรหารถที่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์มาแล้ว รุ่นนี้ศูนย์ไม่เปลี่ยนให้จนกว่าจะเลยแสนโล
เพราะจะทำให้ประกันขาด ทำให้หลายคนเจอปัญหาเรื่องเกียร์ ตัวผมได้รถมาเปลี่ยนทันที วิ่งแค่ 6 หมื่นโล
น้ำมันเกียร์นี่ดำมาเลยครับ (เปลี่ยนอู่นอกพันกลางๆ) กะว่าถึง 65,000 กิโลจะไปเปลี่ยนอีกรอบ
5. สีบางมาก... หินดีดนิดเดียวสีไปเลย
**สำหรับส่วนตัวมองว่าค่าแรงกับราคาอะไหล่สมเหตุสมผลครับ เข้าเช็คระยะ 6 หมื่นโดนไป 6 พันกลางๆ เทียบกับอะไหล่ที่เปลี่ยนผมรับได้นะ**
-
แชร์เฉพาะส่วนของ CX3 ครับ เคยขับของเพื่อน ขับดีมากๆน่าใช้ครับ ถ้าหามือ 2 สภาพดีได้ ผมว่าดีกว่า Mazda 2 ครับ
-
เคยมีทั้ง2รุ่น
Cx3 2.0 ขับดีกว่า2 1.3แบบคนละชั้น
-
ผมว่า CX3 ไม่ค่อยจุกจิกอะไรนะค่อนข้างน่าไว้ใจกกว่าพวกนิสสันพอสมควร และค่าอะไหล่ไม่ได้แพงอะไรเท่าไหร่ยังถูกกว่าบางเจ้าโดยเฉพาะน้ำมันเกียร์ ATF FZ 4ลิตรก็ราวๆ1200บาท ซึ่งถูกกว่าน้ำมันเกียร์ CVT บางค่าย โดยเฉพา NS3 ของนิสสันซึ่งราคา 1800บาทได้ครับ และน้ำมันเกียร์ควรเปลี่ยนที่ 40,000dกม. หากหมดระยะการรับประกันควรติกตั้งออยล์เกียร์แยกด้วยครับ เพราะล็อคอัพและครัชทำงานตลอดเวลาทำให้น้ำมันเกียร์ร้อนง่ายขึ้น
-
ขอบคุณทุกความเห็นของพี่ๆนะครับ :) :) :)