Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: [email protected] ที่ เมษายน 20, 2020, 09:32:09
-
สอบถามหน่อยคับ
ตัดสิ้นใจไม่ได้ระหว่าง 2.5T / 2.2XDL
หารถสลับใช้ทำงานคับ วิ่งงานนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ วันละ150โล+-คับ ขับไม่เร็วมาก และใช้เที่ยว ตจว.บ้าง(ขับเร็ว)และกลับบ้านที่พิษณุโลก(ขับเร็ว)
ถามว่า2ตัวนี้กินน้ำมันประมาณไหนคับ ทุกวันนี้ใช้ bt50pro 2.2at วิ่งงานอยู่คับกิน9-10โล/ลิตรคับ และขับเที่ยวจะใช้mazda3ของแฟนเอาคับ(ผมไม่ชอบขับรถเตี้ยคับ)
ใจไป2.5Tคับ จะเอามาใช้ทำงานบ้าง50/50กับbt50pro มันกินพอๆกันมั้ยคับ
-
ถ้าเทียบค่าน้ำมัน ยังไง 2.2 diesel ก้ประหยัดกว่าครับ 2.5T มีไว้แรงครับ ถ้าผมเลือก2 ตัวนี้ผมเอา 2.5T
แน่นอนครับ เบนซินเทอร์โบขับสนุกส่วนเรื่องเทียบกับ bt50 ผมว่ากินพอกันครับ
-
ราคาที่ห่างกันประมาณ 6หมื่นบาท ได้ option เท่ากัน กับราคาน้ำมันในปัจจุบัน ...
ถ้าเป็นผมเลือกผมเลือก 2.2 XDL นะ ...
ถ้าการขับเร็วของเราคือขับ 140-160 km/h ผมว่า ดีเซลเหลือๆกับเครื่อง 190 แรงม้า ผมว่ามันแรงเหลือๆมากๆชนิดที่ว่าเกินกว่ารถบ้านทั่วไปจะตามทันแล้วครับ
ส่วนตัว 2.5t อันนี้ผมว่าถ้าเราเป็นคนที่ขับเน้นความเร็วปลายเช่น ขับอยู่ 140 แล้วอยู่ๆจะเร่งไป 180 อย่างรวดเร็ว อันนี้มันแรงกว่าดีเซลครับ แต่ถ้าเร่งจาก 40-140 ผมว่าต่างไม่มากครับ
ส่วนการใช้น้ำมัน วัดแบบบ้านๆเลยคือ น้ำมัน 1 ถังของดีเซลมันไปได้ไกลกว่าเบนซินอยู่แล้ว แต่ด้วยราคาน้ำมันที่ถูกกว่าในปัจจุบัน โดยรวมผมว่าไม่ต่างนะ
แต่ถ้าคุณกลัวปัญหาของเครื่องยนต์ดีเซลที่หลายๆคนชอบพูดถึง จะขยับไป 2.5t ก็ดูสบายใจกว่าในภาพรวม ...แต่สำหรับผม ถ้าได้ 2.2มายังไงก็ต้องไปจัดการตัวปัญหามันออกอยู่ดี เพราะ BT50pro ผมก็ทำ ดังนั้นเครื่องยนต์ดีเซลมาสด้า มันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย ..
-
คู่นี้ยังไง 2.2d ก็ประหยัดกว่า แต่เสี่ยงน้ำดัน ก็ไม่แน่ใจว่าพอปรับเป็น ยูโร4 แล้ว ยังดันอยู่อีกมั๊ย
ขอให้ไม่ดันนะครับ แอบเหล่ cx-8 อยู่
-
ราคาที่ห่างกันประมาณ 6หมื่นบาท ได้ option เท่ากัน กับราคาน้ำมันในปัจจุบัน ...
ตัว 2.5T จะมีพวกการตกแต่ง interior เพิ่มขึ้นมาครับ เช่น เบาะหนัง Nappa ไฟในเก๋ง LED แอร์ปั่นเบาะ ประมาณนั้น แต่ 2.5T เติม E20 ไม้ได้นะครับ (ผมคิดว่าราคาน้ำมันแบบนี้คงไม่อยากเติม E20 กันอยู่แล้วละ)
ตามเงื่อนไขการใช้งาน ถ้าจะเหมาะที่สุดควรเป็นดีเซลครับ แต่ผมเห็นปัญหาของตัวดีเซลผมบอกตรงๆ ผมไม่กล้าเสี่ยงครับ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมันหนักหนากว่าพี่ติ๊กในตัว 2.0 มาก ถ้าเป็นผมถ้าไม่เล่น 2.5T ก็เล่น 2.0 SP ไปเลยครับ
แถมอีกอย่าง เห็นว่าอาการน้ำดันของตัวดีเซลอาจไม่ได้มาจาก DPF นะครับ เห็นว่าเป็นที่ Design fault ถ้าจริงตามนี้แก้ยังไงก็ไม่จบครับ
-
มองให้ง่ายๆคือ ถ้ากังวลเรื่องประหยัดน้ำมัน เลือก 2.2 ดีเซลครับ
แต่ถ้าเลือกเอาให้เหมาะ น่าใช้ไปเลย ผมมองว่า 2.5 น่าใช้ที่สุดสำหรับ CX5 ครับ
-
ถ้าใจไป 2.5T แล้ว ก็จัด 2.5T ไปครับ เชื่อว่าคงกินน้ำมันไม่ได้ต่างจาก BT-50 pro สักเท่าไหร่ การจะซื้อรถแรงๆ สักคัน มันไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องขับเร็วตลอดเวลาถึงจะคุ้ม ถ้าเรารู้ตัวเองว่า เราจะ Appreciate กับอัตราเร่งที่เร้าใจ ฟีลลิ่งหลังติดเบาะ เสียงเครื่องเพราะๆ และเผื่อเล่นบทบู้เป็นครั้งคราว ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ
-
ราคาที่ห่างกันประมาณ 6หมื่นบาท ได้ option เท่ากัน กับราคาน้ำมันในปัจจุบัน ...
ตัว 2.5T จะมีพวกการตกแต่ง interior เพิ่มขึ้นมาครับ เช่น เบาะหนัง Nappa ไฟในเก๋ง LED แอร์ปั่นเบาะ ประมาณนั้น แต่ 2.5T เติม E20 ไม้ได้นะครับ (ผมคิดว่าราคาน้ำมันแบบนี้คงไม่อยากเติม E20 กันอยู่แล้วละ)
ตามเงื่อนไขการใช้งาน ถ้าจะเหมาะที่สุดควรเป็นดีเซลครับ แต่ผมเห็นปัญหาของตัวดีเซลผมบอกตรงๆ ผมไม่กล้าเสี่ยงครับ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมันหนักหนากว่าพี่ติ๊กในตัว 2.0 มาก ถ้าเป็นผมถ้าไม่เล่น 2.5T ก็เล่น 2.0 SP ไปเลยครับ
ถ้า2.5t มันกินพอๆbt50pro ผมก็ไป2.5t คับ ชอบข้าวของภายในมันด้วย 2.2ผมก็สองจิตสองใจคับ 2.0ขอตัดออกคับขับmazda3 bn มันไม่ทันใจคับ
-
ตัวที่ควรเลี่ยงคือดีเซลครับ
ถ้า 2.0 ไม่ทันใจก็ไป 2.5 ครับ
-
ราคาที่ห่างกันประมาณ 6หมื่นบาท ได้ option เท่ากัน กับราคาน้ำมันในปัจจุบัน ...
ตัว 2.5T จะมีพวกการตกแต่ง interior เพิ่มขึ้นมาครับ เช่น เบาะหนัง Nappa ไฟในเก๋ง LED แอร์ปั่นเบาะ ประมาณนั้น แต่ 2.5T เติม E20 ไม้ได้นะครับ (ผมคิดว่าราคาน้ำมันแบบนี้คงไม่อยากเติม E20 กันอยู่แล้วละ)
ตามเงื่อนไขการใช้งาน ถ้าจะเหมาะที่สุดควรเป็นดีเซลครับ แต่ผมเห็นปัญหาของตัวดีเซลผมบอกตรงๆ ผมไม่กล้าเสี่ยงครับ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมันหนักหนากว่าพี่ติ๊กในตัว 2.0 มาก ถ้าเป็นผมถ้าไม่เล่น 2.5T ก็เล่น 2.0 SP ไปเลยครับ
ถ้า2.5t มันกินพอๆbt50pro ผมก็ไป2.5t คับ ชอบข้าวของภายในมันด้วย 2.2ผมก็สองจิตสองใจคับ 2.0ขอตัดออกคับขับmazda3 bn มันไม่ทันใจคับ
โหว ถ้า Mazda3 2.0 BN ยังไม่ทันใจผมว่าเล่น CX5 2.5T ไปเลยครับ เอาให้สุดไปเลย 555
จาก Eco sticker BT50 2.2 AT Hiracer ได้ 10.1 km/l CX5 2.5T ได้ 12.0 km/l
-
แรง+ประหยัด = 2.2
แรงมากกว่า+ไม่ประหยัด = 2.5T
ยังไงก็ CX-5 ด้วยกัน ผมว่าเลือกไม่ยาก
-
MAZDA Skyactiv ยุคนี้ ... แนะนำ เบนซิน มากกว่า ดีเซล ครับ
แก้ Defect ปั๊มติ๊ก ในเครื่องเบนซิน ผมเชื่อว่าง่ายกว่า แก้ Defect น้ำดัน>>เครื่องพัง ในเครื่องดีเซล
-
แนะนำเบนซินดีกว่าครับ แรงกว่า ครบกว่า ไม่ต้องเสี่ยงน้ำดัน เข้าไปสิงในคลับถ้าน้ำดันห่างหายไปค่อยมาดูใหม่ดีกว่าครับ
เท่าที่ผมลอง 2.5t มาเดือนนิดๆนะครับ ขับในเมืองเท้าหนัก ได้ 4-6 เองครับน้อยมาก แต่ถ้าขับทางไกล รถไม่ติดผมว่าก็น่าจะเห็นเลข 10นิดๆ เอาสบายใจดีกว่า
จิ้ม 2.5t ครับแรง ไม่มีห่วง(ใหญ่ๆ) แต่ห่วงเล็กๆ ก็มีพวกเรื่องจุกจิกของมาสด้าทั่วไป ปั้มตึกลอตหลังๆผมไม่ค่อยเห็นมีปัญหาแล้วนะ เห็นบ่อยๆก็ cx3 cx5 ปี 18- กับกลางๆ 19
ทั้งนี้อยู่ที่กังวลเรื่องค่าน้ำมันขนาดไหนครับ เพราะวิ่งเยอะมาก
-
วิ่งเยอะก็จริง แต่ก็มี BT50 ไว้สลับกัน 50/50
ถ้าโจทย์คือไม่กินไปกว่า BT50 เบนซินน่าจะไหวอยู่
เป็นผมไป 2.5T ครับ น่าจะให้ความสุขได้มากกว่า เซฟเรื่อง defect ไปได้ส่วนนึงด้วย
เห็นข้างบนบอก 2.5T ใช้ e20 (ยัง)ไม่ได้ แต่ถ้าคันเมื่อไร remap e20 ก็น่าจะจบสวยๆ
-
วิ่งเยอะ ถ้าไปแบบเรื่อยๆ เนียน ผมว่าไม่น่ากินโหดอะไรมาก
ที่น่าจะโหดของพวกเบนซินแรง ccมากคือมาใช้ในเมืองรถติดมากกว่านะครับ
เชียร์ 2.5T ครับ
-
สอบถามหน่อยคับ
ตัดสิ้นใจไม่ได้ระหว่าง 2.5T / 2.2XDL
หารถสลับใช้ทำงานคับ วิ่งงานนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ วันละ150โล+-คับ ขับไม่เร็วมาก และใช้เที่ยว ตจว.บ้าง(ขับเร็ว)และกลับบ้านที่พิษณุโลก(ขับเร็ว)
ถามว่า2ตัวนี้กินน้ำมันประมาณไหนคับ ทุกวันนี้ใช้ bt50pro 2.2at วิ่งงานอยู่คับกิน9-10โล/ลิตรคับ และขับเที่ยวจะใช้mazda3ของแฟนเอาคับ(ผมไม่ชอบขับรถเตี้ยคับ)
ใจไป2.5Tคับ จะเอามาใช้ทำงานบ้าง50/50กับbt50pro มันกินพอๆกันมั้ยคับ
2.5t กินกว่าเห็นๆแน่นอนครับ ยิ่งเป็นเบนซินเทียบดีเซลด้วย แต่ราคาน้ำมันดีเซลพรีเมียมตอนนี้แพงกว่า E10 อยู่ห้าบาทได้ น่าจะ offset กันไป ถ้าให้ผมเลือก ยังไงก็ 2.5t แรงกว่า ไว้เผื่อใช้ ถ้าวิ่งยาวๆ ไม่กด ไม่เจอรถติดนิ่งๆแบบสาทร ก็ยังเรียกว่าประหยัดได้อยู่ แถมตัว 2.5t ได้หนัง Nappa ไม่ต้องเสี่ยงกับน้ำดัน น่าสนใจมากๆ
สิ่งที่ต้องระวังคือ Brand Mazda ครับ ถ้าชื่อเสียงในการดูแลลูกค้าเค้าดี คงมีลูกค้าอย่างผมหรือผองเพื่อนที่อยากได้ C-Crossover แรงๆแบบนี้อีกเพียบ
-
ถ้าขับเร็วๆ ตัวดีเซล 2.2 จะเผาเขม่าบ่อยมากๆ นะครับ ซึ่งเวลาเผาอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นจะพุ่งขึ้นไปเลย มีถึง 107 °C แล้วรอบการเผาคือ ไม่เกิน 200 กิโล แต่ถ้าขับชิวๆ ได้มากสุดคือราวๆ 280 กิโล ถ้าขับเร็วๆ แช่นานๆ ผมเชียร์ 2.5T ไม่ต้องมากังวลตอนเผาเขม่า
-
ช่วงล่างดี ขับสนุกทั้งคู่เลย ทางไกล140-160ขับมั่นใจ
ผมขับCRV G3 2.0 ตัวอึดอาด ทางไกลล่าสุด กทม.-เชียงใหม่ 140-160 E20ได้8กม./ลิตร
ถ้าขับส่วนตัว อยากได้ดีเซลเพราะประหยัดครับ
-
2.5T เลยครับ วัสดุหนังเบาะการตกแต่งต่างๆดีขึ้นจาก 2.2xdl และเครื่องดีเซลตัวนี้มีปัญหาน้ำดันซึ่งต้องเจออยู่แบ้วไม่วันไหนก็วันนึง
-
ขับยาวๆความเร็วสูง 160+ อย่าเอาดีเซลครับ ปาเจโร่ผมน้ำดันเสื้อร้าว ซ่อมมา 3 เดือนแล้วครับ
-
ส่วนตัวใช้ CX5 Diesel ถ้าซื้อใหม่ไป 2.5T ครับ คือ จริงๆ 2.2 diesel ก็แรงเหลือแล้วครับ ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ แต่ 2.5T สุดกว่า และ วันไหนอยากปลายไหล เบนซินดีกว่าเยอะครับ
-
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะครับ ผมคงจบกับ2.5t แน่นอนนะครับ
-
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะครับ ผมคงจบกับ2.5t แน่นอนนะครับ
ได้มาแล้วช่วยรีวิว 0-100 กับ 80-120 หน่อยครับ ถ้าได้ความเร็วปลายด้วยดีเลยครับ
-
ยี่ห้อนี้อย่าไปยุ่งเลยครับ
ลองดูปัญหาใน google ครับ มีมากมาย
-
เห็นด้วยที่สนใจ 2.5 t โฉมเก่าใครที่มี ค2.5 ก็ติดใจทุกคน ผมใช้2.2ดีเซลโฉมแรกกับเพื่อน ปัจจุบันเพื่อนเครื่องน้ำดันเรียบร้อย แต่โชคดีได้ศูนย์ช่วยเคลมเครื่องใหม่ให้โดยไม่อิดออดถึงแม้รถอายุ6ปีกับ 1เดือน เพื่อนเลยตั้งใจใช้อีก5ปีแล้วค่อยเปลี่ยน ที่สำคัญเพืีอนเพิ่งถอย crv ล่าสุดก็ยังคุยให้ฟังว่าขับสู้ cx5 ไม่ได้ ภรรยาเลยรับcrvไป หวั่งว่าคงไม่เจอเคส พี่ติ๊ก นะครับ ปัญหาเล็กแต่เสียวเวลาดับ ราคาพี่ติ๊กเทียบราคารถนิดเดียวทำไมไม่เปลียนดีๆไปเลย รุ่นเก่าก็ไม่เห็นมีปัญหาแถมทางด้าเทคนิคตัวนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย
-
คู่นี่ ใกล้เคียงกันมากในเรื่องอัตราเร่งครับ2.2Dใหม่เคร่่องแรงขึ้นกว่าเดิมจนเข้าใกล้2.5tมากละครับ
และประหยัดน้ำมันกว่ามากครับ ตัวดีเซลสามารถขับได้อะตตราการกินน้ำมัน12กม/ลิตรโดยที่้หยียบแ4ว140-180ได้ครับขณะที่2.5t นี่กิน9กม/ลิตรเป็นปกติครับ ค่าบำรุงรักษาเช็คระยะถูกกว่าที่120000กม รวมแล้วดีเซลค่าเชคระยะถูกกว่าประมาณ7พันกว่าบาทถ้าจำไม่ผิดหลังจากรวมทุกการเชคระยะนะครับ รวมถึงราคาที่ถูกกว่ากันถึง60000บาทครับ
จากข้างต้นเหมือนว่าดีเซลจะดีกว่าใช่มั้ยครับ
แต่ๆๆๆถ้าเลี่ยงได้เลี่ยงครับผมยังไม่ไว้ใจskyactiveDครุบ
ถึงแม้คันเก่าเป็นcx52.2xdl และปัจจุบันมีซื้อcx8 2.2 exclusive มาปต่ผมก็ยังเชียร์2.5tครับไว้ใจได้มากกว่า
กดได้เรื่อยๆครับถือว่าแรงสุดในงบเท่านี้แล้วจากโรงงานเบาะเป็นnappa นุ่มกว่าตัวดีเซลค่อนข้างมากครับเอาเป็นว่าถ้าไปขับแล้วจะชอบครับ
ตอนซื้อผมติดปัญหาอย่างเดียวคือผมไม่ชอบกระจังหน้าcx5(ตอนแรกทางศูนย์สั่ง2.5Tมาให้แล้วด้วยครับ) แต่ชอบcx8มากกว่าเลยเปลี่ยนครับ ขณะที่รถยุโรปของผมต้องวิ่งไปเข้าศูนย์ค่อนข้างไกลครับเลยจบที่มาสด้าอีกครับสุดท้ายิขอให้ได้รถที่ถูกใจและถูกจริตครับ
และขอให้ได้ศูนย์ที่รับผิดชอบและเอาใจใส่ลูกค้าและรถทุกคันครับอันนี้สำคัญที่สุดครับ
-
ถ้าไม่คุยกันเรื่องปัญหา (ที่คุยจนเบื่ิอแล้ว)
เอาเข้าจริง 2.2D มันก็จี๊ดจ๊าดเร้าใจแค่ตอนต้นตามสไตล์ดีเซลมารอบต่ำเท่านั้นเลยครับ
คันเร่งที่หน่วงกว่าเพราะรอรอบรอบูสต์ ปลายหด ผมล่ะเกรงว่าจะไม่คณาเท้า จขกท. เอาช่วงที่ต้อง cruise ยาวๆ แรงหนะแรง แต่แลกกับรอแล้วมาเร็วไปเร็วครับ ความสนุกมาในช่วงเวลาสั้นๆ เลย
2.5 NA ตัวเดิมนี่แค่นั่งเฉยๆ คนอื่นกระทืบ ก็ยังติดใจไม่หาย มาไหล มาไว มาดี และมายาวๆ
2.5T นี่ไม่ต้องเอ่ยครับ แถมซื้อวันนี้ rare item แน่นอน
-
2.2 xdl ตัดทิ้งเถอะครับ แนวโน้มจะมีปัญหาในอนาคตสูงมากๆ 2.5T เบนซิน กินหนักกว่าดีเซลแน่นอนครับ
ปัญหายังไม่รู้อาจจะไม่มีหรือมีมากก็ไม่รู้ได้ครับ ผมใช้ cx8 2.5 เบนซิน ขับสบายเครื่องลื่นดีครับ คันเร่งเบาดีครับ
เทียบ ppv กับกะบะที่เคยขับ ลื่นกว่าช่วงออกตัวพอสมควรครับ
-
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะครับ ผมคงจบกับ2.5t แน่นอนนะครับ
ได้มาแล้วช่วยรีวิว 0-100 กับ 80-120 หน่อยครับ ถ้าได้ความเร็วปลายด้วยดีเลยครับ
จัดไปคับ ผมก็อยากรู้คับ
-
ยี่ห้อนี้อย่าไปยุ่งเลยครับ
ลองดูปัญหาใน google ครับ มีมากมาย
รถที่ใช้ส่วนตัวนะคับ mazda fighterปี2000 ขายไปตอนปี12
และมาออกbt50pro และปี19ไปเอาmazda3 มาอีก ผมเข้าศูนย์มาสด้า ตรงโรงกษาปณ์ คลองหลวง ปกติดีคับ ตัวbt50pro ก็เปลี่ยนท่ออินเตอร์กะแผงอินเตอร์ใหม่จบยาว เกียร์at เปลี่ยนน้ำมันกะกรองเกียร์ไปตอนแสนโล ตอนนี้แสนเก้า จะยกลงมาถอดล้างอีกรอบคับ อะไรที่เรารู้ว่ามันจะไปเปลี่ยนได้เปลี่ยนไปก่อนเลยคับ ทุกวันนี้ในรถมีเซ็นเซอร์CMP/CKP ติดรถไว้ตลอดคับเพราะคิดว่ามันต้องเสียแน่นอน และร้านอะไหล่ทั้วไปหายากคับ
-
ถ้าต้องเลือกระหว่างเบนซินกับดีเซล ส่วนตัวผมไปเบนซินเทอร์โบดีกว่าครับ รอบกวาดลื่นกว่า ขับสนุกกว่า ดีเซลกดแปปๆรอบก็หมดแล้ว
-
2.2 xdl ตัดทิ้งเถอะครับ แนวโน้มจะมีปัญหาในอนาคตสูงมากๆ 2.5T เบนซิน กินหนักกว่าดีเซลแน่นอนครับ
ปัญหายังไม่รู้อาจจะไม่มีหรือมีมากก็ไม่รู้ได้ครับ ผมใช้ cx8 2.5 เบนซิน ขับสบายเครื่องลื่นดีครับ คันเร่งเบาดีครับ
เทียบ ppv กับกะบะที่เคยขับ ลื่นกว่าช่วงออกตัวพอสมควรครับ
อยากรู้ cx8 2.5 ที่ใช้อยู่กินน้ำมันมากขนาดไหน เห็นรถใหญ่ขนาดนั้นแต่เป็นเบนซินขนาดเท่านี้
-
ราคา CX-5 2.5T ทำให้อดไปมอง CX-8 ไม่ได้เลย เป็นผมคงไป CX-8
-
มี CX5 2.2d minor อยู่ครับ ผมว่าขับไม่ค่อยสนุกนะ ต้นโอเคดึงใช้ได้
เกิน 100 ไม่ไหลเลย. ถ้าตอนซื้อมี 2.5T ก็เอา 2.5 T ครับ
ขอนอกเรื่องนิดดดนึงครับเห็นในภาพขี่ ZX6-R รถเป็นอย่างไรบ้างครับ ขี่ดีไหมครับ สนใจอยูเหมือนกัน :P เคยขี่้ monster 821 ตอนนี้ขายไปแล้วครับ อยากได้สปอร์ตไว้ฝึกขี่ในสนาม
-
ไม่ต้องลังเลครับ 2.5Tมันๆ น้ำไม่ดัน
-
เคยขับตัว 2.2 d ผมว่าปลายมันเหี่ยวตามสไตล์ดีเซลครับ ชอบขับเร็วไปเบนซินเทอร์โบดีกว่าครับ แต่เห็นในเนตว่าแรงกว่าช่วงล่างต้องไปทำต่ออีกหน่อย
-
มี CX5 2.2d minor อยู่ครับ ผมว่าขับไม่ค่อยสนุกนะ ต้นโอเคดึงใช้ได้
เกิน 100 ไม่ไหลเลย. ถ้าตอนซื้อมี 2.5T ก็เอา 2.5 T ครับ
ขอนอกเรื่องนิดดดนึงครับเห็นในภาพขี่ ZX6-R รถเป็นอย่างไรบ้างครับ ขี่ดีไหมครับ สนใจอยูเหมือนกัน :P เคยขี่้ monster 821 ตอนนี้ขายไปแล้วครับ อยากได้สปอร์ตไว้ฝึกขี่ในสนาม
zx6 เป็นรถที่ขี่ง่ายกว่าตัวพันค่อนข้างมากคับ เบาเลี้ยวง่าย ขี่ในเมืองความเร็วต่ำๆง่าย คันเร่งนิ่มคุมง่าย ขี่เกาะไปกับตัวพันได้ ถ้าเพิ่งมาเริ่มเล่นสายสปอร์ตzx6เหมาะคับ แต่ถ้าขี่ sportอยู่แล้ว ไปตัวพันเลยดีกว่าคับ ผมมาจากสายทัวริ่งเลยมาเริ่มตัวนี้ก่อนคับ
-
โดยส่วนตัวคงเลือกดีเซลครับ เพราะบ้านอยู่กทม. และเจอรถติดพอสมควร ผมรับไม่ได้กับอัตราสิ้นเปลืองเบนซิน ที่รถติดมากๆ บางทีลงไป 4 km/l งี้ ขับในเมืองยังไง ก็ต้องต่ำกว่า 10 km/l
แต่ดีเซล พอรถติด มันยิ่งกินน้อยครับ เพราะเวลาออกตัว ไม่ต้องเค้นเยอะแบบเบนซิน อัตราเร่ง ดีเซล 2.2 ก็เหลือๆ แล้ว อยากได้แบบวิ่งทางไกลได้ 14 km/l ขึ้นครับ 2.5T กินมากนะครับ ยิ่งถ้าในเมืองรถติดๆ มี 3-6 km/l ง่ายๆ ครับ
-
ราคาที่ห่างกันประมาณ 6หมื่นบาท ได้ option เท่ากัน กับราคาน้ำมันในปัจจุบัน ...
ถ้าเป็นผมเลือกผมเลือก 2.2 XDL นะ ...
ถ้าการขับเร็วของเราคือขับ 140-160 km/h ผมว่า ดีเซลเหลือๆกับเครื่อง 190 แรงม้า ผมว่ามันแรงเหลือๆมากๆชนิดที่ว่าเกินกว่ารถบ้านทั่วไปจะตามทันแล้วครับ
ส่วนตัว 2.5t อันนี้ผมว่าถ้าเราเป็นคนที่ขับเน้นความเร็วปลายเช่น ขับอยู่ 140 แล้วอยู่ๆจะเร่งไป 180 อย่างรวดเร็ว อันนี้มันแรงกว่าดีเซลครับ แต่ถ้าเร่งจาก 40-140 ผมว่าต่างไม่มากครับ
ส่วนการใช้น้ำมัน วัดแบบบ้านๆเลยคือ น้ำมัน 1 ถังของดีเซลมันไปได้ไกลกว่าเบนซินอยู่แล้ว แต่ด้วยราคาน้ำมันที่ถูกกว่าในปัจจุบัน โดยรวมผมว่าไม่ต่างนะ
แต่ถ้าคุณกลัวปัญหาของเครื่องยนต์ดีเซลที่หลายๆคนชอบพูดถึง จะขยับไป 2.5t ก็ดูสบายใจกว่าในภาพรวม ...แต่สำหรับผม ถ้าได้ 2.2มายังไงก็ต้องไปจัดการตัวปัญหามันออกอยู่ดี เพราะ BT50pro ผมก็ทำ ดังนั้นเครื่องยนต์ดีเซลมาสด้า มันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย ..
รบกวนขอความรู้หน่อยครับ 2.2 cx5 แก้ไขไม่ให้น้ำดันด้วยวิธีไหนหรือครับ
ถ้าอย่างในเครื่องmz2 1.5 ดีเซล นั่นผมรู้ว่ายก dpf ออกจบ แต่ใน cx5 ยังไม่เคยได้ยินวิธีที่แน่นอน
-
ราคาที่ห่างกันประมาณ 6หมื่นบาท ได้ option เท่ากัน กับราคาน้ำมันในปัจจุบัน ...
ถ้าเป็นผมเลือกผมเลือก 2.2 XDL นะ ...
ถ้าการขับเร็วของเราคือขับ 140-160 km/h ผมว่า ดีเซลเหลือๆกับเครื่อง 190 แรงม้า ผมว่ามันแรงเหลือๆมากๆชนิดที่ว่าเกินกว่ารถบ้านทั่วไปจะตามทันแล้วครับ
ส่วนตัว 2.5t อันนี้ผมว่าถ้าเราเป็นคนที่ขับเน้นความเร็วปลายเช่น ขับอยู่ 140 แล้วอยู่ๆจะเร่งไป 180 อย่างรวดเร็ว อันนี้มันแรงกว่าดีเซลครับ แต่ถ้าเร่งจาก 40-140 ผมว่าต่างไม่มากครับ
ส่วนการใช้น้ำมัน วัดแบบบ้านๆเลยคือ น้ำมัน 1 ถังของดีเซลมันไปได้ไกลกว่าเบนซินอยู่แล้ว แต่ด้วยราคาน้ำมันที่ถูกกว่าในปัจจุบัน โดยรวมผมว่าไม่ต่างนะ
แต่ถ้าคุณกลัวปัญหาของเครื่องยนต์ดีเซลที่หลายๆคนชอบพูดถึง จะขยับไป 2.5t ก็ดูสบายใจกว่าในภาพรวม ...แต่สำหรับผม ถ้าได้ 2.2มายังไงก็ต้องไปจัดการตัวปัญหามันออกอยู่ดี เพราะ BT50pro ผมก็ทำ ดังนั้นเครื่องยนต์ดีเซลมาสด้า มันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย ..
รบกวนขอความรู้หน่อยครับ 2.2 cx5 แก้ไขไม่ให้น้ำดันด้วยวิธีไหนหรือครับ
ถ้าอย่างในเครื่องmz2 1.5 ดีเซล นั่นผมรู้ว่ายก dpf ออกจบ แต่ใน cx5 ยังไม่เคยได้ยินวิธีที่แน่นอน
https://youtu.be/AxtqH6asvuw