Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Rr58 ที่ พฤษภาคม 07, 2020, 19:00:40
-
อยากสอบถามความคิดเห็นของเพื่อนๆชาว Headlightmag ในด้านของความคุ้มค่าของอายุการใช้งาน
ในส่วนนี้นับด้านเหตุผลความคุ้มค่าเป็นหลักไม่นับด้านอารมณ์
คุณคิดว่าความเหมาะสมควรกี่ปี ทั้งด้านของค่าเสื่อม ค่าบำรุงรักษาที่ไม่มากจนเกินไป และสมดุลระหว่างสภาพกับราคา
และคุณคิดว่าในชีวิตคนเรา จะใช้รถกันซักกี่คันในชีวิต แล้วคุณหละใช้รถมากี่คันแล้ว ใช้คันละกี่ปีโดยประมาณ
อาจถามเยอะไปหน่อยยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุกๆความคิดเห็นนะครับ
-
ใช้ๆไปครับบางคนคุ้มค่าตั้งแต่ปีแรกแล้ว หรือบางคนสายจอด อาจจะ 10 ปีขึ้น
ของผมตราบใดที่มันยังเอาไปซิ่งได้ โดยที่ไม่พังใน 10 ปี ก็ดีละ
-
ผมเพิ่งตั้งกระทู้คล้ายๆกันครับ ส่วนตัวผมใช้เฉลี่ย 7 ปี นานสุด 12 ปีครับ
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=75035.msg1318543#msg1318543
-
วัดกันตรงไหน เอาอะไรเป็นตัววัดว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม
มันก็แล้วแต่ละคน ใช้ยาวใช้สั้น ก็แล้วแต่การพร้อมของการเงิน
-
มองว่าจุดตัดอยู่ที่ 10 ปี ทั้งการซ่อมบำรุงอะไหล่ที่เสื่อมสภาพ ราคาขาย
ช่วง 10 ปีแรกรถญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เปลี่ยนอะไหล่เล็กน้อยๆไม่ได้แพงมากมาย พวกอะไหล่ช่วงล่าง มอเตอร์พัดลมหม้อน้ำ เซ็นเซอร์บางตัว แผงคอยเย็นในรถ
หลัง 10ปีไปแล้ว อะไหล่ที่เสื่อมราคาจะสูงขึ้น ทั้งแผงหม้อน้ำรั่วซึม ซีลต่างๆตามเครื่องยนต์เริ่มหมดสภาพต้องแก้รั่วหลายๆจุด ต้องทยอยเปลี่ยนพวกรีเลย์ ปั้มติ๊ก เรกกูเลเตอร์ คอยล์จุดระเบิด คอมแอร์
รถเกิน 10 ปีเวลาเที่ยวต่างจังหวัดก็ไม่ค่อยมั่นใจละครับว่าหวยจะออกที่อะไหล่ตัวไหน ต้องทยอยชิงเปลี่ยนก่อน
-
จริงๆถ้าโดยรวมมันบอกไม่ได้ครับ เพราะแต่ล่ะคนไม่เท่ากัน แต่ถ้าผมๆคิดว่า 5-8ปีครับ กำลังดี รถตกรุ่นพอดี
ถ้าซื้อตอนใหม่ๆ แต่ก้ขึ้นอยู่กับรุ่นรถครับ
-
ผมตีความ ความคุ้มค่าว่า ใช้งานได้ ไว้ใจได่ ละกัน ตัวผมเองชอบรถที่
รถตลาดไม่เกิน 2 ล้านผมว่า 10-15 ปี น่าจะถึงจุดที่ต้องเริ่มซ่อม เริ่มเสียจุกจิก แล้วแต่รุ่นไป ถ้ามากกว่านี้ส่วนตัวจะมีความกังวลว่า จะมีอะไรเสียระหว่างใช้งานไหม
ส่วนยุโรป/พรีเมี่ยม สำหรับผม ประมาน 7-10 ด้วยความที่ระบบต่างๆของตัวรถซับซ่อนมากกว่า
-
ใช้ไปจนกว่าจะงอแงจนซ่อมไม่คุ้ม ซื้อหรือผ่อนรถคันใหม่คุ้มกว่าน่ะครับ ผมเหมารวมถึงทั้งเรื่องเงินค่าซ่อม เรื่องเวลาที่ต้องเสียไป เรื่องความหงุดหงิดอารมณ์เสียเวลาเกิดมีอะไรพัง และความอันตรายเมื่อมันพังแล้วเราเกิดความไม่ปลอดภัยถ้าไปพังค่ำๆมืดๆ หรือตายกลางทางต่างจังหวัดครับ ความคุ้มค่าของแต่ละคนต่างกัน เพราะใช้รถต่างกันครับ
-
ไอเดียผมนะ
1. ปัจจุบัน (จริงๆ ก็ตั้งแต่ 10 กว่าปีมาแล้ว) รถทุกคัน ได้รับการรับประกันจากผู้ผลิต 3 ปี / 100,000 โล
ผมตีความว่า ถ้า .. รถคันไหนใช้งานปีละ > 33,333 โล ถือว่า ใช้งานหนักแล้วครับ
จากตรงนี้ ผมเลยคิดเอาเองว่า ค่าเฉลี่ยกลางๆ น่าจะอยู่ที่ ปีละ 25,000 โล
2. จากข้อ 1 ผมว่า ถ้าใช้รถนาน 12 ปีๆ ละ 25,000 โล ก็จะตก 300,000 โล ผมว่า มันก็น่าจะพอสมควรแล้วนะ
(ทั้งในแง่ ระยะทางของชิ้นส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง เบรค รวมไปถึง อุปกรณ์ภายใน)
3. ผมเชื่อว่า ถึงจะอายุ 12 ปีแล้ว แต่ถ้าดูแลรักษารถมาดี ทั้งเครื่อง เกียร์ ช่วงล่าง
และภายในห้องโดยสาร (พยายามหลีกเลี่ยงการจอดตากแดดมากๆ เข้าไว้) สภาพรถก็ยังจะดีอยู่ครับ
-
1.ตั่งแต่ขับรถเป็นถึงปัจจุบัน ขับมาทั้งหมด 6คันแล้วครับ
2.สำหรับผมความคุ้มค่า คือ ใช้ให้นานที่สุดไม่ระบุว่าต้องกี่ปี จนกว่ามันจะเสียจุกจิก ถ้าจุกจิกเมื่อไรคือเปลี่ยน ปัจจุบันคันที่อายุมากสุดคือ adventure master ทูโทย อายุ16ปีแล้ว เจ้านี่อึดมากไม่จุกจิกเลย และจะใช้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่เสียจุกจิก
-
ถ้ารถญี่ปุ่นผมว่า10ปี สบายๆ แต่ถ้ารถยุโรปผมว่า7ปี กรณีใช้งานปกติทั่วไปนะครับ
คุ้มค่าตอบยากครับ บางคนใช้รถเยอะๆ40,000-50,000โล/ปี ใช้5-6ปี อาจจะมองว่าคุ้มแล้ว
แต่คนใช้น้อยแบบผม คือปีละไ่ม่ถึง10,000โล อาจมองว่าใช้สัก10ปี ถึงจะเริ่มคุ้ม
ผมใช้รถมา3คัน ที่ใช้จริงๆจัง เป็นรถที่บ้านซื้อให้ใช้ คันแรกอายุ16ปี ก็ยังอยู่แต่ไม่ค่อยได้ใช้ ใช้น้อยมากๆแล้ว แต่ที่บ้านก็เสียดายไม่ขาย เป็นรถ7ที่นั่ง ไมล์90,000 คันที่2 ใช้งานไป9ปีถึงได้ขายออกไป ไมล์เพิ่ง60,000กว่า คันปัจจุบันเข้าปีที่6ละ ใช้งานมา50,000กว่าโล ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตจะขายออกหรือซื้อเพิ่มตอนไหนต้องดูปัจจัยอื่นประกอบอีกทีครับ
-
สำหรับผม ให้น้ำหนักตัวเลขไมล์ที่ใช้ มากกว่าจำนวนปีที่ใช้นะครับ เพราะการสึกหรอ/สภาพของรถยนต์ขึ้นอยู่กับการใช้งานมากกว่า
ส่วนจำนวนปีคงทำให้รถยนต์สึกหรอน้อยกว่า
-
น่าจะ 15 ปี
มากกว่านี้อาจจะเสียค่าซ่อม ค่าเสียเวลาเกินกว่า ซื้อรถเทคโนโลยีใหม่ๆ
-
การจะใช้ได้อย่างคุ้มค่านั้น สภาพรถน่าจะสำคัญกว่าอายุ แต่ถ้าคิดถึงเรื่องขายต่อด้วยผมว่าไม่ควรเกิน 10 ปี เพราะรถอายุเกิน 10 ปีขายต่อยาก ราคาก็จะลดลงไปอย่างฮวบฮาบเลย
-
คุ้มแต่ละคนไม่เท่ากันครับ ถ้าวิ่งเยอะหน่อยเอาไว้ทำงานติดต่องาน วิ่ง 1-2 ปีก็คุ้มแล้ว ขึ้นอยู่กับเลขไมล์และการซ่อมบำรุงของรถด้วย และถ้ารถคันนั้นซ่อมจบ ไม่จุกจิก ของเสียตามอายุเฉยๆ ผมว่าไม่ต้องดูจำนวนปีก็ได้ แต่เราจะไม่ได้เทคโนโลยีใหม่ๆถ้าเราใช้รถปีเก่ามากๆ
อย่างที่บ้านผมประมาณ 10ปี หรือสักสอง Gen ของรถ กำลังดี เพราะวิ่งค่อนข้างน้อย เปลี่ยนบ่อยก็ไม่ค่อยคุ้ม
มีคันนึง 24 ปี ไมล์ 2แสน4 ตั้งแต่คุณพ่อใช้เลย อีกคัน5 ปี ไมล์ 2หมื่น6 แต่เพราะเป็นรถญี่ปุ่น เลยซ่อมจบไม่จุกจิก ส่วนรถยุโรป เกิน 5-6 ปีปัญหาเริ่มมา แต่คันนี้คนที่บ้านขับบ่อยมาก ไมล์เยอะ ดันไม่ค่อยมีอะไรรวน ไม่แน่ใจว่าดวงดีหรือรถยุโรปห้ามจอดแช่นานๆ เพราะเห็นเพื่อนหรือคนรอบตัวที่ใช้ ไม่ค่อยขับมักจะมีปัญหาตลอด
-
ตอบยาก โดยเฉพาะรถยุโรปยิ่งใช้นานยิ่งซ่อมเยอะ ต่างจากรถญี่ปุ่น
-
ผมเท้าหนัก อัด เบรค รูดบ่อย เดินทางพอสมควร
สำหรับผม ผมว่าคุ้มตั้งแต่แสนโลแล้วครับ เกินนั้นผมถือเป็นกำไรครับ ::)
-
ผมว่าคุ้มเมื่อไหร่ อยู่ที่การใช้งานแหละครับ
อย่างผมใช้รถค่อนข้างเยอะ ปีนึงราวๆ 3-4 หมื่นก.ม. เปลี่ยนรถคันแรกตอนใช้ไป 11 ปี วิ่งไป 3.7 แสน สำหรับผมมองว่าคุ้มมาก เพราะใช้เป็นรถขับไปทำงาน ไปเที่ยว ฯลฯ แต่ที่ตัดสินใจเปลี่ยน เพราะเริ่มต้องซ่อมบ่อยแล้ว ค่าใช้จ่ายผมไม่มีปัญหา แต่ผมมีปัญหาเรื่องเวลาที่ผมต้องเสียไปกับการซ่อมรถครับ
คันปัจจุบัน ใช้ไป 2.5 ปี สะสมไปแล้ว 8 หมื่นก.ม. นิดๆ คงใช้อีกแตะ 10 ปีเหมือนเดิม ถ้าไม่มีอะไรจุกจิกนะครับ
ในขณะที่รถแฟน เปลี่ยนหลังจากใช้ไป 9 ปี วิ่งไป 1.3 แสนก.ม. ยังไม่มีอะไรต้องซ่อมนัก แต่เปลี่ยนเพราะอยากได้รถที่ปลอดภัยขึ้น ขับสบายขึ้น เพราะแพลนให้เขารับส่งลูกไปโรงเรียน
คนรู้จักกับแม่ผม เปลี่ยนรถแทบจะ 2 ปีคัน แต่ละคัน ใช้แค่ไม่เกิน 20,000 ก.ม. ก็เปลี่ยนละ บางคนมองไม่คุ้ม ผมก็มองไม่คุ้มนะ แต่ถ้าเขาไม่ซื้อรถมาขับ ก็ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร เพราะอยู่กัน 2 คนตายาย ลูกไม่มี สุดท้ายเงินที่สะสมมาก็ต้องตกเป็นของหลาน ซึ่งผมมองว่าที่เขาซื้อขายรถบ่อย มันก็เหมือนเขาให้กำไรชีวิตตัวเองแหละครับ อะไรอยากได้ก็ซื้อซะ ในเมื่อมันไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อนอะไรครับ
ดังนั้นผมจึงมองว่า เปลี่ยนรถเมื่อไหร่คุ้ม มันขึ้นอยู่กับ กำลังทรัพย์ การใช้งาน ไลฟ์สไตล์ ของแต่ละบุคคลครับ พวกนี้ชี้วัดกันได้ค่อนข้างยาก
-
ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เอา c240 w202 ไปกาญจนบุรี
ทริปนั้นเป็นครั้งที่รถคันนั้นทำให้ผมเห็นว่าคุ้มสุดๆในชีวิต
ก่อนเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี มีมอไซค์กลับรถตัดหน้า ทั้ง tcs ทั้ง abs ทั้ง esc อะไรต่อมิอะไรทำงานพร้อมกันหมด ล้อข้างซ้ายผมหล่นลงไปข้่งทางต่างระกับที่เต็มไปด้วยฝุ่น ด้านซ้ายผมเป็นทุ่งนา แต่ก็รอดหลับขึ้นมาได้โดยรถไม่ได้เสียหายอะไร
ตอนขากลับ ลงมาจากด่านเจดีย์ 3 องค์ แม่เจ้า เหมือนเจอผีนั่งอยู่กลางถนน(แต่ผมคิดว่าเป็นโจรเอาคนแก่ๆไปนั่งเพื่อให้รถเสียหลักตกข้างทางเพื่อปล้น)เช่นกัน ระบบทั้งหมดทำงานและผ่านโค้งมาได้อย่างปลอดภัย
ชีวิตผมและเพื่อนที่นั่งมาด้วยรอดปลอดภัยถึงกรุงเทพ คุ้มสุดๆแล้วครับ
-
วิ่งเกิน10ปีโดยที่อะไหล่ยังหาได้ผมถือว่าเกินคุ้มแล้วล่ะ
-
ตอบยากแฮะ
รถคันแรก ในชีวิต ใช้ไป 13 ปี 2 แสนกว่ากม. เหตุที่ขาย เพราะ 3 ปีหลัง ซ่อมหนักมาก คือ ซ่อมตรงนี้เสร็จ ตรงนั้นพัง ซ่อมตรงนั้นเสร็จ ตรงนู้นพัง คือ วนไปเรื่อย ตามอายุของรถน่ะครับ กลายเป็นว่า วันหยุดที ต้องไปนั่งเฝ้าช่างซ่อมรถ ช่วงนั้นโดนไปเฉลี่ยปีละแสนล่ะครับ เลยขายทิ้งดีกว่า ได้รถใหม่ ประหยัดน้ำมัน สบายใจเรื่องซ่อมบำรุงด้วย
รถคันที่สอง ใช้ไป 2 ปีครึ่ง 6 หมื่นกว่ากม. รถขับสนุก แต่มันเตี้ย ไปไหนไม่สะดวก จะไปพื้นที่ที่ไม่คุ้นที่ นั่งเช็คเส้นทาง เช็คสภาพทางขึ้นรีสอร์ท อย่างกะคนบ้า
รถคันที่สาม ปีนี้เข้าปีที่ 9 ละ 1.4 แสนกม. ไมล์ไม่เยอะ แต่เป็นไมล์ที่วิ่งจริงๆ ไม่มีเอาไปรถติดในเมือง ปีท้ายๆก็เริ่มซ่อมเยอะเหมือนกัน แต่ซ่อมแล้วมันจบ ความทนทานดีกว่า รถคันแรกพอสมควรครับ คันนี้ยังเนี๊ยบทั้งภายใน ภายนอก ยังรู้สึกว่า ใช้ยังไม่คุ้ม คงใช้ไปเรื่อยๆแหละ หรือ จนกว่าจะมีสตางค์ โดดไปหา premium compact suv
รถคันที่สี่ ปีนี้เข้าปีที่ 3 ไมล์ 3 หมื่นกม. คันนี้ออกมาสนองกิเลส อยากได้รถซิ่ง อยากได้รถแรง เหมือนคันที่สอง เก็บไว้ขับบนเส้นทางที่มันไปได้ (ถ้าไปไม่ได้ ก็ใช้คันที่สาม) ดังนั้น คันนี้เก็บยาวๆ เก็บเป็น collection ล่ะครับ Rare Item ด้วย ไม่ต้องมองความคุ้มค่าสำหรับรถคันนี้
-
ตอบค่อนข้างยากครับ เพราะแต่ละคนสไตล์ใช้รถและการดูแลไม่เท่ากัน อายุมันเลยผันตามนั้น แต่ถ้าสำหรับผมคือ ยังหาอะไหล่ได้รถยังใช้งานได้ปลอดภัย ยังใช้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งคุ้มเท่านั้นบวกกับค่าซ่อมมันยังไม่เท่าค่ารถ 50% ของค่ารถครับ ถ้าเราลองทำรายการค่าใช้จ่ายได้ในการดูแลทุกอย่างกับตัวรถเราจะเห็นภาพชัดครับว่าในช่วง 10 ปีเนี่ยถ้าคุณดูแลและใช้รถดีๆนะ ค่าซ่อมมันถูกกว่าเปลี่ยนรถมากแม้ว่าราคาตัวรถจะตกลงไปมากเทียบคุณจะขายในช่วง 5 ปีบวกซื้อคันใหม่ครับ
-
รถยิ่งแพง รถหรู รถซีดานคันใหญ่ พวกนี้ต้องใช้นานระดับ 10 ปี ถึงคุ้มทุน
รถเล็ก รถกระบะ รถ PPV พวกนี้ใช้ไม่เกิน 8 ปี เวลาขายจะไม่เจ็บตัวมากเท่าซีดานคันใหญ่
รถบางคัน 12 ปี ยังไม่พังอะไรเลย อย่างพวก Fortuner หรือ กระบะ D-Max
บางคันพี่แกลากยาวๆ เครื่องเกียรไม่พัง ช่วงล่างพวกนี้ทนหายห่วงอยู่แล้ว
ยิ่งใช้นาน ยิ่งคุ้ม เวลาขายก็ได้ทุนไปต่อรถคันใหม่
ผมว่า เมืองไทย ยังไงราคาขายต่อก็มีส่วนพิจารณา
แต่รถบางคันขับไม่สนุก ขับแล้วเป็นทุกข์ จะทนกับทุกข์นั้นเพื่อราคาขายต่อ
อันนี้ก็ต้องพิจารณาครับ
-
พูดยากครับ รถผมบางคันที่ไม่ชอบ พอหมดใจก็ยอมขาย ทั้งที่ใช้ไม่ถึง 5 ปี แต่บางคันที่เราชอบ เรามีความสุขในการได้ใช้มัน ปีแรกที่เราพามันไปเที่ยว ไปรับญาติ มันก็คุ้มแล้วครับ ::)
-
วัดกันไม่ได้หรอกครับ แค่ละคน แต่ละคัน ก็ต่างกัน
ผมใช้เก่าที่สุด คือ กระบะ อีซุ โรดิโอ ยังวิ่งงานอยู่ทุกวัน ในะระยะทางไม่เกินห้าสิบโล..ดูแล ก็แค่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ มันคุ้มค่าตั้งแต่สามปีแรกแล้ว ที่เหลือคือกำไร..
-
น่าคิดเหมือนกันครับ
แต่คงไม่มีระยะเวลาที่ตายตัว อย่างพวกยี่ห้อตลาดมือสองราคาแข็ง toyota honda isuzu ถ้าดูแลดีๆใช้กันนานลืม ใช้ยิ่งนานยิ่งคุ้ม
แต่ถ้ายี่ห้อที่เปราะๆหน่อย บางทีอาจจะต้องมาคิดว่าค่าอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนต้องซ่อมกับราคาที่เทียบกับตอนมันเป็นมือสองมันคุ้มไหม เจอของใหญ่ๆเครื่องเกียร์ต่างๆ บางทีค่าซ่อมอาจจะ50%ของราคาตอนจะขายมือสองก็ได้
-
มันแล้วแต่คนนะ น่าจะมีตัวเลือก 4-7 ปี ด้วย 8)
-
สำหรับผมขอ 10 ปี+ ครับ รถคันนึงก็ถือว่าแพงอยู่
-
คันที่ใช้นานสุดพึ่งขายไปตอนปีก่อน 25 ปีกว่าที่อยู่กันมา เกินคุ้มมากครับพ่อกับแม่ใช้เป็นรถครอบครัว
พึ่งจะมาเริ่มไม่คุ้มตอนติดแก๊สปีหลังๆ แล้วแก๊สจุกจิกขึ้นนี่เลย
ส่วนที่ขายไปเพราะรุ่นลูกมาไม่มีใครขับ MT เป็นแล้วครับ
ตอนนี้เลยมีรถมิร่าจิ๋วอีกคัน นับแค่อายุมือ 2 ก็ 23 ปีที่ได้มาครับ เป็น AT เดิมๆ ด้วย แต่ก็ยกอะไหล่ใหม่ไปเยอะพอควร
อันนี้คุ้มตั้งแต่ที่ได้มา รถมันไปได้แค่ไหนก็วิ่งแค่นั้นเลย
ตอนนี้มี Space Wagon คันนึง คันนี้สภาพเริ่มร่อยหรอล่ะ แม่ใช้ไม่ค่อยดูแล 12 ปีเต็มพอดี เข้า 0 ฟันหัวแบะตลอด (แต่ก็อยู่ไกลไม่มีใครช่วยดูได้)
น่าเสียดายที่ใช้คุ้มแค่ช่วงที่ได้ใช้เป็นรถครอบครัวจริงๆ 7 คนเต็มตลอด
ตอนนี้กลายเป็นรถใช้ 1-2 คนและข้างหลังก็ถูกพับเบาะแล้ววางเสื้อผ้าและแฟ้มงานแทน
Mazda 2 ดีเซล อันนี้ใช้เองกับพ่อ อีก 3 เดือนจะครบ 4 ปี เชื่อมั้ยว่า เปลี่ยนอะไหล่ไปเยอะกว่า Space Wagon 5 ปีแรกอีก 5555555555
ถ้าจะคุ้ม ก็คุ้มในแง่เข้าเคลมอะไหล่ในประกันคุณภาพรถกับประหยัดน้ำมันสุดในบรรดารถที่เคยใช้มานี่แหละครับ
-
ผมว่าตาม cycle ก็คือ 7-10 ปี ตามอายุรถมัน
แต่ทีนี้มันขึ้นอยู่กับคันที่ได้มาประสบการณ์ที่เจอด้วย
ผมเคยใช้สั้นสุดคือ glc แค่ 3เดือน เพราะ jackpot เจอปัญหาจุกจิก แก้ไม่หายตั้งแต่เดือนแรก เลยตัดใจขายทิ้งเลยไม่อยากปวดหัว
ส่วนนานสุดตอนนี้ก็ prius 10ปีพอดี เพราะราคามันตก เลยตั้งใจว่าพังแล้วจะขาย มันไม่พังซะทีเลยใช้ต่อไปเรื่อยๆ
แต่โดยปกติ เปลี่ยนเมื่อถูกใจ เทคโนโลยีเจนใหม่ๆมาก็ไปอะไรแบบนั้นครับ 4-5 ปี จะมีเปลี่ยนที นิปัจจุบันรอรถ ev ถึงจะเปลี่ยนน่าจะยิงยาวอีกหลายปี
ส่วนคุ้มค่ามันแล้วแต่เราจะคิดแล้วแหละ ผมว่าใช้แล้วไม่เสียระหว่างทางให้ซ่อมตลอด ก็คุ้มแล้วนะ คุ้มไม่คุ้มมันเริ่มตั้งแต่ตัดสินใจซื้อแล้ว
-
เกณฑ์แต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่แล้วครับ ผมใช้รถน้อยแต่ต้องใช้ทุกวัน ก่อนนี้ใช้แต่รถญี่ปุ่น เปลี่ยนที่ราวสิบปีคือเมื่อเริ่มจุกจิกขึ้นเพราะไม่มีเวลาเข้าอู่ พอแก่ตัวไปลักษณะงานและการดำเนินชีวิตเปลี่ยนไป พร้อมกับเงินพร้อมมากขึ้น ลองใช้รถเกรดพรีเมี่ยม พบว่ามีความสุขและพึงพอใจมาก คิดจะไม่เปลี่ยนจนกว่าจะจุกจิก เพราะเปลี่ยนแล้วจะหารถที่ถูกใจแบบนี้คงไม่ง่ายนักแล้ว เหมือนแต่ก่อนใช้มือถือเกรดกลางๆก็ใช้ได้ แต่ไม่เสถียรและชัวร์เท่ามือถือเกรดพรีเมี่ยมแหละครับ เพราะมันกลายเป็นส่วนนึงของชีวิตที่นอกจากใช้งานดีแล้วยังทำให้คุณภาพชีวิตดีและราบรื่นขึ้นด้วย
-
สำหรับผม ใช้ไปจนถึงช่วงที่การซ่อมบำรุงมันรบกวนเงินในกระเป๋าและเวลาชีวิตครับ
ตอนนี้ 8 ปี 240,000 กม. บางคนอาจจะเปลี่ยนแล้ว แต่ผมยังโอเคกับมันอยู่ ใช้งานได้ดีเหมือนตอนป้ายแดง
-
ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น การขับขี่ ถนน ระยะทางวิ่ง บลาๆๆๆ และความพึงพอใจ
ตอบไม่ได้หรอกครับ
ลองคิดดูครับว่าบางทีโลกนี้ไม่จำเป็นต้องมีสูตรอะไรที่เหมือนกันขนาดนั้น 555
-
ผมใช้ไม่เกิน 10 ปีครับ คือพอหลังต้องตรวจ ตรอ. แล้ว ก็จะเริ่มดูว่ารถเริ่มงอแงแล้วหรือเปล่า จากนั้นค่อยประเมินเอาครับ
-
อย่างของผม ไม่เคยคิดว่ามันคุ้มค่าอะไรเลย ใช้มา24ปีแล้วไม่ได้คุ้มค่าอะไร มีค่าใช้จ่ายกับมันอยู่เรื่อย
ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงก็จ่ายมากขึ้น(ราคาแพงขึ้น เมื่อก่อนเบนซิลลิตรละ9บาท)
-
ตอบยากจริง ๆ
-
อยู่ที่อรรถประโยชน์ที่ได้ใช้จริง เช่น
- ซื้อมาแล้วเป็นหน้าเป็นตา รถแพงกว่าปิดดีลได้ชัดๆ น่าเชื่อถือ แบบนี้ควรเปลี่ยน จะใช้ไม่กี่ปี ผ่อนหมดเปลี่ยน อัพรุ่นใหม่ตลอด สร้างภาพลักษณ์ หรือแม้แต่เช่าแพงๆ หักภาษีค่าใช้จ่ายบริษัทได้จริงๆ ไม่กี่บาท ก็คุ้ม
- ใช้รถทำงาน มันสร้างงานหลังหักค่าใช้จ่าย ได้คุ้มมูลค่าแล้ว เกินนี้เท่าไหร่ก็คุ้มทั้งนั้น ลากต่อไปอีกถ้าไม่พังก็คุ้มกว่าเดิมอีก ฯลฯ
และอีกปัจจัยคือการซ่อมบำรุง ว่า กินเงิน กับกินเวลา จนตีเป็นมูลค่าความเสียหายแล้วไปผ่อนรถใหม่คุ้มค่ากว่าไหม
อีกอย่าง... ค่าเชื้อเพลิงก็เป็นปัจจัยส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะหากซื้อตอนถูก แล้วอนาคตดันแพงมากๆ การเปลี่ยนไปรถที่ประหยัดกว่าแบบเด่นชัด ก็อาจจะดีกว่า
ที่เหลือ ผมว่าเป็นประเด็นยิบย่อยครับ