Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Champman20 ที่ พฤษภาคม 09, 2020, 13:37:00
-
อยากสอบถามคนที่จูนรถ (จูนกำลังเครื่องยนต์) ว่าหลังจากทำไปแล้วมีประสบการ์ ดี และ ไม่ดี แบบไดบ้างครับ. ตัวผมจูนรถอยู่2คัน คันแรกคือ Fortuner 3.0ดีเซล โฉม BMC โดยวิธีใส่กล่องดันราง ตอนใส่ไมล์ 7.5หมื่น ตอนปัจจุปัน ไมล์ 1.6แสน. เข้าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง+เกียร์ ตามที่ศูนย์กำหนด. ปัจจุบันยังใช้งานอยู่ แต่ไม่มาก และไม่เคยมีปัญหาที่เครื่องยนต์เลย ตอนที่ตัดสินใจใส่กล่องดันรางเพราะช่วงนั้นใช้รถคันนี้ในการเที่ยวกับครอบครัวบ่อยๆ 5-6คน และต้องการการเร่งแซงที่ดีขึ้น โดยรวมก็พอใจกับเงินที่จ่ายไป. คันที่2 คือ BMW 520d G30 (M-sport) คันนี้เป็น BMW คันที่2 คันแรกคือ 520d E60 ยังใช้อยู่ไมล์ที่ 1.7แสน แต่คันนี้เดิมทุกอย่าง ทนและไม่จุกจิกมาก(เครื่องยน) พอได้มีโอกาสซื้อ BMW คันที่2เลยเอาดีเซลเหมือนเดิม และคันนี้ก็เอาไปจูน REMAP ตอนไมล์ 2หมื่น ปัจจุบันไมล์ 3หมื่น. โดย REMAP ผลDyno ก่อนที่180ม้า หลังที่ 220ม้า ความรู้สึกตอนหลังจากจูนเหมือนได้รถคนละคันเลย และผมเองก็หวังว่าน่าจะไม่ได้มีผลในระยะยาว. ผมเองเอาไปจูนเพราะอยากแรงขึ้น ขับแล้วกระฉับกระเฉง ไม่ได้Kickdown ตลอด หรือไม่ได้ไปซิ่งแช่ยาวๆ เลยคิดว่าท่าเอาไปจูน(Remap) แบบรู้ Limit เครื่อง และ ใช้รถแบบปรกติ(ของตัวผม) การไปRemap ไม่น่ามีผลทำให้รถพังแบบมีนัยยะ ผมเข้าใจว่ามันเป็นการไปปรับ PARAMETER ต่างๆที่โรงงานตั้งไว้ แต่ที่ทราบกันดีก็คือโรงงานมีหลายเหตุผลที่ต้อง Set มาแบบนั้น (Emmision, CO2, ภาษี) จึงอยากจะมา Share และถามเพื่อนๆสมาชิกที่มีประสพการการจูนครับ ว่าแต่ละท่านมีปสก.การจูนกันแบบไหยมั่ง และจูนเพราะเหตุผลอะไร.
-
อยากสอบถามคนที่จูนรถ (จูนกำลังเครื่องยนต์) ว่าหลังจากทำไปแล้วมีประสบการ์ ดี และ ไม่ดี แบบไดบ้างครับ. ตัวผมจูนรถอยู่2คัน คันแรกคือ Fortuner 3.0ดีเซล โฉม BMC โดยวิธีใส่กล่องดันราง ตอนใส่ไมล์ 7.5หมื่น ตอนปัจจุปัน ไมล์ 1.6แสน. เข้าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง+เกียร์ ตามที่ศูนย์กำหนด. ปัจจุบันยังใช้งานอยู่ แต่ไม่มาก และไม่เคยมีปัญหาที่เครื่องยนต์เลย ตอนที่ตัดสินใจใส่กล่องดันรางเพราะช่วงนั้นใช้รถคันนี้ในการเที่ยวกับครอบครัวบ่อยๆ 5-6คน และต้องการการเร่งแซงที่ดีขึ้น โดยรวมก็พอใจกับเงินที่จ่ายไป. คันที่2 คือ BMW 520d G30 (M-sport) คันนี้เป็น BMW คันที่2 คันแรกคือ 520d E60 ยังใช้อยู่ไมล์ที่ 1.7แสน แต่คันนี้เดิมทุกอย่าง ทนและไม่จุกจิกมาก(เครื่องยน) พอได้มีโอกาสซื้อ BMW คันที่2เลยเอาดีเซลเหมือนเดิม และคันนี้ก็เอาไปจูน REMAP ตอนไมล์ 2หมื่น ปัจจุบันไมล์ 3หมื่น. โดย REMAP ผลDyno ก่อนที่180ม้า หลังที่ 220ม้า ความรู้สึกตอนหลังจากจูนเหมือนได้รถคนละคันเลย และผมเองก็หวังว่าน่าจะไม่ได้มีผลในระยะยาว. ผมเองเอาไปจูนเพราะอยากแรงขึ้น ขับแล้วกระฉับกระเฉง ไม่ได้Kickdown ตลอด หรือไม่ได้ไปซิ่งแช่ยาวๆ เลยคิดว่าท่าเอาไปจูน(Remap) แบบรู้ Limit เครื่อง และ ใช้รถแบบปรกติ(ของตัวผม) การไปRemap ไม่น่ามีผลทำให้รถพังแบบมีนัยยะ ผมเข้าใจว่ามันเป็นการไปปรับ PARAMETER ต่างๆที่โรงงานตั้งไว้ แต่ที่ทราบกันดีก็คือโรงงานมีหลายเหตุผลที่ต้อง Set มาแบบนั้น (Emmision, CO2, ภาษี) จึงอยากจะมา Share และถามเพื่อนๆสมาชิกที่มีประสพการการจูนครับ ว่าแต่ละท่านมีปสก.การจูนกันแบบไหยมั่ง และจูนเพราะเหตุผลอะไร.
เครื่อง 1 KD 3.0 Re แล้วขับดีขึ้นมั้ยครับ
-
ผมจูน 3 คัน ด้วยมือจูนคนเดียวกัน ไม่มีที่ติ สั่งเพิ่ม-ลดม้า-บิดได้ตามต้องการ ปัจจุบันเหลืออยู่คันเดียว
ไม่เคยเจอปัญหาอะไร คันที่ใช้อยู่ จูนที่ แปดหมื่นโล ปัจจุบัน แสนแปดหมื่นโล ..
-
อยากสอบถามคนที่จูนรถ (จูนกำลังเครื่องยนต์) ว่าหลังจากทำไปแล้วมีประสบการ์ ดี และ ไม่ดี แบบไดบ้างครับ. ตัวผมจูนรถอยู่2คัน คันแรกคือ Fortuner 3.0ดีเซล โฉม BMC โดยวิธีใส่กล่องดันราง ตอนใส่ไมล์ 7.5หมื่น ตอนปัจจุปัน ไมล์ 1.6แสน. เข้าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง+เกียร์ ตามที่ศูนย์กำหนด. ปัจจุบันยังใช้งานอยู่ แต่ไม่มาก และไม่เคยมีปัญหาที่เครื่องยนต์เลย ตอนที่ตัดสินใจใส่กล่องดันรางเพราะช่วงนั้นใช้รถคันนี้ในการเที่ยวกับครอบครัวบ่อยๆ 5-6คน และต้องการการเร่งแซงที่ดีขึ้น โดยรวมก็พอใจกับเงินที่จ่ายไป. คันที่2 คือ BMW 520d G30 (M-sport) คันนี้เป็น BMW คันที่2 คันแรกคือ 520d E60 ยังใช้อยู่ไมล์ที่ 1.7แสน แต่คันนี้เดิมทุกอย่าง ทนและไม่จุกจิกมาก(เครื่องยน) พอได้มีโอกาสซื้อ BMW คันที่2เลยเอาดีเซลเหมือนเดิม และคันนี้ก็เอาไปจูน REMAP ตอนไมล์ 2หมื่น ปัจจุบันไมล์ 3หมื่น. โดย REMAP ผลDyno ก่อนที่180ม้า หลังที่ 220ม้า ความรู้สึกตอนหลังจากจูนเหมือนได้รถคนละคันเลย และผมเองก็หวังว่าน่าจะไม่ได้มีผลในระยะยาว. ผมเองเอาไปจูนเพราะอยากแรงขึ้น ขับแล้วกระฉับกระเฉง ไม่ได้Kickdown ตลอด หรือไม่ได้ไปซิ่งแช่ยาวๆ เลยคิดว่าท่าเอาไปจูน(Remap) แบบรู้ Limit เครื่อง และ ใช้รถแบบปรกติ(ของตัวผม) การไปRemap ไม่น่ามีผลทำให้รถพังแบบมีนัยยะ ผมเข้าใจว่ามันเป็นการไปปรับ PARAMETER ต่างๆที่โรงงานตั้งไว้ แต่ที่ทราบกันดีก็คือโรงงานมีหลายเหตุผลที่ต้อง Set มาแบบนั้น (Emmision, CO2, ภาษี) จึงอยากจะมา Share และถามเพื่อนๆสมาชิกที่มีประสพการการจูนครับ ว่าแต่ละท่านมีปสก.การจูนกันแบบไหยมั่ง และจูนเพราะเหตุผลอะไร.
เครื่อง 1 KD 3.0 Re แล้วขับดีขึ้นมั้ยครับ
ผมใช้ติดกล่องดันรางอย่างเดียวครับ ไม่ได้Remap ถ้าการ Remap นี้จะได้ทั้งดันรางและยกหัวฉีด. แต่สำหรับผม ดันรางอย่างเดียวผมพอใจครับ อัตราเร่งออกตัว เร่งแซง ดีขึ้นครับ. ผมขับแล้วไม่เสียวเวลาต้องเซงถนนเลนสวน แต่ตัวผมไม่ได้ไปวิ่งแบบซิ่ง เลยสนใจแค่Torque ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเร่งแซงมากกว่าครับ. ถ้าจะจูนให้สุด ก็ไป Remap ครับ สั่งได้ทุกอย่าง (ณ ตอนผมติดกล่อง การRemap รุ่นผมยังทำไม่ได้ แต่ตอนนี้ได้แล้ว)
-
ผมเอาC43มาติดกล่องแล้วเปลี่ยนกรองเปลือยครับ ตอนนี้กำลังเลือกล้อแม็กใหม่ คันนี้รอหมดวอรันตีจะเอาไปแต่งท่อ เปลี่ยนชุดเบรค เหตุผลที่ทำเพราะอยากขับสนุกครับ คันอื่นๆที่ผ่านมาไม่เคยได้ทำเพราะซื้อแต่รถครอบครัวมาใช้ตลอด คันนี้เลยทำนิดหน่อยให้พอเป็นความสุขน้อยๆครับ
-
พอดีผมไปเจอข้อมูลเกี่ยวกับการติดตั้ง SuperCharge แบบใช้มอเตอร์ไฟฟ้ามา น่าสนใจดีและราคาก็ไม่แพงมากด้วย
รถผมเดิมๆมันเป็น Fulltime AWD ซึ่งกินแรงเครื่องไปหลายเหมือนกัน เลยมีความคิดจะไปติดตั้ง supercharge เพื่อเพิ่มแรงบิดในรอบต้น
กะว่าให้ได้ Flat torque ที่รอบต้น-กลางคล้ายพวกรถ Turbo ทั่วไป
แต่ตอนนี้ผมกำลังหาข้อมูลและคำนวณข้อมูลบางอย่างอยู่ ว่าจะให้บูสแบบเบาๆแค่ยกกราฟช่วงต้น ไม่ให้เกิน limited ของเกียร์ CVT เดิม
ซึ่งถ้าทำได้ผมว่าน่าจะขับสบายขึ้นพอสมควรเลย ไม่ต้องไล่รอบไปสูงๆ
-
ปสก จากรถรุ่นน้อง MINI F56
มันมีคนในกลุ่มคุยมาว่าร้านนี้จูนดี ประหยัดขึ้นแรงขึ้น
ก็ไปจูนกะเขา
แรงขึ้นนิดนึง จริง นิดเดียว แบบ0-100ขึ้นมาครึ่งวินาที
แต่ประหยัด ไม่จริง เดิมประหยัดกว่า
ใช้ได้ 5หมื่นโล ก้านสูบลงไปนอนใต้อ่าง
เปิดเครื่องมาคือ สูบละลาย เครื่องเดิมๆ ไม่ได้เปลี่ยนอะไรนอกจากจูน
ไม่เข็ด ไปเอาScirroco ไปจูนอีก
อาการคล้ายกัน สูบแตก
นี่ก็ไม่เข็ดอีก ครับ มาแซะจะเอา E250 Coupe ไปจูนอีก
เหนื่อยคนพาไปซ่อมครับ