Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ข้าวหลาม ที่ พฤษภาคม 12, 2020, 13:52:12
-
ขับทำงานกทม 70% ไม่จุกจิก ส่วนใหญ่นั่ง 2 คน นั่งหลังบ้างครั้งคราวแต่ถ้านั่งก็จะนั่งยาวแบบ3ชม. แล้วราคาขายต่อกะใช้อีก5ปี
1.benz a180 amg 700000บาท
2.chr hv hi 750000
หรือมีอันอื่นแนะนำครับ
-
รถมือ 2 ราคา 7 แสน ไม่จุกจิก
ส่วนตัวคิดว่ารถญี่ปุ่นน่าจะเหมาะครับ
เบาะหลังมีผู้ใหญ่นั่งนานๆ ลองดูแอคคอร์ด หรือแคมรี่ น่าจะดีกว่าครับ
-
แอบเป็นหว่ง a180 นั่งหลังนานๆ มีเมื่อยนะคะ
-
สองตัวนี้ CHR แบบไม่ลังเลเลยครับ
-
ไม่จุกจิกผมตัดรถยุโรปทิ้งไปก่อนครับ
ส่วนตัวถ้ามีผู้โดยสารนั่ง งบเจ็ดแสนนิดๆ ลองมอง FC 1.5T ปีสัก 17 น่าจะอยู่ในงบครับ
-
ไม่จุกจิกคิดว่าchrครับ
แต่ด้านหลัง แอบมีอึดอัด แต่นั่งแค่บางครั้งบางคราวไม่ใช่ปัญหาครับ
-
ดูเป็นรถต้องใช้งานทุกวัน ถ้าไม่มีรถสำรอง ขอเลือก CHR ครับ เพราะ เบนซ์เวลามีปัญหาที (ถ้าเข้าศูนย์) ต้องทิ้งรถไว้ทุกกรณี ต่ำๆ 2 วัน ไม่สามารถปิด job ได้ภายในวันเดียว ต่างกับรถญี่ปุ่นที่โอกาศทิ้งรถไว้ที่ศูนย์น้อยกว่ามาก และมีปัญหาอะไรสามารถแก้จบภายในวันเดียว เรื่องศูนย์บริการเช็ครถยะ โตโยต้าเข้าศูนย์ไป ไม่กี่ชั่วโมงสามารถรับรถกลับบ้านได้เลย ต่างจากเบนซ์ที่เข้าเช้าแค่ไหนก็เสร็จเกือบเที่ยง บางศูนย์ล่อไปช่วงบ่าย วันๆ ไม่ต้องทำมาหากินอะไรเลย
ราคาขายต่อมองว่าแย่ทั้งคู่ แต่ถ้าคิดเรื่องค่าบริการเข้าไป เผลอๆ CHR จะคุ้มกว่า
เรื่องความประหยัด อันนี้ CHR bybrid ประหยัดหายห่วง วิ่งทางไกลถ้าไม่ซื่งมาก 20 กม/ลิตร + ขับในเมือง 15 กม/ลิตร+
ช่วงล่าง A180 ไม่เคยลอง แต่เคยนั่ง A250amg เพื่อน ตับไคใส้พุงจะแดก แข็งมาก ค่างจาก CHR ที่นุ่มนวล ถือว่าขับสบายเลยทีเดียว
เรื่องการนั่งหลัง จะบอกว่าถึบคนละแบบ CHR มันทึบเพราะกระจกหลังน้อย แต่ถ้านั่งเฉยๆ ถือว่านั่งสบาย กว่างอยู่ ผมสูง 180 กว่า ถือว่าไม่แย่ ส่วน A class มันอึดอัดเพราะทรงเบาะ ที่สูงมากทำให้ดูอึดอัดเหมือนโดนบีบ ความรู้สึกแปลกๆ
คหสต ล้วนๆ แนะนำให้ไปลองนั่งๆ ดูก่อนครับ เพราะความชอบความพอใจของเราไม่เหมือนกัน สรุปคู่นี้ถ้าใช้อารมณ์ไป a clss ครับ ใช้เหตุผลไป chr
-
มี hrv แนะนำครับ ใช้อีก 5 ปี ราคาขายต่อดีกว่า chr ที่เป็น hybrid แน่นอน
-
A180 ตัว W176 เราเคยคิดจะซื้อให้น้องสาว เลยไปดูรถมาแล้วนะะ
เราว่า function ติดรถมันน้อยอยู่นะคะ หลายคันยังเป็นไฟฮาโลเจนธรรมดาและบาะปรับมืออยู่เลย
ถ้าอยากได้ W176 จริงๆ เราว่า A250 ไปเลย น่าจะจบกว่า เพราะหล่อกว่าและแรงกว่าด้วย
ส่วนตัว ถ้าต้องเลือกรถยุโรปไซส์นี้ คิดว่า BMW 1-Series น่าจะจบกว่า และจุกจิกน้อยกว่าค่ะ
ส่วน CHR เอง เราเคยไปนั่งมาตอนที่จะซื้อรถใหม่ ข้างหลังนั่งสบายกว่า W176 นะคะ เพียงแต่ว่าทัศนวิสัยแย่พอสมควรเลย
แถมได้ความเป็น Toyota เข้าศูนย์บริการได้ ไม่ต้องกลัวเรื่องการดูแลรักษานัก
แต่ถ้าเน้นราคาขายต่อ แอบเชียร์เป็น HRV ตามคุณ kiwiwi เหมือนกันค่ะ เราว่าราคาขายต่อ น่าจะดีกว่า CHR Hybrid นะคะ
-
7 แสน พอมีคำว่าจุกจิกนี่ เบนส์ตัดก่อนเลย ส่วน CHR แนะว่า ให้ไปหาตัวเบนซินธรรมดาครับ HV ไม่ค่อยแนะเท่าไหร่
-
ถ้าจะเอาเอคลาสเอาตัว A250 amg ดีกว่าครับ ประกอบนอกด้วย ใช้ที่บ้านไม่จุกจิก ถ้าเอามาก็เปลี่ยนน้ำมันเครื่องกับน้ำมันเกียร์บ่อยๆ ขับมันส์เหมือนมินิ jcw ช่วงล่างแข็งเหมือนไม่มีโช้ค รูดหลุมได้สบายใจล้อแม็กแข็งมากๆ ระบบไฟฟ้าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะไม่มีอะไรเลย plain มากๆ แต่มันจะมีปัญหาประจำรุ่นคือฟิลเตอร์น้ำมัน ต้องคอยเปลี่ยนครับ พอใช้ไปเรื่อยๆเติมน้ำมันทีน้ำมันจะพุ่งออกมาจากที่เติม ต้องบอกเด็กปั๊มให้ยัดหัวเติมเข้าไปลึกๆ
-
มี hrv แนะนำครับ ใช้อีก 5 ปี ราคาขายต่อดีกว่า chr ที่เป็น hybrid แน่นอน
+1
-
เน้นราคาขายต่อ Honda แข็งสุด
รองมาก็พี่ต้า
-
มี hrv แนะนำครับ ใช้อีก 5 ปี ราคาขายต่อดีกว่า chr ที่เป็น hybrid แน่นอน
C-HR ตัวที่ไม่ Hybrid ก็มีครับ ขับดีกว่า HRV แน่นอน
แต่รูปทรงของ C-HR มันเป็นทรง Coupe มองทรงมันจะเป็น
รถ 2 ประตูอยู่แล้วครับ
-
Hrv นิกินน้ำมันแค่ไหน ครับสำหรับขับในเมือง ชีวิตจริง
ตอนแรกก็มอง hrv แต่ chr มีhv เลยคิดว่าประหยัดกว่า แต่ไม่รู้จะคุ้มไหม
-
ฟังแล้ว HRV เถอะครับ
-
A180 ถามว่าจุกจิกไหม ขึ้นอยู่กับว่าเทียบกับอะไรครับ
ถ้าเทียบกับรถยุโรปด้วยกันก็จัดว่าดูแลไม่ยาก แต่ถ้าเทียบกับญี่ปุ่นแน่นอนว่าจุกจิกว่า
ข้อเสียละกัน ข้อดีน่าจะตอบได้กันอยู่
-วัสดุเสื่อมสภาพเร็วกว่ารถญี่ปุ่นมากครับ
-การประกอบไม่เนี้ยบอย่างที่คิด
-การขับขี่ไม่หนีรถญี่ปุ่นเลย
-ปัญหาทั่วๆไปของเบนซ์ แอร์ตั้งออโต้ไม่ได้ ไฟหน้าเป็นฝ้า ที่ปัดน้ำฝนกระโดด สมองเกียร์พัง เซนเซอร์ล้อเสีย ไฟโชว์โดยไม่มีเหตุผล บลาๆๆ
-ค่า maintenance ค่า fluid ต่างๆ สูงกว่ารถใหญ่ๆของญี่ปุ่นแน่นอนครับ
(บ่นๆ) ไอ้เซนเซอร์ล้อเนี่ย มันจะบอบบางไปไหนก็ไม่ทราบ แค่ตากฝน ชื้น ลุยน้ำ คาร์แคร์ฉีดน้ำใส่ล้อแรงๆ ขับไปตกหลุมแรงๆ มันก็พังแล้วครับ หรือวันดีคืนดี มันนึกจะพังมันก็พังเองซะดื้อๆ จนเพื่อนๆแซวว่า เหมาะแก่การขับแค่าหน้าหนาวเท่านั้น เพราะหน้าร้อน เครื่องก็ร้อนเกิน heat สูงเกิน หน้าฝนก็ห่วงน้ำห่วงเซนเซอร์ สรุปซื้อมาใช้หน้าหนาวในวันที่ฝนไม่ตก 5555
-
ถ้าขนาดฝนตก ตกหลุมละพังนิผมคงตัดทิ้งแบบไม่ต้องมองเลย ขอบคุณทุกท่านมากครับ
-
Hrv นิกินน้ำมันแค่ไหน ครับสำหรับขับในเมือง ชีวิตจริง
ตอนแรกก็มอง hrv แต่ chr มีhv เลยคิดว่าประหยัดกว่า แต่ไม่รู้จะคุ้มไหม
เราขับในเมืองเป็นหลักนะคะ (ลาดพร้าว-พระราม 9) เติมน้ำมัน E20 ถังนึง วิ่งได้ประมาณ 550 กิโลเมตรค่ะ
เฉลี่ยออกมาตามหน้าจออยู่ที่ประมาณ 10-11 กิโลเมตร / ลิตร นะคะ ^^
-
Chr ครับ ถ้าใช้เกิน 7 ปี ก้เอาเบนซินปกติถ้า ไม่ถึงเอาไฮบริดเลยครับ ขายก่อนพังแน่
*หมายถึงอายุรวมของรถนะครับ
-
Hrv นิกินน้ำมันแค่ไหน ครับสำหรับขับในเมือง ชีวิตจริง
ตอนแรกก็มอง hrv แต่ chr มีhv เลยคิดว่าประหยัดกว่า แต่ไม่รู้จะคุ้มไหม
สำหรับ hrv ถ้าขับในเมือง อัตราบริโภคก็พอๆกับ chr ตัวธรรมดาครับ
แต่ทีนี้คุณเลือกเป็นมือ 2 ดังนั้น เมื่อคุณใช้ 5 ปีขาย chr hv ราคามันจะตกกว่า chr ตัวธรรมดาอยู่แล้ว
และมีโอกาสที่จะขายยากเหมือน prius ด้วย
และในความเป็นจริง ด้วยยอดขาย ณ ปัจจุบัน ย่อมเป็นตัวบ่งบอกถึงความนิยมของ 2 รุ่นนี้อยู่แล้วครับ
HRV ใช้ได้ทั้งครอบครัว
CHR ใช้จริงไม่ได้ทั้งทั้งครอบครัว
ในอนาคต แน่นอน จะมีคันนึงขายง่ายกว่าอีกคันนึง(ในกรณีที่เป็นเครื่องธรรมดาทั้งคู่)
แต่ถ้าคุณชอบ chr ก็จัดตัวธรรมดาครับ
ถึงจะไม่ประหยัดเท่า hv แต่ที่ปลายทาง ส่วนต่างค่าน้ำมัน ประมาณ 3-4โลลิตร และจำนวนกิโลเมตรที่จะใช้ และราคาขายต่อที่น่าจะต่างกันเป็นแสน(ลองศึกษาจาก แอ้คคอร์ด แคมรี่ก็ได้) มันจะอยู่ในจุดคุ้มทุนหรือเปล่า
-
ถ้ามีแค่ 2 ตัวคันนี้ ผมเลือก CHR ครับ
ความจริงงบราคานี้ ได้หลายรุ่นเลย
ตอนนี้มือสองลดราคากันเยอะ 8)
-
แค่คำว่า ไม่จุ๊กจิ๊ก กับ รถมือเสอง มันก็ชี้ไปที่ CH-R แล้วครับ
-
ที่ว่าหลายรุ่นนิแนะนำได้เลยนะครับเพื่อจะมีคนที่ลืมคิดไป
-
Hrv นิกินน้ำมันแค่ไหน ครับสำหรับขับในเมือง ชีวิตจริง
ตอนแรกก็มอง hrv แต่ chr มีhv เลยคิดว่าประหยัดกว่า แต่ไม่รู้จะคุ้มไหม
ขับ HRV อยู่ สัปดาห์นึงขับประมาณ 300 โล เจอทั้งรถติดมากๆในเมือง (สีลม-สาธุประดิษฐ์ ช่วง Rush Hour) และวิ่งทางด่วนโล่งๆบ้าง ก่อนหน้านี้ ตอนที่น้ำมันยังไม่ได้ลงมามาก ค่าน้ำต่อสัปดาห์อยู่ประมาณ 600-700 ครับ คำนวนได้ประมาณ 8-10 โลลิตร
เคยใช้สลับกับ Jazz GK 1.5 CVT อีกคัน ใช้เส้นทางเดียวกัน ติดเหมือนกัน ค่าน้ำมันต่างกันไม่เกิน 100 บาทต่อสัปดาห์ครับ