Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: iBitter ที่ มิถุนายน 11, 2020, 17:01:32
-
อยากทราบว่า กล่อง balance ไฟ ยี่ห้อต่างๆ (capacitor) ที่มีขายกันทั่วไป ใช้ได้ดีจริงไหมครับ
-
ผมเคยทำการทดลอง 2 ครั้ง แล้วได้ผลแตกต่างกันอย่างมากครับ
โดยที่ครั้งแรกทำตอนผมใช้เครื่องเดิม 1.6AT ซึ่งตอนนั้นอายุรถประมาณ 10 ปีแล้ว (ไม่เคยดูแลระบบไฟใดๆเลย) ผมจัดการเอาไปติด groundwire เฉยๆ ใช้สายไฟคุณภาพบ้านหม้อคลองถมธรรมดา ติดตั้งโดยร้านทำไฟซีน่อน หลังเทสแล้วทำเวลาได้ต่างกันจนน่าตกใจ
ครั้งที่สองผมไปวางเครื่องใหม่มาเป็น 1.8MT (คาดว่าการวางเครื่องใหม่ช่างก็ต้องดูแลเรื่องระบบไฟใหม่ให้สมบูรณ์) ผมเอารถไปใส่ Volt Stabilizer และกราววายยี่ห้อ Pivot ติดตั้งโดยร้านขายของแต่งที่มีชื่อ หลังติดมาลองทำเทสแล้ว ลองเอามาเทส เวลาต่างจากเดิมน้อยมากครับ พร้อมกับแรงม้าที่ดีดขึ้นมาไม่ถึง 1 ตัวครับ
ผมจึงมีความรู้สึกว่าสำหรับรถที่ระบบไฟโอเคอยู่แล้วใส่ไปคงไม่ได้ประโยชน์เท่าไร แต่รถที่ระบบไฟแย่ลง รถเก่าที่ไม่ได้ดูแลระบบไฟ ใส่แล้วน่าจะเห็นผลครับ (คิดกลับกันถ้าไม่ถึงขั้นติดเพิ่ม เพียงแค่ดูแลระบบไฟให้สมบูรณ์เฉยๆ ก็น่าจะเพียงพอนะครับ)
https://youtu.be/IhhEBXqedks (https://youtu.be/IhhEBXqedks)
-
ถ้ารถไม่อะไรผิดปกติ การใส่กล่อง ก็จะไปเพิ่มน้ำหนักรถเปล่าๆ
ไม่มีประโยชน์อันใด
-
ประโยชน์ของมันก็ตามชื่อครับ คือเอาไว้ Balance ไฟ
กล่องยี่ห้อดังจากญี่ปุ่นจะใช้วิธีปล่อยอิเลคตรอนมาหักล้างกับกระแสไฟในส่วนที่ไม่เสถียรให้กลับมานิ่งขึ้น
ส่วนกล่องบ้านเราแบบไทยๆจะใช้วิธีให้กระแสไฟวิ่งผ่าน Capacitor ที่มีความจุสูงๆเพื่อให้ไฟนิ่งขึ้น
กระแสไฟนิ่งขึ้นมันก็จะมีประโยชน์ในด้านการใช้ไฟฟ้าในรถเช่น ช่วยให้อายุแบตเตอรี่ยาวนานขึ้นเพราะไฟไม่กระชากขึ้นๆลงๆ อุปกรณ์บางอย่างทำงานดีขึ้น
ทีนี้พอบางเจ้าไปโฆษณาว่าช่วยให้รถแรงขึ้น หรือบางคนไปยึดติดว่ามันเป็นของแต่งรถให้แรงขึ้น
ก็เลยมองข้ามประโยชน์จริงๆของมันไป
ถ้ามันดีจริงทำไมค่ายรถไม่ติดมาให้เลย ??
เพราะค่ายรถเขาขี้เกียจไปเพิ่มต้นทุนให้รถ ถึงไม่มีกล่องรถมันก็ยังวิ่งได้เขาก็เลยไม่ติดมาให้จากโรงงาน
-
แบตอึดขึ้น ส่วนอื่นๆไม่ขอออกความเห็น แต่ถ้าให้เลือกระหว่างกล่องกับสายแอร์โฟร์ ผมเลือกกล่อง ::)
-
ไม่รู้ใช่ตัวเดียวกันกับที่ผมคิดหรือเปล่านะครับ ผมเข้าใจว่าเป็น volt stabilizer
จริงๆแล้ว มันดีขึ้นตั้งแต่เอาสายไฟไปต่อตรงกับระบบต่างๆแล้วครับ แต่ถ้าต่อให้ครบทุกจุดจริง สายไฟคงยั้วเยี้ยทั่วรถ เค้าถึงเลือกเอาแต่จุดจำเป็นที่กระชากไฟเยอะๆ เช่น คอมเพรสเซอร์แอร์
ทำไมต้องใช้คาพาซิเตอร์??? ปกติ ไฟจากแบต dc มันก็เรียบพออยู่แล้วครับ แต่ เมื่อมี ก็จะเรียบขึ้นไปอีก แบตก็จะถูกกรองไฟทั้งทางออกและทางเข้า ก็จะรักษาแบตให้อายุยืนขึ้นหน่อยนึง
ทีนี้คำถามคือ ทำไมต้องต่อสายไฟไปหาแอร์อีก ในเมื่อ ตัวถังรถก็นำไฟได้อยู่แล้ว
ผมทำงานด้านแบตเตอรี่มานานมากๆแล้วครับ สายไฟยิ่งยาวยิ่งทำให้ความเรียบของไฟลดลง และสายไฟเงิน ทองเหลือง ย่อมนำไฟได้ดีกว่าทองแดง แต่ตัวถังรถเราเป็นเหล็กครับ ความเรียบของไฟจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งย่อมน้อยลง
จริงๆแล้ว ไฟที่ส่งมาให้คอมแอร์ไม่ได้มาจากแบตเตอรี่โดยตรงครับ มันมาจากไดชาร์จครับลงในตัวถังเป็นประจุ - และสายไฟถึงจะหาขั้วบวกที่แบตครับ รถบางรุ่นก็ตรง บางรุ่นก็ผ่านกล่องควบคุมการชาร์จ
เมื่อไฟเข้าแบตไม่เรียบ การทำให้แบตชาร์จได้ไม่เต็มประสิทธิภาพก็เกิด ถึงเป็นเหตุผลที่ผมบอกว่ามันช่วยกรองไฟทั้งขาเข้าและขาออก
เมื่อระบบไฟถูกจับผ่านเข้าระบบกรองตัวนี้ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นครับ เมื่อระบบไฟดีขึ้น ทุกอย่างก็จะมั่นคงมากขึ้น
ให้เทียบง่ายๆครับ โช้คเดิม ยางเดิม เบรคเดิมก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำให้ดีขึ้นไม่ได้
สรุปนะครับ ไม่มโนแน่นอนครับ แต่สิ่งที่ดีขึ้น ถ้าคุณไม่สังเกตุก็จะไม่เห็น กรณีคอมแอร์ เมื่อมันดีขึ้น คลัทช์ไฟฟ้าทำงานได้เต็ม 100% เวลาตัดต่อแอร์ เสียงจะเงียบลง
-
สำหรับผม ลองมาสองสามยี่ห้อ ม่วงๆ ก็เคย
แกะทิ้งหมดละ แกะกะ
ปล คหสต. สายไฟเข้า เส้นเท่าเส้นผม แต่ ไปทำออก เท่านิ้วก้อย ก็เท่านั้น แบต 45ah เอาคาปาซิเตอร์ ตัวจิ๋วๆ ไปพ่วง เหมือนเห็บเกาะหมา อุปกรณ์ไฟฟ้าอิเลคโทรนิค DC มีกรองในตัว ถ้า mechanic มันไม่มี respond อยู่แล้ว
-
พวกนี้มีอยู่ 2 แบบ คือ กล่องบาลานซ์ไฟ หรือ volt stabilizer กับ super capa
กล่อง volt stabilizer จะมีประโยชน์ ก็ต่อเมื่อ รถเก่าๆ หลายปี แบตเตอรี่เก่า ใดชาร์จทำงานไม่เต็มที่ และ ติดตั้ง ground wire เพิ่มเติมช่วยได้อีก เพราะค่าของสายไฟเดิมโรงงานมันเสื่อม มี resist เปลี่ยนไปหมดแล้ว จะโดยอายุ สภาพ หรือ คลายเกลือ แต่สำหรับรถใหม่ อายุหลัก 10 ปี ไม่มีประโยชน์เลย
ส่วน super capa มีประโยชน์ตั้งแต่รถใหม่เลย แค่ช่วยสตาร์ทง่ายขึ้น แค่นี้ก็เห็นผลแล้ว สำหรับรถใหม่ที่แบตเตอรี่ CCA ดรอป หรือ แบอเตอรี่ลูกเล็ก
-
พวกนี้มีอยู่ 2 แบบ คือ กล่องบาลานซ์ไฟ หรือ volt stabilizer กับ super capa
กล่อง volt stabilizer จะมีประโยชน์ ก็ต่อเมื่อ รถเก่าๆ หลายปี แบตเตอรี่เก่า ใดชาร์จทำงานไม่เต็มที่ และ ติดตั้ง ground wire เพิ่มเติมช่วยได้อีก เพราะค่าของสายไฟเดิมโรงงานมันเสื่อม มี resist เปลี่ยนไปหมดแล้ว จะโดยอายุ สภาพ หรือ คลายเกลือ แต่สำหรับรถใหม่ อายุหลัก 10 ปี ไม่มีประโยชน์เลย
ส่วน super capa มีประโยชน์ตั้งแต่รถใหม่เลย แค่ช่วยสตาร์ทง่ายขึ้น แค่นี้ก็เห็นผลแล้ว สำหรับรถใหม่ที่แบตเตอรี่ CCA ดรอป หรือ แบอเตอรี่ลูกเล็ก
super capa นี้มีแนะนำไหมครับ ผมแยก ไม่ออก
-
พวกนี้มีอยู่ 2 แบบ คือ กล่องบาลานซ์ไฟ หรือ volt stabilizer กับ super capa
กล่อง volt stabilizer จะมีประโยชน์ ก็ต่อเมื่อ รถเก่าๆ หลายปี แบตเตอรี่เก่า ใดชาร์จทำงานไม่เต็มที่ และ ติดตั้ง ground wire เพิ่มเติมช่วยได้อีก เพราะค่าของสายไฟเดิมโรงงานมันเสื่อม มี resist เปลี่ยนไปหมดแล้ว จะโดยอายุ สภาพ หรือ คลายเกลือ แต่สำหรับรถใหม่ อายุหลัก 10 ปี ไม่มีประโยชน์เลย
ส่วน super capa มีประโยชน์ตั้งแต่รถใหม่เลย แค่ช่วยสตาร์ทง่ายขึ้น แค่นี้ก็เห็นผลแล้ว สำหรับรถใหม่ที่แบตเตอรี่ CCA ดรอป หรือ แบอเตอรี่ลูกเล็ก
super capa นี้มีแนะนำไหมครับ ผมแยก ไม่ออก
super capa มันเป็นตัวเก็บประจุ เหมือนทำหน้าที่คล้ายๆ แบตเตอรี่รถยนต์ แต่หน้าตามันจะเหมือนแบตเตอรี่ AA AAA แต่ใหญกว่า เก็บประจุไว(ชาร์จไว) และ คลายประจุไว(หมดไว) เช่นกัน และ เก็บไฟได้แม้จะไม่สตาร์ทรถ (ประโยชย์อย่างที่บอก ก็คือ เก็บไฟไว้สตาร์ทครั้งต่อไปนั้นละ)
ส่วนมาก คนสาย DIY เขาจะไฟต่ออนุกรม ตามค่าที่เขาต้องการใช้รถกับรุ่นนั้น ค่า F ค่า Volt DC และ Wh ที่จะเห็นเยอะคือพวกกลุ่มคนเล่นรถ กลุ่มคาร์คลับ
มีคนทำขายก็มี ลองหาดูครับ อันนี้ผมไม่ได้ส่วนได้เสีย ไม่ขอชี้เป้าละกัน แต่ยี่ห้อดังๆ หลักๆ มี 2-3 ยี่ห้อ ก้อนฟ้าๆ
ส่วนกล่อง volt stabilizer จะทำงานก็ต่อเมื่อ สตาร์ท เครื่องยนต์มาแล้ว มันเหมือนกล่องที่มีหน้าที่จ่ายไฟ ให้ไฟนิ่งขึ้น(ถ้ารถจ่ายไฟนิ่งอยู่แล้วก็ไม่จำเป็น ถึงบอกไม่มีประโยชน์) เขาจะขายเป็นกล่องๆ หลายหลายรุ่น หลายหลายสี มีตั้งแต่ถูกยันแพง มันตั้งก๊อปยันแท้ หาซื้อได้โดยทั่วไป
-
ไม่รู้ใช่ตัวเดียวกันกับที่ผมคิดหรือเปล่านะครับ ผมเข้าใจว่าเป็น volt stabilizer
จริงๆแล้ว มันดีขึ้นตั้งแต่เอาสายไฟไปต่อตรงกับระบบต่างๆแล้วครับ แต่ถ้าต่อให้ครบทุกจุดจริง สายไฟคงยั้วเยี้ยทั่วรถ เค้าถึงเลือกเอาแต่จุดจำเป็นที่กระชากไฟเยอะๆ เช่น คอมเพรสเซอร์แอร์
ทำไมต้องใช้คาพาซิเตอร์??? ปกติ ไฟจากแบต dc มันก็เรียบพออยู่แล้วครับ แต่ เมื่อมี ก็จะเรียบขึ้นไปอีก แบตก็จะถูกกรองไฟทั้งทางออกและทางเข้า ก็จะรักษาแบตให้อายุยืนขึ้นหน่อยนึง
ทีนี้คำถามคือ ทำไมต้องต่อสายไฟไปหาแอร์อีก ในเมื่อ ตัวถังรถก็นำไฟได้อยู่แล้ว
ผมทำงานด้านแบตเตอรี่มานานมากๆแล้วครับ สายไฟยิ่งยาวยิ่งทำให้ความเรียบของไฟลดลง และสายไฟเงิน ทองเหลือง ย่อมนำไฟได้ดีกว่าทองแดง แต่ตัวถังรถเราเป็นเหล็กครับ ความเรียบของไฟจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งย่อมน้อยลง
จริงๆแล้ว ไฟที่ส่งมาให้คอมแอร์ไม่ได้มาจากแบตเตอรี่โดยตรงครับ มันมาจากไดชาร์จครับลงในตัวถังเป็นประจุ - และสายไฟถึงจะหาขั้วบวกที่แบตครับ รถบางรุ่นก็ตรง บางรุ่นก็ผ่านกล่องควบคุมการชาร์จ
เมื่อไฟเข้าแบตไม่เรียบ การทำให้แบตชาร์จได้ไม่เต็มประสิทธิภาพก็เกิด ถึงเป็นเหตุผลที่ผมบอกว่ามันช่วยกรองไฟทั้งขาเข้าและขาออก
เมื่อระบบไฟถูกจับผ่านเข้าระบบกรองตัวนี้ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นครับ เมื่อระบบไฟดีขึ้น ทุกอย่างก็จะมั่นคงมากขึ้น
ให้เทียบง่ายๆครับ โช้คเดิม ยางเดิม เบรคเดิมก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำให้ดีขึ้นไม่ได้
สรุปนะครับ ไม่มโนแน่นอนครับ แต่สิ่งที่ดีขึ้น ถ้าคุณไม่สังเกตุก็จะไม่เห็น กรณีคอมแอร์ เมื่อมันดีขึ้น คลัทช์ไฟฟ้าทำงานได้เต็ม 100% เวลาตัดต่อแอร์ เสียงจะเงียบลง
เข้าใจเลยครับ จริงๆ ตามหลักการมันก็คือ วงจร rectifier
ไดชาร์ตก็คือ ac-generator แล้วเอา diode มาเรียงกระแสให้เป็น DC
ซึ่งตามหลักการแล้ว มันจะต้องมี ripple อยู่แล้ว
ซึ่งผมหา wiring diagram หรือ ข้อมูลไม้ได้ ว่าระบบไฟ รถยนต์ มันมี พอผ่าน rectifier แล้ว มันไปเข้า RC shunt filter ด้วย impedance เท่าไร นะครับ
-
ผมโหวต ไม่รู้และไม่อยากลองใช้
ไม่ว่าอุปกรณ์หรือน้ำยาใดๆ ที่บอกว่าช่วยยืดอายุแบต ผมไม่เคยสนใจเลยครับ
-
เคยไปเห็นในshop รถที่ jp เมืองนึง ราคากล่องนึงซื้อแบตได้หลายลูกเลย ฮ่าาาา เลยไม่กล้าลอง :-*
-
กล่องบาลานซ์ไฟ D1 Spec กับ ASW กล่องไหนดีกว่ากันครับ? เห็นราคาพอๆกัน
#ขอบคุณครับ