Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: kokome ที่ กรกฎาคม 09, 2020, 12:38:28
-
ทำไม Toyota ถึงยังใช้ Battery Nickel metal Hydride (Ni-MH)
มีเหตุผลทาง Engineering ทางด้านใหนที่ สนับสนุนว่า Battery Nickel metal Hydride (Ni-MH) เหมาะกับประเทศไทย
Toyota Hybrid ใน USA, Europe or Japan เค้าใช้ Battery Nickel metal Hydride (Ni-MH) เหมือนบ้านเรามั้ยครับ
-
ข้อดีสุดๆเรื่องเดียวเลยที่ผมชอบคือ มันไม่ระเบิดติดไฟครับ
ของรถไฟฟ้าอื่นที่เป็น lithium ยังเห็นข่าวที่ชน"ไม่เละ" แต่แบตติดไฟคนขับตายคารถครับ
-
ต้นทุนน่าจะมีส่วนนะครับ ตามสไตล์พี่โต
-
ในอุณหภูมิบ้านเรา ni mh ยังไงก็เย็นกว่า lithium ครับ
-
ราคาถูกกว่าเยอะครับ
โดยเฉพาะเวลาซ่อม
-
หลักๆก็ต้นทุนครับ ซัพพลายที่ผลิตมาเยอะจนคุ้มทุนกันไปแล้ว ก็กวาดกำไรกันไป ตามหลักปกติเลยครับ
-
เริ่มจากที่ Toyota ใช้มาก่อนแล้ว ตั้งแต่ Hybrid Gen แรกๆ
มันก็คือเหตุผลว่า จะเปลี่ยนทำไม ของมีอยู่แล้ว มันก็คือต้นทุน และ R&D ด้วยแหละ
-
ผมคิดว่าต้นทุนล้วนๆเพราะเค้ามองว่าบ้านเราจนครับ
ดูอย่าง CHR ที่ยุโรป hybrid จะมี 2 แบบ ni-mh จะเป็นรุ่นเดิม(จับคู่กับเครื่อง 2.0) กับรุ่นใหม่ที่จะมี li-ion มาให้เลือกด้วย(จับคู่กับเครื่อง 1.8 ปล่อย co2 น้อยกว่า) แต่สมรรถนะนี่ไม่รู้ต่างกันมั้ย (ถ้าราคาพอกันแสดงว่าแบต li-ion แพงกว่าเพราะเครื่องเล็กกว่า)
บ้านเราต้องแข่งเรื่องราคาเป็นหลัก จึงไม่แปลกที่ต้องใช้แบตต้นทุนถูก
ส่วนนี่เป็นเหตุผลที่พี่โตอธิบาย อ้างว่า ni-mh รีไซเคิลได้ทั้งหมด (แต่ prius ใหม่กลับเป็น li-ion ผมเลยว่าฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ ถ้าย้อน timeline คือ chr ออกมาก่อน จึงน่าจะยังใช้เทคโนโลยีเดิมที่ถูกกว่า)
https://www.youtube.com/watch?v=vcW7ATmzm0s
-
เริ่มจากที่ Toyota ใช้มาก่อนแล้ว ตั้งแต่ Hybrid Gen แรกๆ
มันก็คือเหตุผลว่า จะเปลี่ยนทำไม ของมีอยู่แล้ว มันก็คือต้นทุน และ R&D ด้วยแหละ
เหตุผลหลักก็น่าจะตามนี้แหละคนับ คือทำดีลเอาไว้กับพานา ผลิตnimh ทำไฮบริด
ซึ่งไม่รู้ว่าดีลเป็นยังไง และเหลือสต๊อกเท่าไหร่ ถึงยังไม่เลิกใช้สักที
ทั้งที่ทุกวันนี้อะไรที่ใช้ nimh เค้าเลิกใช้แบ้วเปลบี่ยนไปใช้ ลิเทียม กันหมดแล้ว เช่น พวกอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ
พี่โตเองก็ใช้แบตลิเทียมแล้วในรุ่นใหม่
มันไม่มีเหตุผลอื่นที่จะฟังขึ้นอีกเลยที่ยังคงดันทุรังใช้nimhอยู่ นอกจากเรื่องต้นทุน และล้างสต้อก
-
นึกถึงตอนเปลี่ยนด้วยครับ ต้นทุนราคา หลักๆก็ของมีอยู่แล้ว เปลี่ยนยกลูกสมัยก่อนหลักแสน พอใช้เยอะๆมันก็ถูกลง
-
:) แมวบ้านกับแมวสีสวาด เอามาจับหนู จะเลือกอันไหน ::) ::)
-ประหยัดต้นทุน ผลิตมากๆต้นทุนต่ำเรี่ยดิน กำไรก็มากขึ้น
-ปัญหาน้อย ใช้มานาน เสถียรแล้ว ไปหาอันใหม่เกิดปัญหาลูกค้าหนีอีก
-ประสิทธิภาพดีอยู่ เทียบกับคู่แข่ง ไม่ต้องเสี่ยงเปลี่ยนตัวใหม่
-มีคนซื้อเหมือนเดิม แม้จะเก่า 8) ครับ
-
ต้นทุน
-
ประสิทธิภาพไม่ต่างกัน
Camry ตัวนอกมีทั้งรุ่น Li-On และ Ni MH อัตราการกินน้ำมันไม่ต่างกัน และอัตราเร่งไม่ต่างกันอย่างเป็นสาระสำคัญ
ถ้าใครขับไฮบริดที่ไม่ใช่ปลี้กอินของโตต้าเจนใหม่ๆน่าจะเข้าใจว่า มันชาร์ตประจุกลับไวกว่าสมัย Prius แบบคนละเรื่องเลย มอเตอร์กำลังเยอะขึ้น และช่วยทำงานเป็นหลักแทนเครื่องยนต์มากขึ้น เน้นการทำงานในแบบ self charge เองเป็นหลัก ความจุแบตผมเลยมองว่ามันไม่ได้ช่วยมาก ถ้ามันชาร์จแบตกลับได้ไว ที่ทำเลขประหยัดได้ดี
แล้วได้เรื่องซ่อมถูกเปลี่ยนถูกด้วยส่วนนึง ผมว่าเป็นข้อดี
เอาจริงๆตอนกดคันเร่งเต็ม แบต Ni MH ใน New Camry ขีดแทบไม่ลงนะ ต้องลากหลายรอบจัดๆ แต่ของ accord G9 กดทีแบตลดต่อหน้าเลย
ผมว่า efficiency ของระบบ มันน่าจะเป็นส่วนนึงด้วย ไม่ใช่แค่แบตอย่างเดียว
ส่วน plugin มันอีกระบบเลยขอแยกไว้แล้วกัน
ผมมองต่างนะ ว่าดีแค่ไหนล้ำแค่ไหน มันวัดที่ประสิทธิภาพ และผลลัพธ์ที่ได้มากกว่า ต่อให้ใช้แบตเก่า ถ้าระบบโดยรวมมันทำกำลังได้ดี และประหยัดระดับ 21-25 km l แถมไม่ต้องชาร์จไฟ ผมถือว่ามันทำหน้าที่มันได้ดีกว่ารถอีกคันที่ใช้แบต LiOn ก้อนใหญ่และหนักแต่กินน้ำมันมากกว่า แล้วยังต้องเสียบปลั้กครับ
ผมเห็น nissan e power ก็ไม่ได้ใช้แบตใหญ่นัก คิดว่าคงเพื่อรักษาบาลานซ์ ระหว่าง น้ำหนักแบต และส่วนอื่นๆ ด้วย ซึ่งแต่ละยี่ห้อเค้าก็มีวิธีการในแบบของตัวเอง
ส่วนตัวผมมองรวมทั้งระบบมากกว่า Component ชิ้นเดียวครับ :)
-
ผมคิดว่ามีเหตุผล 2 ทาง
1. ต้นทุน ราคา ที่ถูกกว่าตาม comment อื่นๆ
2. สมัยเรียนเคยเรียนว่า Li-ion ไม่ทนกับความร้อน ในขณะที่ Ni-MH จะมีประสิทธิภาพการทำงานในช่วงอากาศเย็นๆ ไม่ดี
(ซึ่งไม่แน่ใจว่า ไอ้ร้อนเนี่ย ร้อนระดับไหน แค่ 40 องศาแบบอากาศบ้านเรา คือร้อนหรือยัง >.<)
-
ผมคิดว่ามีเหตุผล 2 ทาง
1. ต้นทุน ราคา ที่ถูกกว่าตาม comment อื่นๆ
2. สมัยเรียนเคยเรียนว่า Li-ion ไม่ทนกับความร้อน ในขณะที่ Ni-MH จะมีประสิทธิภาพการทำงานในช่วงอากาศเย็นๆ ไม่ดี
(ซึ่งไม่แน่ใจว่า ไอ้ร้อนเนี่ย ร้อนระดับไหน แค่ 40 องศาแบบอากาศบ้านเรา คือร้อนหรือยัง >.<)
40 องศา คือร้อนมากแล้วครับสำหรับแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ทำงานได้ดีที่อุณหภูมิ 25 องศา จะให้ประสิทธิภาพดีที่สุด อายุนานสุด
ถ้าอุณหภูมิ เพิ่มขึ้นทุกๆ 8 องศา อายุจะลดลงครึ่งหนึ่ง เช่น ถ้าอายุที่ 25 องศา คือ 10 ปี ที่ 33 องศา จะเหลือ 5 ปี ที่ 41 องศา จะเหลือ 2.5 ปี
ถ้าอุณหภูมิ ลดลงทุกๆ 12 องศา อายุจะลดลงครึ่งหนึ่ง เช่น ถ้าอายุที่ 25 องศา คือ 10 ปี ที่ 13 องศา จะเหลือ 5 ปี
ทุกวันนี้ผู้ผลิตแบตไฮบิดเลยเก็บมันไว้ในแคบซูล เพื่อรักษาอุณหภมิมันให้มันใกล้เคียง 25 องศามากที่สุด ส่วนแบตใต้ฝากระโปงมันอยู่อุณหภูมิปกติ มันก็เลยอยู่ได้แค่ 2-3 ปี เพราะบ้านเรามันร้อน
-
Lexus ใช้แบต Li-ion *แก้ไข มีเฉพาะบางรุ่น นอกนั้นยังใช้แบต Ni-MH
-
Lexus ใช้แบต Li-ion จบนะ
ใครจะเอาของห่วยกว่า แย่กว่า ไปใช้กับแบรนด์พรีเมี่ยมของตัวเอง
Lexus UX IS ES GS NX RX ใช้ Ni MH ครับ ***อ้างอิงจาก Lexus.com
มีแค่ LC LS ที่เป็น Li-ion
-
เป็นตามข้อมูลที่คุณบอก ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
Lexus ใช้แบต Li-ion จบนะ
ใครจะเอาของห่วยกว่า แย่กว่า ไปใช้กับแบรนด์พรีเมี่ยมของตัวเอง
Lexus UX IS ES GS NX RX ใช้ Ni MH ครับ ***อ้างอิงจาก Lexus.com
มีแค่ LC LS ที่เป็น Li-ion
-
พี่โตเพิ่งเริ่มมีแบต li-ion ปี 2018 นี่เองครับ (https://toyota-forklifts.eu/about-toyota/news-and-editorials/lithium-ion-battery-systems-from-toyota/)
รถรุ่นใหม่ๆในเมืองนอกก็เริ่มหันมาใช้ li-ion กันแล้วเพราะเค้าคำนึงเรื่อง CO2 แต่บ้านเราก็คงเป็น Ni-mh ไปก่อนเพราะต้นทุนถูกกว่า ภาษีก็ hybrid เหมือนกัน ไม่ได้เข้มงวดค่า co2 มาก แต่อนาคตต้นทุน li-ion ก็จะถุกลงเรื่อยๆ การกำจัดแบตก็ง่ายขึ้น ดูจากแนวโน้มก้คงหันไปใช้ li-ion แบบค่ายอื่นๆหรืออาจข้ามไป solid state เลย
-
ของเก่ายังพอใช้ได้ก็ใช้ไปก่อนไงครับ
ของใหม่ก็ กำลังพึ่งลงทุน
ของพวกนี้ มันวิจัย ลงทุนกัน หลายๆปี กว่าจะผลิตออกมาใส่รถได้ก็ต้อง ทำสัญญา กับผู้ผลิต ล่วงหน้าเพื่อทำ R&D
สุดมท้าย ถ้ามันคือ ข้อเสียจนรถขายไม่ออก เค้าก็ไปใช้สิ่งที่ดีกว่า
-
เค้าลงทุนไปเยอะแล้วนะครับ คิดว่าคงต้องใช้ไปอีกหลายปีแหละครับ