Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Disk™ ที่ กันยายน 20, 2010, 19:32:52

หัวข้อ: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Disk™ ที่ กันยายน 20, 2010, 19:32:52
คือ นั่งคิดเล่นๆ ว่า ถ้าแบบเปลี่ยนรถทุกครั้งที่ model change เช่นพวก jazz,vios รุ่นต่ำๆ ระยะเวลา 4-6 ปี ราคาหายไปประมาณ 250000-300000 , 6ปี ก็ตกปีละ 50000 กับ รถคันเก่าที่บ้าน 17 ปี ตกปีละ 40000 แต่ค่าซ่อมทีนึงก็ต่างกัน(เยอะอยู่ เพราะ รถเก่า นู้นเสีย นี่เสีย ตอนนี้เปลี่ยนอะไหล่จะทั้งคันอยู่แล้ว นอกจากเครื่องกับโคลง) ประกันชั้น 1 ก็ทำไม่ได้ กินน้ำมันกว่ารถรุ่นใหม่

พี่ๆ เพื่อนๆ มีความเห็นยังไงครับ?


 ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Eddy5659 ที่ กันยายน 20, 2010, 19:43:19
สำหรับผมแล้ว ผมเปลี่ยนทุกๆ 3-5 ปีครับ
แต่ผมใช้รถตลาดนะ ราคาขายต่อไม่ตกมาก
ผมใช้รถเยอะครับ เดือนละพันโลเป็นอย่างต่ำ ดังนั้นผมจึงชอบที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อความสดใหม่ของรถตลอด

ที่สำคัญถึงแม้จะสนใจเรื่องรถ อ่านเยอะ แต่เอาเข้าจริงที่ทำได้เองคือล้าง ลงแว๊กซ์ และเติมน้ำล้างกระจก นอกนั้นทำใม่เป็นเลยครับ
เป็นพวกพวก A ทฤษฎี แต่  F ปฏิบัติ

ดังนั้นหากเกิดอาการผิดปกติอะไรขึ้นกับรถ ทำได้แค่โทรตามรถยก ดังนั้นการเปลี่ยนรถใหม่ไปเรื่อยๆ จึงเซฟสำหรับผม
และที่สำคัญคือ 3 คันที่ผ่านมาผมยังไม่เจอรถ Defect เลย จึงยังคงคิดว่าเปลี่ยนเรื่อยดีกว่า
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: RhinoMango ที่ กันยายน 20, 2010, 19:49:14
แต่ผมใช้รถแล้วผมผูกพันธ์น่ะ คันปัจจุบันนี่ 23ขวบแล้ว  ;D ;D
ร๊ากมันมั่กๆ
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Tui_PSG ที่ กันยายน 20, 2010, 19:55:01
เคยลองคิดเหมือนกันว่าแบบไหนคุ้ม  แต่มันเปรียบเทียบกันยากอยู่ครับ อีกอย่าง ความคุ้ม มันแล้วแต่ว่าจะนิยามมันยังไงครับ

แต่ที่ปฏิบัติอยู่คือซื้อใหม่ทุก 3-5 ปีครับ เหตุผลหลักคืออยากเปลี่ยนรุ่นครับ เหตุผลรองคือ เบื่อกับการซ่อม เข้าศูนย์ก็แค่เข้าไปเช็คตามระยะครับ
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Wisidsak ที่ กันยายน 20, 2010, 19:56:07
อืมม์~

มันก็แล้วแต่ความสะดวก กำลังทรัพย์ หรืออะไรหลายๆ อย่างนะครับ

สรุปมันขึ้นที่ตัวเราหรือเปล่า?


EG ผมก็อยู่กันตั้งแต่เด็กล่ะ = ='
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: keetawee ที่ กันยายน 20, 2010, 20:00:59
อยู่ที่ปัจจัยครับ
ถ้ามีเงินก็เปลี่ยนตามสภาพรถครับ
ถ้าไม่มีเงินก็ต้องซ่อมสถานเดียว
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: boykung ที่ กันยายน 20, 2010, 20:15:47
บ้านผมเปลี่ยนรถทุกๆ8ปี หรือ 200,000 กิโล ครับ

พอดีเวลา modelchange และเว้นระยะรถใหม่ออกตลาดประมาณครึ่งปีถึงปีหนึ่ง

เพราะรถใหม่ ยังมักจะมีปัญหา และช่างยังไม่คุ้นกับรถใหม่ และโปรโมชั่นจะมาประมาณช่วงนี้พอดี
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Satanic za' ที่ กันยายน 20, 2010, 20:48:00
รถคันเก่าผมใช้มา 33 ปีแล้วครับ โคดคุ้มครับ รับรองว่าซ่อมไปถึง แสนแน่นอน

ตอนนี้ถึงเวลาต้องใช้คันใหม่แล้วครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GreenG ที่ กันยายน 20, 2010, 20:56:16
ผมว่ารถวิ่งไม่เยอะปีละ 1 หมื่นโล ซ่อมคุ้มกว่าครับ เพราะ 20 ปี 2 แสนรถยังไม่โทรมมาก(เครื่องนะครับ)

แต่ถ้าวิ่งปีนึง 3 หมื่นโลขึ้นไป5 ปีเปลี่ยนทีดีกว่าครับ เพราะผมว่าวิ่งก็คุ้มแล้วครับ
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Phongrapee ที่ กันยายน 21, 2010, 07:29:59
เหตุผลที่เลือกรถรุ่นนั้นรุ่นนี้มาใช้งาน ส่วนหนึ่งเพราะรักในยี่ห้อนั้น ชอบในรุ่นนั้น มันก็จะเกิดความรัก ความผูกพัน ดูแลอย่างดี เพราะฉะนั้นผมจะใช้มันไปจนกว่าจะตายจากกันหรือซ่อมไม่ไหวแล้วเท่านั้นจึงจะเปลี่ยน
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Satanic za' ที่ กันยายน 21, 2010, 08:44:00
เหตุผลที่เลือกรถรุ่นนั้นรุ่นนี้มาใช้งาน ส่วนหนึ่งเพราะรักในยี่ห้อนั้น ชอบในรุ่นนั้น มันก็จะเกิดความรัก ความผูกพัน ดูแลอย่างดี เพราะฉะนั้นผมจะใช้มันไปจนกว่าจะตายจากกันหรือซ่อมไม่ไหวแล้วเท่านั้นจึงจะเปลี่ยน

เห็นด้วยครับ

ตอนนี้ผมได้รถใหม่เป็นเฟียสต้า และเดือนหน้ากำลังจะถอยซิตี้อีกคันนึง พ่อบอกว่าจำใจต้องขายคันเก่าไป

ถ้าบ้านผมมีที่จอดเหลือเฟือจะไม่ขายเลยอะ เสียดายมาก รู้สึกว่าผูกพันยังไงไม่รู้ ขับมาหลายปีแล้ว ไม่เคยเสียกลางทางซักครั้ง(นอกจากยางแตกนะ) คิดถึงเกียร์แมนนวล คิดถึงฟิลลิ่งพวงมาลัยแบบไม่พาวเวอร์(ชอบในความหนัก และนิ่ง) ชอบในความแข็งแกร่งของตัวรถ(ที่เคยเอาภาพมาให้พี่น้องได้ดูที่ผมไปเบียดกับโคโรล่าตัวเก่า รถเค้าบุบ ส่วนรถผมน่ะหรอ "เฉยๆว่ะ 555")

แต่พอมาคิดถึงอัตรากินน้ำมันแล้ว ขายดีกั่ว 5555
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: patzahut ที่ กันยายน 21, 2010, 09:23:01
ผมว่ารถวิ่งไม่เยอะปีละ 1 หมื่นโล ซ่อมคุ้มกว่าครับ เพราะ 20 ปี 2 แสนรถยังไม่โทรมมาก(เครื่องนะครับ)

แต่ถ้าวิ่งปีนึง 3 หมื่นโลขึ้นไป5 ปีเปลี่ยนทีดีกว่าครับ เพราะผมว่าวิ่งก็คุ้มแล้วครับ


ของผมเป็นแบบนี้ครับ

ตอนนี้ E Car จะ 18 ปีละ วิ่งไป 150,000 กิโล  ทิ้งไว้ 2อาทิตย์ไม่ขับ สตาสทีเดียวติดตลอด     แล้วสำหรับ EX ที่พึ่งออกมา ก็คงใช้ > 10 ปีครับ

คือเอาง่ายๆว่า รถใช้น้อย เก็บมันไว้  ถ้าใช้มาก ถึงเวลาก็เปลี่ยนให้ไว
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SUN-PS ที่ กันยายน 21, 2010, 09:47:22
ผมเปลี่ยนรถใหม่ทุกๆ5-6ปีครับ
ข้อดีคือไม่ต้องกังวลเรื่องซ่อมกับได้ตื่นเต้นกับรถรุ่นใหม่ๆอีกแล้ว
ข้อเสียคือผ่อนไม่เลิกเลยล่ะครับ เพราะมีรถ2คัน เท่ากับว่าซื้อรถใหม่ทุก3ปีเลย เหนื่อยคอดๆ ;D
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nuttapatJazz ที่ กันยายน 21, 2010, 10:08:37
ของผมถ้ามันเริ่มต้องซ่อมจุกจิกก็เปลี่ยนแล้วครับ

ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ5ปี มันถึงจะเริ่มจุกจิก

 ;D ;D
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: snipper ที่ กันยายน 21, 2010, 11:10:32
แนะนำเปลี่ยนรถ ทุก ๆ 4-5 ปีดีกว่าครับ เพราะ มันจะคุ้มค่ากว่า การใช้ไปจน รถมีสภาพโทรม  เปลี่ยน ขายมือสอง ยังได้กำไรกว่า เมื่อโทรมแล้วขาย และเรายังมีทุนในการ ซื้อรถใหม่ ได้อีกอ่ะครับ
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ กันยายน 21, 2010, 11:27:48
ผมว่ามันไม่มีอะไรตายตัวหรอกครับ  แล้วรถเก่ามันก็ไม่มีทางตกปีละ40000ได้ทุกปีหรอกครับ มันไม่ได้ linearแบบนั้น  ราคารถเก่าเมื่อมันเก่าไปเรื่อยๆมันจะเข้าสู่ราคาเศษเหล็กครับ(ยกเว้นรถโบราญ) นั้นหมายถึงปีหลังๆราคาจะตกน้อยมากเลยครับ

ผมคิดว่าถ้าไม่ชอบจุกจิกแล้วมีเงินก็เปลี่ยนรถใหม่ ดีกว่า  แต่ถ้าเราไม่มีเงินมาก และยังไม่กินน้ำมันดุเดือดก็ใช้กันจนพังนั้นแหละครับ ดีกว่า
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pan Paitoonpong ที่ กันยายน 21, 2010, 11:46:04
ถ้าเอาเงินมาเป็นปัจจัยสำคัญ รถเก่าคุ้มกว่าในความเห็นผม

ผมซื้อ Legacy มา 210,000 ซ่อมยกแรกๆก็หมดไป 20,000 บาทแล้ว และแนวโน้มนับจากนี้ไปอาจต้องซ่อมกันในราคาหลักหมื่นต่อปี ถ้าผมไปซื้อ Legacy หน้าโคไพรป้ายแดงเกือบสองล้านบาท ผ่านไป 10 ปีสมมติว่าไม่มีค่าซ่อมเลยสักกะบาท ส่วนต่างก็ยังมากกว่าล้านห้า ล้านห้าตรงนี้สามารถยกเครื่อง EJ20 คอแดง เกียร์ 6 สปีดใส่รถผมได้ 5 ชุด สมมติว่าใช้ชุดละ 3 ปี นี่ก็พอให้อยู่ได้ 15 ปีเป็นอย่างต่ำๆ

คงพอเห็นภาพ ดังนั้นเอาเรื่องเงินมาพูดถึง รถเก่าคุ้มกว่าเสมอ

แต่

ถ้ากลับมาสู่ความจริง เงินไม่ใช่สิ่งเดียวที่เราต้องการใช้ให้น้อย..เพราะเรายังต้องการใช้เวลากับการซ่อมให้น้อย
ใช้เวลากับอัตราเสี่ยงต่อการรถเสียกลางทางให้น้อย และใช้โชคและความปลอดภัยทั้งหมดที่มีเพื่อให้รอดการชนใดๆ

กับคนหลายคน การผ่อนเดือนละ 9,000 ไม่ใช่ปัญหา แต่รถห้ามเสียกลางทาง ชีวิตยุ่งมาก ไม่อยากหาที่ซ่อม หรือถ้าเป็นเซลส์สาวที่ต้องเดินทางติดต่องานคนเดียวทางไกลบ่อยๆ ผมว่าใช้รถเก่าเซฟเงิน แต่รถเสียกลางทางคนเดียวนี่ก็ไม่สนุก

ดังนั้นจากประสบการณ์ของผม ผมมีความเห็นโดยรวมดังนี้

1. รถ B,C Segment ธรรมดาๆ เครื่อง 4 สูบ เกียร์อัตโนมัติ ป้ายแดง มักเป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้มากที่สุดเสมอ
2. แต่ถ้ามีรถเก่า ขอให้ใช้เพื่อจุดประสงค์สันทนาการ เช่นการนำมาแต่งไว้วิ่งในสนาม หรือทำเป็นรถคลาสสิกสำหรับเข้าคลับ
3. ถ้าฐานะการเงินไม่อำนวยให้ใช้รถใหม่ การใช้รถเก่าช่วยเซฟเงินได้มาก แต่ควรเป็นคนช่างสังเกต หมั่นเช็ครถเสมอ ขับแล้วมองหน้าปัดประจำ และต้องคิดไว้ในใจว่า "ซ่อมครบระบบก็ยังถูกกว่าผ่อนรถป้ายแดง" แล้วบำรุงให้มันดูดีอยู่เสมอ เปอร์เซ็นต์การตายกลางทางมันจะน้อยมาก

หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyName ที่ กันยายน 21, 2010, 14:00:04
โดยปกติที่บ้านก็ใช้รถยาวๆ ครับ ใช้ไป 10-20 ปี จนกว่าจะโทรม
สิ่งที่ทำให้ใช้รถได้ยาวขนาดนี้ก็ส่วนหนึ่งมาจากพ่อผมมีความรู้ด้านช่างซ่อมรถด้วยครับ (แต่ไม่ได้ทำเป็นอาชีพโดยตรง เพียงแต่ทำอาชีพอื่นอยู่ในสายงานนี้แค่นั้น)
เวลารถมีปัญหาก็จะรู้ และแก้ไขได้ทันเวลา ก็ทำให้คนใช้รถในบ้านผมอุ่นใจไปได้มาก

อีกอย่างก็ยังไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเปลี่ยน คันที่ใช้อยู่ก็ถือว่ายังเพียงพอต่อการใช้งาน
เพียงแต่อาจจะมีการซื้อเพิ่มเอาไว้ใช้งานเมื่อความต้องการการใช้งานมากขึ้นแค่นั้นครับ
คันที่ใช้อยู่ตอนนี้อย่างคันแรก B13 ก็ใช้มา 17 ปีแล้ว ใช้รถไปทำงานนอกเมือง ไป-กลับ 20 โล หรือบางทีออก ตจว. ใกล้ๆ ติดแก๊สไปก็ช่วยประหยัดไปได้เยอะ
อีกคันก็ Mira ซื้อมือสองมาได้ 10 กว่าปีแล้ว ตอนนั้น B13 ยังไม่ได้ติดแก๊ส + แม่ต้องใช้รถไปทำงานไป-กลับ ตจว. 100 กว่าโล
ก็เลยมองรถเล็กๆ ประหยัดๆ ไว้สักคัน ก็เลยได้ตัวนี้มา โชคดีที่มาเจอตัว AT หัวฉีดพอดี ใช้งานจริงก็ไม่ได้ประหยัดน้ำมันเท่าไหร่เลย แต่ตอนนี้ก็ได้มาใช้งานแค่ในเมืองแล้วครับ ก็เลยไม่ค่อยใส่ใจเรื่องความประหยัด
และก็มีคันล่าสุดของที่บ้านพึ่งซื้อได้ 2 ปีครับ เพราะมีความต้องการใช้งานในการขนคนมากขึ้น
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: sedan lover ที่ กันยายน 21, 2010, 14:25:43
ผมคิดว่าดูจาก" ความจำเป็น" ดีกว่าครับพี่น้องครับ ไตร่ตรองมากๆครับ  :D
ที่บ้านผมคุณพ่อใช้ altis รุ่นหน้าหมูมา 9 ปีแล้วครับ วิ่งเฉลี่ยเดือนละประมาณ 3000 km +/-
ใช้ยาวไม่จุกจิก เปลี่ยน+ซ่อมตามระยะที่คู่มือบอก
ประหยัดด้วย และรถก็สภาพดีครับ สบายใจมากๆครับ พี่น้องครับ
(ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐครับ ) :)
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jaesz ที่ กันยายน 21, 2010, 18:31:40
ใช้ให้เก่า เอาให้โทรม คุ้มกว่าแน่นอนครับ

อะ ไม่ได้มาโต้วาทีนะครับ

แต่คิดง่าย ๆ

4 -6 ปี ถ้าเป็นALTIS คันละ 1,000,000 บาท ราคาขาย ณปีที่  5 ก็ ราว ๆ 5 แสน นี่ถ้าโชคดีไม่มีรุ่นใหม่มาก่อนนะ

คิดเป็นค่าใช้รถปีละ 100,000 บาท

สมมติว่าใช้ต่อไป จนอายุรถ 20 ปี ผมว่า ค่าซ่อมก็ราว ๆ 100,000 ละ ทำแอร์ ฟิตเครื่อง ฟิตเกียร์ เปลี่ยนพัดลม ระบบไฟฟ้า ไดสตาร์ท น่าจะประมาณนี้

ถ้าขายไม่ได้เลย ก็คิดได้ว่า ปีละ 50,000 บาท

อะไรคุ้มกว่า ถามเงินครับ
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: 6162002 ที่ กันยายน 21, 2010, 18:57:56
ตามท่าน Commander เลยครับ ไมตี้บ้านผมก็ใช้มาตั้งแต่ผม อนุบาลสอง ตอนนี้ก็18ปีแล้ว ผูกพันธ์กันเลยทีเดียว
แต่เรื่องความคุ้ม ผมใช้ไป5ปี ก็ซ่อมไม่ถึงแสนอยู่ดีครับ ไม่พูดถึงพวกน้ำมันเครื่อง และยาง ซึ่งจะรถเก่ารถใหม่ มันก็ต้องจ่ายส่วนนี้เหมือนกัน ถึงจะกินน้ำมันเยอะกว่ารุ่นใหม่ แต่รถผมไม่ได้ใช้เยอะขนาดวันละร้อยกิโล ค่าส่วนต่างจากการเปลี่ยนรถ เติมน้ำมันได้อีกหลายปีเลยครับ
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: -- CaZzMaNiAnN -- ที่ กันยายน 21, 2010, 20:52:44
แนะนำเปลี่ยนรถ ทุก ๆ 4-5 ปีดีกว่าครับ เพราะ มันจะคุ้มค่ากว่า การใช้ไปจน รถมีสภาพโทรม  เปลี่ยน ขายมือสอง ยังได้กำไรกว่า เมื่อโทรมแล้วขาย และเรายังมีทุนในการ ซื้อรถใหม่ ได้อีกอ่ะครับ

ตามนี้ เหมือนกันคับ

ปะมาน 5-6 ปี สำหรับผมนะคับ  ต้องดูเรื่องงานด้วยว่า จะ แบกภาระไหวไหม ไม่อยากผ่อนนานเกิน

 ;D
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: CRO ที่ กันยายน 22, 2010, 09:17:12
สำหรับผม ไม่ได้มองรถเป็นแค่ Tools แต่เหมือนสมาชิกในครอบครัว มีอะไรก็ต้องดูแลกันอย่างดี เรามีจิตใจเ้ค้าก็มี ไว้ใจซึ่งกันและกัน (ดราม่ามากไปป่าวหว่า ฮิฮิ) มีอะไรจุ๊กๆจิ๊กๆ ก็เอาเข้า 0 ก่อนเลยครับ หากไม่มีอะไีรติดขัดหรือจำเป็นจริงๆ ก็จะไม่ขายครับเอิ๊กๆ
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SignifeR ที่ กันยายน 22, 2010, 13:19:58
ตั้งแต่จำความได้เนี่ย....รถทีอยู่ด้วยกันนานสุดก็ 2 ปีกว่าๆครับย้อนอดีตหน่อย
คันแรกสุดเลยเป็นรถตู้ไฮเอช ส่งของของบริษัทก็เอาไปมหาลัยตอนปี 1 เทอม 1 ครับ ใช้ได้ประมาณ 3 เดือนพ่อรำคาญมาแย่งรถขนของซะงั้น
เลยออก โตโยต้า โคโรล่า ตอง1 ให้ไปใช้งาน ใช้ได้อยู่อีกประมาณ 1 เทอม(สามสี่เดือนได้) พ่อเห็นว่ามันคันเล็กไปหน่อยก็เลยขายแล้วยก
โตโยต้าโคโรน่าเอ็กซิเออร์ 2.0Autoสีเขียว ให้ไปใช้งาน ใช้ได้ประมาณ 1 เทอม (ปีหนึ่งเทอม3) ประมาณนั้น พอดีมีโตโยต้าเอ็กซิเออร์ 1.6MT รถรีเจก
จากรถเช่าของบริษัทคุณพ่อที่ทำ(ตอนหลังก็เจร๊งงงงง) ก็เลยเอามาเป็นรถประจำตำแหน่งแทนเพราะประหยัดน้ำมันมากกว่าคันแรก และก็สีเงิน
ส่วนคันก่อนก็ยกให้แม่ไว้ใช้งานแทน (คุณแม่ไปเรียนขับรถตอน 40กว่าๆเชียวนะ)

เจ้าเอ็กซิเออร์อยู่กับผมจนถึงปี 4 ครับ ราวๆ สองปีเห็นจะได้ ผมก็ขายเนื่องจากโดนโกงมือถือไปหกแสนกว่าบาทได้ เลยขายใช้หนี้ไป...
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็น Volvo740GLE หน้าแว่น วาง 1JZ-GTE ขับได้ราวๆ ปีเศษ ก็ขายแล้วไปบวชครับ...เรียนจบน่ะแหละ
หลังจากสึกพ่อเลยออกรถกระบะ มาสด้าไฟเตอร์ครับ เอาไว้ช่วยขนของที่บ้าน จำได้ว่า ตอนใช้รถกระบะเคยไว้ขนของอยู่สองสามรอบ....
อยู่กับมันมาราวๆ 8 เดือน(ระหว่างนี้ก็มีเจ้าหน้าแหลม 1G-GTE ไว้ซิ่งอีกคันเก็บเงินซื้อเองแสนหนึ่ง... คันนี้อยู่กับผมสามเดือนขายเลย กำไรมาห้าพัน)
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็น Peugeot 405Gri สีแดง ใช้ได้ราวๆ ปีนึงก็เกิดอุบัติเหตุมิดไปครับ ก็เปลี่ยนมาเป็น Peugeot405Sri สีเงินแทน
ก็อยู่กันนานเหมือนกันนะราวๆ 2 ปีเห็นจะได้ ก็ขายต่อให้ลูกอาดำริห์เจ้าของอู่ไป

หลังจากนั้นก็เบนเข็มมาออกรถป้ายแดงในชีวิตคันนี้ซื้อเองครับ Nissan Tiida 1.6S อยู่กินกันมาสองปีแต่งไปก็สองแสนได้ เบื่อสีดำเลยขายต่อให้น้องสาวไป
เพราะนิสสันทีด้าเลยทำให้รู้จักแพนนี่แหละ กับจิมมี่(ตามมาทีหลัง) ระหว่างมีทีด้า 1.6S ก็ยังมีเปอโยต์ 305 ประกอบนอกเอาไว้ซิ่งเล่นอีกคัน(ยังอาวรณ์อยู่กับค่ายสิงห์ยกขาน่ะครับ) หลังจากนั้นก็ปล่อยมันทั้งเปอโยต์และทีด้า.....ระหว่างนี้ก็มีเจ้า SAAB 900S Draken มาคั่นรายการอีกคัน...เอาเข้าไป...

จากนั้นก็มาออก ฮอนด้าซีวิค FD 1.8S มือสอง ใช้ได้อีก 6 เดือน....เห่อ......ก็เปลี่ยนเป็น Subaru Impresza 1.5 นี่หล่ะครับ

คือไม่รู้จะบอกว่าเปลี่ยนตามอารมณ์หรือความคุ้มค่า หรือความซวยดีนะ แต่ชีวิตผมผ่านรถมาเยอะพอสมควร นี่ไม่นับ W124 E220 ของคุณพ่ออีกคันที่ก็เคยขับอยู่ แล้วก็มา SAAB 9000 Executive รวมทั้ง โตโยต้าโซลูน่า กับรถตู้คอมมิวเตอร์จับเด็กอีกครับ รวมทั้ง รถกระบะเก่าๆไว้ขนของอย่างเจ้ามังกรทอง 3S+LPG
ซึ่งมีโครงการจะปล่อยทั้งคอมมิวเตอร์และมังกรทอง ออกกระบะคันใหม่เพียงคันเดียว เนื่องจากรถเหลือเยอะเกินความจำเป็นนั่นหล่ะ

สำหรับปัจจัยการเลือกซื้อรถของผมง่ายมากคือ อันดับแรกเลย อยากได้ และอันดับที่สองอยากได้มากกว่า และอันดับสุดท้าย ตังค์มันต้องเหลือไปซื้อ...
หลังจากนี้คงไม่ได้บ้าเหมือนแต่ก่อนแล้วครับ กลางปีหน้าอาจจะออก Nissan March อีกคันให้ภรรเมียใช้ ส่วนผมว่าจะหารถเก่ามาทำรถแข่งไว้แข่งกับ
อีตาผู้จัดเกินอยู่เนี่ย อยากได้กระบะเรโทรสักคัน เอาไว้ซิ่งกับไว้วิ่งซื้อของด้วย เพราะว่าจะหยุดเรื่องรถแล้วเก็บเงินซื้อที่ดินกับปลุกบ้านอีกหลังอยู่หล่ะ

มันเริ่มใช้เงินมากขึ้นเรื่อยๆๆ  :P
หัวข้อ: Re: ระหว่างเปลี่ยนรถทุก 4-6 ปี กับ ใช้ไปเรื่อยๆจนโทรม แล้วขาย แบบไหนคุ้มกว่ากันครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Eddy5659 ที่ กันยายน 22, 2010, 14:30:57
ตั้งแต่จำความได้เนี่ย....รถทีอยู่ด้วยกันนานสุดก็ 2 ปีกว่าๆครับย้อนอดีตหน่อย
คันแรกสุดเลยเป็นรถตู้ไฮเอช ส่งของของบริษัทก็เอาไปมหาลัยตอนปี 1 เทอม 1 ครับ ใช้ได้ประมาณ 3 เดือนพ่อรำคาญมาแย่งรถขนของซะงั้น
เลยออก โตโยต้า โคโรล่า ตอง1 ให้ไปใช้งาน ใช้ได้อยู่อีกประมาณ 1 เทอม(สามสี่เดือนได้) พ่อเห็นว่ามันคันเล็กไปหน่อยก็เลยขายแล้วยก
โตโยต้าโคโรน่าเอ็กซิเออร์ 2.0Autoสีเขียว ให้ไปใช้งาน ใช้ได้ประมาณ 1 เทอม (ปีหนึ่งเทอม3) ประมาณนั้น พอดีมีโตโยต้าเอ็กซิเออร์ 1.6MT รถรีเจก
จากรถเช่าของบริษัทคุณพ่อที่ทำ(ตอนหลังก็เจร๊งงงงง) ก็เลยเอามาเป็นรถประจำตำแหน่งแทนเพราะประหยัดน้ำมันมากกว่าคันแรก และก็สีเงิน
ส่วนคันก่อนก็ยกให้แม่ไว้ใช้งานแทน (คุณแม่ไปเรียนขับรถตอน 40กว่าๆเชียวนะ)

เจ้าเอ็กซิเออร์อยู่กับผมจนถึงปี 4 ครับ ราวๆ สองปีเห็นจะได้ ผมก็ขายเนื่องจากโดนโกงมือถือไปหกแสนกว่าบาทได้ เลยขายใช้หนี้ไป...
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็น Volvo740GLE หน้าแว่น วาง 1JZ-GTE ขับได้ราวๆ ปีเศษ ก็ขายแล้วไปบวชครับ...เรียนจบน่ะแหละ
หลังจากสึกพ่อเลยออกรถกระบะ มาสด้าไฟเตอร์ครับ เอาไว้ช่วยขนของที่บ้าน จำได้ว่า ตอนใช้รถกระบะเคยไว้ขนของอยู่สองสามรอบ....
อยู่กับมันมาราวๆ 8 เดือน(ระหว่างนี้ก็มีเจ้าหน้าแหลม 1G-GTE ไว้ซิ่งอีกคันเก็บเงินซื้อเองแสนหนึ่ง... คันนี้อยู่กับผมสามเดือนขายเลย กำไรมาห้าพัน)
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็น Peugeot 405Gri สีแดง ใช้ได้ราวๆ ปีนึงก็เกิดอุบัติเหตุมิดไปครับ ก็เปลี่ยนมาเป็น Peugeot405Sri สีเงินแทน
ก็อยู่กันนานเหมือนกันนะราวๆ 2 ปีเห็นจะได้ ก็ขายต่อให้ลูกอาดำริห์เจ้าของอู่ไป

หลังจากนั้นก็เบนเข็มมาออกรถป้ายแดงในชีวิตคันนี้ซื้อเองครับ Nissan Tiida 1.6S อยู่กินกันมาสองปีแต่งไปก็สองแสนได้ เบื่อสีดำเลยขายต่อให้น้องสาวไป
เพราะนิสสันทีด้าเลยทำให้รู้จักแพนนี่แหละ กับจิมมี่(ตามมาทีหลัง) ระหว่างมีทีด้า 1.6S ก็ยังมีเปอโยต์ 305 ประกอบนอกเอาไว้ซิ่งเล่นอีกคัน(ยังอาวรณ์อยู่กับค่ายสิงห์ยกขาน่ะครับ) หลังจากนั้นก็ปล่อยมันทั้งเปอโยต์และทีด้า.....ระหว่างนี้ก็มีเจ้า SAAB 900S Draken มาคั่นรายการอีกคัน...เอาเข้าไป...

จากนั้นก็มาออก ฮอนด้าซีวิค FD 1.8S มือสอง ใช้ได้อีก 6 เดือน....เห่อ......ก็เปลี่ยนเป็น Subaru Impresza 1.5 นี่หล่ะครับ

คือไม่รู้จะบอกว่าเปลี่ยนตามอารมณ์หรือความคุ้มค่า หรือความซวยดีนะ แต่ชีวิตผมผ่านรถมาเยอะพอสมควร นี่ไม่นับ W124 E220 ของคุณพ่ออีกคันที่ก็เคยขับอยู่ แล้วก็มา SAAB 9000 Executive รวมทั้ง โตโยต้าโซลูน่า กับรถตู้คอมมิวเตอร์จับเด็กอีกครับ รวมทั้ง รถกระบะเก่าๆไว้ขนของอย่างเจ้ามังกรทอง 3S+LPG
ซึ่งมีโครงการจะปล่อยทั้งคอมมิวเตอร์และมังกรทอง ออกกระบะคันใหม่เพียงคันเดียว เนื่องจากรถเหลือเยอะเกินความจำเป็นนั่นหล่ะ

สำหรับปัจจัยการเลือกซื้อรถของผมง่ายมากคือ อันดับแรกเลย อยากได้ และอันดับที่สองอยากได้มากกว่า และอันดับสุดท้าย ตังค์มันต้องเหลือไปซื้อ...
หลังจากนี้คงไม่ได้บ้าเหมือนแต่ก่อนแล้วครับ กลางปีหน้าอาจจะออก Nissan March อีกคันให้ภรรเมียใช้ ส่วนผมว่าจะหารถเก่ามาทำรถแข่งไว้แข่งกับ
อีตาผู้จัดเกินอยู่เนี่ย อยากได้กระบะเรโทรสักคัน เอาไว้ซิ่งกับไว้วิ่งซื้อของด้วย เพราะว่าจะหยุดเรื่องรถแล้วเก็บเงินซื้อที่ดินกับปลุกบ้านอีกหลังอยู่หล่ะ

มันเริ่มใช้เงินมากขึ้นเรื่อยๆๆ  :P


ถ้าเปรียบรถเป็นหญิง เจ้าชู้ขั้นเทพเลยนะครับ อิอิอิ
ผมผ่านมือแค่ 5 คันเอง ที่นานสุดคือรถขนของของพ่อ เป็น BigM king cab ขับประมาณ  6  ปี
นอกนั้นคันละ 3-4.5 ปี

แต่ยังอยู่ในความทรงจำตลอดการคือ Datsun 1.3 สีขาว เกียร์คอพวงมาลัย ขับตอนเด็กๆ รักมากเลยคันนี้