Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Level Zero ที่ ตุลาคม 01, 2020, 10:48:56
-
(https://climateclock.world/img/newyork_big.jpg)
https://climateclock.world/
Climate Clock นาฬิกานับถอยหลังสู่หายนะโลกร้อน เราเหลือเวลาแค่ 7 ปี! ในการช่วยโลกมุ่งสู่คาร์บอนศูนย์ ไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงเกิน 1.5 องศา ก่อนที่เราจะเผชิญหายนะโลกร้อน แบบไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม
ตอนนี้เริ่มมีการติดตั้งนาฬิกานับถอยหลังขนาดใหญ่ ใจกลางเมืองชื่อดังต่างๆของโลก ปีที่แล้วมีกรุงเบอร์ลิน เยอรมัน ปีนี้ที่ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และปีหน้าจะมีที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส เพื่อนับเวลาที่โลกเหลืออยู่ก่อนที่อุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้นอีก 1.5 องศา
ทุกท่านคิดว่านี่จะเป็นประเด็นสำคัญ ที่ประเทศต่างๆจะผลักดันให้มีการนำรถไฟฟ้ามาใช้เร็วขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ครับ
ส่วนตัวมองว่าถึงจะผลักดันไปใช้รถไฟฟ้าเร็วขึ้น แต่ถ้าแหล่งพลังงานที่นำมาชาร์จรถยนต์ยังไม่ใช่พลังงานสะอาดก็อาจจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ
เพราะโลกก็มีเดดไลน์และขีดจำกัด! ผุด Climate Clock นาฬิกานับถอยหลังสู่หายนะโลกร้อน เราเหลือเวลาแค่ 7 ปี! ในการช่วยโลกมุ่งสู่คาร์บอนศูนย์ ไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงเกิน 1.5 องศา ก่อนที่เราจะเผชิญหายนะโลกร้อน แบบไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม (หรือเวลาอาจจะน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับเราทุกคน)
ขณะนี้โลกกำลังเผชิญอุณหภูมิที่สูงขึ้นเฉลี่ย 1.1 องศา (หากเปรียบเทียบกับระดับอุณหภูมิเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรม ปี 1850-1900) ที่ทำให้เราเผชิญสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ร้อนหนัก แล้งหนัก ไฟป่า น้ำแข็งละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น การสูญพันธุ์ และอื่นๆที่คาดการณ์ไม่ได้
ทั่วโลกจึงมีข้อตกลงร่วมกันในความตกลงปารีสที่จะให้อุณหภูมิโลกไม่สูงกว่า 2 องศา และพยายามลิมิตไม่ให้เกิน 1.5 องศา
เพราะหากโลกร้อนเกิน 1.5 หรือ 2 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านั้น เราอาจจะเผชิญวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศนั้นจะรุนแรงกว่านี้หลายเท่าตัว
ซึ่งสิ่งที่ทำให้อุณภูมิโลกสูงขึ้นก็คือก๊าซเรือนกระจก ก๊าซคาร์บอน ที่ถูกปล่อยออกมาอย่างมหาศาลจากกิจกรรมต่างๆของเรา ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกฝาชีครอบความร้อน
ทั่วโลกจึงมีความมุ่งมั่นในการลิมิตจำกัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ เพื่อที่จะไม่ให้อุณหภูมิสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เราจึงมีปริมาณจำกัดของก๊าซเรือนกระจกที่สามารถปล่อยได้ เรียกว่า "Carbon Budget"
และหากเรายังปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่แบบนี้ เรามีเวลาเหลือเท่าไหร่กัน ก่อนที่เราจะใช้ Carbon Budget นี้หมด? (ปล่อยคาร์บอนเกิน) และทำให้อุณหภูมิสูงเกิน 1.5 องศา หรือ 2 องศา
จากรายงานในปี 2018 IPCC Special Report on Global Warming of 1.5°C เผยว่าเรามีลิมิตปริมาณคาร์บอนที่สามารถปล่อยได้ (Carbon budget) ไม่เกิน 420 gigatonnes (Gt CO2) ในการที่จะทำให้อุณหภูมิไม่สูงเกิน 1.5 องศา
และเรามีลิมิตปริมาณคาร์บอนที่สามารถปล่อยได้ (Carbon budget) ไม่เกิน 1170 Gt CO2ในการที่จะทำให้อุณหภูมิไม่สูงเกิน 2 องศา
โดยในปัจจุบันนี้โลกเราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซ์ประมาณ 42 Gt CO2 ในแต่ละปี และหากเรายังปล่อยอยู่แบบเดิม เราจะเหลือเวลาอีกนานเท่าไหร่ที่จะใช้ Carbon Budget หมดกันนะ?
และทั้งหมดนี้ก็คือที่มาของ Carbon Clock และ Climate Clock ซึ่งเป็นนาฬิกาที่นับถอยหลังนี้สู่วันที่เราจะใช้ Carbon budget หมดนั่นเอง โดยทำเพื่อที่จะตอกย้ำให้เรามุ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้น้อยที่สุด หรือจนกระทั่งเป็น 0
Carbon Clock และ Climate clock (แถบสีแดง) นาฬิกาที่นับถอยหลังนี้เผยให้เห็น Deadline ว่าตอนนี้ (วันที่ 26 กันยายน 63)
1. เราเหลือ Carbon Budget 305 Gt CO2 ที่สามารถปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศได้ โดยที่จะทำให้อุณหภูมิโลกไม่สูงเกิน 1.5 องศา ซึ่งหากเราปล่อยก๊าซคาร์บอนแบบในปัจจุบันนี้ ในอีก 7 ปี คาร์บอน Budget นี้จะหมด (เราเหลือเวลา 7 ปีในการมุ่งสู่คาร์บอนศูนย์)
2. และเราเหลือ Carbon Budget 1055 Gt CO2 ที่สามารถปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศได้ โดยที่จะทำให้อุณหภูมิโลกไม่สูงเกิน 2 องศา ซึ่งหากเราปล่อยก๊าซคาร์บอนแบบในปัจจุบันนี้ ในอีก 25 ปี คาร์บอน Budget นี้จะหมด (เราเหลือเวลา 25 ปีในการมุ่งสู่คาร์บอนศูนย์)
นอกจากนี้บน Climate Clock ยังมีตัวหนังสือสีเขียวที่แสดงถึงเปอร์เซ็นต์การเติบโตของการผลิตพลังงานจากแหล่งที่หมุนเวียน เรียกว่า Lifeline ที่ ณ วันนี้ คิดเป็น 27% โดยเราต้องทำให้ Lifeline หรือการผลิตพลังงานจากแหล่งหมุนเวียนให้เป็น 100% ก่อนที่ Deadline ของเราจะถึง 0 หรือ ก่อนวันที่ Carbon Budget หมดนั่นเอง
นาฬิกานับถอยหลังนี้คงเป็นสิ่งย้ำเตือนให้เราเร่งลงมือปฏิบัติในวันนี้ ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากกิจกรรมต่างๆในชีวิตของเรา เพื่อไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงเกิน 1.5 หรือ 2 องศาที่จะทำให้เราเผชิญหายนะในอีก 7 ปี หรือ 25 ปีข้างหน้า
โดยนาฬิกานี้เปรียบเสมือนการนับถอยหลังสู่หายนะ ที่เราทุกคนจะต้องเผชิญเหมือนกัน หากไม่ลงมือทำอะไรเลย เพราะฉะนั้นเราทุกคน ทุกภาคส่วน จะต้องร่วมมือกันในการมุ่งสู่เป้าหมายปล่อยคาร์บอนศูนย์ เพื่อเราทุกคนเอง
ขณะนี้หลายๆเมืองที่ได้นำ Climate Clock นี้ไปติดตามตึกต่างๆ อย่างใน Berlin, New York, และ Paris เพื่อย้ำเตือนผู้คนถึงให้ตื่นละตระหนักถึงความเร่งด่วนในการลงมือ Take Action กับเรื่องสภาพภูมิอากาศ โดยทุกท่านเองก็สามารถมีนาฬิกาถอยหลังนี้ไว้ที่บ้าน มือถือ หรือเมืองของตัวเองได้ เพื่อย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลาว่านี่คือเวลาที่เหลือที่เราจะช่วยโลกได้
และอย่าลืมว่าโลกก็มีเดดไลน์ และขีดจำกัดของมัน
ที่มา : https://www.facebook.com/environman.th/
-
โดนโควิดเข้าไปก็คงจะยืดไปได้อีกหลายปีละครับ
รถไฟฟ้าถ้ายังใช้งานไม่ได้เหมือนรถสันดาปกับทำงานราคาลงมาเท่าๆกัน คนที่จะซื้อส่วนมากก็ซื้อตามเทรนด์กับจำใจซื้อเพราะถูกบังคับมากกว่าครับ
-
โดนโควิดเข้าไปก็คงจะยืดไปได้อีกหลายปีละครับ
รถไฟฟ้าถ้ายังใช้งานไม่ได้เหมือนรถสันดาปกับทำงานราคาลงมาเท่าๆกัน คนที่จะซื้อส่วนมากก็ซื้อตามเทรนด์กับจำใจซื้อเพราะถูกบังคับมากกว่าครับ
บางทีก็แอบคิดเหมือนกันว่า โควิด คือการตอบโต้มนุษย์จากธรรมชาติครับ
ส่วนตัวอยากใช้รถ EV เหมือนกันครับ แต่ผมอยู่ภาคเหนือ ถ้าจะเดินทางไกลนี่วางแผนเดินทางไม่ถูกเลยว่าจะต้องแวะชาร์จไฟที่ไหน คงได้แค่คิดหละครับ
-
ผมว่าไอ่พวกพ่นหมึกเต็มบ้านเต็มเมืองเหมือนเดิมไม่สนใจ
-
สั้นๆ เลยนะ ผมไม่เชื่อ
-
อเมริกานี่ตัวดีเลย ก่อนจะเตือนคนอื่น ตัวเองทำให้ได้ก่อน ;D ;D ;D
https://themomentum.co/paris-climate-agreement-withdrawal-us-trump/
(https://scontent.fbkk12-3.fna.fbcdn.net/v/t31.0-8/15025609_1257573640982637_1298854616770995017_o.jpg?_nc_cat=102&_nc_sid=9267fe&_nc_eui2=AeH1q_8tl6bss5yeXeqmfKzCY_6ol9AK3kJj_qiX0AreQnleWi_J5d_YxB4oUjYT6NVLFfJRaKUunltrmV_auwwR&_nc_ohc=J1Kr1eTDekgAX9sHNPq&_nc_ht=scontent.fbkk12-3.fna&oh=86b449f45629cf1826aa8b20a0ec39f5&oe=5F9BDE3A)
-
ผมว่าไม่ต้องถึง 7 ปีหรอกคับ ปลายปีนี้เข้าหน้าหนาวอากาศนิ่งๆเดี๋ยวปัญหา PM2.5 ก็มาแล้ว
-
เข้าใจทำนะครับ ทำให้คนตื่นตัวได้ดีเลย
-
ง่ายๆเลย เปลี่ยนมาใช้รถเล็กลง ก็ช่วยได้
-
ผมว่า ถ้าใครไม่ได้ทำงานในห้องแอร์ น่าจะสังเกตุได้นะครับ ว่าอากาศมันร้อนมากขึ้นจริงๆ
-
โดนโควิดเข้าไปก็คงจะยืดไปได้อีกหลายปีละครับ
รถไฟฟ้าถ้ายังใช้งานไม่ได้เหมือนรถสันดาปกับทำงานราคาลงมาเท่าๆกัน คนที่จะซื้อส่วนมากก็ซื้อตามเทรนด์กับจำใจซื้อเพราะถูกบังคับมากกว่าครับ
บางทีก็แอบคิดเหมือนกันว่า โควิด คือการตอบโต้มนุษย์จากธรรมชาติครับ
ส่วนตัวอยากใช้รถ EV เหมือนกันครับ แต่ผมอยู่ภาคเหนือ ถ้าจะเดินทางไกลนี่วางแผนเดินทางไม่ถูกเลยว่าจะต้องแวะชาร์จไฟที่ไหน คงได้แค่คิดหละครับ
ผมว่าโควิดอาจจะกลับเร่งนะครับ
สังเกตว่าสมัยก่อนมีกระแสงดใช้ plastic
หลังโควิด plastic single use ถูกใช้ขึ้นมามหาศาล
แต่หลังๆ รถหมึกเต็มบ้านเต็มเมืองจริงๆ โมโหนะ รถผมต้องเติม adblue ลิตรละ 100 กว่าบาท เจอพ่นหมึก 1 คันคือหายหมดเลยพี่พยายามกัน
-
ผมว่า covid จะเป็นตัวเร่งด้วยซ้ำ
คนเลี่ยงใช้รถสาธารณะ พลาสติกใช้เยอะขึ้นไปอีก แล้วพอหายแล้ว โลกจะเร่งการใช้พลังงานมากกว่าเดิมเยอะมาก(คนอั้นจากการเดินทาง อุตสหกรรมกลับมามากและหนักกว่าเดิม แต่พฤติกรรมกลัว covidยังอยู่ต่อ...)
....................
รถไฟฟ้าส่วนบุคคลไม่ตอบครับ ... ยิ่งถ้าการสร้างไฟฟ้าไม่มาจากพลังงานสะอาด และที่ลืมๆกันไป คือการสร้างรถ 1คัน แบตเตอรี ก็สร้างมลภาวะแล้ว
สิ่งที่ตอบมากกว่า คือ การไม่ใช้พลังงาน หรือใช้เท่าที่จำเป็นมากกว่า
อนาคตจริงๆ คือ ระบบโดยสารสาธารณะ การเดินทางแบบไม่ใช้พลังงาน(เดิน/จักรยาน) หรือการ work from home มากกว่าจะไปดันรถไฟฟ้า
ต่อให้เป็นรถไฟฟ้า ทุกคนใช้แล้วมาติดบนถนน เครื่องปรับอากาศในรถก็สร้างความร้อนให้โลกอยู่ดีละครับ...
-
ผมว่าสิ่งที่เร่งการมาของ EV ใน 7 ปีนี้น่าจะเป็นโมเดลโลก
เข้าสู่ little ice age ตอน 2030 มากกว่าครับ :P
อุตส่าห์เน้นไฟฟ้าแทบตาย ถ้าเมืองหนาวอากาศหนาวแบบติดลบ
เทคโนฯแบตตอนนี้คือแบตจะมีปัญหามากจนเห็นได้ชัด
เหมือนกล้องถ่ายรูปหรือมือถือที่อากาศหนาวจัดก็จะใช้ได้สั้นลง
ดันให้เกิดใน 7 ปี และ 3 ปีกอบโกยก่อนจะร่วง
ปล.ผมมั่วล้วนๆตามข่าวลือเอาสนุกครับ ;D
-
ผมไม่หวังว่าจะมีใครมาช่วยได้
ผมไปส่งลูกแถบสมุทรสาคร เห็นโรงงานนรกแถวนั้นแล้วระเหี่ยใจ แอบปล่อยควันดำตอนกลางคืนถึงเช้ามืด แบบชนิดที่ถ้าเป็นคืนวันพระจันทร์เต็มดวงจะเห็นได้ไม่ยากเลย
แน่นอนครับ รมต.ไปตรวจ ตรวจยังไงก็ไม่เจอหรอก ผมกล้าท้าเลยว่าให้ท่านขึ้น ฮ.ไปกับผมช่วงเที่ยงคืน-ตี5 แล้วเอาสปอตไลต์ส่อง เจอแน่
นี่แค่เขตเดียวนะ ไม่รวมถึงเมืองสมุทรอื่นๆ และแถบเขตอุตสาหกรรม และนี่ก็แค่ประเทศไทยนะครับ ยังไม่รวมทั่วโลกที่เจ้าหน้าที่รัฐของพวกเค้าคอรัปชั่น
ยังไงภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นแน่ๆครับ ไม่ต้องห่วง
จะใช้รถน้ำมันหรือไฟฟ้า มันก็ต้องเกิดครับ
เดี๋ยววันที่เกิดจริงๆ เราคงนึกกันออกเองว่าควรแก้ไขอย่างไร เหมือนโควิดแหละ
-
ผมไม่หวังว่าจะมีใครมาช่วยได้
ผมไปส่งลูกแถบสมุทรสาคร เห็นโรงงานนรกแถวนั้นแล้วระเหี่ยใจ แอบปล่อยควันดำตอนกลางคืนถึงเช้ามืด แบบชนิดที่ถ้าเป็นคืนวันพระจันทร์เต็มดวงจะเห็นได้ไม่ยากเลย
แน่นอนครับ รมต.ไปตรวจ ตรวจยังไงก็ไม่เจอหรอก ผมกล้าท้าเลยว่าให้ท่านขึ้น ฮ.ไปกับผมช่วงเที่ยงคืน-ตี5 แล้วเอาสปอตไลต์ส่อง เจอแน่
นี่แค่เขตเดียวนะ ไม่รวมถึงเมืองสมุทรอื่นๆ และแถบเขตอุตสาหกรรม และนี่ก็แค่ประเทศไทยนะครับ ยังไม่รวมทั่วโลกที่เจ้าหน้าที่รัฐของพวกเค้าคอรัปชั่น
ยังไงภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นแน่ๆครับ ไม่ต้องห่วง
จะใช้รถน้ำมันหรือไฟฟ้า มันก็ต้องเกิดครับ
เดี๋ยววันที่เกิดจริงๆ เราคงนึกกันออกเองว่าควรแก้ไขอย่างไร เหมือนโควิดแหละ
ถึงจุดนั้นจริงๆแล้วกลัวจะไม่สามารถแก้ได้นะสิครับ
"เพราะหากโลกร้อนเกิน 1.5 หรือ 2 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านั้น เราอาจจะเผชิญวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศนั้นจะรุนแรงกว่านี้หลายเท่าตัว"
ถ้าขึ้นอีก 2 องศา พายุก็จะรุนแรงมากขึ้น กรุงเทพคงโดนน้ำท่วมหนักทุกปีแน่
โชคดีผมอยู่ภาคเหนือ แต่จะดีจริงรึเปล่าไม่รู้ เพราะหน้าหนาวปีนี้หนาวสุดในรอบหลายสิบปี ไม่ต้องขึ้นภูก็เจอเลขตัวเดียวได้ นึกแล้วสงสารลูกขึ้นมาเลยครับ
-
ผมไม่หวังว่าจะมีใครมาช่วยได้
ผมไปส่งลูกแถบสมุทรสาคร เห็นโรงงานนรกแถวนั้นแล้วระเหี่ยใจ แอบปล่อยควันดำตอนกลางคืนถึงเช้ามืด แบบชนิดที่ถ้าเป็นคืนวันพระจันทร์เต็มดวงจะเห็นได้ไม่ยากเลย
แน่นอนครับ รมต.ไปตรวจ ตรวจยังไงก็ไม่เจอหรอก ผมกล้าท้าเลยว่าให้ท่านขึ้น ฮ.ไปกับผมช่วงเที่ยงคืน-ตี5 แล้วเอาสปอตไลต์ส่อง เจอแน่
นี่แค่เขตเดียวนะ ไม่รวมถึงเมืองสมุทรอื่นๆ และแถบเขตอุตสาหกรรม และนี่ก็แค่ประเทศไทยนะครับ ยังไม่รวมทั่วโลกที่เจ้าหน้าที่รัฐของพวกเค้าคอรัปชั่น
ยังไงภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นแน่ๆครับ ไม่ต้องห่วง
จะใช้รถน้ำมันหรือไฟฟ้า มันก็ต้องเกิดครับ
เดี๋ยววันที่เกิดจริงๆ เราคงนึกกันออกเองว่าควรแก้ไขอย่างไร เหมือนโควิดแหละ
ถึงจุดนั้นจริงๆแล้วกลัวจะไม่สามารถแก้ได้นะสิครับ
"เพราะหากโลกร้อนเกิน 1.5 หรือ 2 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านั้น เราอาจจะเผชิญวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศนั้นจะรุนแรงกว่านี้หลายเท่าตัว"
ถ้าขึ้นอีก 2 องศา พายุก็จะรุนแรงมากขึ้น กรุงเทพคงโดนน้ำท่วมหนักทุกปีแน่
โชคดีผมอยู่ภาคเหนือ แต่จะดีจริงรึเปล่าไม่รู้ เพราะหน้าหนาวปีนี้หนาวสุดในรอบหลายสิบปี ไม่ต้องขึ้นภูก็เจอเลขตัวเดียวได้ นึกแล้วสงสารลูกขึ้นมาเลยครับ
จะหนาวจริงหรือครับ ผมไม่เคยเจอหน้าหนาว ที่เป็นฤดูหนาวแบบสมัยสัก 30 ปีก่อนมานานมากแล้วทางภาคเหนือ แบบหนาวทั้งวันทั้งติด ติดๆกันสาม สี่เดือน ทุกวันนี้เจอแต่ วันที่หนาว เสียดายมาก เปิด google ดู พื้นที่สีเขียวภาคเหนือนี่โล่งมาก
-
ผมว่าไอ่พวกพ่นหมึกเต็มบ้านเต็มเมืองเหมือนเดิมไม่สนใจ
จริง จัดการพวกนี้ให้ได้ก่อน
รถไฟฟ้าเอาไว้ทีหลัง
-
จะหนาวจริงหรือครับ ผมไม่เคยเจอหน้าหนาว ที่เป็นฤดูหนาวแบบสมัยสัก 30 ปีก่อนมานานมากแล้วทางภาคเหนือ แบบหนาวทั้งวันทั้งติด ติดๆกันสาม สี่เดือน ทุกวันนี้เจอแต่ วันที่หนาว เสียดายมาก เปิด google ดู พื้นที่สีเขียวภาคเหนือนี่โล่งมาก
อันนี้ที่บ้านผมเองในตัวเมือง ธันวาปีที่แล้วครับ
(https://scontent.fbkk5-6.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/78502079_3522308211120370_2367742726423707648_o.jpg?_nc_cat=101&_nc_sid=8bfeb9&_nc_eui2=AeEnMm-_ULiqhUvw--O9S5ayXFsi2HGmE8lcWyLYcaYTyZYxw2sP8X-rskytLVs4HtzcrfqGCCfrXqBf8vjZi_1d&_nc_ohc=ymbRwVojzHEAX8fG4Jz&_nc_ht=scontent.fbkk5-6.fna&oh=67e208bf40f2317d71fe049c852ff5bd&oe=5F9B09E3)
ผมว่าไอ่พวกพ่นหมึกเต็มบ้านเต็มเมืองเหมือนเดิมไม่สนใจ
จริง จัดการพวกนี้ให้ได้ก่อน
รถไฟฟ้าเอาไว้ทีหลัง
เห็นด้วยครับ เกลียดมากเลยพวกนี้ บ้านผมอยู่ตรงสี่แยกไฟแดงพอดี รับควันเต็มๆเลยครับ
ตอนเย็นๆอุ้มลูกเดินเล่นนอกบ้านได้แปปเดียวก็ต้องเอาเข้าบ้าน
-
จะหนาวจริงหรือครับ ผมไม่เคยเจอหน้าหนาว ที่เป็นฤดูหนาวแบบสมัยสัก 30 ปีก่อนมานานมากแล้วทางภาคเหนือ แบบหนาวทั้งวันทั้งติด ติดๆกันสาม สี่เดือน ทุกวันนี้เจอแต่ วันที่หนาว เสียดายมาก เปิด google ดู พื้นที่สีเขียวภาคเหนือนี่โล่งมาก
อันนี้ที่บ้านผมเองในตัวเมือง ธันวาปีที่แล้วครับ
(https://scontent.fbkk5-6.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/78502079_3522308211120370_2367742726423707648_o.jpg?_nc_cat=101&_nc_sid=8bfeb9&_nc_eui2=AeEnMm-_ULiqhUvw--O9S5ayXFsi2HGmE8lcWyLYcaYTyZYxw2sP8X-rskytLVs4HtzcrfqGCCfrXqBf8vjZi_1d&_nc_ohc=ymbRwVojzHEAX8fG4Jz&_nc_ht=scontent.fbkk5-6.fna&oh=67e208bf40f2317d71fe049c852ff5bd&oe=5F9B09E3)
ผมว่าไอ่พวกพ่นหมึกเต็มบ้านเต็มเมืองเหมือนเดิมไม่สนใจ
จริง จัดการพวกนี้ให้ได้ก่อน
รถไฟฟ้าเอาไว้ทีหลัง
เห็นด้วยครับ เกลียดมากเลยพวกนี้ บ้านผมอยู่ตรงสี่แยกไฟแดงพอดี รับควันเต็มๆเลยครับ
ตอนเย็นๆอุ้มลูกเดินเล่นนอกบ้านได้แปปเดียวก็ต้องเอาเข้าบ้าน
จริงครับ จัดการเด็ดขาดไม่ต้องให้ได้ใช้รถอีกต่อไปเลยครับ ขับควันดำทำลายสิ่งแวดล้มมากๆ
-
บ้านเรา บางคนคงไม่ค่อยมีคนสนใจเรื่องโลกร้อนสักเท่าไร
รถที่ใช้ E20 ได้ ก็ยังไม่อยากจะใช้กันเลย
เกษตรกร ก็เผากันทุกปีครับ
(https://news.thaipbs.or.th/media/G0DL5oPyrtt5HBAi4n7zyd00MHLg2n4tmRFTMfdutXU1OhEV14DWHA.jpg)
(https://news.thaipbs.or.th/media/G0DL5oPyrtt5HBAi4AGjF4IFGGYUPb3S3ImOeG1cmKSdD8K6EOlTLk.jpg)
ปล.เดี๋ยวก็อาจจะมีคนมาบอกให้ลองไปปลูกอ้อย/ทำนาอีก
-
เมื่อวานเหม็นควันแสบจมูก เลยลองขึ้นไปดูบนดาดฟ้า ลองหมุนรอบตัวดู เผากันมากกว่า 10 จุดครับ ควันขโมงเห็นชัดเลย
ภาครัฐไม่เคยคิดจะทำำอะไรเลย ถ้าช่วงหน้าร้อนก็จะเห็นรถดับเพลิงวิ่งกันให้วุ่น