Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Staples ที่ พฤศจิกายน 23, 2020, 13:56:58
-
โดยพื้นฐาน รถ EV สามารถทำอัตราเร่งได้ดีมาก 0-100 ได้ 8.4 วินาที ไฟฟ้า เต็มถัง วิ่งไม่เร่งมาก ได้ถึง 337 กิโลเมตร ซึ่งเป็น Pain Point สำหรับรถไฟฟ้าในตอนนี้
ถ้ามองว่าอัตราเร่ง 8.4 เร็วเกินไป หรือเป็นความต้องการของคนส่วนน้อยในความเร็วเท่านี้ ทำไมไม่เพิ่มแบตในรถให้มากขึ้น รถหนักขึ้น ก็อาจทำอัตราเร่งได้ช้าลง เอาแค่ซัก 10 กว่าวิก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว สมมุติว่า ได้แบตเพิ่มจนสามารถวิ่งได้ 500-600 กิโลเมตร ผมว่าแนวทางนี้ น่าจะทำให้รถไฟฟ้าล้วน ดูน่าใช้กว่าที่เป็นอยู่
มีความเห็นว่ายังไงบ้างครับ
-
คหสต นะครับ
อัตราเร่ง มันผลพลอยได้ จากการใช้มอเตอร์
คำถามที่ควรถามคือ ทำไมความจุแบ็ตให้มาสำหรับการวิ่ง 300 กิโล+- ไม่ยัดมาให้มากกว่านั้น
คำตอบที่เห็นตอบกันทั่วไปคือ ตัวแบ็ตมันยังมีราคาแพงเกินไป เพิ่มเติมด้วยขนาดของตัวรถที่จะออกแบบใว้สำหรับเป็นที่อยู่ของแบ็ต
ไม่ได้กลัวหนัก ไม่ได้กลัวช้า แต่กลัวตัวรถแพงจนซื้อกันไม่ลง
ทางแก้ก็ 3 แบบหลักๆ 1.ผลิตแบ็ตโดยให้ตนทุนถูกลง 2.เร่งคิดเทคโนโลยีใหม่ ความจุเพิ่ม ถูกลง 3.เพิ่มจุดชาร์ต หรือออกแบบให้เปลียนแบ็ตทั้งลูกที่สถานี
-
หลักๆก็แบตแพงครับ กับอีกข้อคือการเน้นแต่อัตราเร่งตอนออกตัวที่ใส่แต่ฟิกซ์เกียร์ตัวเดียว และเพื่อเบา แต่ไม่ยอมคิดว่าการมีแต่ฟิกซ์เกียร์อัตราทดเดียวมันจะทำให้มอเตอร์ทำงานหนักและบริโภคไฟสูงกว่าการมีอัตราทดที่มันหลากหลายครับ
-
ต้นทุนรถไฟฟ้า ส่วนที่มีนัยยะสุดก็แบตเตอรี่นี่แหละ วิ่งไกลแบตต้องเยอะ พอเยอะน้ำหนักก็มาก พอน้ำหนักมากก็ต้องใช้แบตเยอะ งูกินหาง ไม่จบสิ้น
จะไปต่อได้ ต้องเพิ่มสัดส่วน ความจุ/น้ำหนัก แบตให้สุงขึ้น ซึ่งยังต้องพัฒนากันไปจนกว่าจะถึงขั้นนั้น
-
สำหรับผมมองว่าแบตแพงครับ
เพราะมอเตอร์มันทำงานได้เต็มที่เท่านั้น เค้าเลยเคลมตัวเลขสูงสุด มันไม่เหมือนเครื่องยนต์ที่ รอบดันแรงเดินเบา แล้วจะกินน้ำมันต่างกัน
การทำงานของรถ ev คือเอาพลังไฟฟ้าไปหมุนมอเตอร์
ยิ่งทำแบตเยอะราคาก็ยิ่งแพง คงต้องรอแบตพัฒนาไปอีกเยอะๆต้นทุนถูกลง คงอารมณ์เดียวกับ flash drive ที่เดี๋ยวมันคงถูกลงเล็กลงตามเทคโนโลยีที่ผลิตไปอะครับ
-
รออาทิตย์หน้าก็รู้แล้วครับ ว่าตัดอะไรออกบ้าง MG5 wagon EV ราคาต่ำกว่าล้าน (เดาครับ)
-
เพิ่มแบตให้ใหญ่ขึ้น ผมมองว่าทำได้นะ แต่รถมันขยายให้ใหญ่ไปมากมายกว่าเดิมไม่ได้
กฎหมายอาจจะมีการกำหนดขนาดตัวถังรถเอาไว้ ถ้าจะเพิ่มแบต ก็อาจจะมีพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระน้อยลงมากๆก็เป็นได้นะครับ
ส่วนเรื่องอัตราเร่งผมมองว่าเป็นผลทางอ้อมจากมอเตอร์ไฟฟ้ามากกว่าครับ
-
8.4 มันไม่เยอะนะ..ผมเฉย ๆ
ไปทำให้ช้าลงไปอีกทำไม?
-
สำหรับผมต่อให้เพิ่มความจุแบต แต่การชาร์จไฟไม่สะดวก(ทั้งระยะเวลาในการชาร์จและจำนวนจุดชาร์จ โดยเฉพาะสำหรับคนเดินทางไกล) ความน่าใช้ก็ยังน้อยอยู่ดีครับ
-
เพิ่มแบตมันทั้งหนัก แพง และ ชาจได้ช้ากว่าจะเต็ม ถ้าไม่มีระบบชาจดีๆแบบ tesla ไม่มีใครทำหรอก
-
ราคาแบตมันคือต้นทุนหลักเลยครับ มันถึงได้แพง แล้วข้อจำกัดการออกแบบพื้นที่วางแบต ตอนนี้ส่วนมากใช้แบบ skateboard อยู่ (วางใต้พื้น) ถ้าอีกหน่อยออกแบบที่วางใหม่ได้อาจจะวิ่งได้เพิ่มอีกครับ
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
-
ถ้าแบตคุณภาพสูงไม่มา คงต้องรอต่อไปครับ...แต่ผมเชื่อว่าใกล้จะมาแล้ว