Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: suriya24 ที่ ธันวาคม 01, 2020, 16:55:24
-
หากต้องการเปลี่ยนรถ ซึ่งผ่อนไปประมาณ 1 ปี แล้วออกรถใหม่
มีขั้นตอนทำอย่างไรบ้างครับ
เบื้องต้นคิดว่าน่าจะเทรินผ่านศูนย์ที่ซื้อมาเลย และออกอีกรุ่นที่ศูนย์นั้นเหมือนกันครับ
-
เดาว่า BR-V เปล่าครับ เหมือนเคยเห็นมาโพสต์ถามอยู่
แค่อยากทราบว่าจะเทิร์นเป็นรุ่นใดเฉยๆครับ :D
-
มันไม่มีหรอกคำว่าคุ้ม หนี้ที่เหลืออยู่มากกว่าราคารถหรือเปล่า
ถ้าไม่ก็แปลว่าขาดทุน แล้วก็ต้องเสียดอกเบี้ยรถคันใหม่อีก
แต่ถ้าเกิดความอยาก แล้วเงินพร้อมก็จัดไปเถอะ
-
คิดยังไงก็ขาดทุนครับ
ยกเว้นแต่ไม่เดือดร้อน ก็จัดครับ คุ้มแก่ความต้องการมากกว่า
-
ผ่อนยังไงก็ขาดทุน อยู่ที่ขาดทุนมาก น้อยแค่ไหน ดูที่อัตราการดาวน์ และอัตราผ่อนและยอดดอกเบี้ยครับ เพราะส่วนใหญ่คิดดอกรวมกับค่าผ่อนไปหมดแล้วครับ
ถ้าแค่ 1 ปี ถ้าดาวน์น้อยและผ่อนนาน นี่ขาดทุนยับๆ
ถ้าแค่ 1 ปี ถ้าดาวน์มากและผ่อนน้อยปี ขาดทุนน้อยกว่าครับ
ลองดูนะครับเผื่อช่วยได้ ::)
-
คำว่าคุ้มของท่านคืออะไรครับ
ถ้าเปลี่ยนแล้วตอบโจทย์ ชีวิตดีขึ้น ไม่เดือนร้อนเรื่องเงินก็คุ้ม
แต่ถ้ามองแค่ความคุ้มค่าเงิน มันไม่มีคำว่าคุ้มครับ ขาดทุนยับ
-
ถ้าเปลี่ยนรุ่นที่ชอบมันก็คุ้ม
-
วิธีนึงที่พอทำกันได้ คือขายดาวน์+เปลี่ยนสัญญาหาคนมาผ่อนต่อคับ
แต่ถ้าเป็นรถรุ่นที่ไม่ได้รับความนิยมมากและดอกเบี้ยผ่อนแพง จะเปลี่ยนสัญญาขายยากหน่อยนึง
(คนที่จะรับซื้อ เขาก็จะคำนวณราคารถจาก ค่างวดที่เหลือ+เงินส่วนต่างค่าขายดาวน์ที่เราเรียก) ถ้าดูแล้วแพงไปก็ไม่ค่อยอยากซื้อ
เรื่องคำว่าคุ้มมันพูดยากคับ ก็ลองคำนวณเงินที่หายไปกับจำนวนเวลาที่ได้ใช้รถคันเก่าดูเอา
-
ส่วนตัวผม ถ้าค่าผ่อน = ค่าเสื่อม คือคุ้มครับ เช่น ซื้อรถมา 1 คัน 2 ล้าน อีก 4 ปี ขายได้ 1 ล้าน เท่ากับขาดทุนเฉลี่ย 20,000 กว่าบาทต่อเดือน ซึ่งพอๆ กับยอดผ่อน (ขึ้นกับเงินดาว) แบบนี้ส่วนตัวมองว่าคุ้ม
-
ไม่รู้ว่าผ่อนนานแค่ไหน
แต่โดยมาก 3-4-5 ปี และถ้าผ่อนไปแค่ 1 ปี
ไอ้ที่ผ่อนมามักจะเป็นแค่ "ดอกเบี้ย" เมื่อหักค่าเสื่อมและอื่นๆในระยะ 1 ปีแล้ว
"มูลค่าของตัวรถ" ยังไม่เท่ายอดผ่อนที่คงเหลือ!!
คือ ให้ฟรีไปผ่อนต่อ หลายคนก็ยังคิด!!
สรุป "ไม่คุ้ม" คุณควรใช้ต่อ ระงับความอยากไว้
ถือว่าเป็นค่า exp.
-
ไม่คุ้มเงินอย่างแน่นอน แต่ถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงินก็ตามสบายเลยครับ
จากประสบการณ์ของผม จขทก.อาจใช้รถแล้วไม่ชอบหลายๆ อย่างของมัน ก่อนซื้ออาจคิดว่าตอบโจทย์แต่พอใช้แล้วมันไม่ใช่
ความเห็นผมที่ผ่านเรื่องพวกนี้มาแล้ว ถ้ารถไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงๆ ก็เปลี่ยนเลย แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วเดือดร้อนเรื่องเงินก็อย่าเลยครับ ใช้ต่อไป ความอยากได้มันมีช่วงสุดๆ อยู่ช่วงนึงเดี๋ยวมันก็ลดลง
-
เพิ่งผ่อนได้ปีเดียว ขายดาวน์เปลี่ยนสัญญาน่าจะคุ้มดีกว่าครับ
แต่ถ้าใช้ไปแล้วสัก 3-4 ปี (สมมติคุณผ่อน 5 ปี) อาจขายปิดยอดแล้วเอาส่วนที่เหลือไปดาวน์น่าจะดีกว่า
-
รถ 1 ปี
ถ้าดาวไม่หนักจริงๆ เอาไปเทรินอาจมีจ่ายเพิ่มด้วยซ้ำครับ
รถ = ลด
ราคามันหายน่าตกใจนะ ถึงจะรถญี่ปุ่นเจ้าตลาดก็เถอะ
ผมว่าหายไป 1-2 แสน
ถ้าถามผมไม่คุ้มด้วยประการทั้งปวง
-
รถผ่อนไปหนึ่งปีเอาไปเทิร์น ถ้าถามหาความคุ้ม ผมว่าน่าจะได้ความกลุ้มแทนครับ😄😄😄😄เอาใจช่วยครับ
-
ถ้าถามถึงความคุ้ม ยังไงก็ขาดทุนอยู่แล้วครับ จะขายตอนนี้ ขายหลังผ่อนหมดยังไงก็ขาดทุน
แค่กระแสเงินสดมันจะสูบไม่เท่ากัน ถ้าเทินกับศูนย์ เค้าคงอยากขายเราก็คงซับให้ประมาณนึง แต่ราคาเค้าก็ต้องกดจัดเลย เพราะเอาไปขายมือสองนิเนอะ ก็ต้องได้กำไร
เราผ่อนไป 1 ปี สมมุติว่า กลางๆทำผ่อน 5 ปี โดนดอก flat rate 2% มันคิดล่วงหน้าไปแล้วอะครับ
เท่ากับว่าเราต้องจ่ายดอกทิ้งไป 4 ปี ปิดก็ลดได้นิ้ดนึง
อะหรือ จะเปลี่ยนสัญญาผ่อนต่อ เราก็เหมือนต้องทิ้งดาวน์ เพราะราคารถมือสองปลอดดอกถูกกว่าอ้ะ ใครๆก็คงเลือกคันอื่น
อะหรือ2 เราดาวน์น้อยมาก แปลว่าดอกมหาศาลแน่ๆ พอรวมเป็น package เราอาจจะต้องแถมเงินให้คนซื้อ
ทั้งนี้ค่าเปลี่ยนสัญญาก็มีต้องล่วงหน้า 3เดือน +ประกัน +จิปาถะนิดๆ อีก คนที่เค้าจะซื้อไปผ่อนต่อเค้าเอาค่างวดไปดาวน์ คันใหม่เลย จ่ายเพิ่มนิดเดียวเอง คุ้มกว่าอะ
ผ่อนรถไม่เหมือนผ่อนบ้านปีแรกๆไม่ใช่ดอกเบี้ยล้วน ต่อให้ใช้แบบใหม่ที่เป็น ดอก efr มันก็พอๆกัน คิดแยกดอกแยกมูลค่ารถคงไม่ได้ เพราะยังไงเราก็ต้องจ่ายรวมกัน ปิดก่อนลดไม่ได้เยอะเลยหลักพัน ไม่เหมือนบ้านนะครับ
คุ้มมั้ยคงต้องดูหลายๆอย่างแหะ คุ้มแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ทาง financial ขาดทุนสุดๆ
-
ไม่คุ้มครับ แค่ขับรถออกมาราคามันก็ตกเยอะมากแล้ว ยิ่งปีน้อยยิ่งไม่คุ้ม
แต่ถ้ามันอยากเปลี่ยนจริง รีบเปลี่ยนมันก็ดีกว่านะครับ
ผมก็เคยขายรถที่เพิ่งใช้1ปี ถ้าย้อนถามว่าเสียใจมั๊ยไม่เคยเสียใจ แต่ถ้ากลับไปแก้ไขได้ ผมจะขายให้เร็วขึ้นไปอีก
-
ยังไงก็ไม่คุ้มครับ
ถ้าคืนรถ ไฟแนนซ์ไปขายทอดตลาด ได้ราคาต่ำกว่ายอดที่ค้าง เขาก็มาเอาส่วนต่างจากเราครับ
จะให้ดี ขายดาวน์ (หรือให้ฟรี) แล้วหาคนมาเปลี่ยนสัญญาผ่อนต่อ จะจบสวยกว่า
แล้วค่อยไปออกคันใหม่ครับ
-
ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาก็มีแต่คุ้มกับคุ้มครับ ได้รถที่ถูกใจมาใช้
-
แล้วถ้าเป็นดอก 0% ล่ะ
-
ยังไงก็ไม่คุ้ม มีแต่เสียเงินกับเสียเงิน ข้อดีคือได้รถใหม่ ที่อยากได้ครับ
อยู่ๆ จะไป เทิร์นรถ คงไม่ง่ายขนาดนั้นครับ ถ้ารถติดไฟแนนซ์อยู่ ต้องหาคนมาผ่อนต่อครับ นั่นก็คือการเปลี่ยนสัญญานั่นเอง ก็จะมีค่าใช้จ่ายเรื่องการโอนสิทธิ์กันอีก ถูกแพง แล้วแต่ไฟแนนซ์ครับ
-
ถ้าตอบสั้นๆ ก็ ... " ไม่มีทางคุ้ม " ครับ ... จะคุ้มได้ .. คุณต้องผ่อนมันจนหมด และใช้งานไปเกินกว่า 5-6-7 ปี ครับ
ถ้าตอบยาวๆ แบบไม่คำนวณ (ขอไม่คำนวณให้ดูนะ ไม่สะดวกตอนนี้)
- ราคารถป้ายแดง มันโดนภาษีเก็บเข้ารัฐ อย่างต่ำก็ 6-7 หมื่น (ECOCAR) ถ้าเป็น 1500cc ขึ้นไปก็คันละ 1 แสนอัพ
- ฉนั้น พอคุณซื้อมาใช้แล้ว คุณจะขายต่อมือสอง รัฐเค้าไม่คืนภาษีให้ ราคารถของคุณ จะขึ้นกับว่า มีคนสนใจจะซื้อรถมือสองคันนั้นของคุณ แค่ไหน
- ถ้าคุณใช้มาแค่ปีเดียว ยังมีหนี้ต้องผ่อนต่อ อยู่ 4-5-6 ปี มือสองเวลากู้มาผ่อน จะโดนดอกเบี้ยแพงขึ้นจากมือแรกอีก 1-2%
ฉนั้น คนที่จะมาซื้อ เค้าเปรียบเทียบแล้ว จ่ายดาวน์เท่ากัน ผ่อนก็ใกล้เคียงกัน แล้วเค้าจะมาซื้อรถมือสองทำไม !!??
ทั้งความเสี่ยง ที่เค้าอาจเจอรถมีปัญหา จนเจ้าของมือแรกเค้าทนไม่ไหว เลยต้องตัดใจขายทิ้งนะ
- สุดท้าย โลกของความเป็นจริง
1) ถ้าเหลือหนี้น้อยลงพอสมควร (ระดับผ่อนมาแล้ว 2 ปี) จะให้คนซื้อมารับไปผ่อนต่อฟรีๆ หรือ จ่ายแค่หลักหมื่น
แต่คุณจะขาดทุนเป็นแสน - หลายแสน เพราะทั้งเงินดาวน์ + เงินผ่อนมานาน ปีกว่าๆ
2) ถ้าเพิ่งผ่อนมาแค่ปีเดียว ... แล้วคุณจะไม่ผ่อน ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด .. ถ้าหาคนมาช่วยรับซื้อต่อได้ .. รถคุณจะโดนยึด แล้วก็โดนฟ้องจากไฟแนนซ์
ครับ
-
เดาว่า BR-V เปล่าครับ เหมือนเคยเห็นมาโพสต์ถามอยู่
แค่อยากทราบว่าจะเทิร์นเป็นรุ่นใดเฉยๆครับ :D
ใช่ครับ พอดีรู้สึกว่าออก 7 ที่นั่งแล้วมันไม่ได้ใช้เลย ใช้มากสุด 4 คนเอง
พอเห็นซิตี้ตัวใหม่ เลยใจสั่นๆขึ้นมาน่ะครับ เลยลองมาดูข้อมูลไว้ก่อนครับ
-
ไม่ต้องไปคำนวณหรอกครับ คำนวณไปยังไงก็น่าจะผิดแน่ๆ เพราะไม่คำนึงถึง time value of money
วิธีที่ง่ายกว่าคือ การเปรียบเทียบ มูลค่าสัญญาเช่าซื้อ กับ ราคามือ2 เวลาเจ้าหน้าที่คีย์ข้อมูลในคอม มันจะมีมูลค่าสัญญาเช่าซื้ออยู่ซึ่งคนทั่วไปไม่รู้ว่ามันคืออะไร และคำนวณยังไง
โดยปกติ มูลค่าสัญญาหนี้ จะมีมูลค่ามากกว่า หลักประกัน อยู่แล้ว
จะคุ้มก็ต่อเมื่อ ราคา spot หลักประกัน สูงกว่า มูลค่าสัญญาหนี้ แล้วนำไปพิจารณาเทียบกับ down payment
ที่เคยเห็นว่าคุ้มเกิดขึ้นกับกรณีของสัญญาจำนองบ้าน เพราะราคาบ้านเพิ่มสูงขึ้นเร็วจนมากกว่า มูลค่าสัญญาจำนอง และ down payment ทำให้เกิดการกู้มาแล้วขายเก็งกำไร จนเป็นที่มาของวิกฤตแฮมเบอเกอร์ 2007-2008 แต่ยังไม่เคยเห็นเกิดขึ้นกับรถยนต์
ในแง่ตัวเงิน โอกาสเกิดแบบบ้านแล้วคุ้มนั้นเป็นไปได้ยาก