Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Nikle_pk ที่ มีนาคม 10, 2021, 21:03:41
-
ถ้าเทียบ B-segment ในตอนนี้รวมทุกรุ่น
Jazz ยังนับเป็นตัวเลือกที่ดีอยู่ไหมครับ สมรรถนะ
ช่วงล่างถือว่าล้าหลังแล้วหรือยัง ในตัวเลือก 5 ประตู
น่ะครับ
แล้ว Honda จะขายต่อไปอีกนานแค่ไหนครับ
(ตัวใหม่ไม่เข้า ส่วนตัวนี้จะยกเลิกขายเมื่อไหร่
แล้วมันจะยังมี ปรับหน้าตาหรือปรับอุปกรณ์อีกไหมครับ)
ขอบคุณครับ
-
ถ้าไม่นับเรื่องหน้าตา ถ้าชอบ
แทบไม่มีเหตุผลให้ซื้อ เพราะมี city hatch มาแทน
-
ผมว่า city 5 ประตู ดีกว่าทุกด้านเลยนะครับ jazz ไม่มีตัวใหม่แล้วครับ คงขายที่มีในสต๊อกให้หมด
-
ข้อดีคือยังมี MT ให้ซื้อ ถ้าไม่อยากได้ CVT เครื่อง 1.5 NA ตัวนี้ก็ไม่ได้อัตราเร่งแย่กว่าตัว 1.0 เท่าไหร่ครับ
ปล. ผมว่าใบปัดน้ำฝนหลัง Jazz สวยกว่าเห็นๆ 555+
-
มันคือรถที่ตกรุ่นไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าฮอนด้าจะเอามาทับไลน์กันทำไม
-
อาจจะยังน่าใช้ ในแง่ความคุ้นเคยกับเครื่อง na เดิม กับมีเกียร์ธรรมดาให้เลือก ก็น่าใช้สำหรับคนที่คุ้นเคยระบบ na นอกนั้นไม่มีอะไรที่สู้ City ได้เลย
เรื่องความทนทานของ 1.0 turbo ใน City ก็ไม่แน่ ต้องดูกันไปในระยะยาว
-
jazz mt + เซ็ทโบ คำตอบสุดท้าย ถ้าเกียร์ออโต้ ไป city hb ดีกว่า
-
Jazz mt ทดเกียร์มาจัดไปครับ
ขับสนุกจริง แต่ขับยาวๆผมว่าไม่
ไม่นับเรื่องการออกแบบภายใน city hatch น่าใช้กว่าเยอะครับ
-
-เครื่อง na ไม่ต้องบำรุงเยอะ
-ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยเท่า 1.0T
-รอบเดินเบาไม่สูงเท่ารถ3สูบ หรือเอาง่ายสั่นน้อยกว่า 3สูบ
-ไม่ต้องดูแลพวกอินเตอร์น้ำ+โบเสีย
-ค่าแบตไม่แพงเพราะไม่มี idle stop
-เติม e85 ได้
-ช่วงล่างไม่ต่างกันมาก
-jazz ถ้าไม่ใช่รุ่น rs+ ก็จะมีถุงลมมาให้แค่ 2ใบ ไม่เหมือน city h ที่ให้4ใบ
น่าจะเหมาะกับคนที่อยากได้ค่า maintenance รถไม่สูงมากนะครับ
แต่อัตราเร่ง+อัตราสิ้นเปลือง city h น่าสนใจกว่านะครับ
-
หากได้โปรดี ส่วนลดเยอะ และไม่แคร์ว่าเป็นโมเดลเก่า ก็จัดเลยครับ
ส่วนตัวผมก็ยังชอบหน้าตาของ Jazz มากกว่า City Hatchback นะ
แต่ถ้าต้องให้เลือกจ่ายเงินเพื่อซื้อ 5 ประตู ณ ตอนนี้ สำหรับผมก็คงต้องไป City HB อยู่ดีแหละครับ เพราะเป็นโมเดลใหม่และน่าจะคุ้มค่าเงินมากกว่า
-
แปลกใจ ที่ ทำไมคนยังถามหา Jazz เรื่อยๆแฮะ (สงสัยจริงๆนะ ไม่กวน)
ถ้าได้ดีลดีๆ หรือ อยากได้เกียร์ M/T ก็จัดไป
ถ้าไม่งั้น City Hatchback ช่วงล่างนุ่มกว่ามากมาย เก็บเสียงดีกว่าด้วยครับ จะติแค่ หลังคาเบาะหลังมันเตี้ย คนตัวสูงหัวติด
-
ทุกวันนี้เกียร์ Jazz MT หารถส่งมอบไม่ค่อยมีแล้วนะครับ
-
ทุกวันนี้ผมก้อยังชอบ Jazz GK มากกว่า City HB อยู่ดี
-
พื้นที่ห้องโดยสาร ความสะดวกสบาย ความอเนกประสงค์ ทำให้ Jazz น่าใช้กว่า City 5 ประตู
จริงๆเครื่อง 1.5 นี่ไม่ได้แย่ เร่งดี ประหยัด เพียงแค่คู่แข่งมันคือ 1.0T ที่เทคโนโลยีไปไกลกว่า
ถ้าใช้ในเมือง ซื้อให้ลูกเมียขับ ใช้ขับไปทำงาน ไปห้าง ผมว่ามันโอเค
ตัวแจ๊สดูไม่ซับซ้อน ใช้งานง่ายๆไม่ต้องห่วงอินเตอร์ โบ แกน หม้อน้ำ
ถ้าซุกซน ชอบแต่ง มีอนาคตทั้งคู่
-
อันนี้ต้องแล้วแต่ชอบเลยจริงๆ
ถ้าถามว่ายังน่าใช้ไหม ผมบอกเลยว่ายังน่าใช้อยู่ครับ
ยังไงลองไปสัมผัสตัว City HB ไว้ก่อนเผื่อเปลี่ยนใจ แต่ถ้าไม่ชอบ ก็จัด Jazz ไปเลยครับ
ช่วงนี้น่าจะมีโปรเยอะด้วยหรือเปล่านะ
-
พอไปหาข้อมูล city HB กลับรู้สึกว่า ผมเหมาะกับ Jazz มากกว่า city HB ครับ
1.ถ้าใช้รถแบบเก็บยาวๆ ไม่ซิ่ง ค่าดูแล Jazz ถูกกว่ามาก หักลบกลบหนี้กับค่าน้ำมันได้เลย เผลอๆ รวมค่าน้ำมันแล้วยาวๆ Jazz ถูกกว่า
2.เครื่องเดิมใช้มากี่ปีก็ไม่รู้ อะไหล่เพียบ ไปไหนช่างก็ซ่อมได้ ยาวๆอะไหล่ถูกกว่าแน่ๆ
3.space อันนี้จุดตายเลย Jazz ก็คือ Jazz ครับ city แทนไม่ได้ สายจักรยานอย่าพลาดไปเอา city HB นะมันใส่แรคจักรยานด้านในไม่ได้เหมือน Jazz headroom ด้านหลังเตี้ยกว่ามาก ใส่ของสูงลำบากแม้จะได้เบาะ ultra seat ก็เหอะ ... ไม่เชื่อพับเบาะราบนั่งสี่เล่นไพ่เหมือน jazz ดูสิ มีเมื่อยคอ
4.design ... ยังไง Jazz5ปีที่แล้ว ผมว่ายังลงตัวกว่า city ล่าสุด ทั้งในและนอก
5.ของแต่ง JP ยังไงก็มากกว่า
.............
เอาจริงนะ ให้เลือกผมไป Jazz ถ้าราคามันน่าสน จากคนเคยใช้ jazz GD มา city HB มันแทน Jazz ไม่ได้จริงๆ ครับ
อยากให้ honda เปลื่ยนใจเอา Jazzใหม่มานะ หรือเอา Jazz ใหม่มาทำเป็น crossover ก็ได้ ผมเอา
-
ส่วนตัวยังชอบ GK มากกว่า City HB ครับ หน้าตาสวยจบกว่า City HB ดูมันยังขาดๆเกินๆยังไงไม่รู้
แต่ tech ของ City ก็ก้าวข้ามGK ไป 1 เจนแล้ว แต่ GK ยังได้รถแบบ JDM และความอเนกประสงค์ที่ดีกว่า และราคามือ 2 Gk น่าจะค่อนข้างแข็งกว่า
-
Jazz มีเกียร์ L ครับ city ต้องโดดไปเล่นตัวท๊อปเลยมี+-
และjazzบำรุงรักษาทุกหมื่นโล city เข้าตามไฟเตือน
-
ผมว่าน่าใช้
แถมน่าใช้กว่า City Hatch ด้วย ตัวนั้นความสวยอยู่หนใด
คหสต.
-
Freed น่าใช้กว่า ราคาใกล้ๆกัน กระแสกำลังมา
-
รถคันไม่ยาวกระฉับกระเฉงดี ยิ่งถ้าได้เกียร์ธรรมดานี่น่าใช้มากครับ
-
คุณต้องถามว่าตัวเองชอบรถแบบ Jazz มากกว่ารึเปล่าครับ หลายคนมองเผินๆอาจจะบอกว่ามันเหมือนกับ City HB แต่ผมว่าสองคันนี้ต่างกันเยอะนะ
City HB มันเหมือนรถแนว Shooting Brake มากกว่า ในขณะที่ Jazz มันคือ Hatchback
ถ้าคุณชอบรถแนวสั้นๆกลมๆ เน้นความ Compact คล่องตัว รับได้กับช่วงล่างของ Jazz (ซึ่งก็โคตรจะวัยรุ่น) คันเร่งโคตรวัยรุ่น ดีไซน์ภายในก็โคตรรรจะวัยรุ่นเลย
ของแต่งมีเพียบ เครื่องไม่ต้องห่วง ใช้มากันไม่รู้กี่รุ่นกี่ Gen ละ จะเป็น 1NZ ของฝั่ง Honda อยู่แล้ว ก็ไป Jazz ครับ ต่อรองราคาผมว่าไม่ยากด้วยจะเลิกขายแล้ว
อะไหล่จะไปกังวลทำไม ตามปกติเขาต้องผลิต 10 ปี (หรือ 15 ปีหว่า?) หลังรถเลิกผลิตตามสัญญาอยู่แล้ว
ส่วน City HB คือช้อยส์ถ้าคุณอยากได้รถแบบ Jazz แต่ไม่ชอบช่วงล่างแข็งแบบนั้น เครื่องแรงกว่าหน่อยนึง (1 ลิตรโบมันแรงจริงแต่ก็ไม่ได้บ้านแตก อย่าไป Hype อะไรมันขนาดนั้น)
อยากได้เทคโนโลยีใหม่ๆ ประหยัดน้ำมันด้วย และ ต้องชอบดีไซน์ตัวรถด้านหลัง (ส่วนที่กลายร่างเป็น Hatchback นั่นแหละ) ถ้างั้นก็ไป City HB
เพราะไอที่ผมไม่ได้ยกมา มันทำได้พอๆกันอยู่แล้ว เช่น การพับเบาะสไตล์ Jazz ที่ก็เอาไปใส่ใน City HB แล้ว พวงมาลัย เกียร์ ก็เหมือนๆคล้ายๆกัน (เซ็ตฟีลมาต่างกัน)
-
โครตเศร้า ที่ฮอนไม่เอารุ่นใหม่มาขาย
โดยเข้าใจว่า คนไทยชอบสวยเฉี่ยวๆ แว้นๆ กันส่วนใหญ่
เซงงง
-
City hb น่าใช้กว่าครับตัวรถใหม่กว่ากันหลายปี เครื่องยนต์ พวงมาลัย เหนือกว่าชัดเจน ถ้าไม่สนเรื่องรถ
Asean ก้ไป city hb ดีกว่าครับ แต่ถ้าจะเอารถglobal model ก้ต้อง jazz แต่ต้องทำใจนะว่าบอดี้นี้เก่ามาก
แล้วครับ ส่วนเรื่องรถ ผมได้ยินว่าจะผลิตถึงแค่ภายในปีนี้นะ ไม่ชัวร์นะครับอาจเปลี่ยนได้ ส่วนหน้าตาไม่ปรับ
อะไรแล้วแหละครับ
-
City HB มันเหมือนรถแนว Shooting Brake มากกว่า ในขณะที่ Jazz มันคือ Hatchback
เห็นด้วยกับประโยคนี้ครับ ที่บ้านมี Jazz GK อยู่ ลองไปเทียบกับ City HB ที่โชว์รูมมา รู้สึกว่าภายใน Jazz โปร่งกว่า แลดูจะขนของสูงๆได้ดีกว่าและเยอะกว่า เครื่อง 1.5 มันก็โอเคดีนะ ไม่ได้ขี้เหร่อะไร บำรุงรักษาง่าย และของแต่งเพียบ
สิ่งที่แพ้หลักๆคือ เทคโนโลยี ทั้ง 1.0T และ Option ต่างๆ City HB มันดีกว่าจริงๆ แล้วก็การขับขี่ ที่เคยลองถามจากเพื่อนที่ใช้ City มา แต่เป็น Sedan รุ่นใหม่ดีกว่าจริงๆ เพราะช่วงล่าง Jazz มันแข็งสะเทือนตับไต้ไส้พุงจริงๆ
ถ้า ณ วันนี้ ต้องเลือก 2 ตัวนี้จริงๆ ใจผมน่าจะไปทาง City เพราะชอบเรื่อง Technology และคิดว่าน่าจะรับมือกับการบำรุงรักษารถเครื่องเทอร์โบได้ (แต่อาจจะเอา 4 ประตู หรือไม่ก็ E:HEV)
แต่ถ้าต้องการรถที่ขนของสูงๆได้เยอะๆ วิ่งเยอะๆเหนือจรดใต้ ซ่อมง่ายๆแบบที่ ไปเสียตรงไหน ก็ยังหาช่างซ่อม คือช้อยส์ถ้าคุณอยากได้รถแบบ Jazz แต่ไม่ชอบช่วงล่างแข็งแบบนั้น เครื่องแรงกว่าหน่อยนึง (1 ลิตรโบมันแรง ได้ไม่ยาก แล้วเอาไปแต่งแบบเต็มพิกัดพร้อมกับรับได้กับช่วงล่างของมัน ยังไง Jazz ก็มาวินครับ
-
2 คันนี้รถคนล่ะ ตลาดเลยครับ Jp , eu , us ไม่มี city hb ขาย
City hb มีเฉพาะ แถวบ้านเรา อินโด อินเดีย เป็นคนละตลาดกัน
ใครสาย jdm ไป gk สบายกว่าเยอะครับ ดู gd, ge ยังวิ่งได้อีกนานมากๆ อะไหล่ ตีวถัง ของแต่ง
ลองดู civic 3d กับ city สมัยนั้น ตอนนี้เป็นแบบไหน
Gk เห็นว่าผลิตปีนี้ปีสุดท้าย แต่ไม่รู้ถึงเมื่อไหร่ ยอดจองยังค้างอยู่พอควร
-
ที่บ้านใช้ Jazz GK อยู่ครับ
ถ้าเทียบกับ City HB มันให้ feeling คนละแบบเลย
- Jazz จะ Compact กว่า พวงมาลัยเบา เบรคตื้น ช่วงล่างกระชับกว่า แต่เเข็ง + เสียงดังมาก , Jazz เป็นรถที่ผมว่าเก็บเสียงช่วงล่างได้แย่มาก ผมเคยใช้ City 2012 ผมว่ายังเงียบกว่า Jazz ใหม่อีก, แต่ผมว่าลำโพงมันเสียงดี ดีกว่า City 1.0T อีก เเต่เก็บเสียงช่วงล่างเเย่ สุดท้ายไม่ได้ยินเสียงดีๆนั้นเลย 55
- City HB มีบุคลิคไปทาง Sedan แต่ตัดตูดออกมากกว่า จะรุ้สึกแคบกว่า Headroom เตี้ยกว่า แต่นั่งสบายกว่า พวงมาลัยหนักกว่า เบรคลึกกว่า ช่วงล่างนิ่มนวลกว่า เงียบกว่า (เเต่กระชับกว่า City 1.0T Sedan นิดนึง)
เเต่ เครื่อง 1.0 T ใหม่ของ City ล้ำมากครับ มันจะดูแลยากกว่า 1.5NA ของ Jazz นิดนึงนะ แลกมาด้วยเครื่องที่โคตรแรง และมีเเรงบิดสูงสุด Peak Torque มาตั้งเเต่ 2000 rpm (Jazz มาที่ 4000 rpm)
- เขาใช้ intercooler น้ำ (รถเทอร์โบทั่วไปใช้อากาศ) ก็คือจะมีวงจรน้ำ มีปั้ม มีวาล์ว มีซีลยางต่างๆ ที่ต้องคอยเปลี่ยนเวลารั่ว.
- หัวฉีดเขาฉีดตรง Direct Injection เเรงดันสูงกว่ามาก พวกระบบจ่ายเชื้อเพลิง ปั้มแรงกว่า วาล์ว ท่อส่งต่างๆ จะเเข็งเเรงกว่า จึงราคาแพงกว่าฉีดพอร์ทของ Jazz
- Thermostat หม้อน้ำ เป็นไฟฟ้า ราคาเเพงกว่าแบบ Mechanic
- รถ Turbo จะใช้กรองไอดีที่ Arrestance สูงกว่า และกรองน้ำมันเครื่องที่หนากว่า ทำให้ราคาเเพงตาม
- เมื่อกรองน้ำมันเครื่องหนากว่า ทำให้ความดันตกเยอะกว่า (Pressure Drop) ต้องใช้ปั้มที่แรงกว่า ราคาก็เเพงตามครับ
-
ผมเองก็ชอบ honda jazz และคิดว่ามันน่าจะดีกว่า city hb นะ เพราะ jazz ขายที่ญี่ปุ่นด้วย
-
เอาจริง
ผมยังคงประทับใจเบาะหลัง Jazz GK มากกว่า City Hatchback อยู่ครับ
ทรงเบาะที่นั่งจริงแล้วการรองรับสรีระไม่ต่าง
แถมได้ Headroom ที่คาดว่าคงไม่มีรถ B-seg Hatchback ที่มีเยอะขนาดนี้มาขายอีกแล้ว
สมรรถนะเครื่องก็ยังไปวัดไปวาได้ การกินน้ำมันในเมืองก็ไม่ต่างมาก
และผมก็พึ่งรู้ว่า ล็อตปีที่แล้วมา เปลี่ยน front รองรับ Apple CarPlay มาแล้วด้วย
แต่ยอมรับว่า พอได้ลองขับจริง
ในมุมคนขับ Jazz GK มีช่วงล่างที่ไม่เป็นมิตรเท่า City Hatchback ทั้งความนุ่มและความหนึบ
มีพวงมาลัยที่เฉยๆ ในขณะที่ City ใหม่นี้ set มาได้ว้าวซ่ามาก
และกำลังเครื่องที่แม้ 1.5 จะพอ แต่ 1.0T ก็ดีกว่าจริง
สรุป ไปลองนั่งเทียบกันครับ ถ้ายังชอบ Jazz กว่าก็จัด
-
ระยะยาว ผมไม่เชียร์ Jazz ครับ
ถ้าคุณชอบอะไหล่มือ1 เดินเข้าไปเบิกศูนย์เองได้ครบทุกชิ้น ควรเล่นรถที่ใหม่ที่สุดครับ
-
ผมก็คิดอยู่ว่าจะซื้อเกียร์ธรรมดาเก็บไว้
เพราะว่า บ้านเราคงจะไม่มีรถเก๋ง เกียร์ธรรมดาขายอีกต่อไปแล้ว
แต่ติดปัญหาคือ ไม่มีที่จอดรถแล้ว ถ้าจะเอาต้องขาย มาสด้า 2 ดีเซลออก
แต่ 2 ดีเซล มันก็ขับดีกว่าแจ๊ซ และช่วงล่างไม่ตึงตัง
ถึงแม้ว่าค่าดูแลจะแพงกว่าแจ๊ซ มาก. ก็เลยตัดสินใจไม่ได้สักที
ส่วนแจ๊ซ เกียร์ธรรมดา จะไม่มีสต๊อก แต่สั่งผลิตได้ครับ ส่วนลดก็เร้าใจด้วย
-
- Jazz เป็น global model ภายในheadroomโปร่งกว่า, ค่าบำรุงรักษาต่ำ, เครื่องยนต์เกียร์ไว้ใจได้ทนทานในระดับนึง
มองว่า Jazz GK ณ ตอนนี้ ถ้ามองเป็นรุ่น s mt ยังน่าสนใจอยู่ครับ..
- City HB ราคาเริ่มต้นเปิดมาไม่ได้แรงมาก, option จัดมาค่อนข้างดี, คอนโซลหน้าออกแบบสวยกว่า, ช่วงล่างดีกว่าไม่แข็ง
คิดว่าค่าบำรุงรักษา 1.0 turbo ในระยะยาวน่าจะจุกจิกกว่า
ถ้าจะเอาเกียร์ออโต้อยู่แล้วไม่สนใจ mt ผมเชียร์ไปทาง City HB ครับ
-
น่าใช้นะครับ ผมยังเห็นป้ายแดงอยู่เลย
รถอเนกประสงค์ดีด้วย