Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: รถจักรไอน้ำ ที่ มีนาคม 25, 2021, 09:10:50
-
สวัสดีครับ ผมเห็นหลายๆประเทศกำลังเปลี่ยนผ่านจากการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ ICE ไปเป็นรถ EV ซึ่งส่วนนึงก็กำหนดปีที่เลิกจำหน่ายหรือผลิต ICE ไว้ชัดเจนที่ 2035
เลยอยากถามความเห็นของท่านสมาชิกว่า หากใกล้ปี 2035 แล้วเช่น 2033-2034 ปริมาณการผลิตรถ ICE จะลดลงไปมากขนาดไหนครับ จะมีรถยนต์เครื่อง 4 L+ จำนวนหลายสูบขายอยู่ไหม หากอยากจะซื้อเก็บไว้ให้ลูกหลานดูหรือเป็นของสะสม ควรซื้อที่ปีไหนดีครับ
อีกเรื่องหนึ่งคือ หลังจากปีี 2035 จะยังมีปั้มน้ำมันเปิดไปอีกนานแค่ไหนครับ ขอบคุณครับ
-
น่าคิดแต่ไม่น่าตอบเพราะผมไม่แน่ใจว่าจะอยู่ถึง ::)
ที่แน่ๆคือซื้อวันนี้ได้ใช้วันนี้ ไม่ต้องลุ้นว่าจะอยู่ถึงวันนั้น หรือป่าว 8)
-
มันเป็นแค่การวางแผนสำหรับอนาคต ตราบใดที่ นโยบายพลังงานยังไม่นิ่ง เปลี่ยนแปลงได้ตลอด
รถสันดาบ ภาคขนส่งยังจำเป็น
สร้างเขื่อนปั่นไฟฟ้า ก็ไม่เอา
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ก็ไม่เอา
ไฟฟ้ายังซื้อจากเพื่อนบ้าน จะเอาไฟฟ้าที่ไหนมาชาร์จแบต
ไหนจะที่ห่างไกล ในป่า บนเขาอีก บางที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้เลย
อย่ามองแต่ในเมือง
-
ตอบแบบเดาเลยนะครับ ในปี 2035+- ถ้าเป็นในเขตเมือง กทม ปริมณฑล และตาม อ. เมืองใน ตจว ที่เจริญๆ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น โคราช หาดใหญ่ จำนวนรถไฟฟ้าอาจจะมากกว่าจำนวนรถน้ำมันครับ ยิ่งในเขต กทม และ ปริมณฑล รถไฟฟ้าน่าจะกลืนกินสภาพจราจรไปเสียส่วนใหญ่ รถน้ำมันอาจจะยังเหลือวิ่งกันอยู่ประปราย พอๆกับรถที่ยังใช้แก๊ส NGV LPG ในปัจจุบันก็เป็นได้ครับ
แต่ตาม ตจว ที่ไม่ใช่ตัวเมือง หรือ ตจว ที่ อ.เมือง ไม่ใช้เมืองใหญ่ ผมว่ารถน้ำมันก็น่าจะยังวิ่งกันมากกว่าครึ่งครับ คน ตจว ซื้อรถกันคันนึงแล้วใช้ยันพัง 20-30 ปี หลายๆคันเป็นรถมือสอง บ้านนึงมีรถคันเดียว หลายบ้านไม่มีรถยนต์ มีแต่มอไซค์ คือไม่ได้เปลี่ยนรถกันบ่อยๆเหมือนคน กทม ครับที่ใช้แค่ 4 ปี 6 ปี แล้วก็ซื้อใหม่ หรือ ซื้อเพิ่ม มีรถบ้านละ 2-4 คัน บวกกับถ้าถึงวันที่รถไฟฟ้ามาเต็ม ราคาน้ำมันคงถูกลงอีกมาก สมมติน้ำมันเบนซินเหลือลิตรละ 20 E20 ลิตรละ 15 บาท (ถ้ารัฐยังอุ้มนะครับ) น่าจะยังพอดึงดูดให้คนที่มีรถน้ำมันอยู่แล้วยังใช้ต่อ ยังไม่รีบเปลี่ยนไปถอยรถไฟฟ้าใหม่ในเร็ววันครับ
-
หัวเมืองใหญ่จะต้องใช้ EV 100% ครับ เพราะจะมีกฎหมายออกมาบังคับ
รถ ice จะขับได้แต่นอกเมือง สุดท้าย รถ ice จะเหลือวิ่งแต่ในสวนยาง สวนปาล์ม ครับ
-
ปี 2035 นอกจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ที่จะเป็น EV แล้ว ไม่แน่ใจว่า
รถกระบะ รถนั่ง เพื่อการพาณิชย์ , รถหกล้อ , รถบรรทุกขนาดใหญ่ , รถตู้ , รถบัสวิ่งระหว่างเมือง ,
จะใช้งานในลักษณะ EV ได้หรือไม่ ถ้าได้จะได้แค่ไหน
อยู่ไกลๆ ในป่าในเขา ชนบท จะมีใครไปติดตั้งสถานีชาร์จให้มั้ย
แล้วถ้ารถพวกนั้นที่ยังจำเป็นต้องใช้น้ำมัน ต้องส่งของ ส่งคน เข้าเขตเมืองใหญ่จะทำอย่างไร
ตอนนี้ผมยังมองว่าขายฝัน
ในเมืองใหญ่ คอนโด/หอพัก ปี 2021 ส่วนใหญ่ยังไม่รอรับระบบชาร์จไฟรถเลย
ในปี 2035 ก็คงไม่ทุบทิ้งสร้างใหม่ แล้วจะลงทุนติด Wall charge ทุกช่องจอดได้หรอ ?? ถ้าไม่ได้ ลูกบ้านต้องไปหาที่ชาร์จข้างนอกก่อนเข้าบ้านหรือเปล่า
-
ประเทศไทยประกาศจะเลิกจำหน่ายรถยนต์สันดาปภายใน 14 ปี
แต่ตอนนี้ยังไม่มีนโยบายสนับสนุนรถEV อย่างจริงจังเลย
ยากอยู่นะ
-
เอาจริงๆไม่ต้องประกาศว่าจะใช้รถ ev ทั้งหมดในปีนั้นปีนี้หรอกครับ
เอาแค่วางแผนสร้างระบบ facility ของ ev ให้มันครอบคลุมก่อน
อย่างน้อยๆตามปั้มใหญ่ๆให้มันมีจุดชาร์จ 3-4 ช่องให้รองรับการเดินทางข้ามจังหวัดให้ได้ก่อน
ค่อยไปพูดถึงการที่จะให้คนเปลี่ยนมาใช้รถ ev กัน
ผมคนต่างจังหวัดสมัยต้องนั่งรถโดยสารทีใช้ ngv แล้วต้องจอดแวะเติมตามปั้มแก๊ส บอกเลยว่าโคตรเสียเวลา และไม่สะดวกเอาซะเลย
ก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น ถ้าจะดันพลังงานทางเลือกเป็น ev จริงๆ
-
ในเมืองใหญ่อาจจะแบนรถดีเซลห้ามเข้าตลอดเวลา รถเบนซินสันดาปปกติแบนช่วงเวลาเร่งด่วน อนุญาติรถ BEV , PHEV แต่ต้องวิ่งด้วยไฟฟ้าเท่านั้น น่าจะประมาณนี้ครับ แล็วก็ค่อยๆเข้มขึ้นเรื่อยๆ
บ้่านเราสาธารณูปโภคการชาร์จไฟยังไม่พร้อม คอนโดนี่ปัญหาใหญ่เลย
-
ถ้ารถคันเดียวของบ้านแล้วเป็น EV ง่อยแน่ๆครับ
อย่างบ้านผมที่ต่างจังหวัด ไฟฟ้าดับเป็นปกติ
ถ้าขับ EVไป ปัญหาคงเยอะ แค่ต้องติดตั้ง wall charge ก็ดูจะยุ่งยากแล้ว ไหนจะต้องมาลุ้นไฟจะดับไหมอีก อ่าวไฟดับกลับไม่ได้ลางานอีก
-
ปีนี้ 2021 ถ้าถามถึงปี 2035 ก็อีก 14 ปี
เรื่องของอนาคต นโยบายต่างๆ คงแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ได้
แต่ถ้ามองถอยกลับไป 14 ปี จากปี้นี้ ก็คือปี 2007
ถ้าถามว่าจากปี 2007 ถึงปีนี้ 2021
เราเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างในห้วง 14 ปีที่ผ่านมาล่ะครับ
-
ผมว่ายากมาก ประกาศตามกระแสที่ประเทศอื่นเค้าทำมากกว่า
รถ ICE ผลิตน้อยลงแน่ๆ ครับดูจากปัจจุบันที่มีไฮบริดมาแชร์ส่วนแบ่งตลาดแล้ว ยังไม่รวม bev อีก
แต่เชื่อว่ายันปี 2034 ก็น่าจะมี ICE ผลิตขายอยู่
ความพร้อมของประเทศไทยคือแทบไม่มีเลยครับ
รัฐไม่แยแส บทลงโทษของพวกจอดไม่สนโลกก็ไม่มี เรื่องคอนโดผมมองข้ามไปเลย ผมรู้สึกว่า charging station มันไม่ควรมาหวังกันแค่บ้าน หรือที่พักอาศัย มันควรเกาะไปตามสถานที่ต่างๆ แค่พอสะดวกเท่านั้น แต่ปั้มชาร์จมันควรจะมีให้เพียงพอ จะร่วมมือกับ developer ที่พัฒนา community mall เพื่อดึงคนมาก็ได้ ทำไมถึงไปสร้างในพื้นที่ตัวเองอย่างเดียว (เช่นการไฟฟ้าหรือ mg เอง) บางอันมันก็ไม่ใช่พื้นที่ที่จะโคจรไปอะ ไปชาร์จละให้นั่งรอเฉยๆ 20นาทีมันก็ไม่ใช่
ส่วนคอนโดการติดตั้งที่ชาร์จมันง่ายมากครับทต่อให้เป็นคอนโดเก่าแค่ไหนถ้า demand มันมี บริษัทที่ให้บริการหัวปั้มชาร์จก็แค่มาติด ได้เงินค่าชาร์จ คอนโดได้เงินค่าเช่า ผู้พักอาศัยก็สบาย มันทำหัวจ่ายง่ายกว่าการทำปั้มน้ำมันเยอะ ทุกวันนี้คอนโดใหม่ๆมีหลุมให้ชาร์จ ก็ยังแก้สันดานคนไม่ได้เลย คอนโดผมมีอยุ่ 2 หลุม ก็เห็น phev รุ่นแรกๆ แบตเล็กๆ ที่ชาร์จไม่นานก็เต็มแช่อยู่ทุกวัน บางวันก็ไม่เสียบปลั๊กเลยด้วยซ้ำ อารมณ์ที่จอดพรมแดงรถรักษ์โลก
ถ้าวางแผนจริงจัง พวกรถสาธารณะคุมง่ายกว่าควรเริ่มจากตรงนี้ก่อน เพราะใช้งานเยอะ + ใช้กม.บีบหรือสนับสนุนได้
แต่นั่นแหละฮะ รบ. รมต. ทั้งหลายแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้สนใจ ที่เราประกาศ 2035 เพราะตามญี่ปุ่น ผมเชื่อว่าเค้ายังมองว่าญี่ปุ่นยังมีตลาดรายใหญ่ด้านยานยนต์อยู่ แต่จากความดื้อของ toyota อีกไม่นานจีนน่าจะแซง ทีนี้ก็อยู่ที่มหาอำนาจประเทศไทยแล้วแหละสนับสนุนใครให้มา เดี๋ยวเทคโนโลยีก็พัฒนาไปด้านนั้น
ผมรอแค่มี sedan ไฟฟ้าทำราคาดีๆก็ยินดีเปิดใจแล้ว คาดหวังกับ i4 มากๆ ฉะนั้นปั้มน้ำมัน ผมว่าเปิดอีกเป็น 10ปี++ ครับ แต่อาจจะเป็นการเปิดคู่กับหัวชาร์จไฟฟ้าด้วย ลดหัวจ่ายเหลือ 2 หัวที่เหลือเป็นปั้มไฟฟ้าไรงี้มากกว่า การที่ปั้มน้ำมันจะหายไปคือรัฐต้องซับรถน้ำมันทั้งหมดออก ต่อให้ รบ. มี vision ดีแค่ไหนก็ไม่มีทางทำให้มันหมดได้ง่ายๆ ต้องรอให้เทคโนโลยีค่อยๆทำให้มันหายไปแบบ CD อะครับ มี supply รองรับนะ แต่ยากเดี่ยวคนก็เลิกใช้กันไปเอง
-
ส่วนตัวเชื่อว่า ทำไม่ได้ภายในปี 2035 (14 ปี)
-
เมื่อ 14 ปีที่แล้วพอดี iPhone รุ่นแรกเพิ่งเปิดตัวครับ
ณ เวลานั้นผมยังใช้ Nokia Motorola ต้องรอหลายปีกว่าจะได้ซื้อ iPhone1
ส่วนทุกวันนี้แทบจะทุกคนล้วนมี Smartphone
วันนี้ผมยังไม่มีรถ xEV ซักคัน แต่เริ่มแผนปล่อยดีเซลออกแล้ว
-
ข้ามศพ ดีเซลยูโร 4 ไปก่อนครับ
-
ยากครับ hybrid ขายในไทยมา 10 กว่าปี แล้วตอนนี้ ก็ยังไม่ถึง 5% ของรถทั้งหมดเลยด้วย
แต่ถ้ารัฐผลักดันจริงๆ รถส่วนบุคคล น่าจะเกินครึ่งของรถน้ำมันได้
ส่วนตัวผมว่ากระบะพ่นหมึกก็ยังไปต่อได้อีก 20 ปี เป็นอย่างน้อย
-
นโยบายเปลี่ยนไปตามรัฐบาลแต่ละยุค รัฐบาลหน้ามาอาจจะปรับเปลี่ยนอีกก็ได้
แต่คิดว่า ณ ตอนนี้ในเมืองเหมาะจะใช้รถไฟฟ้า หรือขับไปจังหวัดใกล้ๆ พอไปนอกเมืองไกลๆค่อยใช้รถน้ำมัน
พอถึง 2035 ตอนนั้นช่วงเทศกาลคงมียืนจองที่ชาร์จออกข่าวกันบ้างแหละ 55
-
เลิกรถสันดาป 100%
หมายถึงเครื่องสันดาปจะหายไปเลย 100%
หรือหมายถึงเครื่องที่เป็นสันดาป 100% จะหายไป?
ถ้าบังคับ จะมีผลแต่กับรถใหม่หรือรวมรถที่เราๆๆท่านๆยังใช้กันวันนี้
-
ก็เป็นธรรมดา ที่หน่วยงานรัฐจะต้องวางแผนระยะยาว ไว้เป็นแม่บท. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นกับสถานะการณ์โลกอีกที. ประเทศไทยเป็นฐานรับจ้างการผลิต ถ้าแนวโน้มรถEV มันขายดี เราก็ต้องผลิตรถพวกนี้. แบ่งส่วนนึงใช้ ในประเทศ. แบ่งส่วนนึงขายส่งออกนำเงินเข้า มันหลีกยากที่จะไม่ไหลตามกระแสโลก.
-
อีกตั้ง 14 ปี หากมีปฏิวัติ สงคราม โรคระบาด ประท้วง เศรษฐกิจตกต่ำ ก็ลากไปอีกยาว
-
น่าจะทำได้เฉพาะหัวเมืองใหญ่ๆ
ส่วนตาม ตจว เชื่อว่าก็ยังต้องมี รถน้ำมันวิ่งอยู่
ส่วนตัว ถ้ามีรถคันเดียว EV ยังไม่ตอบโจทย์ผม เรื่องเดินทางไกลครับ
-
คิดได้ แต่ทำได้ไหม อีกเรื่องครับ
-
ปีนี้ 2021 ถ้าถามถึงปี 2035 ก็อีก 14 ปี
เรื่องของอนาคต นโยบายต่างๆ คงแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ได้
แต่ถ้ามองถอยกลับไป 14 ปี จากปี้นี้ ก็คือปี 2007
ถ้าถามว่าจากปี 2007 ถึงปีนี้ 2021
เราเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างในห้วง 14 ปีที่ผ่านมาล่ะครับ
14ปีที่แล้ว original iphone เปิดตัวพอดี
ถามว่าตอนนั้น ท่านและคนรอบข้างใช้มือถือนี่ห้ออะไรครับ ให้เดาว่า nokia 14ปีต่อมาก็อย่างที่เห็น
-
55555 กรีากๆๆๆๆ....... ขำหนัก เอาไรกับประเทศ สาระแลนด์ ครับ บางโครงการตั้งมาตั้งแต่รุ่นปุ่ ยังทำไม่ได้เลย เอาง่ายๆ อย่างโครงการทางรถไฟ แยกจาก เด่นชัยไปเชียงราย ตั้งโครงการมาตั้งแต่ พ.ศ.2503!!!! กี่รัฐบาลแล้วละ ทั้งเลือกตั้งกันลากตั้ง พึ่งจะมากำหนดยื่นซอง 2564??? อย่างไอ้รถ EV เนี้ย ผมเชื่อว่าถึงเวลานั้นจริง มันจะไม่เปลี่ยนไปแบบที่ทุกคนคิดแน่นอน
-
กลัวมันจะเป็นโยบายทำที่ระบายรถไฟฟ้าง่อยๆจากจีนน่ะซิ (ไม่นับรถจีนคุณภาพนะ)