Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: urangutang ที่ พฤษภาคม 13, 2021, 22:13:07
-
มีใครพอทราบไหมครับว่า เพราะเหตุใด Lexus ถึงไม่มี Plug-in hybrid เหมือนกับค่ายยุโรปครับ
- ถ้าแบบนี้ก็เป็นจุดด้อย เมื่อเทียบกับแบรนด์ที่มี Plug-in หรือเปล่าครับ เช่น การประหยัดน้ำมัน
- ขนาดความจุแบตเตอรี่จะเท่ากับรถใน class เดียวกันที่เป็น Plug-in หรือเปล่าครับ เช่น ES/Serie 5/E-class, LS/Serie 7/S-class
-
อยากรู้เหมือนกันครับ แอบสงสัยมานานแล้ว
-
โตโยต้ามี RAV4 Prime แล้ว ผมว่าเดี๋ยวเจนใหม่จากแพลทฟอร์มนี้ก็คงตามมาครับ (เดาว่า NX?)
-
กฎหมายมลพิษญี่ปุ่นน่าจะไม่โหดเท่าฝั่ง EU ครับผู้ผลิตรถฝั่งญี่ปุ่นเลยไม่ถึงต้องออกรถ phev หรือ ev มาเยอะแบบผู้ผลิตรถในยุโรป
-
หลักๆเลยคือเค้าลงทุนกับแบต ni-mh ไปเยอะแล้วความจุน้อยปะนะ
แถมงบ r&d ก็ทุ่มไป fuelcell หมด กว่าจะย้อนกลับมาพัฒนา lithium ก็งอแงอยู่นาน ส่งขาว pr ว่ารถเสียบปลั๊กไม่ดีงั้นงี้
ตอนหลังประชากรโลกเริ่มหันไปทาง bev เลยต้องยอมกลับมาพัฒนาแล้วอ้างว่าจะพัฒนาให้นำด้วยแบต solid state
ทีแรกจะมี nx+ phev มาปลายโมเดล ที่กลายร่างจาก rav4 phev แต่เข้าใจว่าทุนคงหมด covid ก็มา เลยรวบยอดเป็นโมเดลใหม่ทีเดียวเลย
ดูจาก is แซยิดรอบ 3 แปลว่า โตต้าทุนคงไม่หนาแล้ว ส่วนแบ่งตลาดเมกา ก็โดนรถไฟฟ้าแบบ tesla คงแย่งไปเยอะ
อีกข้อคือ กม. เรื่องมลพิษฝั่งยุโรปเค้าเยอะ ค่ายยุโรปเลยต้องพยายามหาทางลดมลพิษด้วยเทคโนโลยีต่างๆ จากที่เน้นแต่ diesel พุ่งๆ
แต่ในญี่ปุ่นโตต้าเป็นใหญ่ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่และมองว่าตัวเองก็มีระบบไฮบริดปล่อยมลพิษน้อยอยู่แล้ว และ lexus เองก็ไม่ได้ทุ่มให้ตลาดยุโรปมาก ส่งไปขายแต่รถที่ขายได้ ขายไม่ได้ก็พับกลับไม่ได้พยายามจะแบ่งเค้กเลย โซนยุโรปเค้าไม่เล่น lexus กันราคาที่ uk ถูกกว่าเพื่อนๆในคลาสเดียวกันเยอะ คนก็ยังเลือก 3 ใบเถา ดาว ใบพัด ห่วง
ค่ายเองก็ไม่ได้ขายดีจนถึงจะต้องรีบพัฒนามาเติม gap นี้ เพราะตลาดหลักๆคือ อเมริกา ที่เน้นเรื่องใหญ่ๆแบบรหัส 350 500
จุดเด่นของค่ายนี้หลักๆมีคือ reliablity แต่แพ้คู่แข่งหลายๆด้าน ในไทยเหมือนสะกดจิตกันด้วยราคาเลย กรอกหูกันทุกวันว่ามันนุ่มสบายเหมือนนั่งบนสวรรค์
ใช้มา 3 gen จะว่าสบายที่สุดในคลาส จะว่างั้นก็ได้ แต่เทียบกับคู่แข่งมันก็ไม่ได้รู้สึกขนาดนั้น อย่างมากก็มีที่เพิ่มขึ้น เก็บเสียงดีขึ้น(นิดนึง) แต่แลกมาด้วยอัตราเร่งที่อุ้ยอ้าย เพราะตัวหนักแรงน้อย(ในตัวไฮบริด) คนเท้าหนักแบบผมก็แฮปปี้กับรถเสียบปลั๊กมากกว่า
ก็เลยเป็นแบบที่เห็น ปัจจุบันโมเดลเลยเริ่มลดลง หายไป เหลือขายไม่กี่ตัว
จะ ux ไฟฟ้าที่เป็นรถ ev ที่โดนข่มขืนเพราะต้องมีไว้ขายตาม กม. ผลิตรถที่จีน ทำสเปคออกมาตุ่น วิ่งได้น้อย วัสดุ low-cost ชาร์จช้า เป็นจุดดับของวงการ เข้าไทยมายังกล้าขายราคานั้นอีก
คงต้องรอ shift ไป bev ไม่ก็ fuel cell ละมั้ง ถ้าเป็นเทคโนโลยี ก่อนปี 2018 เทียบรุ่นกัน ผมว่า lexus ไม่แพ้ แต่ปัจจุบันเริ่มล้าหลังแล้ววว
ปล. เดี๋ยวหาว่า anti lexus ผมใช้อยู่นะครับ happy ด้วย แค่ไม่ happy กับอนาคตของแบรนด์
-
มาอีกที ก็ BEV เลยครับ น่าจะข้าม PHEV ไปแล้ว เพราะหลายๆ อย่าง อย่างท่านบนบอก
-
หลักๆเลยคือเค้าลงทุนกับแบต ni-mh ไปเยอะแล้วความจุน้อยปะนะ
แถมงบ r&d ก็ทุ่มไป fuelcell หมด กว่าจะย้อนกลับมาพัฒนา lithium ก็งอแงอยู่นาน ส่งขาว pr ว่ารถเสียบปลั๊กไม่ดีงั้นงี้
ตอนหลังประชากรโลกเริ่มหันไปทาง bev เลยต้องยอมกลับมาพัฒนาแล้วอ้างว่าจะพัฒนาให้นำด้วยแบต solid state
ทีแรกจะมี nx+ phev มาปลายโมเดล ที่กลายร่างจาก rav4 phev แต่เข้าใจว่าทุนคงหมด covid ก็มา เลยรวบยอดเป็นโมเดลใหม่ทีเดียวเลย
ดูจาก is แซยิดรอบ 3 แปลว่า โตต้าทุนคงไม่หนาแล้ว ส่วนแบ่งตลาดเมกา ก็โดนรถไฟฟ้าแบบ tesla คงแย่งไปเยอะ
อีกข้อคือ กม. เรื่องมลพิษฝั่งยุโรปเค้าเยอะ ค่ายยุโรปเลยต้องพยายามหาทางลดมลพิษด้วยเทคโนโลยีต่างๆ จากที่เน้นแต่ diesel พุ่งๆ
แต่ในญี่ปุ่นโตต้าเป็นใหญ่ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่และมองว่าตัวเองก็มีระบบไฮบริดปล่อยมลพิษน้อยอยู่แล้ว และ lexus เองก็ไม่ได้ทุ่มให้ตลาดยุโรปมาก ส่งไปขายแต่รถที่ขายได้ ขายไม่ได้ก็พับกลับไม่ได้พยายามจะแบ่งเค้กเลย โซนยุโรปเค้าไม่เล่น lexus กันราคาที่ uk ถูกกว่าเพื่อนๆในคลาสเดียวกันเยอะ คนก็ยังเลือก 3 ใบเถา ดาว ใบพัด ห่วง
ค่ายเองก็ไม่ได้ขายดีจนถึงจะต้องรีบพัฒนามาเติม gap นี้ เพราะตลาดหลักๆคือ อเมริกา ที่เน้นเรื่องใหญ่ๆแบบรหัส 350 500
จุดเด่นของค่ายนี้หลักๆมีคือ reliablity แต่แพ้คู่แข่งหลายๆด้าน ในไทยเหมือนสะกดจิตกันด้วยราคาเลย กรอกหูกันทุกวันว่ามันนุ่มสบายเหมือนนั่งบนสวรรค์
ใช้มา 3 gen จะว่าสบายที่สุดในคลาส จะว่างั้นก็ได้ แต่เทียบกับคู่แข่งมันก็ไม่ได้รู้สึกขนาดนั้น อย่างมากก็มีที่เพิ่มขึ้น เก็บเสียงดีขึ้น(นิดนึง) แต่แลกมาด้วยอัตราเร่งที่อุ้ยอ้าย เพราะตัวหนักแรงน้อย(ในตัวไฮบริด) คนเท้าหนักแบบผมก็แฮปปี้กับรถเสียบปลั๊กมากกว่า
ก็เลยเป็นแบบที่เห็น ปัจจุบันโมเดลเลยเริ่มลดลง หายไป เหลือขายไม่กี่ตัว
จะ ux ไฟฟ้าที่เป็นรถ ev ที่โดนข่มขืนเพราะต้องมีไว้ขายตาม กม. ผลิตรถที่จีน ทำสเปคออกมาตุ่น วิ่งได้น้อย วัสดุ low-cost ชาร์จช้า เป็นจุดดับของวงการ เข้าไทยมายังกล้าขายราคานั้นอีก
คงต้องรอ shift ไป bev ไม่ก็ fuel cell ละมั้ง ถ้าเป็นเทคโนโลยี ก่อนปี 2018 เทียบรุ่นกัน ผมว่า lexus ไม่แพ้ แต่ปัจจุบันเริ่มล้าหลังแล้ววว
ปล. เดี๋ยวหาว่า anti lexus ผมใช้อยู่นะครับ happy ด้วย แค่ไม่ happy กับอนาคตของแบรนด์
+ 10
โดนใจมากครับ โดยเฉพาะ 8 บรรทัดสุดท้ายล่าง
-
เดาล้วนๆว่า ตลาดหลักของ Lexus น่าจะเป็นสหรัฐ แล้ว Toyota คงคิดแล้วว่าทำออกมาขายน่าจะไม่คุ้มกับการลงทุนก็เลยไม่ทำออกมา
-
NX 450h+ 2022
(พื้นฐานเดียวกับ RAV4 Prime)
-
อินดี้เกินไปจริงๆครับ จำได้ปรัชญาแก "Always charged, Always ready" แต่ตอนนี้ไม่น่าเล่นมุขนี้ออกแล้วล่ะ
-
Toyota เหมือนมีรถ PHEV แล้ว อย่าง Prius Prime และ RAV4 Prime
หวังว่า Lexus จะผลิตรถ PHEV (NX PHEV โฉมใหม่ และ UX PHEV)
-
หลักๆเลยคือเค้าลงทุนกับแบต ni-mh ไปเยอะแล้วความจุน้อยปะนะ
แถมงบ r&d ก็ทุ่มไป fuelcell หมด กว่าจะย้อนกลับมาพัฒนา lithium ก็งอแงอยู่นาน ส่งขาว pr ว่ารถเสียบปลั๊กไม่ดีงั้นงี้
ตอนหลังประชากรโลกเริ่มหันไปทาง bev เลยต้องยอมกลับมาพัฒนาแล้วอ้างว่าจะพัฒนาให้นำด้วยแบต solid state
ทีแรกจะมี nx+ phev มาปลายโมเดล ที่กลายร่างจาก rav4 phev แต่เข้าใจว่าทุนคงหมด covid ก็มา เลยรวบยอดเป็นโมเดลใหม่ทีเดียวเลย
ดูจาก is แซยิดรอบ 3 แปลว่า โตต้าทุนคงไม่หนาแล้ว ส่วนแบ่งตลาดเมกา ก็โดนรถไฟฟ้าแบบ tesla คงแย่งไปเยอะ
อีกข้อคือ กม. เรื่องมลพิษฝั่งยุโรปเค้าเยอะ ค่ายยุโรปเลยต้องพยายามหาทางลดมลพิษด้วยเทคโนโลยีต่างๆ จากที่เน้นแต่ diesel พุ่งๆ
แต่ในญี่ปุ่นโตต้าเป็นใหญ่ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่และมองว่าตัวเองก็มีระบบไฮบริดปล่อยมลพิษน้อยอยู่แล้ว และ lexus เองก็ไม่ได้ทุ่มให้ตลาดยุโรปมาก ส่งไปขายแต่รถที่ขายได้ ขายไม่ได้ก็พับกลับไม่ได้พยายามจะแบ่งเค้กเลย โซนยุโรปเค้าไม่เล่น lexus กันราคาที่ uk ถูกกว่าเพื่อนๆในคลาสเดียวกันเยอะ คนก็ยังเลือก 3 ใบเถา ดาว ใบพัด ห่วง
ค่ายเองก็ไม่ได้ขายดีจนถึงจะต้องรีบพัฒนามาเติม gap นี้ เพราะตลาดหลักๆคือ อเมริกา ที่เน้นเรื่องใหญ่ๆแบบรหัส 350 500
จุดเด่นของค่ายนี้หลักๆมีคือ reliablity แต่แพ้คู่แข่งหลายๆด้าน ในไทยเหมือนสะกดจิตกันด้วยราคาเลย กรอกหูกันทุกวันว่ามันนุ่มสบายเหมือนนั่งบนสวรรค์
ใช้มา 3 gen จะว่าสบายที่สุดในคลาส จะว่างั้นก็ได้ แต่เทียบกับคู่แข่งมันก็ไม่ได้รู้สึกขนาดนั้น อย่างมากก็มีที่เพิ่มขึ้น เก็บเสียงดีขึ้น(นิดนึง) แต่แลกมาด้วยอัตราเร่งที่อุ้ยอ้าย เพราะตัวหนักแรงน้อย(ในตัวไฮบริด) คนเท้าหนักแบบผมก็แฮปปี้กับรถเสียบปลั๊กมากกว่า
ก็เลยเป็นแบบที่เห็น ปัจจุบันโมเดลเลยเริ่มลดลง หายไป เหลือขายไม่กี่ตัว
จะ ux ไฟฟ้าที่เป็นรถ ev ที่โดนข่มขืนเพราะต้องมีไว้ขายตาม กม. ผลิตรถที่จีน ทำสเปคออกมาตุ่น วิ่งได้น้อย วัสดุ low-cost ชาร์จช้า เป็นจุดดับของวงการ เข้าไทยมายังกล้าขายราคานั้นอีก
คงต้องรอ shift ไป bev ไม่ก็ fuel cell ละมั้ง ถ้าเป็นเทคโนโลยี ก่อนปี 2018 เทียบรุ่นกัน ผมว่า lexus ไม่แพ้ แต่ปัจจุบันเริ่มล้าหลังแล้ววว
ปล. เดี๋ยวหาว่า anti lexus ผมใช้อยู่นะครับ happy ด้วย แค่ไม่ happy กับอนาคตของแบรนด์
เห็นด้วยครับ ญี่ปุ่น ไฟฟ้าตามหลังจีน / อเมกา หมดละ