Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: LapisLazuli ที่ มิถุนายน 05, 2021, 10:22:02
-
https://gearsmagazine.com/magazine/the-2018-2020-nissan-kicks-re0f11b-comparison-to-the-re0f11a/ (https://gearsmagazine.com/magazine/the-2018-2020-nissan-kicks-re0f11b-comparison-to-the-re0f11a/)
เผื่อพี่ๆสนใจครับ ;D
ผ่าเกียร์ JATCO CVT7 เปรียบเทียบ Almera รุ่นใหม่กับ Almera, March รุ่นเก่าครับ
(รุ่นใหม่ RE0F11B vs. รุ่นเก่า RE0F11A)
สรุปคร่าวๆ:
1.) ปรับอัตราทด ทั้ง CVT Pulley และชุด Planetary เป็น 4.055:1 จาก 3.882:1
(เกียร์ CVT7 เป็นเกียร์ลูกผสมระหว่าง Planetary กับ CVT เผื่อบางท่านยังไม่ทราบครับ)
2.) เปลี่ยนเบอร์เหล็กของสายพาน ให้รับแรงม้าแรงบิดได้มากขึ้น และเพิ่ม O-ring ตรงกลางสายพานเพื่อซีลน้ำมันเกียร์ที่ pulley ทำให้ล่อลื่นได้ตรงจุดมากขึ้น
3.) เพิ่ม Low Brake Pressure Switch (รุ่นเก่าไม่มี), เพิ่ม Input Signal ที่เกิดจากการเบรครถ ให้กล่องควบคุมเกียร์ (TCM) ทำให้ปรับอัตราทดได้แม่นยำมากขึ้น ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกไหมนะครับ
4.) Coolant Pump ระบายความร้อน ปั้มมีด้านดูดที่เยื้องศูนย์มากขึ้น, มีแกนเพลาปั้มที่สั้นลง, เอา flow control valve ออกจากตัวปั้ม, และเพิ่ม port อีกรูนึงสำหรับ coolant วนกลับ. ทำให้ coolant ไหลได้ดีขึ้น และลด Pressure Drop ที่เกิดจาก flow control valve ที่อยู่ใกล้หน้าปั้มมากเกินไป ช่วยให้ระบายความร้อนดีขึ้น (ช่วยแก้ปัญหาที่รุ่นเก่า Overheat)
5.) เพิ่ม High Clutch Pressure tap มีหน้าที่ปรับความดันน้ำมัน Hydraulic ที่ใช้ในการควบคุมเกียร์ ตามความสึกหรอของหน้า Clutch (เมื่อ Clutch สึกหรอ ทำให้แรงดันน้ำมันเพี้ยน ทำให้อัตราทดเพี้ยน, อุปกรณ์นี้มาช่วยแก้ปัญหานี้ครับ)
6.) เปลี่ยนตำแหน่งของ Parking Pawl ให้ง่ายต่อการถอด/ประกอบ
7.) Reluctor (Speed Sensor ของ Pulley ทั้ง 2 ลูก ที่มีไว้ส่งสัญญาณหา TCM ในการควบคุมอัตราทด) เปลี่ยนเป็นชิ้นเดียวกับ Pulley แล้ว (Milling ลงไปเป็นชิ้นเดียวกันเลย) แทนที่จะสวมคลอบ Pulley เหมือนรุ่นเก่าที่ชอบเกิดปัญหาหลวมเมื่อใช้ไปนานๆ
8.) เพิ่มชุด Solenoid Valve ที่มีหน้าที่ควบคุมน้ำมัน Hydraulic ที่ดึง Pulley เข้า/ออก เพื่อปรับอัตราทด อีก 1 ชุด ทำให้ควบคุมอัตราทดได้แม่นยำมากขึ้น
==> แล้วถ้าก้มลงไปมองดูล่างกระจากหน้าของ Almera 1.0T จะพบว่ามี CVT oil cooler ติดตั้งมาด้วย! (เป็นแบบ Air-cooled, ไม่เอาไปวนกับน้ำจากหม้อน้ำ)
-
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล ทำให้รู้รายละเอียดของเกียร์ที่ออกแบบให้ปรับเปลี่ยนตามการใช้ง่านกว่า 700 รูปแบบ
-
พอจะทราบมั้ยครับว่านอกจาก Almera มีรุ่นไหนที่ใช้เวอร์ชั่น B ปรับปรุงมาแล้วเหมือนกันบ้างครับ?
-
เปลี่ยนเยอะขนาดนี้ น่าจะเปลี่ยนรหัสให้มันต่างกันมากกว่านี้
มีเพื่อนคนหนึ่งที่เคยใช้ swift gen แรก มองหารถ b seg ใหม่ ไป city turbo เพราะกลัวเกียร์ cvt-7 เดิม
-
คงต้องรอดูกันยาวๆซัก 2-3 แสนโล up ว่าทนขึ้นขนาดไหน
-
พอจะทราบมั้ยครับว่านอกจาก Almera มีรุ่นไหนที่ใช้เวอร์ชั่น B ปรับปรุงมาแล้วเหมือนกันบ้างครับ?
ในไทยมีเเค่ Almera Turbo ครับ
ถ้าเป็นเมืองนอกก็ Almera/Versa/Sunny ทั้งหมด ทั้ง 1.6L และ 1.0L T ครับ
แล้วก็ Kick 1.6L, Sentra/Sylphy โฉมที่ไม่ขายในไทย, และ Lannia (รุ่นนี้ไม่แน่ใจครับ)
-
ไม่ชอบตรงที่เอาน้ำร้อนมาเข้าเกียร๋นี่แหละครับ เสี่ยงรั่วซึมเข้าเกียร์แถมร้อนมากด้วย 90องศา+++ ไม่ช่วยให้เกียร์หายร้อนเลย
-
พอจะทราบมั้ยครับว่านอกจาก Almera มีรุ่นไหนที่ใช้เวอร์ชั่น B ปรับปรุงมาแล้วเหมือนกันบ้างครับ?
ในไทยมีเเค่ Almera Turbo ครับ
ถ้าเป็นเมืองนอกก็ Almera/Versa/Sunny ทั้งหมด ทั้ง 1.6L และ 1.0L T ครับ
แล้วก็ Kick 1.6L, Sentra/Sylphy โฉมที่ไม่ขายในไทย, และ Lannia (รุ่นนี้ไม่แน่ใจครับ)
ขอบคุณครับ
นึกว่าจะมีมาลงในแบรนด์อื่นบ้างแล้ว
-
เคยใช้ตัวเดิมกับ Swift 1.25
เทียบกับตอนนี้ Almera 1.0T
ก็ดีขึ้นนะ แต่บางครั้งก็ยังเปลี่ยนเกียร์ไม่ตรงใจเราเท่าไหร่อยู่ดี
-
เคยใช้ตัวเดิมกับ Swift 1.25
เทียบกับตอนนี้ Almera 1.0T
ก็ดีขึ้นนะ แต่บางครั้งก็ยังเปลี่ยนเกียร์ไม่ตรงใจเราเท่าไหร่อยู่ดี
รถที่เป็น CVT ผมเคยใช้ March, Jazz GK ตอนนี้หันมาใช้ Almera 1.0T ผมก็ยังไม่เคยเจออาการ ที่อัตราทดเกียร์ไม่ฉลาด เหมือนที่หลายๆคนบอกเลยนะครับ
**ผมก็ใช้ เกียร์ AT ปกติมาเหมือนกัน ไม่ใช่ว่า ไม่เคยใช้ เลยแยกไม่ออก (City 2012, Mazda 2, Revo) ใช้หลายปีด้วย ใช้นานกว่ารถ CVT อีก
-
เปลี่ยนเยอะขนาดนี้ น่าจะเปลี่ยนรหัสให้มันต่างกันมากกว่านี้
มีเพื่อนคนหนึ่งที่เคยใช้ swift gen แรก มองหารถ b seg ใหม่ ไป city turbo เพราะกลัวเกียร์ cvt-7 เดิม
เกรงว่าจะหนีเสือปะจระเข้
City turbo ฮอนด้าใช้แค่ตัววอร์มเมอร์ระบายความร้อน เอาไปแอบไว้ข้างใน
ใช้ท่อน้ำเย็นต่อเข้ากับวอร์มเมอร์เพื่อแลกเปลี่ยนความร้อนกับน้ำมันเกียร์
ฟังดูเหมือนจะพอ แต่ลำพังตัวเครื่องยนต์ก็ร้อนมากๆเป็นทุนเดิม จอดติดเครื่องนิ่งๆ อุณภูมิหม้อน้ำล่อไป 100 องศา อุณภูมิน้ำมันเกียร์ล่อไป 80 กว่า ขับในเมืองรถติดๆน้ำมันเกียร์พุ่งไป 100 องศา ขับเร็วๆล่อไป 110 กว่าองศา
ระยะยาวน้ำมันเกียร์เสื่อมไวแน่ๆครับ สายพานเกียร์คงไปไวแน่นอน
-
เปลี่ยนเยอะขนาดนี้ น่าจะเปลี่ยนรหัสให้มันต่างกันมากกว่านี้
มีเพื่อนคนหนึ่งที่เคยใช้ swift gen แรก มองหารถ b seg ใหม่ ไป city turbo เพราะกลัวเกียร์ cvt-7 เดิม
เกรงว่าจะหนีเสือปะจระเข้
City turbo ฮอนด้าใช้แค่ตัววอร์มเมอร์ระบายความร้อน เอาไปแอบไว้ข้างใน
ใช้ท่อน้ำเย็นต่อเข้ากับวอร์มเมอร์เพื่อแลกเปลี่ยนความร้อนกับน้ำมันเกียร์
ฟังดูเหมือนจะพอ แต่ลำพังตัวเครื่องยนต์ก็ร้อนมากๆเป็นทุนเดิม จอดติดเครื่องนิ่งๆ อุณภูมิหม้อน้ำล่อไป 100 องศา อุณภูมิน้ำมันเกียร์ล่อไป 80 กว่า ขับในเมืองรถติดๆน้ำมันเกียร์พุ่งไป 100 องศา ขับเร็วๆล่อไป 110 กว่าองศา
ระยะยาวน้ำมันเกียร์เสื่อมไวแน่ๆครับ สายพานเกียร์คงไปไวแน่นอน
ใช่ครับ น้ำที่ว่านี่ร้อนจนสามารถลวกมาม่าสุกได้เลย ยังพยามเอาเขาไปในเสื้อเกียร์อีก
-
เปลี่ยนเยอะขนาดนี้ น่าจะเปลี่ยนรหัสให้มันต่างกันมากกว่านี้
มีเพื่อนคนหนึ่งที่เคยใช้ swift gen แรก มองหารถ b seg ใหม่ ไป city turbo เพราะกลัวเกียร์ cvt-7 เดิม
เกรงว่าจะหนีเสือปะจระเข้
City turbo ฮอนด้าใช้แค่ตัววอร์มเมอร์ระบายความร้อน เอาไปแอบไว้ข้างใน
ใช้ท่อน้ำเย็นต่อเข้ากับวอร์มเมอร์เพื่อแลกเปลี่ยนความร้อนกับน้ำมันเกียร์
ฟังดูเหมือนจะพอ แต่ลำพังตัวเครื่องยนต์ก็ร้อนมากๆเป็นทุนเดิม จอดติดเครื่องนิ่งๆ อุณภูมิหม้อน้ำล่อไป 100 องศา อุณภูมิน้ำมันเกียร์ล่อไป 80 กว่า ขับในเมืองรถติดๆน้ำมันเกียร์พุ่งไป 100 องศา ขับเร็วๆล่อไป 110 กว่าองศา
ระยะยาวน้ำมันเกียร์เสื่อมไวแน่ๆครับ สายพานเกียร์คงไปไวแน่นอน
ขอมายืนยันอีกคนหน่อยนะครับ
City Turbo อุณหภูมิหม้อน้ำปกติ อยู่ที่ 105 C แล้วครับ
น้ำมันเกียร์ก็โน่น 95 C ครับ เหยียบ 130-140 นิ่งๆ ตลอดทางมีขึ้นไปแตะ 98 C แถมลงช้าอีกต่างหาก
รถติดหนักๆ ในกรุงเทพมี 100 องศาแน่นอน แต่พีคสุดคือ เอาขึ้นดอยชันๆ ฟาดไป 110 C
เจอแบบนี้ ผมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 20000 กิโล โชคดีที่ไม่แพงก็ยังพอทำเนา
แต่ถ้าหมดประกันเมื่อไหร่ Air-to-liquid oil cooler ต้องเข้าแล้วครับ กลัวแย้ว :o
-
เปลี่ยนเยอะขนาดนี้ น่าจะเปลี่ยนรหัสให้มันต่างกันมากกว่านี้
มีเพื่อนคนหนึ่งที่เคยใช้ swift gen แรก มองหารถ b seg ใหม่ ไป city turbo เพราะกลัวเกียร์ cvt-7 เดิม
เกรงว่าจะหนีเสือปะจระเข้
City turbo ฮอนด้าใช้แค่ตัววอร์มเมอร์ระบายความร้อน เอาไปแอบไว้ข้างใน
ใช้ท่อน้ำเย็นต่อเข้ากับวอร์มเมอร์เพื่อแลกเปลี่ยนความร้อนกับน้ำมันเกียร์
ฟังดูเหมือนจะพอ แต่ลำพังตัวเครื่องยนต์ก็ร้อนมากๆเป็นทุนเดิม จอดติดเครื่องนิ่งๆ อุณภูมิหม้อน้ำล่อไป 100 องศา อุณภูมิน้ำมันเกียร์ล่อไป 80 กว่า ขับในเมืองรถติดๆน้ำมันเกียร์พุ่งไป 100 องศา ขับเร็วๆล่อไป 110 กว่าองศา
ระยะยาวน้ำมันเกียร์เสื่อมไวแน่ๆครับ สายพานเกียร์คงไปไวแน่นอน
ขอมายืนยันอีกคนหน่อยนะครับ
City Turbo อุณหภูมิหม้อน้ำปกติ อยู่ที่ 105 C แล้วครับ
น้ำมันเกียร์ก็โน่น 95 C ครับ เหยียบ 130-140 นิ่งๆ ตลอดทางมีขึ้นไปแตะ 98 C แถมลงช้าอีกต่างหาก
รถติดหนักๆ ในกรุงเทพมี 100 องศาแน่นอน แต่พีคสุดคือ เอาขึ้นดอยชันๆ ฟาดไป 110 C
เจอแบบนี้ ผมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 20000 กิโล โชคดีที่ไม่แพงก็ยังพอทำเนา
แต่ถ้าหมดประกันเมื่อไหร่ Air-to-liquid oil cooler ต้องเข้าแล้วครับ กลัวแย้ว :o
ผมนั่งดูคลิปร้านติดออยเกียร์ยี่ห้อดัง ติดออยแผงขนาดเล็กยังเอาไม่อยู่
ต้องใช้แผงออยแบบยาวและติดพัดลมไฟฟ้าช่วยดูด ถึงจะลดอุณภูมิน้ำมันเกียร์ลงได้เหลือ 70-80 องศา
ระยะยาวลูกค้าที่ใช้รถทั่วไปไม่รู้อิโหน่อิเหน่ มีสิทธิ์เกียร์พังสูงมากจริงๆ ไม่รู้ฮอนด้าคิดอะไรอยู่