Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: kst ที่ มิถุนายน 30, 2021, 20:08:21
-
สวัสดีครับ ผมขอสอบถามความคิดเห็นและคำแนะนำเกี่ยวกับการทำประกันภัยรถยนต์หน่อยครับ
เรื่องคือผมได้ซื้อรถกระบะวีโก้ 4 ประตู 4x4 ให้พ่อเป็นของขวัญวันเกิด ไว้ใช้งานที่บ้านต่างจังหวัดเชียงรายเมื่อปี 2011 โดยปีแรกได้แถมประกันชั้น 1 ของวิริยะมาให้ และหลังจากนั้นผมก็ต่อประกันชั้น 1 กับเจ้าเเดิมมาตลอด
ประวัติรถคร่าวๆ
- พ่อใช้คนเดียว เอาไว้เข้าไร่เข้าสวน ไปทำธุรที่อำเภอ เข้าตัวเมือง พาหลานไปโรงพยาบาลในตัวเมืองบ้าง
- รถอายุ 10 ปี วิ่งไป 3 หมื่นกว่ากิโลเมตร ส่วนมากการใช้รถจะเป็นแบบระยะทางใกล้ๆ เวลาสั้นๆ ไปกลับนู่นนี่นั่นประมาณ 3-5 กิโลเมตรต่อครั้ง ไกลหน่อยก็เข้าไปทำธุรในตัวเมืองเชียงราย แต่ไม่บ่อย นานๆที
- สภาพเดิมๆ ไม่เคยเฉี่ยวชน มีเฉพาะรอยกิ่งไม้ขีดข่วนตอนเข้าสวน
- ไม่เคยแจ้งเคลมประกัน
พอปีนี้มีแจ้งเตือนให้ต่อประกันมา ซึ่งราคาปีหลังๆ มาประกันเค้าไม่มีส่วนลดอะไรให้แล้ว จะคงที่อยู่ที่ประมาณ เกือบหนึ่งหมื่นสามพันบาทมาตลอด
ผมคิดคนเดียวไม่ตก เลยอยากจะขอความเห็นของเพื่อนสมาชิกหน่อยครับว่า ผมควรจะต่อประกันแบบชั้น 1 ต่อไป หรือ ปีนี้จะเปลี่ยนประกันเป็นชั้นอื่นๆ ดี แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำชั้นไหนแบบไหนดี รบกวนท่านผู้มีประการณ์ช่วยแนะนำให้ผมหน่อยครับ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น และคำแนะนำครับ
-
ถ้าไม่ได้ตึงตัว ควรทำแบบเดิม เพื่อเอาไว้ทำให้ชีวิตไม่ยุ่งยากหากเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิด
-
ถ้ามาเรื่องความคุ้มค่า ชั้น 1 ก็ไม่คุ้มแล้วครับ ยิ่งเป็น vigo ด้วยอะไหล่มันหาไม่ยาก
แต่ถ้าสบายใจแล้วไม่ตึงมือก็ต่อ 1 ต่อไปเถอะครับ
ที่ผมแนะนำคือ 2+ แล้วทุนประกันน้อยๆ เบี้ยมันจะต่ำเตี้ยมาก มีแค่ไว้เซฟเวลาเกิดเหตุไม่คาดคิด
-
ต่อประกันเถอะครับ ดีกว่าเกิดเหตุแล้วไม่มีใช้
-
ซื้อแบบระบุคนขับ และหรือซื้อส่วนแรก ครับเพื่อลดเบี้ยลง
หรือไม่ก็เปลี่ยนมาใช้ 2+,3+ เบี้ยเริ่มต้นไม่ถึง 5 พัน แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องคู่กรณี
-
ลองดูประกันเปิดปิด ไทยวิวัฒน์ดูครับ เซฟครอสไปหลาย แต่ดูเงื่อนไขและความคุ้มครองดีๆ ครับ รับได้ซื้อโลด
-
ถ้าประกันชั้น 1 ราคาไม่เกินจะซื้อ
และเป็นรถหลัก แนะนำให้ซื้อครับ
เกิดอะไรขึ้นมา ไม่ต้องวุ่นอะไรเลย
ให้ประกันจัดการหมด เรื่องที่ประกันชั้นอื่นเบื่อมากคือพวกชนแล้วหนี แถมเป็นทะเบียนปลอม เกิดเหตุทีทำอะไรไม่ได้เลย
-
ประกันชั้น 2+ ครับ
ไม่ก็ประกับขับน้อยจ่ายน้อย ก็มีหลายเจ้าอยู่ครับ
-
เท่าที่เคยเห็นนะครับ
กรณีต่อชั้น 1 ลองเพิ่มส่วนลดด้วยการระบุผู้ขับ (ถ้าประกันเดิมมี) กับลองเปลี่ยนเช็คเบี้ยกับประกันอื่นดูด้วยครับ วิริยะ เบี้ยไม่ได้ถูก แต่เราก็ได้บริการที่ไว้ใจได้ แม้ว่าหลังๆ เริ่มมีคนบ่นบ้าง
2+ ผมเดาว่าเบี้ยแถวๆ 6-9 พัน จริงๆ ประหยัดไม่ได้เยอะมากครับ แต่ถ้าต้องการประหยัดก็ได้อยู่ รอยกิ่งไม่ จะไม่ได้อยู่ในความคุ้มครองนะครับ
-
ถ้าไปต่อ 2+ รถหาย ไฟใหม้ จะทำยังไงครับ
-
ชั้น 1 ซ่อมอู่ ระบุชื่อคนขับ
เอาแบบประกันราคาประหยัด แบบที่เครมต้องจ่ายค่าเปิดเคส 5,000 -7,000 บาท/ครั้ง
ถ้าชนหนัก ก็จ่าย ถ้าขีดข่วนปกติ ไม่ได้ชนก็ไม่ต้องจ่ายครับ
รถที่บ้านผมทำแบบนี้คันหนึ่ง เดินทางอุ่นใจดี
เบี้ยตก 7,500 บาท รถ7ปี ทุนซ่อมพอๆกับราคารถ บริษัทวิริยะมั้งครับ (ลืม)
ทำมา 2-3ปี แล้วอุ่นใจดีครับ
รถคุณวิ่งน้อยมาก เข้าสวนอีก โอกาสเกิดเหตุน้อยมากครับ
แนะนำเอาสติกเกอร์ประกัน ติดกระจกหลังฝั่งขวาไว้ครับ
พวกที่เฉี่ยวตบทรัพย์จะได้ไม่ยุ่ง เพราะเราจะเรียกประกันอย่างเดียว
-
ถ้าพิจารณาว่าความเสี่ยงต่ำก็ทำ ประเภท3 หรือ3+ก็พอครับถูกๆ
-
CR-V G3 ที่บ้าน 2 คัน / Jazz GE 1 คัน ทั้ง 3 คันเกิน 10 ขวบหมดแล้ว ยังต่อประกันชั้น 1 เหมือนเดิมครับ ค่าเบี้ยพอกับคุณแหละ คือราวๆ 1.3 หมื่น ยกเว้น Jazz อยู่ 8 พันปลาย
ถ้าไม่ได้ลำบากเรื่องงบ ต่อไว้ อุ่นใจกว่า
-
ทำไมของท่านถึงไม่ได้ลดหว่า ปกติถ้าไม่มีเคลมมักจะได้ส่วนลดทุกปีนะครับ (หรืออาจจะไม่ทุกเจ้า ?)
ผมก็พึ่งต่อชั้น 1 ให้คุณพ่อไปเมื่อเดือนที่แล้ว รถเป็น Mazda BT-50 Pro 3.2AT 4WD ปี 2012 ยังคงได้ส่วนลดทุกปีนะครับ
ปีนี้เบี้ยลดเหลือ 7,064 ทุน 370,000 ของเดิมปีแล้วเบี้ย 7,458 ทุน 410,000 แต่เป็นของทิพยประกันภัยนะครับ
วิริยะเคยได้มาตอนติดรถเหมือนกัน แต่พอจะต่อปีที่ 2 เบี้ยสูงพอๆกันกับทิพย แต่ทุนน้อยกว่าทิพย ผมจึงเปลี่ยนเป็นทิพยตั้งแต่ปีที่ 2 และใช้ยาวมาจนถึงตอนนี้ครับ
ทั้งนี้ จากประสบการณ์ส่วนตัวผมที่เคยใช้กับรถอีกคัน บริการของวิริยะ รวมทั้งความรวดเร็วในการถึงที่เกิดเหตุ ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากกว่าเจ้าอื่นครับ
ปล.รถคุณพ่อผมใช้เข้าสวนเหมือนกัน วันนึงขับไป-กลับที่ทำงานประมาณ 5 โล นานๆจะเข้าตัวเมืองสักที และติดกล้องหน้ารถเพื่อรับส่วนลดเพิ่มครับ
-
รถที่บ้านอีกคันเข้าปีที่12ตอนนี้ก็ป1อยู่ครับปีนี้พึ่งเครมไป.... มาหาข้อมูลด้วยครับว่าปีหน้าเขาจะบวกเพิ่มเท่าไหร่
-
ทำแบบ 2+ หรือ 3+ ครับ
-
เรื่องประกัน เป็นการซื้อความเสี่ยงครับ
ถามตัวเอง ว่า เสี่ยงได้แค่ไหน
ไม่เสี่ยง ชั้น 1 ครับ
นอกนั้น ก็ลดหลั่นลงไป
จ่ายยังไง ได้อย่างงั้นเลย
เดือนละพัน หน่อย ๆ ถ้าไม่ชนโคตรแพง
ถ้าชน โคตรถูก !!!!!
-
วิริยะ เบี้ยสูงครับ ส่วนมากแถมมากับรถ ปีหลังๆผมก็เปลี่ยน
ตอนนี้มาใช้ ทิพยะ 3 คัน บริการดี ส่วนตัวตอนเคลมก็ดีไม่ต่างจากวิริยะ แต่เบี้ย และ ทุน ดีกว่าครับ สมเหตุผลดี มีลดเบี้ยตลอดถ้าประวัติดี
ผมว่ากรณีนี้ ลองเปลี่ยนบริษัทครับ อาจจะพบเงื่อนไขที่ดีกว่า
-
ถ้าไม่ได้ตึงตัว ควรทำแบบเดิม เพื่อเอาไว้ทำให้ชีวิตไม่ยุ่งยากหากเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิด
ใช้ครับ รถเก่แล้ว ผมว่าเบี้ย 1,2+ มันไม่น่าต่างกันเยอะนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมา ผมว่าส่วนต่างที่จ่ายน้อยลง มันโคตรไม่คุ้มเลยครับ.
-
ต้องดูกำลังเราด้วยครับว่าไหวไหม ถ้าไหวผมว่าชั้น 1 ไปก็ดี บางคนดูแค่ค่าซ่อมรถ แต่ผมดูค่ารักษาพยาบาลคู่กรณีด้วย ผมว่ามันช่วยได้เยอะนะถึงแม้ว่าเราไม่อยากให้เกิด แต่ไม่มีใครรู้ไง
-
รถยุโรปมือสอง 11 ปีก็ยังชั้น 1 ตลอดครับ ผมไม่อยากรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ ถึงรถจะไม่ค่อยได้ขับ แต่ใครจะไปรู้ว่าอาจจะเกิดตอนเอาไปขับก็ได้ ยิ่งรถที่มีราคาอะไหล่แพงมากๆ ยิ่งควรทำชั้น 1 ครับ ถ้าเสียหายโดยไม่มีคู่กรณีขึ้นมา ตัวเองจ่ายไม่ไหวแน่ๆ ครับ
ต้องนึกถึงตอนที่โดนชนแล้วหนี ตามไม่ได้ ทะเบียนปลอม คู่กรณีไม่มีเงิน แบบนี้ชั้น 1 ไม่ปวดหัวครับ ถ้าเป็น 2+ ตามคู่กรณีไม่ได้นี่กุมขมับแน่ครับ
-
ประกันชั้น 2+ ครับ
ไม่ก็ประกับขับน้อยจ่ายน้อย ก็มีหลายเจ้าอยู่ครับ
+1
-
อายุรถ 10 ปี ถ้าหยุดต่อประกันชั้น 1 ไป แล้วอีก 2-3 ปีเกิดเปลี่ยนใจมาจะกลับมาใช้ประกันชั้น 1 ใหม่ บริษัทประกันอาจจะไม่รับแล้วนะครับ รถพ่อผมตั้งแต่ปี 1998 ตอนนี้ยังทำประกันชั้น 1 อยู่เลยครับ
จะตัดสินใจยังงัยอยู่ที่มุมมองแหละ ถ้ามองค่าเบี้ยประกันเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อประกันความเสี่ยง แล้วคิดว่ามันยังคุ้มค่ากับการประกันความเสี่ยงก็จ่ายต่อไปครับ
แต่ถ้ามองว่าค่าเบี้ยตอนนี้แพงเกินไป จ่ายไม่ไหว ขอยอมรับเป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเพื่อลดค่าเบี้ยลงแทนมันก็ทำได้ครับ
มุมมองก็คล้ายๆ กับประกันสุขภาพแหละครับ ผมก็จ่ายทิ้งทุกปี เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่มีค่าใช้จ่ายรายการใหญ่ๆ เข้ามาโดยที่เราไม่ได้ทันตั้งตัว
-
ชั้น 1 ยาวต่อไป ถ้าอายุรถเกินแล้วจะเปลี่ยนใจมาต่อชั้น 1 ไม่ได้แล้วนะครับ
เวลามีไม่ได้ใช้หรอกครับ ส่วนใหญ่ที่เจอ ประกันขาดกันวัน สองวัน ก็โดนชนเลยเยอะแยะ
-
ต่อครับ ชั้น 1 ดีที่สุดแล้วครับ เกิดอะไรขึ้น ให้คุณกับประกันอย่างเดียว ไม่ว่าเราจะผิดหรือถูกครับ
-
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นทุกท่านนะครับ อ่านแล้วทำให้ได้เปิดมุมมองที่กว้างขึ้น
ความจริงก็ไม่ถึงกับตึงมือหรอกครับ คือผมทำงานอยู่กรุงเทพมีรถเก๋งที่ใช้อยู่คันนึงกอปรกับมีลูกเลยต้องออกรถครอบครัวเลยเลือก Subie forester อีกคัน เลยต้องคิดเยอะขึ้นเรื่องค่าใช้จ่ายนิดหน่อย
แต่ก็อย่างที่หลายท่านบอกแหล่ะครับ ซื้อความสะบายใจ และคุณพ่อก็อายุมากแล้ว เลยคิดว่าคงจะต่อชั้น1 แบบเดิมไปครับ
ขอบคุณสำหรับความเห็นทุกท่านนะครับ
-
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นทุกท่านนะครับ อ่านแล้วทำให้ได้เปิดมุมมองที่กว้างขึ้น
ความจริงก็ไม่ถึงกับตึงมือหรอกครับ คือผมทำงานอยู่กรุงเทพมีรถเก๋งที่ใช้อยู่คันนึงกอปรกับมีลูกเลยต้องออกรถครอบครัวเลยเลือก Subie forester อีกคัน เลยต้องคิดเยอะขึ้นเรื่องค่าใช้จ่ายนิดหน่อย
แต่ก็อย่างที่หลายท่านบอกแหล่ะครับ ซื้อความสะบายใจ และคุณพ่อก็อายุมากแล้ว เลยคิดว่าคงจะต่อชั้น1 แบบเดิมไปครับ
ขอบคุณสำหรับความเห็นทุกท่านนะครับ
ไม่อยากให้ใช้คำว่าซื้อความสบายใจครับ
อยากให้เข้าใจว่าคือการซื้อความเสี่ยง
เราๆท่านๆที่ซื้อความเสี่ยงไม่มีทางคุ้ม เพราะเหตุไม่เกิดทุกคัน ดังนั้น บ.ประกันจึงกำไรและอยู่ได้ นอกจากนี้ผมอยากให้มองว่าการซื้อประกันคือค่าใช้จ่ายที่เป็นความรับผิดชอบต่อตนเอง และเพื่อนร่วมทาง ถ้าทุกคนมีประกัน(ชั้น 1ได้ยิ่งดี) กันทุกคัน มันจะไม่เกิดการชนแล้วหนี คนโดนหลอกเรื่องกฏหมายกันเลย เพราะเราจะมีตัวแทนเข้ามาจัดการ และตัวแทนก็มักจะรักษาผลประโยชน์ของ บ. เขา
ยิ่งกรณีซื้อให้คุณพ่อ เหมือนคุณซื้อบริการเผื่อไว้ ไม่ได้ใช้เป็นเรื่องดี วันไหนมีอะไรมี บ. ช่วยอำนวยความสะดวก แม้กระทั่งเฉี่ยวนิดเฉี่ยวหน่อยไม่โดนคนเอาเปรียบ
-
ถ้าไม่ติดเรื่องค่าใช้จ่ายก็ต่อชั้น 1 ครับ
แต่ดูจากระยะเวลาใช้ถนนแล้ว ความเสี่ยงต่ำ อาจจะเปลี่ยนเป็น 2+ ครับ
ทุกวันนี้รถผม 10 ปี ก็ยังพยายามใช้ ชั้น 1 เพราะรถใช้งานตลอดทุกวัน เดือนละ 3-4 พันโล มีไว้ยังไงก็สบายใจกว่าครับ