Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: The Mechanics of Emotions ที่ กรกฎาคม 15, 2021, 10:46:08
-
ผมเห็นว่ามีธนาคารนึงออกโครงการนี้มา คืนรถที่ผ่อนไม่ไหวให้ธนาคาร ส่วนต่างจากการขายรถไม่ต้องจ่าย ไม่เสียเครดิต ถือเป็นการปิดหนี้จริงๆ อนาคตสามารถกลับมาขอสินเชื่อได้อีก แล้วแบบนี้ธนาคารจะได้อะไรครับ ส่วนต่างเป็นแสนๆ แค่คันเดียวก็แย่แล้วมั้งครับ นี่ถึงกับเปิดโครงการขึ้นมาแล้วช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ ผมว่ามีรถไม่น้อยแน่ที่จะเข้าโครงการนี้
คำถามคือธนาคารจะคุ้มเหรอครับที่ทำแบบนี้ เข้าเนื้อตัวเองชัดๆ หรือว่ามีเหตุผลอะไรที่ดีกว่า ถ้าในมุมมองผมธนาคารจะช่วยก็อาจจะพักการชำระหรือปรับโครงสร้างหนี้แบบนี้ธนาคารได้เงินเท่าเดิม แต่อันนี้ส่วนต่างก็ไม่ต้องจ่าย จบๆ กันไป ก็ดีสำหรับคนที่ชำระไม่ไหวจริงๆ แต่ทำไมธนาคารถึงยอมได้ครับ
-
ในกระทู้เวปพันทิป เอามาลง เห็นว่ามีเงื่อนไขหลายข้อ ไม่ใช่ทุกคนจะเอาไปคืนได้ ต้องศึกษาเงื่อนไขก่อนไม่งั้นโดนฟ้องทีหลังจ่ายส่วนต่างแน่ ๆ
-
โครงการนี้มีเงื่อนไขพอสมควรนะครับ
เช่น
- เป็นลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดจริงๆ
- เป็นลูกค้าของธนาคารเท่านั้น
- รถยนต์ต้องสภาพดี ใช้งานได้ปกติ
- ค้างชำระไม่เกิน 90 วัน และมีประวัติการผ่อนดีมาตลอด
- ผ่อนมาเกิน 12 งวดสัญญา (ปีนึง)
และที่โหดสุดคือ
มูลค่ารถ ต้องมากกว่าหนี้คงเหลือ หรือ น้อยกว่าไม่เกิน 50,000บาท
----------------
โครงการนี้ดีกับคนที่ดาวน์เยอะๆประเภท 25 หรือ 30% กับ คนที่ผ่อนมาแล้วเกินครึ่งทางของสัญญางวดผ่อนครับ
-
ต้องไปดูว่า ราคาประเมินที่ทางธนาคารให้เนี่ย มันต่างจากราคาหน้าเต็นเท่าไหร่ ....ถ้าต่างเกิน 5 หมื่นเนี่ย ทางธนาคารกำไรนะคับ แล้วข้อดีอีกอย่างคือ ธนาคารได้ลดความเสี่ยงที่จะกลายเป็น NPL รวมถึงถ้าคนส่งไม่ไหวในท้ายสุด รถอาจเหลือแค่ราคาซาก แล้วไปตามฟ้องเจ้าของรถเสียเวลาอีก ชิงตัดเคสตอนนี้เลย ก็ถือว่า วิน-วิน
-
ธนาคารไม่มีอะไรกระทบเลย เพราะตั้งแผนสำรองหนี้เสียไว้มาก ส่วนที่บอกธนาคารได้อะไร ก็ดอกเบี้ยเงินกู้ต่างๆทั้งบ้าน รถ ภาค sme รัฐ
-
โครงการนี้ธนาคารไม่มีได้อยู่แล้วครับ มีแต่เสียกับเสียแน่นอน แต่มีข้อดี
คุณเชื่อเหอะว่าคนที่จะได้คืนรถ จะต้องตรวจสอบละเอียดแน่นอน ว่าเคสนี้จะเป็น npl ในอนาคต เปรียบได้กับการ haircut หนี้
ข้อดี
- คุณตัด loss โดย ได้ recovery loss ในอัตราที่สูงกว่า npl
- เวลาในการได้เงินสดตอนนี้ กับเทียบว่าจะต้องฟ้องร้อง ได้อีกทีไม่รู้เมื่อไร ในเวลาหลายปี มีค่ามหาศาล
- ตัวเลข npl น้อยลงกว่าที่จะเกิดขึ้นจริง
การทำแบบนี้ คือการเลือกว่าจะเสียมาก กับเสียน้อย ใครที่คิดว่าธนาคารได้กำไร หรือได้อะไร เป็นความเข้าใจที่ผิดครับ
-
แบบนี้ธนาคารไม่กระทบมาก อาจจะกำไรจากดอกเบี้ยลดลงแต่ยอดหนี้เสียก็จะน้อยลงไปด้วย
เกณฑ์ที่ตั้งมาอย่างน้อยก็ได้ดอกไปแล้วส่วนนึง
คนซื้อได้ตัดหนี้ ก็น่าจะวิน วิน ทั้งสองผ่าย
-
มูลค่ารถ ต้องมากกว่าหนี้ที่เหลือ ครับ
และเงื่อนไขอื่นๆ อีกยิบย่อย ไม่ใช่ส่งไป 1-2เดือน จะคืนได้เลย
-
มูลค่ารถ ต้องมากกว่าหนี้ที่เหลือ ครับ
และเงื่อนไขอื่นๆ อีกยิบย่อย ไม่ใช่ส่งไป 1-2เดือน จะคืนได้เลย
เงื่อนไขคือ ต่อให้หนี้มากกว่าราคารถ ก็คืนได้ ธนาคารยกหนี้ให้ครับ (แต่จะเท่าไหร่ อันนี้คงมีเงื่อนไขยิบย่อยอีกที)
"ด้วยผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ลูกค้ารายย่อย ไม่สามารถดำเนินธุรกิจหรือประกอบอาชีพได้ตามปกติ และกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ธนาคารจึงได้ออก มาตรการคืนรถจบหนี้ โดยหากรถยนต์ที่ธนาคารได้รับคืนประมูลขายได้ราคาต่ำกว่าภาระหนี้คงค้าง ธนาคารจะยกหนี้ส่วนที่เหลือและปิดบัญชีให้แก่ลูกค้า โดยไม่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการขายหรือเรียกเก็บส่วนต่างใดๆ อีก รวมถึงรายงานข้อมูลเครดิตด้วยสถานะปิดบัญชี ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ให้ลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการนี้ได้ลดภาระหนี้สิน และไม่มีประวัติค้างชำระหนี้ซึ่งเกิดจากขายรถได้ต่ำกว่าภาระหนี้คงค้าง เมื่อผ่านพ้นภาวะวิกฤตยังมีโอกาสยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินต่างๆ ได้"
ถามว่าธนาคารได้อะไร เข้าใจว่าเค้าคงคำนวณแนวโน้มหนี้เสียออกมาแล้วครับ ว่าจะมีมูลค่าเท่าไหร่ โครงการนี้ก็น่าจะชดเชยหนี้เสียได้ส่วนหนึ่ง
Target น่าจะเป็นลูกค้าชั้นดี ที่มีแนวโน้มจะก่อหนี้เสียในอนาคต
-
เห็นเงื่อนไขแล้ว เค้าเอาแต่ลูกค้าดีหนิครับ ไม่ใช่ลูกค้าที่ผิดนัดเป็นปกติ ก่อนมี covid.
-
ธนาคารได้ค่า npl น้อยลงครับ
ทำให้ไม่ต้องตั้งสำรองเงินสด ไว้จำนวนมาก ก็จะประหยัดตรงนี้ได้ครับ
ต้องลงค้นหรือถามคนทำธนาคารดูว่าค่า npl กี่ % ต้องตั้งสำรองกี่ % การตั้งสำรองนี่คือ สำรองคิดจากมูลค่าเงินทั้งหมดนะครับ ดังนั้นหาก % npl สูง
จะต้องเอาเงินมาตั้งสำรอง หรือเอาเงินสดมาทิ้งไว้เฉย ๆ เป็นหลักประกัน หลายร้อยล้าน แทนที่จะเอาไปปล่อยกู้หากำไร ได้อีกครับ
-
มูลค่ารถ มากกว่า หนี้คงค้าง 5 หมื่นบาท
แล้วแบบนี้ ผมจะคืนรถทำไมล่ะนั่น ขายเอง ดีกว่าไหมอ่ะ
-
แค่มูลค่ารถมากกว่าหนี้คงเหลือ หรือน้อยกว่าไม่เกิน 50,000 บาท
ก็ตัดลูกค้าเข้าข่ายไปได้เยอะแล้วล่ะครับ
ยิ่งพวกดาวน์น้อยผ่อนนานนี่เลิกคิดได้เลย
-
มูลค่ารถ มากกว่า หนี้คงค้าง 5 หมื่นบาท
แล้วแบบนี้ ผมจะคืนรถทำไมล่ะนั่น ขายเอง ดีกว่าไหมอ่ะ
รถติดไฟแนนซ์อยู่ การขายก็ต้องใช้เวลา ช่วงที่รอขายอาจจะไม่มีเงินผ่อนรถ ถ้าธนาคารรับซื้อ ใช้เวลาไม่นานลูกค้าอาจจะยอมครับ
-
มูลค่ารถ มากกว่า หนี้คงค้าง 5 หมื่นบาท
แล้วแบบนี้ ผมจะคืนรถทำไมล่ะนั่น ขายเอง ดีกว่าไหมอ่ะ
นั่นสิครับ ผมก็คิดเหมือนกัน ถ้ารีบมากๆ ก็ขายเต็นท์ไป ถ้่ายอดค้างไม่สูงกว่าราคาประเมินก็ขายๆ ไป ถ้าไม่ไหวจริงๆ
-
ธนาคารไม่มีขาดทุนหรอกครับ พวกผ่อน 84 งวด แล้วผ่อนไปแค่ 5-6 งวด ไม่ทีทางได้นโยบายนี้
-
มูลค่ารถ มากกว่า หนี้คงค้าง 5 หมื่นบาท
แล้วแบบนี้ ผมจะคืนรถทำไมล่ะนั่น ขายเอง ดีกว่าไหมอ่ะ
โดนใจมาก
-
คืนรถ จบหนี้ คือ เนื้อหา ที่เปิดมาเพื่อ "การชวนเชื่อให้สนใจ" เท่านั้น
ในเรื่องจริง กลุ่มธนาคารพวกนี้ เขามีทุกทีมข้อมูลเพื่อ "แสวงหาผลประโยชน์" ให้องค์กรอยู่แล้ว
ไอ้ " * " มันมีเยอะ เงื่อนไข เงื่อนงำ มันมีมาก
เพราะฉนั้น เรื่อง "ขาดทุน ไม่มีใครเขาทำ" โดยเฉพาะองค์กรประเภทนี้
และในรายละเอียดจริงๆ จะมีคำพูดประมาณว่า "การพิจารณาตามเงื่อนไขของทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการให้เหตุผลในการพิจารณา"
คนเข้าเกณท์น่ะมี เพียงแต่มีน้อยกว่าคนไม่เข้าเกณท์พิจารณาเยอะ..
-
ธนาคารก็อยากจะลดความเสี่ยง NPL แหละครับ ให้ลูกค้าเอามาคืน ยังดีกว่าต้องออกไปตาม
-
มูลค่ารถ มากกว่า หนี้คงค้าง 5 หมื่นบาท
แล้วแบบนี้ ผมจะคืนรถทำไมล่ะนั่น ขายเอง ดีกว่าไหมอ่ะ
นั่นสิครับ ผมก็คิดเหมือนกัน ถ้ารีบมากๆ ก็ขายเต็นท์ไป ถ้่ายอดค้างไม่สูงกว่าราคาประเมินก็ขายๆ ไป ถ้าไม่ไหวจริงๆ
จริงครับ มูลค่ารถของธนาคารส่วนใหญ่จะน้อยกว่าราคาตลาดอยู่แล้ว ถ้าเป็นมวยหน่อยก็ย่อมดีกว่า
แต่ธนาคารคงออกแบบมาสำหรับคนที่ไม่รู้จะทำยังไงมากกว่าครับ คือดีกว่าเสียค่าคนดำเนินการติดตาม
-
8) 8) 8).....Nothing Free In The World !!!..... One way or the other way .....Somebody
got to paid FOR !!! แบ็งค์นั่น ไม่พูดถึงเงินที่คุณใส่ ดาวน์ ลงไปเลยนิ ? :-X
-
ขอบคุณครับ ชัดเจน เข้าใจขึ้นมากเลยครับ