Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Floppy-T ที่ กรกฎาคม 29, 2021, 10:38:37
-
ขออนุญาตสอบถาม ขอความเห็นจากเพื่อนๆพี่ๆสมาชิกครับ
สืบเนื่องจากได้มีโอกาสล้างรถให้คุณพ่อ เลยเปิดฝากระโปรงหน้าทำความสะอาดห้อง เช็ดห้องเครื่องไปด้วยนิดหน่อย
เติมน้ำฉีดล้างกระจก จนมาสะดุดตาที่หม้อพักน้ำหล่อเย็น (เป็นพลาสติก) ว่าทำไมมีน้ำสีชมพูๆ
เดินกลับเข้าบ้านไปถามคุณพ่อว่า ได้ทันสังเกตบ้างไหมว่าน้ำชมพูๆ มีหยดที่พื้นบ้างหรือไม่
ได้คำตอบมาว่า ไม่รู้ ไม่ได้สังเกตหรอก ใช้อย่างเดียว :( (น้ำหล่อเย็นหายไป พร่องไปเมื่อไร ไม่รู้อะไรทั้งนั้น)
ไม่รู้ว่าขับทั้งๆที่ไม่มีน้ำหล่อเย็นนี่มานานเท่าไร ... (YARIS โฉมแรก ไม่มีเข็มแสดงความร้อนที่เรือนไมล์ด้วยสิ)
อยากทราบว่า เติมน้ำเปล่า (น้ำดื่มกรอง) เข้าไปก่อนได้ไหมครับ เพราะไม่รู้ว่า รั่ว ซึม ตรงไหน ถ้าไปซื้อน้ำหล่อเย็นมา
ก็รั่ว ก็พร่องหายไปอยู่ดี อาทิตย์หน้าจะเอารถไปเช็ค ไปซ่อมให้คุณพ่อครับ
-
น้ำหล่อเย็นพร่อง อย่าเติมน้ำเปล่า ไปซื้อน้ำหล่อเย็นศูนย์มาเติมไม่ได้แพงเลย
แต่ก่อนจะเติม สังเกตุดูก่อนว่า
1. ที่บอกว่า พร่อง คือ พร่อง แค่ไหน หายไปแค่ไหน เพราะถังพักน้ำยาหล่อเย็น มันก็ไม่ได้เต็มนะครับ รถผม เวลาปกติๆ มันจะอยู่ประมาณ 1/4 หรือ 1/3 ของถังพักเอง มันไม่ได้เต็มนะครับ
2. ลองเปิดฝาหมอน้ำดูว่า มองเห็นน้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำ หรือป่าว มันหายจริงไหม หรือแค่พร่องในถังพัก แต่หม้อน้ำยังเต็มอยู่
3. ถ้าจากข้อ 2. มันหายจริงๆ มองไม่เห็นเลย ส่องฟาหาก็ไม่เจอ ลองก้มดูใต้รถว่ามีจุดรั่ว ซึม หยดไหม หรือถ้าดูเองไม่เป็น ก็ไปอู่ หรือ ศูนย์ ครับ
-
น้ำสะอาด ได้หมด
-
ใช้น้ำยาหล่อเย็นดีแล้วครับ ยิ่งจะไปหาจุดที่รั่วยิ่งต้องใช้ มันจะมองง่าย เจอง่ายครับ ไปใช้น้ำเปล่า เดียวมันไปลบ ไปเลือนรอยเก่า เดียวจะหากันตาแตก
-
ระบบหล่อเย็นรถสมัยใหม่10ปีย้อนไป ไม่เหมาะที่จะเติมน้ำเปล่า เพราะจะเป็นสนิมในระบบได้ ควรเติมหล่อเย็นอย่างเดียวดีที่สุด
แต่ถ้าฉุกเฉิน ท่อแตกกลางทาง ก็เติมได้
-
ขึ้นอยู่กับลำดับความสำคัญครับ
ถ้า ขาดเยอะ อยู่กลางทาง ไปศูนย์ อาจจะ Heat ก็เติมน้ำเปล่า แล้ว ไปถ่ายที่ศูนย์ก็ได้ ถ้าไม่สบายใจ ไม่กีบาทหรอก
ถ้าขาดน้อย ก็วิ่งไปศูนย์ ไปเดิมได้
มาพะวงว่าจะเป็นสนิม แลกกะเครื่อง Heat ไม่คุ้มกันหรอกครับ เรื่อง ความร้อน ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น รถลองได้ Heat แล้ว ไม่มีวันเหมือนเดิมครับ
น้ำหล่อเย็น จะมีสี ลองดูมีคราบตรงไหน จะเห็นรอย
ลองชัก ก้านวัน นมค มา ว่าเป็นสีนมหรือเปล่า
มันเป็นระบบปิดก็จริง แต่ ระเหยได้ครับ
รถ Service ตามระยะไหม วิ่งกี่โลแล้วครับ
-
ถ้าเป็น yaris 1.5 โฉมแรกเลย ตอนนี้ก็น่าจะอายุ 10กว่าปี ไม่รู้ว่ารถ จขกท วิ่งไปเท่าไหร่แล้ว
รถถ้าเกิน 10 ปี แนะนำเปลี่ยน
- ฝาหม้อน้ำ แท้ ลองเช็คดูว่าจุกยางหลุดรั่วหรือยัง ปกติอันนี้ผมเปลี่ยน 5 ปี ครั้ง (อันนี้ถ้าไม่เคยเปลี่ยนเลยเปลี่ยนก่อนได้ แท้ศูนย์3ร้อยต้นๆ)
- มอเตอร์พัดลมหน้ารถ เอามือลองโยกที่ปลายใบพัดดู ถ้าโยกได้ แกนไม่แน่น ก็เปลี่ยนได้เลย ถ้าไม่เน้นแพงก็มีของ denso 9ร้อยกว่าบาท
- วาล์วน้ำ แท้ อันนี้ถ้ารถวิ่งเกิน 2 แสนโล + อายุ 10-12ปีขึ้น ถ้าเป็นไปได้เปลี่ยนก่อนวาล์วน้ำจะค้าง
รุ่นนี้เบิกคอห่านวาล์วน้ำพลาสติกมาคู่กันได้เลยเพราะมันจะเริ่มกรอบหัก ถ้ามีอายุเยอะๆ
- ปั้มน้ำ ถ้าที่ผ่านมา10กว่าปี ไม่ได้ใช้น้ำเปล่าเติมหม้อน้ำ + เวลาเดินเบาไม่ได้มีเสียงคลอน ค่อยเปลี่ยนตอนมีอาการก็ได้ครับ
- รถไม่มีที่วัดความร้อน ลองหา obd gauge มีติดก็ดีครับ ตั้งเตือนอุณภูมิน้ำไว้ซัก 103-105 ก็ได้
- เวลาล้างรถเครื่องเย็นๆ ฉีดน้ำล้างอัดแผงรังผึ้งหน้ารถตรงๆ จะช่วยให้พัดลมไม่ต้องทำงานหนักครับ
- ถ้าไม่สะดวกออกไปซื้อน้ำหล่อเย็น ใน shopee mall มีร้านของ toyota มีน้ำหล่อเย็นขายอยู่ครับ
-
มันหายไปต่ำกว่าขีด L หรือว่าไม่เหลือในถังเลย??
ถ้าแค่ต่ำกว่าขีด L แล้วรถไม่มีอาการอะไร ขับปกติ ความร้อนไม่ขึ้น (แม้ไม่มีเข็มความร้อนก็น่าจะมีไฟแจ้งถ้า over heat) น้ำมันเครื่องไม่เป็นสีกาแฟนม ไม่มีคราบน้ำยาเลอะหม้อน้ำ เหล่านี้ก็น่าจะแค่พร่องไป ไปซื้อจากศูนย์มาเติมให้ถึงขีด L (ตอนเครื่องเย็น) ก็พอ แล้วลองดูอีกทีตอนเครื่องร้อนระดับน้ำยามันจะสูงขึ้นไปอีก ถ้าเติมถึงขีด F พอเครื่องร้อนมันอาจจะล้นได้ครับ
ของผมตอนเครื่องร้อนระดับมันจะอยู่ที่ขีด F พอเครื่องเย็นระดับมันจะลดลงมาอยู่ที่ขีด L ครับ ปกติดี ( เครื่องดีเซล GD ของโตต้าครับ)
-
มันหายไปต่ำกว่าขีด L หรือว่าไม่เหลือในถังเลย??
ถ้าแค่ต่ำกว่าขีด L แล้วรถไม่มีอาการอะไร ขับปกติ ความร้อนไม่ขึ้น (แม้ไม่มีเข็มความร้อนก็น่าจะมีไฟแจ้งถ้า over heat) น้ำมันเครื่องไม่เป็นสีกาแฟนม ไม่มีคราบน้ำยาเลอะหม้อน้ำ เหล่านี้ก็น่าจะแค่พร่องไป ไปซื้อจากศูนย์มาเติมให้ถึงขีด L (ตอนเครื่องเย็น) ก็พอ แล้วลองดูอีกทีตอนเครื่องร้อนระดับน้ำยามันจะสูงขึ้นไปอีก ถ้าเติมถึงขีด F พอเครื่องร้อนมันอาจจะล้นได้ครับ
ของผมตอนเครื่องร้อนระดับมันจะอยู่ที่ขีด F พอเครื่องเย็นระดับมันจะลดลงมาอยู่ที่ขีด L ครับ ปกติดี ( เครื่องดีเซล GD ของโตต้าครับ)
จริงๆตามที่ผมเข้าใจ เวลาเครื่องเย็นต้องอยู่ที่ F นะครับ
แต่มันก็ไม่มีปัญหาหรอกครับเพราะจริงๆมันอยู่ ระหว่าง F-L ก็คือได้หมด
-
มันหายไปต่ำกว่าขีด L หรือว่าไม่เหลือในถังเลย??
ถ้าแค่ต่ำกว่าขีด L แล้วรถไม่มีอาการอะไร ขับปกติ ความร้อนไม่ขึ้น (แม้ไม่มีเข็มความร้อนก็น่าจะมีไฟแจ้งถ้า over heat) น้ำมันเครื่องไม่เป็นสีกาแฟนม ไม่มีคราบน้ำยาเลอะหม้อน้ำ เหล่านี้ก็น่าจะแค่พร่องไป ไปซื้อจากศูนย์มาเติมให้ถึงขีด L (ตอนเครื่องเย็น) ก็พอ แล้วลองดูอีกทีตอนเครื่องร้อนระดับน้ำยามันจะสูงขึ้นไปอีก ถ้าเติมถึงขีด F พอเครื่องร้อนมันอาจจะล้นได้ครับ
ของผมตอนเครื่องร้อนระดับมันจะอยู่ที่ขีด F พอเครื่องเย็นระดับมันจะลดลงมาอยู่ที่ขีด L ครับ ปกติดี ( เครื่องดีเซล GD ของโตต้าครับ)
จริงๆตามที่ผมเข้าใจ เวลาเครื่องเย็นต้องอยู่ที่ F นะครับ
แต่มันก็ไม่มีปัญหาหรอกครับเพราะจริงๆมันอยู่ ระหว่าง F-L ก็คือได้หมด
ตอนเครื่องร้อนน้ำยามันจะขยายตัวดันออกมาจากหม้อน้ำครับ ระดับน้ำยาในหม้อพักก็เลยสูงขึ้น พอเครื่องเย็นลงแรงดันในหม้อน้ำมันก็ลดลงเลยดูดน้ำยาจากในหม้อพักกลับครับ
-
หายไปแค่ไหนครับ ?
ของผม จะดูตอนเครื่องเย็นแล้ว ต้องอยู่เกินกึ่งกลางระหว่าง Min กับ Max ถือว่า ใช้ได้
ถ้าเครื่องเย็นอยู่ Max พอเครื่องร้อน ก็โดนดันไหลทิ้งอยู่ดี
-
มันหายไปต่ำกว่าขีด L หรือว่าไม่เหลือในถังเลย??
ถ้าแค่ต่ำกว่าขีด L แล้วรถไม่มีอาการอะไร ขับปกติ ความร้อนไม่ขึ้น (แม้ไม่มีเข็มความร้อนก็น่าจะมีไฟแจ้งถ้า over heat) น้ำมันเครื่องไม่เป็นสีกาแฟนม ไม่มีคราบน้ำยาเลอะหม้อน้ำ เหล่านี้ก็น่าจะแค่พร่องไป ไปซื้อจากศูนย์มาเติมให้ถึงขีด L (ตอนเครื่องเย็น) ก็พอ แล้วลองดูอีกทีตอนเครื่องร้อนระดับน้ำยามันจะสูงขึ้นไปอีก ถ้าเติมถึงขีด F พอเครื่องร้อนมันอาจจะล้นได้ครับ
ของผมตอนเครื่องร้อนระดับมันจะอยู่ที่ขีด F พอเครื่องเย็นระดับมันจะลดลงมาอยู่ที่ขีด L ครับ ปกติดี ( เครื่องดีเซล GD ของโตต้าครับ)
จริงๆตามที่ผมเข้าใจ เวลาเครื่องเย็นต้องอยู่ที่ F นะครับ
แต่มันก็ไม่มีปัญหาหรอกครับเพราะจริงๆมันอยู่ ระหว่าง F-L ก็คือได้หมด
ตอนเครื่องร้อนน้ำยามันจะขยายตัวดันออกมาจากหม้อน้ำครับ ระดับน้ำยาในหม้อพักก็เลยสูงขึ้น พอเครื่องเย็นลงแรงดันในหม้อน้ำมันก็ลดลงเลยดูดน้ำยาจากในหม้อพักกลับครับ
ผมแค่บอกว่าเค้าไม่วัดระดับน้ำหล่อเย็นกันตอนเครื่องร้อนครับ
ฉะนั้นเวลาเช้าๆก่อนติดเครื่อง คุณเปิดดู ระดับมันควรอยู่ที่ Fครับ รถป้ายแดงมันก็จะเป็นแบบนี้จากโรงงานครับ สังเกตุดูได้ ในคู่มือก็เขียนครับ
ส่วนที่คุณบอกผมเข้าใจอยู่ครับ
ผู้ผลิตเค้ามีที่เหลือสำหรับระดับน้ำที่เพิ่มตอนเครื่องทำงานอยู่แล้ว คำว่าล้นออกผมไม่เคยเห็นนะครับถ้าตอนเครื่องเย็นอยู่ F
-
ถ้ายังไม่เคยเปลี่ยน เปลี่ยนหม้อพักครับจบ มันเป็นพลาสติกจะเริ่มซึมตามตะเข็บที่ละน้อย ตัวนี้จะแพงหน่อยนึงเพราะมาพร้อมโครงพัดลมประมาณ 2000+- เล่นแท้เท่านั้น ของเทียมไม่นานซึมอีก
ตอนเปลี่ยนต้องถอดท่อยางน้ำตัวบนออกแล้ว ปลดตัวล้อคโครงพัดลม ถอดสายยางที่คอห่าน ถอดปลั้กมอเตอร์พัดลม ก็ยกขึ้นมาได้เลย ซื้อน้ำหล่อเย็นมาเติมเพิ่มด้วย
จริงๆถ้าไม่เคยทำอะไรเลย มันก็เกินจะทนแล้วครับ ท่อยางแข็ง คอห่านเหลือง คู่มือบอกว่าให้ถ่ายน้ำหล่อเย็นครั้งแรกที่ 160000 นะครับ
-
เบี้องต้นเช็คฝาหม้อน้ำก่อนครับ ถ้าไม่เคยเปลื่ยนก็ควรทำได้แล้ว
แนะนำเบิกศูนย์อย่างเดียวอย่าไปซี้อตามลาซาด้าหรือช้อปปี้
เพราะที่ศูนย์จะขายฝารุ่นใหม่ 1.1 บาร์ซึ่งเป็นสติกเกอร์สีขาว
ส่วนรุ่นเก่าสติกเกอร์เหลืองคาดดำเค้าโละที้งไปหมดแล้วครับ
จากนั้นดูพัดลมไฟฟ้าหน้ารถ ลองโยกที่ใบพัดเบาๆว่าเริ่มคลอนหรือยัง ถ้าคลอนเมื่อไรเตรียมตัวเปลื่ยนได้
ปั้มน้ำก็เช่นกัน ถ้ารถเลย 1.5 แสนโลมาแล้วยังไม่เคยเปลื่ยนก็จัดการซะ รวมถึงพวกเทอร์โมสตรัท/เทอร์โมสวิตช์ด้วย
ส่วนน้ำ แนะนำของศูนย์ SLLC กระป๋องดำครับลิตรละร้อยกว่าๆครับ แต่ถ้าฉุกเฉินจริงๆเอาน้ำดื่มใส่แทนก็ได้
อื่นๆก็เช็คสภาพตามอาการครับ
-
ถ้าก่อนหน้าใช้เป็นพวกน้ำยา ไล่ๆ ดูตามตะเข็บจุดต่างๆ อาจจะเจอผู้ต้องสงสัยครับ
แต่ด้วยอายุรถ ส่วนตัวผมแนะนำให้ไล่ทำทั้งระบบไปเลยดีกว่า เกรงว่าจะทำทีละนิดแล้วไม่จบ
-
รถอายุเยอะแล้วไปเช็คระบบหล่อเย็นทั้งระบบเลยก็ดีครับ ถ้ามีอะไรรั่วซึมหรือเสื่อมจะได้ไม่เสียหายเยอะ แต่จะบอกว่ารถผมCHRก็น้ำยาหล่อเย็นยุบแล้วหลายๆคันก็เป็นเหมือนกัน ผมเติมทุกหมื่นโลจะยุบไปประมาณ1/4จากสเกลE-Fครับ
-
นึกว่าฮอนด้ามาถาม
ตรวจสอบฝาหม้อน้ำ
ข้อต่อต่างๆ ครับ
ให้ 0 ตรวจก็ได้
คำตอบที่ได้ ไม่ควรเป็น
อาการปกติครับ
-
พวกหม้อน้ำและท่อเหล็ก ท่อยางผุรั่วแบ้วครับ. ไล่เปลี่ยนให้หมดนี้อาการหายครับ
-
ถ้ารถใหม่ (ป้ายแดง - ไม่เกิน 3ปี) เข้าศูนย์ให้เขาหาสาเหตุครับ
ถ้ารถ 3 - 5 ปี คำว่าพร่อง คือระดับหายไปนิดหน่อย แต่ยังอยู่กลางๆ ต่ำกว่า Max. เหนือ Min. ลองดูอีกอาทิตย์ อีกเดือน ถ้าหาซื้อ Coolant ได้ก็ซื้อมาเติม ถ้าไม่ได้ก็น้ำกลั่น ถ้ายังลดอยู่ ก็เข้าศุนย์ ดูข้อต่อ สายรัด ยาง ว่าสภาพถึงเวลาต้องเปลี่ยนไหม มันอาจจะแตก รั่ว ซึม ได้ครับ
ถ้าเกินกว่า 5 ปี ถ้าระดับ ยังอยู่กลางๆ ต่ำกว่า Max. เหนือ Min. ก็ทำเหมือนกัน แต่ถ้าต่ำเลยก็เข้าศูนย์เลย มีรั่วและซึมแน่นอนเพราะพวกนี้มันเป็นยางและพลาสติก รถ5ปีอัพ ในสภาพบ้านเรา ก็ควรแก่เวลาที่จะเปลี่ยนครับ
-
แจ๊สผมหายประจำเติมทุกหมื่นโล ตั้งแต่ป้ายแดง2018 ออกมาจะสามปี วิ่งไปแสนโลก็ปกติครับหมั่นเติมทำใจละครับ