Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Floppy-T ที่ กันยายน 13, 2021, 17:39:35
-
ชิปหายที่ไม่ใช่คำอุทานนะครับ แต่คือสถานการณ์ที่กลุ่มเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์กำลังประสบ
สร้างผลกระทบต่อการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้เย็น ไมโครเวฟ รวมไปจนถึงสินค้ากลุ่มไอทีต่างๆเช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป
ไม่เว้นแม้กระทั่งรถยนต์ก็ล้วนใช้ ชิปมาเป็นสมองกลสั่งงานต่างๆ
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่นำไปสู่การแย่งซัพพลายชิป ระหว่างอุตสาหกรรมรถยนต์ และผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
การกักตุนชิปเซมิคอนดักเตอร์จากบริษัทจีนที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตร สงครามการค้า
ความต้องการที่สูงขึ้นโดยเฉพาะการมาของสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป อุปกรณ์ไอทีต่างๆ เพื่อมา WFH
ทั้งหมดทั้งมวล ส่งผลให้การผลิตและส่งมอบรถถูกเลื่อนออกไปอย่างช่วยไม่ได้
สมาชิกมีความคิดเห็นอย่างไร หากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ปรับตัวโดยการ
ตัดออปชั่นด้านเทคโนโลยีที่มีความเกี่ยวเนื่องกับชิปและอุปกรณ์อิเล็คโทรนิกส์ออก
ราคารถยนต์ก็ถูกลง เนื่องจากออฟชั่นถูกตัดออกบางประการ
-
BMW นำร่องด้วยการตัด Wireless Charger และ Lumbar Support ฝั่งคนนั่งใน 3-Series ด้วยเหตุผลนี้ไปแล้วครับ
แต่...ราคาเดิมนะ
-
ชิปที่ใช้อยู่ในโลกนี้ส่วนใหญ่ผลิตที่ไต้หวันนะครับ จีนผลิตชิปไม่ได้
-
โลกของการผลิตชิฟ มันผูกขาดเกินไป
เครื่องสร้างชิฟ ทำจากเทคโนโยยี่ อเมริกา กีพกันจีน ทุกทาง
มี TSMCไต้หวัน กับ sumsung เกาหลีใต้ เป็นรายใหญ่ที่ผลิต
เทคโนโลยี่ 5 นาโนเมตรได้
ไม่รู้ถ้ายอม ลดสเปค 10-12 นาโนเมตร เอาจากชาติอื่น มาใส่รถแทน
จะพอไหวมั้ย อย่างน้อยดีกว่าไม่มีให้ใช้
ระหว่างรอ TSMC & sumsung ขยายโรงงานอยู่
-
ตัดออฟชั่นความซับซ้อน และ ลดราคาถูกลง ผมรับได้นะครับ อย่างน้อยใช้ระยะยาวก็มีจุดดูแลจุกจิกน้อยลงไปละแน่นอน
-
ชิปที่ใช้อยู่ในโลกนี้ส่วนใหญ่ผลิตที่ไต้หวันนะครับ จีนผลิตชิปไม่ได้
แต่แร่ตั้งต้นการผลิต มาจากจีน...
-
ชิปที่ใช้อยู่ในโลกนี้ส่วนใหญ่ผลิตที่ไต้หวันนะครับ จีนผลิตชิปไม่ได้
แต่แร่ตั้งต้นการผลิต มาจากจีน...
นี่แหละ มันเลยกลายเป็นวิกฤตชิบขาดแคลน
พอจีนโดนเมกาแบน จีนก็ไม่ส่งแร่เพื่อผลิตชิบ ถ้าส่งก็ขึ้นราคาแพงๆ
กรรมก็มาตกกับผู้บริโภค ทั้งๆที่มันทะเลาะกันอยู่สองประเทศ
-
ชิปที่ใช้อยู่ในโลกนี้ส่วนใหญ่ผลิตที่ไต้หวันนะครับ จีนผลิตชิปไม่ได้
แต่แร่ตั้งต้นการผลิต มาจากจีน...
นี่แหละ มันเลยกลายเป็นวิกฤตชิบขาดแคลน
พอจีนโดนเมกาแบน จีนก็ไม่ส่งแร่เพื่อผลิตชิบ ถ้าส่งก็ขึ้นราคาแพงๆ
กรรมก็มาตกกับผู้บริโภค ทั้งๆที่มันทะเลาะกันอยู่สองประเทศ
บางบริษัทจีน อย่างเช่น สายผลิตรถไฟฟ้า เริ่มตั้งรง.ผลิตชิปเองแล้วคนับ
และส่วนใหญ่รถไฟฟ้าจากจีน ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนชิปเท่าไหร่
ส่วนปัญหาชิปที่ขาดแคลน เป็นชิป(เซมิคอนดักเตอร์)พื้นฐานนะครับ น่าจะระดับ 10-20นาโนเมตร ซึ่งไม่ได้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมากนัก
และส่วนใหญ่ฝั่งจีนโดนปัญหาขาดแคลนชิปมานานก่อนแล้ว(เพราะสงครามการค้า) จึงค่อนข้างไหวตัวทัน
เลยไม่ได้มีผลกระทบจากโควิดเท่าไหร่คนับ
-
อยากให้ทำมากกกกก
อยากให้มาทำรถไร้ option เสียยาก ทนทาน กันบ้าง
....................
จริงๆวิกฤตนี้ แก้ได้ที่"คน"ครับ
ตอนนี้เราๆ บริโภคกันมากไป มือถือปีนึงเปลื่ยนกันแล้ว แถมตอนนี้ทุกคนยังไงก็มี บางคนมี 2เครื่อง
อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์เพียบ รถไร้เข็มมีแต่หน้าจอ บางคันจะยัดจอไว้ทุกเบาะก็มี
คอม บางคนเปลื่ยนทุกปี(ไม่แรง เล่นเกมไม่มันส์ ขุดบิตไม่พอ) ...... ไม่ใช่แค่วัตถุดิบไม่พอหรอกครับ กิเลศคนมันเยอะมากไปต่างหาก
-
ตกลงแล้ว ต้นตอทั้งหมดมันเกิดจากอะไรกันแน่ครับ
-
ไม่ได้เกิดการแย่งแต่อย่างใดเพราะความสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กโทรนิกส์นั้นต่างกันมากสำหรับผุ้ผลิต Chip ต่างกันตั้งแต่แรกแล้ว
ผู้ผลิต Chip และ IC นั้นเหมือนร้านค้าขายส่ง อุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กโทรนิกส์นั้นเหมือนลูกค้าประจำที่มาซื้อทุกสัปดาห์ ส่วนอุตสาหกรรมยานยนตืนั้นเหมือนลูกค้ารายย่อยที่มาซื้อเดือนหรือ 2 เดือนครั้ง จำนวน Chip และ IC ที่สินค้าอิเล็กโทรนิกส์กับยานยนต์ซื้อทีนึงนั้นต่างกันเป็นสิบเป็นร้อยเท่า ในยามที่ทั้งความต้องการทั่วโลกสูงขึ้นพร้อมกับกำลังการผลิตลดลงจากสถานการณ์ COVID ทั่วโลก อุตฯยานยนต์จึงได้รับการปันส่วนจากผู้ผลิต Chip และ IC ต่างๆน้อยกว่าที่สินค้าอิเล็กโทรนิกส์ได้รับมาก เรื่องนี้ไม่แปลกเพราะใครๆก็ต้องการรักษาฐานลูกค้ารายใหญ่ไว้มากกว่ารายย่อยทั้งนั้น
แต่มีผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายหนึ่งที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่ารถยี่ห้ออื่นๆมาก เพราะรถยนต์ญี่ปุ่นยี่ห้อนั้นมีบริษัทลูกที่ถือหุ้นบริษัทผลิต Chip และ IC สำหรับยานยนต์รายใหญ่อยู่ รถยนต์ยี่ห้อนั้นจึงใช้ Chip และ IC จากผู้ผลิตเจ้านั้นเป็นหลักเกือบทั้งหมด ผู้ผลิต Chip และ IC เจ้านั้นจึงมีข้อมูลการพยากรณ์การสั่งซื้อล่วงหน้าจากรถยนต์ยี่ห้อนั้นค่อนข้างยาวนานและเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ จึงสามารถวางแผนการผลิตเพื่อส่งมอบสินค้าได้ค่อนข้างต่อเนื่อง
-
อ้อ ลืมตอบคำถาม
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ปรับตัวโดยการตัดออปชั่นด้านเทคโนโลยีที่มีความเกี่ยวเนื่องกับชิปและอุปกรณ์อิเล็คโทรนิกส์ออกนั้น "ทำไม่ได้" ครับ
ทำไม?
ก็เพราะ Chip และ IC ที่ขาดแคลนนั้นมันใช้กันในอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐานและอุปกรณ์ทั่วไปด้วยครับ ไม่ได้ใช้แค่กับ Option ต่างๆ
ABS/VSA/VSC พวกนี้ไม่มีเดี๋ยวนี้คุณขายรถออกหรือเปล่าครับ
ECU ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยอย่าง Airbag ECU ไม่มี สมัยนี้ไม่มีถุงลมนิรภัยใครจะซื้อรถคุณครับ
Sensor ต่างๆไม่มีคุณประกอบเครื่องยนต์ขายได้หรือเปล่าครับ
ECU ต่างๆไม่มีรถคุณวิ่งได้หรือเปล่าครับ ไม่ต่างจากซากรถเลย
Meter มาตรวัดไม่มีคุณขับรถได้หรือเปล่าครับ
คุณและหลายๆคนน่าจะเข้าใจวิกฤติการณ์ครั้งนี้พลาดไปเยอะเลยครับ เพราะตอนนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ไม่ได้ขาดแคลน "ชิป" เท่านั้น แต่ขาดแคลนตั้งแต่ระดับงาน Front End และ Back End ของชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิกส์พื้นฐานเลย
-
ไม่ได้เกิดการแย่งแต่อย่างใดเพราะความสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กโทรนิกส์นั้นต่างกันมากสำหรับผุ้ผลิต Chip ต่างกันตั้งแต่แรกแล้ว
ผู้ผลิต Chip และ IC นั้นเหมือนร้านค้าขายส่ง อุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กโทรนิกส์นั้นเหมือนลูกค้าประจำที่มาซื้อทุกสัปดาห์ ส่วนอุตสาหกรรมยานยนตืนั้นเหมือนลูกค้ารายย่อยที่มาซื้อเดือนหรือ 2 เดือนครั้ง จำนวน Chip และ IC ที่สินค้าอิเล็กโทรนิกส์กับยานยนต์ซื้อทีนึงนั้นต่างกันเป็นสิบเป็นร้อยเท่า ในยามที่ทั้งความต้องการทั่วโลกสูงขึ้นพร้อมกับกำลังการผลิตลดลงจากสถานการณ์ COVID ทั่วโลก อุตฯยานยนต์จึงได้รับการปันส่วนจากผู้ผลิต Chip และ IC ต่างๆน้อยกว่าที่สินค้าอิเล็กโทรนิกส์ได้รับมาก เรื่องนี้ไม่แปลกเพราะใครๆก็ต้องการรักษาฐานลูกค้ารายใหญ่ไว้มากกว่ารายย่อยทั้งนั้น
แต่มีผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายหนึ่งที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่ารถยี่ห้ออื่นๆมาก เพราะรถยนต์ญี่ปุ่นยี่ห้อนั้นมีบริษัทลูกที่ถือหุ้นบริษัทผลิต Chip และ IC สำหรับยานยนต์รายใหญ่อยู่ รถยนต์ยี่ห้อนั้นจึงใช้ Chip และ IC จากผู้ผลิตเจ้านั้นเป็นหลักเกือบทั้งหมด ผู้ผลิต Chip และ IC เจ้านั้นจึงมีข้อมูลการพยากรณ์การสั่งซื้อล่วงหน้าจากรถยนต์ยี่ห้อนั้นค่อนข้างยาวนานและเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ จึงสามารถวางแผนการผลิตเพื่อส่งมอบสินค้าได้ค่อนข้างต่อเนื่อง
แต่ถ้า Foxconn มาไทยก็จะผลิตทั้ง ชิพ และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าครับ ไทยน่าจะได้เปรียบแน่นอนและราคาของรถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายในไทยก็จะถูกลงเรื่อยๆครับ
-
ไม่ได้เกิดการแย่งแต่อย่างใดเพราะความสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กโทรนิกส์นั้นต่างกันมากสำหรับผุ้ผลิต Chip ต่างกันตั้งแต่แรกแล้ว
ผู้ผลิต Chip และ IC นั้นเหมือนร้านค้าขายส่ง อุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กโทรนิกส์นั้นเหมือนลูกค้าประจำที่มาซื้อทุกสัปดาห์ ส่วนอุตสาหกรรมยานยนตืนั้นเหมือนลูกค้ารายย่อยที่มาซื้อเดือนหรือ 2 เดือนครั้ง จำนวน Chip และ IC ที่สินค้าอิเล็กโทรนิกส์กับยานยนต์ซื้อทีนึงนั้นต่างกันเป็นสิบเป็นร้อยเท่า ในยามที่ทั้งความต้องการทั่วโลกสูงขึ้นพร้อมกับกำลังการผลิตลดลงจากสถานการณ์ COVID ทั่วโลก อุตฯยานยนต์จึงได้รับการปันส่วนจากผู้ผลิต Chip และ IC ต่างๆน้อยกว่าที่สินค้าอิเล็กโทรนิกส์ได้รับมาก เรื่องนี้ไม่แปลกเพราะใครๆก็ต้องการรักษาฐานลูกค้ารายใหญ่ไว้มากกว่ารายย่อยทั้งนั้น
แต่มีผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายหนึ่งที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่ารถยี่ห้ออื่นๆมาก เพราะรถยนต์ญี่ปุ่นยี่ห้อนั้นมีบริษัทลูกที่ถือหุ้นบริษัทผลิต Chip และ IC สำหรับยานยนต์รายใหญ่อยู่ รถยนต์ยี่ห้อนั้นจึงใช้ Chip และ IC จากผู้ผลิตเจ้านั้นเป็นหลักเกือบทั้งหมด ผู้ผลิต Chip และ IC เจ้านั้นจึงมีข้อมูลการพยากรณ์การสั่งซื้อล่วงหน้าจากรถยนต์ยี่ห้อนั้นค่อนข้างยาวนานและเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ จึงสามารถวางแผนการผลิตเพื่อส่งมอบสินค้าได้ค่อนข้างต่อเนื่อง
แต่ถ้า Foxconn มาไทยก็จะผลิตทั้ง ชิพ และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าครับ ไทยน่าจะได้เปรียบแน่นอนและราคาของรถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายในไทยก็จะถูกลงเรื่อยๆครับ
Foxconn มาไทยนี่จะตั้งโรงงานอะไรครับเอาให้แน่ โรงงานรถยนต์หรือโรงงานชิป ถ้าโรงงานชิปบอกได้เลยว่าไม่มีทางครับ เพราะจุดหลักของโรงงานอิเล็กโทรนิกส์คือ Volume ที่ต้องมีมหาศาลหลักแสนหลักล้านหน่วยยิ่งจำนวนมากยิ่งแข่งขันด้านราคาได้ ไม่ใช่หลักพันหลักหมื่นเหมือนที่อุตสาหกรรมยานยนต์ใช้ การที่จะแตกออกมาตั้งโรงงานชิปในประเทศไทยที่ค่าแรงก็ไม่ได้ถูก เทคโนโลยีก็ไม่มีนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย ยิ่งถ้าบอกว่าจะตั้งโรงงานชิปสำหรับรถยนต์โดยเฉพาะยิ่งเป็นไปไม่ได้หนักข้อเข้าไปอีกเพราะ Volume เท่าหยดน้ำในประเทศไทยเทียบกับ Volume จากทั่วโลกเท่ามหาสมุทรในไต้หวัน มันเปรียบเทียบอะไรกันไม่ได้เลยไม่ว่าในแง่ไหน
คือข่าว Foxconn นี่ผมเห็นมานานและหลายครั้งแล้ว สำหรับคนที่อยู่ในอุตยานยนต์นี่คือข่าวล่อแมงเม่าอย่างแท้จริง เอาไว้รอดูครับว่าจริงๆแล้วมันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างกันแน่
-
Rare Earth ตอนนี้ US กับ AUS กำลังกลับมาขุดครับ อีกสักพักจะกลับมาปกติ เพราะจีนแทบจะผูกขาดมานาน
-
ไม่ได้เกิดการแย่งแต่อย่างใดเพราะความสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กโทรนิกส์นั้นต่างกันมากสำหรับผุ้ผลิต Chip ต่างกันตั้งแต่แรกแล้ว
ผู้ผลิต Chip และ IC นั้นเหมือนร้านค้าขายส่ง อุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กโทรนิกส์นั้นเหมือนลูกค้าประจำที่มาซื้อทุกสัปดาห์ ส่วนอุตสาหกรรมยานยนตืนั้นเหมือนลูกค้ารายย่อยที่มาซื้อเดือนหรือ 2 เดือนครั้ง จำนวน Chip และ IC ที่สินค้าอิเล็กโทรนิกส์กับยานยนต์ซื้อทีนึงนั้นต่างกันเป็นสิบเป็นร้อยเท่า ในยามที่ทั้งความต้องการทั่วโลกสูงขึ้นพร้อมกับกำลังการผลิตลดลงจากสถานการณ์ COVID ทั่วโลก อุตฯยานยนต์จึงได้รับการปันส่วนจากผู้ผลิต Chip และ IC ต่างๆน้อยกว่าที่สินค้าอิเล็กโทรนิกส์ได้รับมาก เรื่องนี้ไม่แปลกเพราะใครๆก็ต้องการรักษาฐานลูกค้ารายใหญ่ไว้มากกว่ารายย่อยทั้งนั้น
แต่มีผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายหนึ่งที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่ารถยี่ห้ออื่นๆมาก เพราะรถยนต์ญี่ปุ่นยี่ห้อนั้นมีบริษัทลูกที่ถือหุ้นบริษัทผลิต Chip และ IC สำหรับยานยนต์รายใหญ่อยู่ รถยนต์ยี่ห้อนั้นจึงใช้ Chip และ IC จากผู้ผลิตเจ้านั้นเป็นหลักเกือบทั้งหมด ผู้ผลิต Chip และ IC เจ้านั้นจึงมีข้อมูลการพยากรณ์การสั่งซื้อล่วงหน้าจากรถยนต์ยี่ห้อนั้นค่อนข้างยาวนานและเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ จึงสามารถวางแผนการผลิตเพื่อส่งมอบสินค้าได้ค่อนข้างต่อเนื่อง
รถญี่ปุ่นยี่ห้ออะไรครับ ที่ผลิต Chip & IC เองได้ โปรดวานบอก ??
-
ชิปที่ใช้อยู่ในโลกนี้ส่วนใหญ่ผลิตที่ไต้หวันนะครับ จีนผลิตชิปไม่ได้
จีนมีผลิตบริษัทผลิตขนาดใหญ่มาก ชื่อ SMIC ผมถือหุ้นอยู่
เพียงแต่ผลิตชิบต่ำกว่า14 นาโนเมตรไม่ได้ เพราะ อเมริกา สั่งให้บริษัท ASML ที่เป็นเครื่องยิงแสงUV สร้างชิบ ไม่ส่งรุ่นที่ผลิตได้เล็กกว่านั้น
แต่สำหรับรถยนต์ไม่จำเป็นต้องใช้ชิบขนาดเล็กมาก
ส่วนเรื่องชิบขาดท้่วโลก เท่าที่ดูบริษัทในจีน โดยเฉพาะพวกทำรถไฟฟ้าไม่ได้มีปัญหานี้เลย ผลิตกันเดือนๆนึงน่าจะเกินแสนคัน ส่วนนึงมาจาก เพราะเค้าผลิตเองได้ ส่วนรถญี่ปุ่นได้รับผลกระทบเต็มๆ
-
ไม่ได้เกิดการแย่งแต่อย่างใดเพราะความสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กโทรนิกส์นั้นต่างกันมากสำหรับผุ้ผลิต Chip ต่างกันตั้งแต่แรกแล้ว
ผู้ผลิต Chip และ IC นั้นเหมือนร้านค้าขายส่ง อุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กโทรนิกส์นั้นเหมือนลูกค้าประจำที่มาซื้อทุกสัปดาห์ ส่วนอุตสาหกรรมยานยนตืนั้นเหมือนลูกค้ารายย่อยที่มาซื้อเดือนหรือ 2 เดือนครั้ง จำนวน Chip และ IC ที่สินค้าอิเล็กโทรนิกส์กับยานยนต์ซื้อทีนึงนั้นต่างกันเป็นสิบเป็นร้อยเท่า ในยามที่ทั้งความต้องการทั่วโลกสูงขึ้นพร้อมกับกำลังการผลิตลดลงจากสถานการณ์ COVID ทั่วโลก อุตฯยานยนต์จึงได้รับการปันส่วนจากผู้ผลิต Chip และ IC ต่างๆน้อยกว่าที่สินค้าอิเล็กโทรนิกส์ได้รับมาก เรื่องนี้ไม่แปลกเพราะใครๆก็ต้องการรักษาฐานลูกค้ารายใหญ่ไว้มากกว่ารายย่อยทั้งนั้น
แต่มีผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายหนึ่งที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่ารถยี่ห้ออื่นๆมาก เพราะรถยนต์ญี่ปุ่นยี่ห้อนั้นมีบริษัทลูกที่ถือหุ้นบริษัทผลิต Chip และ IC สำหรับยานยนต์รายใหญ่อยู่ รถยนต์ยี่ห้อนั้นจึงใช้ Chip และ IC จากผู้ผลิตเจ้านั้นเป็นหลักเกือบทั้งหมด ผู้ผลิต Chip และ IC เจ้านั้นจึงมีข้อมูลการพยากรณ์การสั่งซื้อล่วงหน้าจากรถยนต์ยี่ห้อนั้นค่อนข้างยาวนานและเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ จึงสามารถวางแผนการผลิตเพื่อส่งมอบสินค้าได้ค่อนข้างต่อเนื่อง
รถญี่ปุ่นยี่ห้ออะไรครับ ที่ผลิต Chip & IC เองได้ โปรดวานบอก ??
ตรงไหนที่ผมบอกว่ารถญี่ปุ่นผลิตชิปเองครับ อ่านดีๆครับ
ถ้าคุณอยากรู้คุณก็ไปค้นหาสิครับว่าผู้ผลิตชิปและ IC ให้อุตสาหกรรมยานยนต์เจ้าไหนมีบริษัทลูกหรือ Keiretsu ของบริษัทรถยนต์ถือหุ้นอยู่ แค่นี้คุณก็รู้แล้วว่าเป็นรถญี่ปุ่นยี่ห้อไหนเพราะที่เหลือน่าจะเดาออกได้ไม่ยาก
-
ที่น่าห่วงคือวัตถุดิบในการนำมาผลิตชิป Rare Earth แร่หายาก-อาวุธจีนในสงครามการค้ากับอเมริกา
ซึ่งส่วนใหญ่ แร่หายาก Rare Earth ก็นำเข้าจากประเทศจีน ตอนนี้ประเทศจีนเองก็มีไม่ได้ส่งออกแร่เหล่านั้นออกมาเต็มที่
ประเทศอื่นๆก็สามารถผลิต แร่หายาก Rare Earth ออกมาได้เช่นกัน แต่ต้นทุนการผลิตสูงกว่า ของจากประเทศจีน
ส่วนเครื่องจักรในการผลิตไม่น่าห่วงครับ หลายๆบริษัทมีเครื่องจักรต่างๆพร้อมอยู่แล้ว
Rare earth ไม่มีปัญหาครับ ในบรรดาผู้ผลิตชิ้นส่วนไม่มีใครกังวลเรื่อง Rare earth เลยครับ
ที่ตอนนี้มันแก้ปัญหายังไม่ได้เพราะการที่จะตั้งโรงงานใหม่ สายการผลิตใหม่ ของชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิกส์มันใช้เวลานานกว่ากระบวนการทุกอย่างจะเรียบร้อย ซึ่งมันรวมถึงการทดสอบต่างๆบนรถยนต์ด้วย กว่าจะทดสอบเสร็จ กว่าแก้ไขแบบ กว่าจะพ้นช่วงเปลี่ยนผ่าน Transition ทั้งหมดทำให้ปัญหานี้ไม่มี Short-term solution ครับ กว่าจะคลี่คลายก็โน่นประเมินกันว่า 2023 เป็นอย่างเร็ว
-
ชิปที่ใช้อยู่ในโลกนี้ส่วนใหญ่ผลิตที่ไต้หวันนะครับ จีนผลิตชิปไม่ได้
จีนมีผลิตบริษัทผลิตขนาดใหญ่มาก ชื่อ SMIC ผมถือหุ้นอยู่
เพียงแต่ผลิตชิบต่ำกว่า14 นาโนเมตรไม่ได้ เพราะ อเมริกา สั่งให้บริษัท ASML ที่เป็นเครื่องยิงแสงUV สร้างชิบ ไม่ส่งรุ่นที่ผลิตได้เล็กกว่านั้น
แต่สำหรับรถยนต์ไม่จำเป็นต้องใช้ชิบขนาดเล็กมาก
ส่วนเรื่องชิบขาดท้่วโลก เท่าที่ดูบริษัทในจีน โดยเฉพาะพวกทำรถไฟฟ้าไม่ได้มีปัญหานี้เลย ผลิตกันเดือนๆนึงน่าจะเกินแสนคัน ส่วนนึงมาจาก เพราะเค้าผลิตเองได้ ส่วนรถญี่ปุ่นได้รับผลกระทบเต็มๆ
ญี่ปุ่นก็ผลิตเองได้ครับ แต่อย่างที่ผมตอบไปตอนต้นกระทู้ว่าผู้ผลิตชิปและ IC สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นนั้นถูกถือหุ้นโดย Keiretsu ของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นรายหนึ่ง ทำให้ค่ายรถญี่ปุ่นอื่นๆไม่อยากใช้บริการซื้อชิ้นส่วนจาก Supplier เจ้านี้ทั้งหมด เพราะไม่อย่างนั้นข้อมูลแผนการผลิตรถของตนมันก็จะหลุดไปสู่ Keiretsu และบริษัทรถญี่ปุ่นคู่แข่งที่เป้นนายใหญ่จนหมด เพราะเมื่อรู้ทั้งปริมาณ จำนวน เทคโนโลยีของชิปและ IC ที่สั่งซื้อ แค่นี้ก็คาดเดาได้เลยว่าค่ายรถอื่นจะใส่ Option อะไรลงไปบ้าง ด้วยเหตุนี้ค่ายรถญี่ปุ่นอื่นๆจึงพยายามไปซื้อชิปและ IC จากผู้ผลิตเจ้าอื่นในประเทศอื่นอย่างไต้หวัน รวมทั้งเลือก Tier-1 Suppler ที่ไม่ได้ใช้ชิปและ IC จากผู้ผลิตเจ้านี้เป็น Tier-N ด้วย (แต่ก็มีซื้อบ้างเป็นบางอย่าง) เพื่อไม่ให้แผนการตลาดของรถตัวเองตกไปอยู่ในมือคู่แข่ง
-
ชิปที่ใช้อยู่ในโลกนี้ส่วนใหญ่ผลิตที่ไต้หวันนะครับ จีนผลิตชิปไม่ได้
จีนมีผลิตบริษัทผลิตขนาดใหญ่มาก ชื่อ SMIC ผมถือหุ้นอยู่
เพียงแต่ผลิตชิบต่ำกว่า14 นาโนเมตรไม่ได้ เพราะ อเมริกา สั่งให้บริษัท ASML ที่เป็นเครื่องยิงแสงUV สร้างชิบ ไม่ส่งรุ่นที่ผลิตได้เล็กกว่านั้น
แต่สำหรับรถยนต์ไม่จำเป็นต้องใช้ชิบขนาดเล็กมาก
ส่วนเรื่องชิบขาดท้่วโลก เท่าที่ดูบริษัทในจีน โดยเฉพาะพวกทำรถไฟฟ้าไม่ได้มีปัญหานี้เลย ผลิตกันเดือนๆนึงน่าจะเกินแสนคัน ส่วนนึงมาจาก เพราะเค้าผลิตเองได้ ส่วนรถญี่ปุ่นได้รับผลกระทบเต็มๆ
ญี่ปุ่นก็ผลิตเองได้ครับ แต่อย่างที่ผมตอบไปตอนต้นกระทู้ว่าผู้ผลิตชิปและ IC สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นนั้นถูกถือหุ้นใหญ่โดย Keiretsu ของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นรายหนึ่ง ทำให้ค่ายรถญี่ปุ่นอื่นๆไม่อยากใช้บริการซื้อชิ้นส่วนจาก Supplier เจ้านี้ทั้งหมด เพราะไม่อย่างนั้นข้อมูลแผนการผลิตรถของตนมันก็จะหลุดไปสู่ Keiretsu และบริษัทรถญี่ปุ่นคู่แข่งที่เป้นนายใหญ่จนหมด เพราะเมื่อรู้ทั้งปริมาณ จำนวน เทคโนโลยีของชิปและ IC ที่สั่งซื้อ แค่นี้ก็คาดเดาได้เลยว่าค่ายรถอื่นจะใส่ Option อะไรลงไปบ้าง ด้วยเหตุนี้ค่ายรถญี่ปุ่นอื่นๆจึงพยายามไปซื้อชิปและ IC จากผู้ผลิตเจ้าอื่นในประเทศอื่นอย่างไต้หวัน รวมทั้งเลือก Tier-1 Suppler ที่ไม่ได้ใช้ชิปและ IC จากผู้ผลิตเจ้านี้เป็น Tier-N ด้วย (แต่ก็มีซื้อบ้างเป็นบางอย่าง) เพื่อไม่ให้แผนการตลาดของรถตัวเองตกไปอยู่ในมือคู่แข่ง
เห็นว่ารง.ผลิตชิปของญี่ปุ่น ไฟไหม้ ป่ะคนับ พวกบ.ญี่ปุ่นเลยช็อตไปพร้อมๆกัน
-
ชิปที่ใช้อยู่ในโลกนี้ส่วนใหญ่ผลิตที่ไต้หวันนะครับ จีนผลิตชิปไม่ได้
จีนมีผลิตบริษัทผลิตขนาดใหญ่มาก ชื่อ SMIC ผมถือหุ้นอยู่
เพียงแต่ผลิตชิบต่ำกว่า14 นาโนเมตรไม่ได้ เพราะ อเมริกา สั่งให้บริษัท ASML ที่เป็นเครื่องยิงแสงUV สร้างชิบ ไม่ส่งรุ่นที่ผลิตได้เล็กกว่านั้น
แต่สำหรับรถยนต์ไม่จำเป็นต้องใช้ชิบขนาดเล็กมาก
ส่วนเรื่องชิบขาดท้่วโลก เท่าที่ดูบริษัทในจีน โดยเฉพาะพวกทำรถไฟฟ้าไม่ได้มีปัญหานี้เลย ผลิตกันเดือนๆนึงน่าจะเกินแสนคัน ส่วนนึงมาจาก เพราะเค้าผลิตเองได้ ส่วนรถญี่ปุ่นได้รับผลกระทบเต็มๆ
ญี่ปุ่นก็ผลิตเองได้ครับ แต่อย่างที่ผมตอบไปตอนต้นกระทู้ว่าผู้ผลิตชิปและ IC สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นนั้นถูกถือหุ้นใหญ่โดย Keiretsu ของบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นรายหนึ่ง ทำให้ค่ายรถญี่ปุ่นอื่นๆไม่อยากใช้บริการซื้อชิ้นส่วนจาก Supplier เจ้านี้ทั้งหมด เพราะไม่อย่างนั้นข้อมูลแผนการผลิตรถของตนมันก็จะหลุดไปสู่ Keiretsu และบริษัทรถญี่ปุ่นคู่แข่งที่เป้นนายใหญ่จนหมด เพราะเมื่อรู้ทั้งปริมาณ จำนวน เทคโนโลยีของชิปและ IC ที่สั่งซื้อ แค่นี้ก็คาดเดาได้เลยว่าค่ายรถอื่นจะใส่ Option อะไรลงไปบ้าง ด้วยเหตุนี้ค่ายรถญี่ปุ่นอื่นๆจึงพยายามไปซื้อชิปและ IC จากผู้ผลิตเจ้าอื่นในประเทศอื่นอย่างไต้หวัน รวมทั้งเลือก Tier-1 Suppler ที่ไม่ได้ใช้ชิปและ IC จากผู้ผลิตเจ้านี้เป็น Tier-N ด้วย (แต่ก็มีซื้อบ้างเป็นบางอย่าง) เพื่อไม่ให้แผนการตลาดของรถตัวเองตกไปอยู่ในมือคู่แข่ง
เห็นว่ารง.ผลิตชิปของญี่ปุ่น ไฟไหม้ ป่ะคนับ พวกบ.ญี่ปุ่นเลยช็อตไปพร้อมๆกัน
ไฟไหม้นั่นมันตั้งแต่มีนาคมแล้วครับ ตอนนี้มันกลับมา Full Recovery แล้ว และมันแค่โรงงานเดียวจาก 6 โรงในญี่ปุ่น อันที่จริงก่อนจะกลับมา Full Recovery มันก็แก้ Supply ได้ตั้งแต่พ.ค.แล้ว
แต่อย่างที่ผมบอกว่ารถญี่ปุ่นค่ายอื่นส่วนใหญ่หนีไปใช้ชิปและ IC จากไต้หวันหรือยุโรปหมด เพราะไม่ต้องการให้แผนงานรั่วไหล มันก็เลยติดปัญหาเรื่องการปันส่วนจากอุตสาหกรรมอื่นมากกว่า
-
https://youtu.be/n3U1-2UhZZc