Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: panott_tum ที่ ตุลาคม 01, 2021, 15:23:18

หัวข้อ: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: panott_tum ที่ ตุลาคม 01, 2021, 15:23:18
ขอความเห็นสมาชิกที่ใช้กรองแอร์แบบ HEPA ทีครับ
กรองแบบนี้กรองฝุ่นได้ดี แต่มันจะทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้นหรือเย็นน้อยลงไหมครับ
หัวข้อ: Re: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ ตุลาคม 01, 2021, 15:49:56
กรองได้มากขึ้น แรงลมน้อยลง
ของมันต้องแลกกันครับ
แต่ตัวผมคิดว่าเกินความจำเป็นนะครับ จากที่เคยใช้มา ราคาก็สูงมากอยู่ ผมเน้นเปลี่ยนบ่อยดีกว่า
หัวข้อ: Re: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: DiKiBoyZ ที่ ตุลาคม 01, 2021, 16:01:29
กรองติดรถ ก็แทบจะ PM เกือบ 0 แล้วครับ

ถ้าอยากได้ HEPA ก็จัดไป อย่าให้เสียครับ

แต่สำหรับผม อากาศในรถ มันยังไม่ขนาดนั้น เพราะในรถเอง ฝุ่น หรือ อะไร มันไม่ได้เยอะ เปลี่ยนกรองตามรอบ หรือ เปลี่ยนบ่อยๆ หน่อยก็ได้
หัวข้อ: Re: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: Tien.W ที่ ตุลาคม 01, 2021, 16:30:30
ถ้ารถ HONDA อย่าง CR-V กรองแอร์แท้ 690 บาท แต่ Hepa อยู่ 590 บาท หรือ ของ Pulsar ถ้าเทียบกับของแท้ เจ้า Hepa ก็ถูกกว่า ครับ ข้อสังเกตของผมนะ

1. ลมแอร์ ผมไม่รู้สึกต่างว่า มัน drop นะ กลับกัน เคยใช้กรองแอร์จีน อันละร้อยกว่าบาท อันนี้ลมแอร์ drop ชัดเจนเลย

2. กรอง hepa ดำค่อนข้างเร็ว สัก 1 หมื่นกม. ก็ดำละ เทียบกับ ของศูนย์ ซึ่งผมมองว่า แสดงว่า hepa มันกรองได้ดีกว่าครับ (รถผม ดูดฝุ่นตลอดทุกสัปดาห์ เบาะหน้าซ้าย ไม่มีคนขึ้น)

ประมาณนี้ครับ ส่วนตัว ผมใช้ hepa กับรถทุกคัน เพราะมองว่า ยังไงผมก็จ่ายถูกกว่าศูนย์ แต่ได้คุณภาพที่ดีกว่าครับ
หัวข้อ: Re: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: รถจักรไอน้ำ ที่ ตุลาคม 01, 2021, 16:34:54
จะเข้าหน้าหนาวแล้วเดี๋ยว PM 2.5 ก็กลับมาอีก HEPA เถอะครับ อะไรพังก็เปลี่ยนได้ ร่างกายพังเปลี่ยนไม่ได้ครับ
หัวข้อ: Re: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: Ekarin ที่ ตุลาคม 01, 2021, 18:26:37
ผมใช้กรอง hepa แทนของ0มาหลายปี ตัวกรองจะดูแน่นและเต็มกว่า ครบ6เดือน~1ปี ถอดเปลี่ยนเองง่ายๆ ตัวกรองจะมีสภาพดำและสกปรกมากกว่ากรองติดรถ  เลยคิดว่าน่าจะกรองได้ดีกว่า ราคาที่ซื้อ 590 บาท ก็ไม่ได้หนีจากกรอง0ติดรถเท่าไร  ถ้าสนใจต้องลองซื้อเปลี่ยนเองเลยครับ เปลี่ยนง่ายนิดเดียว
หัวข้อ: Re: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: LapisLazuli ที่ ตุลาคม 01, 2021, 19:55:30
ปกติกรอง HEPA ทำให้ลม pressure drop สูงกว่า
พัดลมจะส่งลมได้น้อยลง ถ้าใช้พัดลมขนาดเดิม หมุนเร็วเท่าเดิม

ปกติกรองทั่วๆไป => 10-35 Pa ที่ลม 2.5 m/s (ยิ่งตัน, ยิ่ง Pa drop สูง)
HEPA ทั่วๆไป => 100-500 Pa ที่ลใ 2.5 m/s (ยิ่งตัน, ยิ่ง Pa drop สูง)
(อ้างอิง brand: camfil, AAF)

ถ้าอยากให้พัดลมส่งลมให้ได้เท่าเดิม จำเป็นจะต้องเร่งเบอร์ขึ้น ก็จะเสียงดัง ลมแรงเกิน ตีหน้า ไม่สบาย คุมความชื้นได้ไม่ดี (ถ้า assume ว่า พัดลมยังสามารถเป่าลมชนะ 500 Pa ได้อยู่, แต่พวก centrifugal fan อันเล็กๆๆๆ มักจะทำได้ ประมาณ 400-500 Pa ไม่รวม Pressure Drop ที่เกิดจาก คอยล์เย็น หรือ grille ด้วยอีกสัก 100-200 Pa)

<ถ้าอยากรุ้ต้องเอา Fan Performance Curve มาดู แต่ผมไม่รุ้หาข้อมูลพวกนี้จากไหน พวกที่อยู่ในรถ 55)

***และปกติ ไม่มีใครเขาใช้ HEPA ชั้นเดียว, ต้องมีกรองปกติอีกชั้นนึงด้วย ไม่งั้น HEPA จะตันเร็วมากๆๆ เพราะ มันจะจับฝุ่นทุกชนิด ทุกขนาดเลย (เอากรองธรรมดามาช่วยกรองฝุ่นใหญ่ๆก่อน)

***ถ้าจะกรอง pm 2.5, ใช้พวก MERV-11 ก็พอนะครับ, HEPA ระดับใช้ในห้องผ่าตัดแล้ว (แทบจะกรอง virus ได้ละ)
หัวข้อ: Re: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: U9WS ที่ ตุลาคม 01, 2021, 21:20:06
ถ้า HEPA เนื้อกระดาษขาวๆ ผลิตในไทยแต่เนื้อกรองมาจากเยอรมัน ระวังช่างซ่อมแอร์ หรือช่างตรวจสภาพกรองให้นะครับ ขาดทะลุง่ายมาก (ถ้าใส่จนดำแล้วถอดทิ้งทีเดียวไม่ต้องถอดเช็คไม่มีอะไรเสียครับ)
แต่ยี้ห้อนี้ต้านลมน้อยสุดแล้ว แต่ก็ต้านกว่ากรองธรรมดา

ถ้า HEPA ยี้ห้ออื่นที่เนื้อกรองแข็งเอามือลูบหรือบีบก็ไม่เสียหาย พวกนั้นจะต้านลมมากกว่า แต่ก็ทนต่อการถอดเข้าออกมาเช็คมากกว่า
หัวข้อ: Re: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: โบตั๋น ที่ ตุลาคม 01, 2021, 23:13:02
ใช้อยู่ครับ  ปกติเป็นคน sensitive เรื่องฝุ่น แต่ข้อเสียคือ ใช้ไป 6เดือนต้องเปลี่ยนชุดใหม่
จริงๆถ้าไม่ได้เป็นภูมิแพ้หรืออะไรใช้ตัว hepa เฉพาะช่วงหน้าหนาว พฤศจิกา-มีนา
ส่วนช่วงอื่นที่ฝนตกใช้กรอง พวก denso , wix แทนเพราะค่า pm2.5 ต่ำมากครับ
หัวข้อ: Re: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: Tien.W ที่ ตุลาคม 01, 2021, 23:17:07
ที่เคยคุยกับคนขาย

Hepa มันซอยลงไปอีกหลายเกรดครับ

มันมีเกรดสำหรับห้อง clean room หรือ พวกที่ใช้ทางการแพทย์ พวกนี้ pressure drop เยอะ เอามาใช้กับรถไม่ได้

ส่วนที่ขายสำหรับรถ จะเป็นอีกเกรดที่เพียงพอกับการกรองฝุ่น กรอง pm2.5 ครับ

ที่ขำๆก็คือ

บางคน ใช้กรองแอร์จีน อันละร้อย แต่ไปลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้ ติดกันสองตัว หน้า/หลัง ถ้าเคยถอดไส้กรอง เครื่องฟอกอากาศพวกนี้ ออกมา มันก็ hepa grade เหมือนกรองแอร์ hepa นั่นแหละ

แล้วทำไม ไม่ใช้ กรองแอร์ hepa ทีเดียว ให้มันจบหว่า ไม่ต้องรำคาญเสียงวี๊ดๆของเครื่องตอนขับด้วย (รถน้องผมติด เครื่องฟอกอากาศ 3 ตัว ถ้าผมขับ ผมดึงปลั๊กทิ้งหมด หนวกหู กวนสมาธิ)
หัวข้อ: Re: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: Dubee ที่ ตุลาคม 02, 2021, 08:37:54
ใช้อยู่ครับ กับสวิฟท์รุ่นก่อน ถ้ากรองแอร์แท้ 550 กรองแอร์ HEPA 590 ผมเห็นว่าต่างกันไม่มากเลยหันมาใช้กรองแอร์ HEPA มาสองรอบแล้วครับ
เหมือนพี่ๆ ข้างบนว่าครับว่าลมแอร์ดร๊อปลงจริง แต่ผมอยู่เชียงใหม่หลังกุมภาพันธ์ไปฝุ่น PM2.5 จะเริ่มมาจนกระทั้งเข้าหน้าฝนถึงจะดีขึ้น เลยคิดว่าใช้กรองแอร์ HEPA นี่แหละครับ ปีนึงเปลี่ยนที
เคยยืมเครื่องวัดคุณภาพอากาศของเพื่อนมาวัดดูหลังเปลี่ยนกรองแอร์ HEPA ถ้าจอดนิ่งๆ ค่าฝุ่น PM2.5 ลดลงมากเลยครับ เหลือ 5-10 แต่ถ้ารถวิ่งแล้วยิ่งวิ่งเร็วด้วยค่าฝุ่น PM2.5 จะยิ่งมากครับ แต่ก็สัก 20-30 ประมาณนี้ครับ คงมีรั่วจากจุดอื่นในรถเข้ามา หรือรถวิ่งไปฝุ่นในรถคงฟุ้งกระจายบ้างครับ
หัวข้อ: Re: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: Devil13 ที่ ตุลาคม 02, 2021, 09:30:22
ผมเคยใช้ของ Bosch
และ Denso
ชอบของ Bosch มากกว่า เก็บกลิ่นได้ดีกว่า

ส่วนตัวจะใช้กรองแบบนี้ต่อไป ฝุ่นพวกนี้มันละเอียดมาก ตาเปล่ามองไม่ค่อยเห็น นอกจากจะส่องไฟฉายที่สว่างๆในที่มืดถึงจะเริ่มมองเห็น
ตอนถอดออกมาเปลี่ยนนั่นแหละถึงจะเห็นว่ามันเยอะขนาดไหน สะสมมาในปอดเราเยอะขนาดไหน
ราคาก็ไม่ได้แพงมากมาย ซื้อมาเปลี่ยนเองก็ได้ ถูกว่าของที่ศูนย์ขายด้วยซ้ำ

เรื่องแรงลม ส่วนตัวแยกไม่ออกว่าดรอปหรือเปล่า
ผมใช้ 1 หมื่นโล เปลี่ยน
หัวข้อ: Re: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: aobness ที่ ตุลาคม 02, 2021, 20:05:51
ผมใส่ได้ 2 วันถอดออกเลยลมออกน้อยลง

แบบกลายเป็นต้องปรับเพิ่มอีกขีดตลอดเวลาซะงั้น
หัวข้อ: Re: กรองแอร์แบบ HEPA
เริ่มหัวข้อโดย: EDS ที่ ตุลาคม 04, 2021, 12:06:11
ถึงราคาจะไม่ต่างกันมากนักเลือกใช้ HEPA ดีกว่าครับ ปอดของคุณกับลูกตัวน้อยๆในรถ
เรื่องเย็นน้อยหรือไม่ ไม่สนใจเพราะเลือก auto ยังไงมันก็ปรับอากาศตามที่เราตั้งไว้อยู่ดี