Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: johnlee ที่ ตุลาคม 13, 2021, 11:33:03
-
จั่วหัวแบบนี้ไม่ผิดแน่ เพราะแป๊กสนิท ไม่มีคนมอง ไม่มีคนสนใจ และไม่ซื้อด้วย
ทั้งๆที่ การเอาตัวถังดีแม็กมา เหมือนจะได้ความไว้วางใจบางส่วน แต่อะไรที่ทำให้คนไทยเมินหน้าหนีแบบไม่มีเยื่อใย
หากเทียบกับนาวาร่า สาวกรุ่นเก่าๆยังพอหลงเหลือ ก็พอขายได้เรื่อยๆ
หากเทียบกับเด็กใหม่ใจตี๋อย่าง เอ็มจี กลับขายได้ในสัดส่วนที่เรียกว่า ขายได้ดีกว่า
ผมอยากดูมุมมองคนเล่นเวบนี้ ที่ส่วนใหญ่ ไม่ใช่สายกระบะ ว่าอะไรคือจุดผิดพลาด
เคสนี้ จะเป็นบทเรียนในวงการระกระบะของไทยไปอีกหลายสิบปี
-
ผมถามแบบไม่รู้จริงๆนะครับ
มันขายแล้วเหรอครับ โฉมใหม่เนี่ย
ผมเข้าใจว่ามันยังไม่ขาย เพราะไม่เคยเห็นบนถนน
-
ชื่อเสียง การบริการหลังการขาย อะไหล่แพง ค่าบริการแพง การดูแลลูกค้าการฟ้องลูกค้า
ถ้าสิ่งเหล่านี้ทำดีเท่า ISUZU ใครมันจะไม่มอง ถ้ารถยนต์ราคาพอกันหรือไม่แพงกว่ากัน
แต่ลูกค้ากลัวซื้อไปแล้ว ต่างหาก
-
รถเหมือน isuzu แต่บริการและราคาอะไหล่ค่าแรงแบบมาสด้า ใครเขาจะซื้อในเมื่อซื้อ isuzu มันสบายใจกว่าแบบไม่ต้องคิดเลย
-
สำหรับผมนะครับ
1. หาเหตุผลที่จะซื้อ bt-50 ไม่ได้ในเมื่อไม่ได้แตกต่างจาก d-max
2. mazda ในไทยในปีหลังๆ บริการหลังการขายไม่น่าประทับใจ ทั้งในเรื่องคุณภาพตัวรถ เงื่อนไขการเครม ภาพลักษณ์ชื่อเสียงในการติดตามแก้ปัญหารถที่จำหน่ายไปแล้ว (ในเคสที่มีการฟ้องร้องกับลูกค้า)
ทั้งสองเหตุผลนี้จึงทำให้ผมหมดความสนใจใน bt-50 ไปทันที
-
มันทำให้ลูกค้าตั้งคำถามว่า ทำไมต้องมองข้าม D-Max ไปซื้อ BT-50
ส่วนตัวมองว่า BT-50 ไม่สวยนะ และลูกค้ากระบะส่วนใหญ่ชอบดีไซน์เหลี่ยมๆแบบ D-Max มากกว่ามนๆแบบ BT-50
-
นั่นสิครับ
ถึงจะแฝดกัน แต่ด้วยตัวproductของDmaxเองแข็งมากอยู่แล้ว
Bt50 แทบไม่มีอะไรเด่นกว่าDmaxเลย เหมือนกาสะลองช้องปีบ
ดีแมกนางเอกก็คือนางเอกอยู่วันยังค่ำ ศูนย์นิสัยดี คุยง่าย ซ่อมจบ
ช้องปีบนิสัยไม่ค่อยดี แถมเคยฟ้องลูกค้าก็ยังจำไม่ลืม
ก็ขายไม่ออกไปสิ
-
ซื้อรถแล้วหากมีปัญหาแล้วไปโวยศูนย์
กลัวเดียวโดน Mazda ฟ้อง 90 ล้าน
คนแถวบ้านผมเขาว่างี้ ;D
-
ถ้าเคสนี้เป็นบทเรียนของวงการกระบะ เคส CHRที่แป๊กจนต้องทำCrossมาแก้ เคสKicksที่ตั้งไลน์ผลิตแต่ขายได้หลักสิบ อาจจะต้องทำศิลาจารึกละครับ
มองอีกมุม ... BT-50 เดินเกมถูกแล้ว
เพราะ ถ้าไปลงทุนตั้งไลน์ผลิต ลงทุน R&D แล้วขายได้เดือนนึงในไทยไม่ถึงพันประมาณ MG 20ปีก็ไม่คุ้มทุนครับ
โฆษณานิดหน่อย สต็อกอะไหล่แค่พาร์ทตัวถัง ขายได้พอๆกับคิกส์(หรือจะมากกว่าด้วย) แทบไม่จ่ายอะไรเลยแต่ได้กลับมาอาจจะไม่มากเท่าเดิมแต่ไม่เจ็บตัวแน่ๆ
ผมไม่รู้ว่ายอดส่งออกเท่าไหร่ แต่คิดว่าเขาคิดมาดีแล้วละครับที่ทำแบบนี้
อีกครั้งที่ต้องถามกลับชาว HLM ถ้าคุณเป็นมาสด้า(ฝ่ายวางแผนการตลาดนะ) คุณจะทำBT-50มาแบบไหน
1.หาเจ้าร่วม R&D แล้วตั้งไลน์ผลิตเองแบบเมื่อก่อนที่ร่วมกับฟอร์ด ... จะมีเจ้าไหนมาร่วม เขามีพวกไปหมดแล้ว ค่าR&D ค่าตั้งไลน์ผลิต สั่งอะไหล่ และเจรจากับคู่หูอีก
2.ทำเองหมด อย่างที่บอก ค่าR&D มหาศาล เครื่องดีเซลมาสด้ารู้ๆกันอยู่ จะรอดไหม
3.โยน BT-50ทิ้งไป ไม่ทำต่อ .... ตลาดออสละ? มันยังพอขายได้นะ 1-200คันต่อเดือนมันก็ยังขายได้ อย่างน้อยศูนย์ก็มีงานทำต่อ
4.ทำแบบนี้ละ ขายไม่ออกก็ไม่เจ็บตัว
สุดท้าย ... ทำแบบไหนก็โดนด่าครับ เชื่อเหอะ
-
ราคามันชน dmax เกินครับ เสร็จดีแม็คสิครับ
-
จุดแข็งของดีแมกซ์คือเรื่องหลังการขายครับ ซึ่งตรงจุดนี้มันไม่ได้ถ่ายทอดมาสู่บีที50ด้วย
-
งานออกแบบ Exterior ภาพรวมยังดูไม่ลงตัว โดยเฉพาะไฟท้ายด้านหลัง ซึ่งมีเพียงแบบเดียวคือเป็นหลอดไส้ทั้งหมด
ควรมี Full LED มาได้แล้ว มันช่วยให้ภาพรวมของรถมันดูมีเสน่ห์มากขึ้นนะ
ส่วนเรื่องของคุณภาพรถ ไม่มีใครเถียง เพราะมาจาก D-Max ทั้งดุ้น ทนทานเชื่อถือได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ Isuzu พิสูจน์มากนาน
เรื่องของศูนย์บริการ ยังเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาปรับปรุงกันต่อไป ลองโฆษณาว่า BT-50 เข้ารับบริการที่ศูนย์ Isuzu ได้สิครับ
-
มันคล้ายกันเกินไป ถ้าเลือก ใครก็เลือก isuzu
แต่ BT50 รุ่นที่แล้วกับ ฟอร์ด มันแตกต่าง
ทางใครทางมัน ไม่ได้มาเบียดตลาดกันเองแบบนี้
-
คนอื่นอาจหลายเหตุผล แต่สำหรับผมเหตุผลเดียวเลย คือ
ที่ฟ้องผู้บริโภค อันนี้เรื่องจริงจำฝั่งใจ และไม่เคยแหลแบรนด์นี้เลย
-
จุดเด่นของมาสด้ามันไม่มี มันเหมือนดีแม็คไปหมด ไปซื้อดีแม็คไปเลยไม่ดีกว่ารึ
ถ้าออกมามี i-ACTIVSENSE ในตัวท๊อป แบบมีพอๆ กับมาสด้า 3 มันก็มีจุดขายไปแล้ว
-
หน้าตาไม่เหมาะกับกระบะ จะเอาหน้าตาแบบนี้มาลงรถทุกรุ่นไม่ได้
เดี่ยวนี้คนเค้ารู้หมดแล้วว่าไส้มันคือ ISUZU
แล้วเค้าจะมาเสี่ยงซื้อมาสด้าทำไม
-
Mazda กับ Isuzu ไม่รู้มีข้อตกลงอะไรกันภายในรึเปล่านะครับ
ในการพัฒนา BT-50 น่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่เหมือนทำได้ไม่เต็มที่ คงมีขอบเขตในการพัฒนาบางอย่าง บางอย่างทำได้ บางอย่างทำไม่ได้
-
ผมมองว่า กลุ่มเป้าหมายเขาไม่ชัดเจน
กลุ่มชอบลุย หล่อ เท่ ฟอร์ดชัดเจน
กลุ่มfleet, ใช้งาน Toyota Isuzu
กลุ่มแฟน mitsu, nissan ก้อมีอยุ่ ไม่ย้ายค่ายง่ายๆ
สรุปมันไม่มีที่ยืน..
แต่หากออกแบบไหม่ design เอง เครืองยนต์ตัวเอง อาจจะมีคนสนใจกว่า.
(ลุกค้าไม่สนใจว่าคุณจะลงทุนสุงป่าว)
-
มวยหลักอย่าง มิตซู นิสสัน ฟอร์ด เอาชนะไม่ได้
แถมโดนมวยรองอย่างเอ็มจี ก่อกวนเสียอีก
-
รถพื้นฐานเดียวกันเป๊ะๆ
ซื้อ Dmax ได้ศูนย์บริการ ที่เชื่อถือได้ อะไหล่เยอะแยะมากมาย ราคาขายต่อดีกว่า
ซื้อ BT-50 ได้ Kodo Design แล้วอะไรอีก ???
-
ไม่แน่ใจว่า Mazda ตกลงกับ Isuzu ว่ายังไงบ้างนะครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ ผมว่าการออกจากตลาดนี้ไปเลย ก้อาจจะเป็นทางเลือกที่น่าคิด สำหรับ Mazda นะครับ
-
-หน้าตาต้องฉีกกว่าดีแมคมากกว่านี้หน้าพอได้ แต่ท้ายยังไม่ผ่าน
-ราคากับออพชันต้องมีอะไรดีกว่าดีแมค เช่นแบบ ข้อเสนอแคมเปญมาสด้าต้องดีกว่าซึ่งตอนนี้อีซูซูก็ให้ไม่ขี้เหร่ หรือ ซื้ออีซูซุได้ตัวเริ่มแต่ออกมาสด้าได้ตัวทอปกว่าไม่ใช่ใกล้เคียงกัน
-บริการหลังการขาย มาสด้าค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก แถมมีปัญหามาโวยวายจะฟ้องอีก แต่ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับอีซูซุ ไม่ว่าจะตัวรถเองหรือดีลเลอร์ไม่ดีกริ๊งเดียวถ้าถึงหูศูนย์ใหญ่ตรีเพชรวิภา สามารถจบปัญหาได้สวย
ลองศึกษากลยุทธสมัยเชฟสี่ตากับดีแมคตัวแรกๆ ทั้งๆที่ตัวรถก็เหมือนกันบริการเชฟก็รู้ๆกันอยู่ แต่เชฟทำมาสวยลงตัวแถมออฟชันดีกว่าเช่นถ้าราคานี้ซื้อดีแมคได้2.5แต่ไปเชฟได้3.0 ข้อเสนอไฟแนนซ์ก็ดีกว่า เลยได้ยอดตอนแรกๆไปเยอะ
-
แยกค่าแรงไปเลย
แล้วก็ชูจุดเด่นเครื่องยนต์ที่ไปซื้อเค้ามา
ทำตัวเป็นนิสสันอีกแล้ว
ฝ่าย PR ต้องคิดนะ ปรับตัวไว ก็ได้ไปต่อ
ของไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น
-
ของเหมือนกัน แต่แบรนด์เป็นรอง บริการหลังการขายก็เป็นรอง ค่าแรงก็แพงกว่า
มีอะไรดึงดูดให้ซื้ออ่ะครับ
ถ้าราคาเดียวกันได้ออฟชั่นมากกว่าอีซูซุ หรือออฟชั่นพอกันแต่ถูกกว่าหลายหมื่นยังพอน่าลอง
แต่ ราคากับออฟชั่น ณ ปัจจุบันไม่ได้คุ้มค่ากว่าต้นฉบับยอดก็เป็นอย่างที่เห็นแหละครับ
กลยุทธ์ตอนนี้ถ้าอยากให้ขายดี ก็ลองเทกระจาดแบบโฉมที่แล้วสิ แค็ปยกสูง 4.99 แสน ขายดีแน่นอน
-
เห้นไฟท้าย ก้ บ๊ายๆๆๆ...............
-
ถามผมว่าอยากซื้อมั้ย ผมก็อยากนะ แต่เทียบแล้วให้ของมามากว่าอีซูสุจริง แต่ ผมก็ไม่ค่อยอยากได้เท่าไหร่หนะสิ
แล้วถ้าเข้าศูนย์ ค่าแรง ยังแพงอีก ไม่มีอะไรให้อยากซื้อเลยแต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าส่วนลดหนักๆอาจะมีเขว
-
ก็ตามนั้นแหละครับ มี D-Max เป็นจ้าวตลาดอยู่แล้ว คงหาเหตุผลมาซื้อรถรองๆ ทำไม ในเมื่อ เบอร์ 1 มันแทบจะเป็นบทสรุปแล้ว เว้นแต่ใจรัก
เคยคิดเลย ตอนจะเปิดตัว มีคนในนี้บอกว่า ยอดขายจะถล่มทลาย แซง Isuzu เพราะรอบตัวมีแต่คนอยากซื้อ
ไม่รู้คิดจริง หรือคิดเล่นๆ ผมอยู่ ตจว ยังไม่เห็นป้ายแดงของรุ่นนี้สักคัน
-
ดันไปร่วมมือกับแบรนด์ที่แข็งอันดับ 1 บริการอันดับ 1 อย่าง isuzu มาสด้าตอบคำถามในใจลูกค้าไม่ได้ว่าทำไมต้องซื้อ ถ้าร่วมมือกับแบรนด์อันดับรองๆยังมีโอกาสขายได้มากกว่า ในออสเตรเลียนิวซีแลนด์ที่แบรนด์ isuzu ยังไม่แข็ง bt-50 ก็ขายดีนะ
BT-50 เป็นรถที่ถ่ายรูปไม่ขึ้น วันก่อนเห็นตัวจริง เส้นสายรวมๆสวยกว่า d-max แม้แต่ไฟท้ายก็สวยกว่า แค่ไม่ได้เป็น led
-
ไม่ใช่ว่าเดินเกมผิดหรอกครับ
คือ กระบะรุ่นนี้ขายแค่ไม่กี่ประเทศในโลกเอง บริษัทเล็กๆอย่างมาสด้าทุนไม่เยอะพอจะวิจับหรือทำโครงสร้างได้
มาสด้าเลยต้องหา พันธมิตรตลอดเรื่อยมา
ที่นี้เมื่อมาได้พันธมิตร เป็นค่ายรถที่มีจุดแข็งมากในไทย
ทำให้มาสด้าไทยเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะสัญญาที่ทำไว้ มันอาจจะดีกับมาสด้าในภูมิภาคอื่นๆ
ในออสเองมาสด้าได้รับคำชมเรื่องบริการหลังการขายมากเป็นเบอร์ต้นๆนะครับ
อย่าลืมว่าถ้าเป้าหมายมาสด้าคอร์ปคือ ขายรถกระบะ แต่ปัญหามันอาจจะเกิดแค่มัน Bt ที่ไทยเท่านั้น ออส เซ้าท์ มันไปได้ดี
ที่นักหนาจริงๆ มันคือทีมการตลาดประเทศไทยครับ ทำยังไงให้ขายได้
-
เค้าแค่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปขายออสเตรเลียมั่งครับ
-
ตอน Chev ทำรถกระบะร่วมกับ Isuzu Colorado ตัวแรกก็ขายได้นะ ตัวถังเดียวกัน ภายในเหมือนกัน เครื่องเหมือนกัน ต่างแค่หน้ารถกับไฟท้าย แล้ว Chev กับ Mazda ก็ไม่ได้ขึ้นชื่อว่าศูนย์ดีด้วยกันทั้งคู่ แต่ตอนนั้น Chev ก็ยังขายได้มากกว่า Mazda ตอนนี้นะ
ผมว่าหลักๆก็คงมาจากหน้าตาของรถที่คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าสวยสู้เจ้าอื่นไม่ได้นี่แหละ
-
ยังไม่เห็นเหตุผลสักข้อที่จะซื้อเลย
-
จุดเด่น ของ Mazda คือ ช่วงล่าง การบังคับควบคุม ที่ทำได้ดีกว่ารถระดับเดียวกัน
จุดด้อย ของ Mazda คือ ศูนย์บริการ บริการหลังการขาย ค่าแรงแสนแพง แถมด้วยเรื่องฟ้องลูกค้า
จุดเด่น ของ Isuzu คือ ศูนย์บริการ บริการหลังการขาย เคลมง่าย คุยง่าย
จุดด้อย ของ Isuzu คือ การขับขี่ ที่พอเพียงสำหรับการขับทั่วไป แอบย้วย
พอเอา Isuzu มา ติดตรา Mazda แล้วปรับแค่หน้าตา ส่วนช่วงล่างเหมือนกันหมด มันก็เลยเหมือน เอาแต่จุดด้อยเค้ามาไง ... รถก็ขับงั้นๆ ไม่ได้ดีเด่น แบบสมัยร่วมกับ Ford / แถมมาเจอบริการหลังการขาย สไตล์ Mazda อีก
บทสรุป ก็เลยเหมือน คห.บนๆว่าแหละ .. "ยังนึกเหตุผลที่จะต้องซื้อ BT50 ไม่เจอ"
-
ใช้คำว่า เดินเกมส์ผิด นั่นแหละครับถูกแล้ว
เพราะถ้าเดินเกมส์ถูก มันจะขายดี
แต่เราจะมาวิเคราะห์กันว่า ทำไมเดินเกมส์แบบนี้
ซึ่งมันมีหลายปัจจัยครับที่ทำให้ Mazda ต้องเดินเกมส์แบบนี้
ที่ผ่านมา Mazda ไม่เคยทำกระบะ 1 ตันด้วยตัวคนเดียวมาตลอด ต้องมีพันธมิตรน่วมมือกันเสมอ
ก่อนผมเกิด ก็ไปใช้เครื่อง Isuzu
ผมเกิดมาใหม่ๆ จนเลยวัยรุ่น ก็ไปร่วมมือ Ford
ปัจจุบันก็กลับมาร่วมมือ Isuzu
ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่า Mazda มีทั้งทำกระดองเองได้ แค่ต้องใช้แชสซีส์และทรัพยากรเค้า
ยันต้องใช้กระดองเค้าทั้งดุ้น เปลี่ยนได้แค่หน้าหรือด้านใน
และสุดท้ายไม่ว่าจะกระดองไหน ผมไม่เคยมีภาพจำเลยว่า Mazda ขายดีกว่าเพื่อนร่วมงาน
สำหรับผมมองว่า Mazda เค้ายังไม่ตั้งใจพอครับ
ตั้งใจที่จะทำให้มันดีกว่าเพื่อนร่วมงาน ซึ่งอาจจะเป็นข้อจำกัดระหว่างสัญญา เพราะ Mazda ก็ไม่มีทุนพอจะไปต่อกรเค้าได้
ตั้งใจที่จะทำจุดขายให้คนสนใจได้แบบเดียวกันหรือมากกว่าเพื่อนร่วมงาน
ตั้งใจที่จะทำตลาดให้ชัดเจนเหมือนเพื่อนร่วมงาน
ตั้งใจที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีเหมือนเพื่อนร่วมงาน
และความตั้งใจอื่นๆ ที่คิดว่า Mazda ทำได้ดีได้กว่านี้ได้ แต่ไม่ทำ และก็ไม่มีใครในนี้รู้ได้ครับว่าเพราะอะไร
ผมเปิดโบรชัวร์ตาราง spec ตัวยกสูงเทียบกันกับ D-Max ผมชอบการกระจายออพชั่นในแต่ละรุ่นย่อย BT-50 มากกว่านะ
แต่พอเจอช่วงราคา เจอบริการหลังการขายที่มีประสบการณ์ตรงกับแบรนด์ และพยายามหาจุดเด่นที่แตกต่างแล้ว
ผมไม่เห็นว่ามีจุดไหนที่ผมจะต้องซื้อ BT-50 แทน D-Max ได้เลย แม้แต่ข้อเดียว
-
พวกทดสอบรถต่างบอกว่าBT50 เจนที่แล้วขับดีกว่าเจนนี้ จบเลย
-
D max สวยกว่า
บริการหลังการขายดีกว่า
ราคาขายต่อดีกว่า
-
ผมว่าเดินเกมส์ผิดที่ไปร่วมกับอีผุผุแล้วแหละ เลยกลายสภาพเป็นลูกเมียน้อยเป็นลูกทาส แต่ทั้งนี้เค้าควรจะปรับปรุงการบริการขายให้มากกว่านี้ ลดราคาค่าแรงและอะไหล่ รวมไปถึงทำ PR ขอโทษที่ไปฟ้องลูกค้าครับ
D max สวยกว่า
บริการหลังการขายดีกว่า
ราคาขายต่อดีกว่า
ผมว่ามาสด้าสวยกว่าครับ ดีแม็ดูยังไงก็ไม่สวย
-
เมื่อก่อนตอนอยู่กับ Ford ยังมีจุดเด่นบ้าง ตอนนี้มีอะไรที่เป็นจุดเด่น ไม่มี
-
มาสด้าสวยอะใช่ แต่เทรนด์กระบะตอนนนี้มีใครหน้าตาลูกคุณหนูแบบนั้นบ้าง ค่ายอื่นนี่เป็นไอหนุ่มหล่อเข้มหน้าคมไทบ้านกันหมด
มาสด้าเคยบอกว่าจะเจาะตลาดกลุ่มคนอยากได้รถกระบะลุยได้แต่ต้องขับเข้างานสังคมได้ คนกลุ่มนี้ทั้งตลาดก็มีอยู่ตามยอดขายมันนั่นแหละ ;D
-
ผมคิดว่าเป็นที่แบรนด์อิมเมจที่มาสด้าจงใจสร้างให้เขาเป็นแบรนด์รถพรีเมี่ยม
ทางรถนั่ง สปอร์ต หรูหรา จับลูกค้าคนรุ่นใหม่ คนเมือง คนสำอาง
ซึ่งมันไม่ใช่กลุ่มคนลุยที่ใช้กระบะน่ะครับ ต่อให้ทำกระบะเอง ไม่ได้ร่วมกับเจ้าอื่น
มันก็ขายไม่ดีนั่นแหละครับ
ก็คงจะคล้ายๆ กับ Benz X-Class, Honda Tourmaster ประมาณนั้นครับ
-
ประเทศไทย ตลาดเล็ก เค้าไม่โฟกัสหรอก เค้าสนใจตลาดอื่นมากกว่า
-
สำหรับผม
ไฟท้ายหลอดไส้กับราคาขายต่อครับ
-
เหตุผลเดียวเลยคือ ผู้บริโภคยังคงจำภาพลักษณ์เดิมๆ ว่า ไอ้รุ่นเนี่ย มันเป็นรถเก่า ทุกวันนี้คนไทยเวลานึกถึงรถกระบะปิคอัพต้องนึกถึง วีโก้ ดีแมกซ์ เรนเจอร์
คงยากที่จะทำตลาดปิคอัพได้ เพราะภาพลักษณ์มันฝังลึกไปเสียแล้ว :'(
-
ประเทศไทย ตลาดเล็ก เค้าไม่โฟกัสหรอก เค้าสนใจตลาดอื่นมากกว่า
กระบะไทย top 3 ของโลกนะครับ
อยากขายที่ไหนเหรอครับถึงตลาดใหญ่
-
ช่วงล่าง พวงมาลัย คือจุดขายของเค้า
กระบะ ช่วงล่างสไตล์เก๋ง
ซึ่งมีน้อยคนที่ชอบ ในหมู่บ้านผมก็มีคันหนึ่ง แกขับไปทำงานโรงงาน ไม่แต่ง ไม่ชอบรถเก๋ง ขนของบ่อย ประมานนั้น
อีกคนที่รู้จักที่ซื้อใช้ก็คือ พ่อเพือนอาชีพครู รร.มัธยม ใน ตจว. ได้ดอกพิเศษเลยซื้อ
ส่วนตัวใหม่เคยเห็นครั้งเดียวบนถนน มันก็ดูดีกว่าตัวเดิมนะ แต่ด้วยราคาและออฟชั่น คนเลยมองยี่ห้ออื่นมากกว่า
-
ขับผ่านที่ศูนย์แห่งหนึ่ง
เค้าจอด cx8 กับ bt50 หันหน้าออกมาทางถนน
เห็นหน้าเต็ม + ข้างๆหน่อยๆ
ผมว่า bt50 มันดูดีกว่า cx8 เสียอีก
แต่ต้องไม่เดินไปดูบั้นท้ายนะ...
ส่วนตัว ถ้าเป็นผม เลือกระหว่าง isuzu และ มาสด้า ผมเลือกมาสด้านะ
แต่คนอื่นล่ะ
คนไม่เล่นรถ บางคนยังไม่รู้เลยว่าเค้าแชร์แพลทฟอร์มร่วมกัน แต่แค่ฟังชื่อค่ายก็หนาวแล้วก็มี
ส่วนคนเล่นรถจริงๆ ผมว่ายังขายให้ได้ง่ายกว่าอีก แต่คนกลุ่มนี้ไม่มากหรอก รู้ลึก รู้จริง แต่ไม่เล่นรถกระบะก็เยอะแยะ
เอาใจช่วยแล้วกันนะครับ เร่งพัฒนา ปรับปรุงราคาอะไหล่ และ 0 บริการให้ดีเป็นพอ
ตลาดกระบะมันยากมากครับ mb x class ยังไปไม่เป็นเลย
-
มันก็ไม่ต่างจาก Tourmaster ที่ฮอนด้าทำกับอีซูสุแหละ
บ้านเรารถกระบะที่คนส่วนใหญ่คิดถึง คือ อีซูสุ กับโตโยต้า ตัวรถของเขาก็ไม่ได้เด่นไปกว่าคู่แข่ง แต่บริการหลังการขาย การซ่อมบำรุง มันเหนือกว่าค่ายคู่แข่งชัดเจนครับ
ถ้าให้ผมเลือกว่าจะซื้อ Dmax กับ BT50 ผมก็ไป Dmax นะ อย่างน้อย เวลามีปัญหา เคลมอะไหล่ง่าย ค่าบริการถูกกว่ามาสด้าแน่ๆ
-
BT50 ชอบแค่ interior แค่นั้นเลย :'(
-
ชอบหน้าBT50 แต่rvท้าย Dmax สวยกว่า ตอนจะออกแบบไฟท้ายเขาก็รู้อยู่แล้วว่าคู่แข่งเป็น LED หมดถ้าไม่ทำมาจะต่างจากชาวบ้านมาก และถ้าให้ดีควรอัพโช้คแหนบให้ไม่เหมือน dmax เผื่อจะได้ลูกค้าเดิมกลับมาก แล้วยังมี Ford จ่อเปิดตัวอีก ตายละทีนี้
-
เอาส่วนไหนคิด ออกแบบหน้าตากระบะให้เหมือนรถเก๋ง สถานการณ์ตัวก่อนก้เหมือน navara ต้องโลีะขายเป็นล้อตๆมาเพียบ พอนาวาร่าแก้เกมทำหน้าแบบ 4dx ยอดดีขึ้นพออยู่รอดเลย
ไอส่วนที่ควรทำดันไม่ทำ หน้าตาแบบเก่ามันเห็นคำตอบอยู่แล้ว ผมไปถามเพื่อนพ่อหลายๆคนที่ใช้กระบะไว้ทำงาน มองผ่านหมด navara ยังมีคนสนใจมากกว่า
ออพชั่นไม่ได้หนีจาก d-max ภายในก็เฉย เรื่องศูนย์ก็ปัญหาหลัก คชจทีแพงคล้ายกัน ถึงจะชิ้นส่วนเดียวกัน มาสด้าไม่เคยตั้งถูกกว่าแน่ๆ
ผมว่าเขาควรไปทำกระบะแบบฟอร์ด ที่เน้นตัวสวยๆ ออพชั่นหนักๆ ฉีกไป niche ยังจะดีกว่า
-
รถมันต้องมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง อย่างรถมาสด้า ช่างล่างดี ก็ควรทำช่วงล่างเอง และ เพิ่มการออกแบบภายในเป็นของตัวเอง
ก็เล่น เอาทุกอย่างของเขามาเปลี่ยนแค่หน้า แล้วก็มาขายแข่งกับเขา ใครๆ เขาก็ซื้อ Dmax หมดละครับ
-
ประเทศไทย ตลาดเล็ก เค้าไม่โฟกัสหรอก เค้าสนใจตลาดอื่นมากกว่า
กระบะไทย top 3 ของโลกนะครับ
อยากขายที่ไหนเหรอครับถึงตลาดใหญ่
ผมว่าเค้าหมายถึง สำหรับ Mazda เองที่ส่วนแบ่งตลาดน้อย แข่งไปก็ลำบาก ไม่ชนะ Toyota / Izusu แน่นอน
เอาเวลามาโฟกัสตลาดรถประเภทอื่นจะดีกว่า เช่น เก๋ง SUV เป็นต้น
-
มาสด้า รู้ทั้งรู้ว่าหน้าหวานๆ มันขายคนใช้รถกระบะไม่ได้
เจ้าอื่นเค้าเข้มๆ หล่อๆล่ำๆมาทั้งนั้น ตัวเองดันเข็น Design ความเป็นตัวเองมากไป
ไม่ปรับตัวตามโลก เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง
-
ภายในเอา D Max มาเลย ซึ่งมันไม่สวย
Mazda interior ปกติสวยอยู่แล้วถ้าเป็นผม จับลง 2.2d ที่มี stock (stock อะไหล่ศูนย์ง่ายกว่าด้วย) + design interior เอง based on D max อาจจะขายดีก็ได้นะ
-
ผมตอบง่ายๆ เลย
Isuzu vs Mazda จะเลือกอะไร....?? แค่นี้มันก็คือคำตอบแล้ว
ถ้า เอา Mazda โฉมนี้ หน้าตาแบบนี้ ได้ทุกอย่างของ Isuzu มานะ แต่ไปเป็นแฝดคนละฝากับ MG หรือ Chev หรือ Proton อาจจะยังมีใจมากเลือก Mazda อยู่บ้าง
เพราะขนาดตอนขายคู่กับ Ford คนเขายังเลือก Ford เลย