Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ericlim ที่ มกราคม 09, 2022, 16:53:41

หัวข้อ: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: ericlim ที่ มกราคม 09, 2022, 16:53:41
สวัสดีเพื่อนสมาชิกทุกท่านครับ

กระทู้นี้ผมตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ตรงของผมกับค่ายรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งผมตั้งใจจะไม่ระบุยี่ห้อนะครับ
โดยผมขออนุญาตสร้างลอคอินอวตารขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องนะครับ เพราะลอคอินปัจจุบันที่ใช้อยู่นั้น ผมได้โพสต์ถามเรื่องรถค่ายนี้เต็มไปหมดเลย
เกรงว่าคุณผู้อ่านจะทราบได้ในทันทีว่าเป็นค่ายใด ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีต่อทั้งค่ายรถและต่อตัวผมเอง

เริ่มต้นมีอยู่ว่า

ผมตัดสินใจจองรถยนต์คันหนึ่งซึ่งเป็นค่ายรถในฝันของผมไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยมีกำหนดรับรถคร่าวๆ คือปลายธันวาคม64-ต้นมกราคม65ครับ
ช่วงก่อนสิ้นปี64 ผมได้รับการติดต่อจากคุณเซลล์ว่ารถได้เข้ามาถึงพอร์ตแล้วและได้ถูกส่งไปที่โกดังของค่ายรอการกระจายมายังดีลเลอร์ 
โดยผมก็ได้ทำการแจ้งกำหนดวันรับรถตามฤกษ์ที่ได้ดูไว้คือช่วงวันแรกๆของมกราคม2565


ทั้งนี้ผมได้ขออนุญาตคุณเซลล์เข้ามาดูรถที่โชว์รูมก่อน เอาง่ายๆว่าตื่นเต้น อยากพบหน้าสมาชิกใหม่ของบ้านเร็วๆ โดยวันที่ผมขอเข้าไปดูนั้น รถยังมีสภาพเดิมๆจากโรงงาน ฝุ่นทุกเม็ดยังอยู่ครบเลยครับ 555555
คุณเซลล์ได้ประสานให้ทาง Product Master ของโชว์รูมทำหน้าที่ดูแลและสอนการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆคร่าวๆพอให้เข้าใจตัวรถในองค์รวม
เลขไมล์รถในวันนั้นอยู่ที่ 6 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเลขไมล์มาตรฐานของรถใหม่ ทุกอย่างก็เหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี
ผมนั้นก็ได้แต่ตื่นเต้นตั้งตารอให้ถึงวันรับรถเร็วๆ โดยในระหว่างนี้รถก็ถูกส่งไปติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งจำพวกฟิล์มตามแต่ที่ตกลงกันไว้ในการซื้อขาย


ในวันรับรถ ผมได้เชิญผู้อาวุโสในบ้านให้ไปทำหน้าที่เป็น "พระในบ้าน" ในการนำรถกลับบ้าน เพราะโดยปกติผมไม่นิยมเจิมรถครับ
เมื่อเดินทางไปถึงโชว์รูม ผมได้พบกับคุณเซลล์ที่กำลังนั่งเตรียมตัวpaperworkของรถผมอยู่ โดยรถของผมนั้นได้จอดชาร์จไฟอยู่ในพื้นที่ส่งมอบ
คุณเซลล์ได้แจ้งผมว่า มีข้อติดขัดบางประการเนื่องจากรถเพิ่งได้รับการติดฟิล์มเสร็จสิ้นเมื่อคืนก่อนวันส่งมอบ และเด็กที่รับผิดชอบดูแลรถของผมนั้นได้ชาร์จไฟรถเอาไว้ แต่ไฟดันไม่เข้าจึงทำให้เพิ่งมาเริ่มชาร์จกันใหม่ตอนเจ็ดโมงเช้าวันรับรถ ไฟรถจึงยังไม่เต็มดี  ผมมองว่าปัญหานี้เป็นเรื่องเล็กน้อยมากเลยปล่อยผ่านไม่ได้สนใจอะไร และกลับมาดำเนินการเรื่องเอกสารต่อ พร้อมทั้งส่งมอบแคชเชียร์เช็ค


ขั้นตอนหลังจากนี้คือการที่ Product Master ต้องมาอธิบายการใช้รถครับ จริงอยู่ว่าผมนั้นได้รับการอบรมคร่าวๆไปแล้วเมื่อวันที่ผมแอบมาดูตัวตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น
แต่ผมได้ขอรบกวนคุณเซลล์ให้ประสานกับทาง Product Master ให้มา Recap ผมอีกรอบ เพราะในวันรับรถผมได้พาน้องสาวไปด้วย เธอค่อนข้างใหม่กับเทคโนโลยีของรถ
ผมเลยอยากให้น้องสาวได้ฟัง brief ด้วยเพื่อเป็นประโยชน์ในการใช้งาน
โดยที่น้องสาวผมเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับ , Product Master นั่งเบาะข้างคนขับ และผมนั่งอยู่เบาะหลัง การอธิบายอุปกรณ์ของรถดำเนินไปอย่างปกติดีครับในช่วงแรก

...แต่สักพักผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ...

ผมเริ่มอึดอัด ...มีอาการคล้ายๆกับหายใจไม่ออกเนื่องจากอากาศไม่พอ...
ผมพยายามปรับแอร์ช่องผู้โดยสารตอนหลัง ปรากฎว่าแอร์ไม่ออก ไม่ว่าจะช่องฝั่งซ้ายหรือขวา
จริงๆที่ถูกต้องบอกว่าไม่มีลมออกมาเลยจากทุกช่องแอร์ในรถ


ด้วยความที่ว่านี่เป็นรถที่อุดมไปด้วยเทคโนโลยีมากมาย ผมคิดว่าคงเป็นผมเองนั่นแหละ ที่ "ใหม่" กับรถ
ผมอาศัยจังหวะแทรกคุณ Product Master ที่กำลังสอนน้องสาวผมถึงการใช้งานตัวรถ โดยสอบถามถึงการปรับและเร่งแอร์เนื่องจากรู้สึกร้อนและหายใจไม่ออก
โดย คุณPM ก็ทำการเร่งแอร์ของรถจนสุด เสียงพัดลมแอร์ ฟู่ววววว แรงมาก


...แต่ก็ไม่มีลมออกมาจากช่องแอร์...


ผมเริ่มเอะใจ ในขณะที่คุณ PMก็เริ่มเลิ่กลั่ก ขอตัวลงจากรถเพื่อไปตามคุณเซลล์มาช่วยดู
เมื่อคุณเซลล์มาถึงก็ได้ลองดับเครื่องและสตาร์ทใหม่ อาการก็ยังคงเดิม เสียงพัดลมแอร์เป่าฟู่ววววววว แต่ไม่มีอะไรออกมาจากช่องแอร์เลยแม้แต่ช่องเดียว คุณเซลล์ก็เริ่มเลิ่กลั่กเช่นกัน
แต่ก็พยายามแก้ไขสถานการณ์โดยการเชิญผมเข้าไปรอในพื้นที่โชว์รูม ก่อนที่จะทำการเคลื่อนย้ายรถของผมจากพื้นที่ส่งมอบไปยังพื้นที่ซ่อมบำรุง


ผมใจเสียพอสมควร เพราะนี่คือรถใหม่ ใหม่ขนาดที่ว่ายังไม่ได้ออกแตะพื้นถนน ใหม่ขนาดที่ว่าปลายเท้าผมยังไม่ทันได้สัมผัสคันเร่ง


ตอนนั้น เพื่อไม่ให้สถานการณ์มันย่ำแย่ลงไปกว่าที่เป็น ผมส่งซิกให้น้องสาวผมทำหน้าที่ดูแลผู้ใหญ่ในบ้านไม่ให้แกเกิดความกังวลและเครียด
น้องสาวผมเธอก็พาคุณป้าผมไปลองนั่งรถคันนู้นคันนี้ ชี้นกชี้ไม้ไปตามเรื่อง
ในขณะที่ผมนั้นพยายามทำตัวเองให้นิ่งที่สุดและก็ปรายตาไปยัง Garage อยู่เรื่อยๆ


รถของผมถูกจอดในช่องซ่อมบำรุง ฝากระโปรงถูกเปิดขึ้นจนสุด
คุณเซลล์เดินวนไปมา ช่างคนที่หนึ่งเข้ามาทำอะไรไม่รู้กับห้องเครื่องแล้วก็ส่ายหัว
ช่างคนที่สองทีอาวุโสกว่าเดินเข้ามาเสริมพร้อมประแจ ฝาท้ายรถผมถูกเปิดขึ้น


...มันไม่น่าใช่แล้วแหละ ผมคิด...


ผมตัดสินใจเดินเข้าไปใน Garage สอบถามคุณเซลล์และช่างถึงสิ่งที่เกิดขึ้น พลางพูดหยอกๆแก้สถานการณ์ "นี่ถ้าเป็นรถญี่ปุ่นผมคงคิดว่าท่อแอร์หลุดนะครับเนี่ย 5555"
นั่นก็สร้างเพียงแค่เสียงหัวเราะเบาๆและรอยยิ้มเจื่อนๆให้เกิดขึ้นเพียงแค่เล็กน้อย แต่ความ awkward ไม่ได้ลดลงเลย
รถของผมในขณะนั้นถูกจั๊มแบตหลักอยู่ ในขณะที่แบตเสริมในฝาท้ายถูกไขถอดออก ช่างกำลังรื้ออะไรก็ไม่รู้ใต้คอนโซลฝั่งคนขับ รถถูกสตาร์ทขึ้น เปิดแอร์ แล้วช่างก็ส่ายหัว วนลูปอย่างงี้ 2-3ครั้ง


...ความอดทนของผมสิ้นสุดลงตรงนั้น...


นี่คือรถแบรนด์ที่ผมไว้ใจ
นี่คือรถแบรนด์ในฝันของผมตั้งแต่เด็กๆ
นี่คือรถที่ผมตั้งใจจะซื้อเพื่อให้พ่อกับแม่วัยเกษียณได้ใช้เดินทางพักผ่อนอย่างสุขสบาย
วันนี้ควรเป็นวันที่ผมได้ขับรถป้ายแดงกลับบ้านไปนั่งลูบๆคลำๆเช็ดๆถูๆอย่างมีความสุข
แต่สิ่งที่เห็นอยู่มันไม่ใช่...ไม่ใช่เลย


ผมเดินเข้าไปหาคุณเซลล์ และพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป
"คุณxxxครับ เป็นไปได้ไหมที่ผมจะปฏิเสธรับรถคันนี้ ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้วแหละ"
คุณเซลล์พยักหน้าเป็นสัญลักษณ์ว่าเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ ก่อนจะขอตัวไปโทรศัพท์


จากนั้นไม่นานก็มีสุภาพสตรีมีวัยวุฒิท่านหนึ่งเดินมาพบกับผมในgarageพร้อมกับแนะนำตัวว่าเป็นผู้จัดการของที่นี่
เธอน่าจะทราบเรื่องของผมจากการรายงานของคุณเซลล์เรียบร้อยแล้ว 
ผมไม่รีรอที่จะกล่าว recap ถึงสิ่งเดียวที่ผมต้องการ ณ ขณะนั้น คือ "ไม่สามารถรับรถคันนี้ได้"


โดยผมได้อธิบายไปว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันเกินกว่าที่ผมจะรับไหว รถป้ายแดงยังไม่ผ่านการใช้งานถูกส่งกลับเข้าอู่เพื่อรื้อแบบนี้ มันเกินจะทนดูจริงๆ
แล้วถ้าผมต้องรับรถคันนี้กลับบ้านไป ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันคงติดตาฝังหัวไปตลอดอายุการใช้รถคันนี้แน่ๆ
วันนี้ วินาทีนี้ รถยังตกอยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์ แต่ถ้าผมเลือกที่จะขับรถออกจากศูนย์ไปแม้เพียงเมตรเดียว ทุกอย่างเกี่ยกับรถคันนี้ผมต้องแบกรับมันไว้ ซึ่งผมรับไม่ไหวแน่ๆ
เราเคยเห็นเคสฟ้องร้อง หรือ เคสทะเลาะต่างๆที่ลงในสื่อโซเชี่ยล ผมไม่อยากให้เราเดินไปถึงขั้นนั้น ผมไม่อยากทำร้ายแบรนด์รถที่ผมชอบมาตั้งแต่เด็ก
ผมได้เสนอไปว่าจะเป็นไปได้ไหม ถ้าศูนย์จะนำรถคันนี้กลับไปตรวจสอบ ซึ่งศูนย์เสียอย่างมากก็คือฟิล์มที่ผมสั่งติดไปแล้วรอบคัน


คุณผู้จัดการรับฟังผมอย่างตั้งใจ มีเล็กน้อยที่เธอพยายามจะโน้มน้าวให้ผมยอมรับรถ แต่ผมก็ยังคงพรั่งพรูความอึดอัดออกมา
คุณผู้จัดการพยักหน้าแสดงความเข้าใจพร้อมทั้งตอบสนองต่อข้อเสนอของผมด้วยประโยคที่ฟังแล้วผมประทับใจมาก

"ตอนนี้อย่าพูดถึงเรื่องศูนย์จะเสียอะไรเลยค่ะ เรามาพูดกันถึงเรื่องความสบายใจของลูกค้าดีกว่า รถราคา Xล้านบาท เราก็อยากให้คนที่ซื้อไปมีความสุข"


ผมยอมรับครับว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ผม "เสียความมั่นใจ" ในแบรนด์นี้ไปพอสมควร และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมีปัญหากับค่ายนี้
จริงๆแล้วรถค่ายนี้ควรจะมาจอดอยู่ในโรงรถบ้านผมตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วซึ่งผมวางเงินจองไปเรียบร้อย
แต่ด้วยการส่งมอบที่ล่าช้าประกอบกับความต้องการใช้รถเร่งด่วนจึงทำให้ทางบ้านผมตัดสินใจถอนจอง
จนมาถึงวันนี้ วันที่ผมและที่บ้านให้โอกาสค่ายรถนี้ได้มาจอดในโรงรถบ้านผมอีกครั้ง วันที่ผมคิดว่า เอาหล่ะ ทุกอย่างน่าจะไปได้สวย
แต่ก็มากลับตาลปัตรเละเทะแบบนี้


...เสี้ยวหนึ่งผมคิดว่าผมจะถอนจอง...
พอกันแค่นี้เถอะกับแบรนด์นี้ อย่าได้มีครั้งที่สามเลย


แต่ผมก็กลับมาถามตัวเองว่า ในงบ Xล้านบาท มันจะมีรถอะไรที่ดีกว่าค่ายนี้? มันจะมีรถอะไรที่สวยสง่าเท่าค่ายนี้? มันจะมีรถอะไรที่ "xxx" และคุ้มค่าเท่าค่ายนี้?
และที่สำคัญมันจะมีรถอะไรที่ผมชอบได้เท่าค่ายนี้ คำตอบคือ ไม่มี


และที่สำคัญคือคำพูดของคุณผู้จัดการข้างต้นมันทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจว่า เฮ้ยยย! เอาหน่ะ มันยังไปต่อกันได้หน่ะกับแบรนด์นี้
เด็กเกิดมาร้อยคนอาจจะมีปานดำติดมาสักคนนึง เราอาจเป็นคนที่โชคร้ายที่ได้รถมี defect แต่มันก็ใช่ว่าจะซวยตลอดไป เปลี่ยนคันใหม่ซะแล้วจบ


ผมบอกกับเธอว่า ผมยังยึดมั่นและเชื่อมั่นในแบรนด์นี้ และยังคงยืนยันที่จะเป็นลูกค้าของเธอ ด้วยข้อเสนอเดิม เงื่อนไขเดิม และสีเดิม เพียงแต่ขออย่างเดียว ขอเปลี่ยนคันใหม่
คุณผู้จัดการแจ้งว่า เนื่องจากสีที่ผมต้องการนั้นเป็นสีพิเศษ และเป็นสีใหม่ จึงต้องรอล็อตใหม่ที่กว่าจะเข้ามาก็ปลายเดือนกุมภาพันธ์ เธอถามผมว่าผมรอได้ไหม?
ผมถามเธอกลับว่า เธอยืนยันนะว่ารถจะมาไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม
เมื่อเธอยืนยัน ผมก็ยืนยันกับเธอว่าผมยินดีจะรอ


ผมรับแคชเชียร์เช็คคืนกลับบ้าน พร้อมทั้งกระเช้าผลไม้ขอโทษ จริงๆมันคือกระเช้าที่ทางศูนย์เตรียมมาแสดงความยินดีในวันรับรถใหม่นั่นแหละครับ


คืนนั้นเอาตรงๆถึงขั้นนอนไม่หลับเลยแหละ ในหัวมันคิดอะไรหลายอย่าง
วิธีที่เราตัดสินใจเลือกปฏิเสธรับรถนี่มันถูกต้องแล้วใช่มั๊ย?
มันเป็นข้อเรียกร้องที่เกินไปหรือเปล่า?
หรือเราเรียกร้องน้อยเกินไป?
เราคิดถูกไหมที่ยอมให้โอกาสแบรนด์นี้เป็นครั้งที่สาม?


แต่ผมก็ได้แต่บอกตัวเองว่า ในสถานการณ์เฉพาะหน้า นี่คงดีที่สุดของกรูแล้วหล่ะ


ทุกครั้งที่ผมว่างๆ ผมยังนึกถึงเหตุการณ์วันรับรถอยุ่ตลอดเลย  นึกถึงจนถึงขั้นมานั่งพิมพ์กระทู้นี้นั่นแหละครับ
จะว่าซวยมันก็ใช่แหละ ซวยจริงๆ
แต่จะว่าโชคดีก็นับว่าเป็นโชคมากๆที่ตรวจเจอdefectก่อนที่จะรับรถ ไม่งั้นบรรลัยแน่ๆ
และสิ่งที่ผมคิดว่าผมโชคดีมากกว่า คือการที่ผมได้ศูนย์ที่ดีที่พร้อมจะเข้ามา take action กับปัญหาอย่างไม่มีอิดออด ได้เจอผู้จัดการและเซลล์ที่ดีมีความใส่ใจ ผมว่าแค่นี้ก็เกินพอแล้ว

ตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือ "รอ" ครับ รอรถที่จะเข้ามาปลายกุมภาพันธ์ ระหว่างนี้ก็พยายามเลี่ยงๆไม่เข้าไปดูกรุ๊ปเฟสบุ๊ค เห็นคนโพสต์อวดรถใหม่แล้วมันจะปวดกระดองใจแปล๊บๆ
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: Turin ที่ มกราคม 09, 2022, 17:19:45
ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวครับ

ผมก็รอรถใหม่อยู่ จองตั้งแต่ พ.ย. ปีที่แล้ว คาดว่าได้รับรถไม่เกิน พ.ค. ปีนี้ ... นี่ก็เสียวๆอยู่ว่าถ้ามาแล้วเจอ defect จะเอายังไงดี
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: zeriw009 ที่ มกราคม 09, 2022, 17:20:09
เข้าใจเจ้าของกระทู้เลย คิดถูกแล้วครับที่ปฏิเสธรับรถ เป็นสิ่งที่ควรทำและถูกต้องที่สุดแล้ว
เอาใจช่วยครับและผมเชื่อว่ารถอีกคันที่จะมา มันจะไม่มี Defect ล้าน % ครับ

หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: joekling ที่ มกราคม 09, 2022, 17:33:40
ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวเขาก็เวียนไปส่งมอบลูกค้ารายใหม่ที่ไม่รู้เรื่อง เพราะคุณกั๊กยี่ห้อและศูนย์ไว้
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: axister ที่ มกราคม 09, 2022, 17:58:52
เอ่อเรื่องแบบนี้เคยเกิดกับผมเหมือนกัน รถสีดำศูนย์ย่านพระราม 4 เป็นเรื่องชาร์จไม่เข้ากับแอร์ไม่ออกนิแหละครับ

แต่ผมปฏิเสธที่จะรับเสียงแข็งเลย ทำให้ผมได้คันใหม่แต่รออีก 2 เดือน process คล้ายๆ จขกท

คันเก่าทางศูนย์ก็แจ้งว่าจะซ่อมแล้วไปขายเป็น มือสอง แต่คิดว่าคงวนมาให้คนใหม่แหงๆ

แต่คันใหม่มาก็ไม่มีปัญหานะครับ ผมไม่ได้ royalty ในแบรนด์ไหนเป็นพิเศษ ดีก็ชม แย่ก็ด่า

แต่มองกลางๆว่า มันน่าจะเป็น defect เฉพาะคันจริงๆ ถ้าหนักเบอร์นี้ ครั้นศูนย์จะเอาไปทำลายทิ้งก็คงไม่ได้ ทะเบียนยังไม่ได้จด ทำได้ดีที่สุดก็ซ่อมเอาเป็นรสเทสละขายมือสอง

เอาที่ซื้อแล้วสบายใจดีที่สุดครับ เพื่อนๆผมหลายคน เริ่มต้นด้วยรถพรีเมียมยุโรป ปัจจุบันก็จบที่ collora cross กันเยอะ ด้วยเหตุผลความจุกจิกเป็นหลักเลย
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: SneerSun ที่ มกราคม 09, 2022, 18:14:25
อ่านแล้วกลัวเลยครับ

ผมเองก็รอรับรถเหมือนกัน 

อยากให้ ท่าน จขกท ช่วยเปิดเผยชื่อ รุ่น ยี่ห้อ / สาขาที่ไปใช้บริการ  เผื่อจะได้ไม่มี ใครตกเป็นเหยื่อ / ผู้โชคร้าย ครับ



หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: seeker ที่ มกราคม 09, 2022, 19:26:30
เป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ เป็นผมก็คงไม่รับรถ แต่ไม่ถึงกับถอนจอง เพราะ defect เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
แต่เป็นผมจะจดเลขตัวถังเก็บไว้ด้วย
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: paulmoderndog ที่ มกราคม 09, 2022, 19:38:43
ดีแล้วครับ ยินดีที่คุณได้ศูนย์ที่มีผู้จัดการดี แต่จริงๆ ควรจะทำ pdi ให้ดีกว่านี้
บางทีผมยังเคยเจอเลขไมล์ 30 กิโลเมตร แต่รถไม่มีปัญหาอะไร
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: รถจักรไอน้ำ ที่ มกราคม 09, 2022, 19:48:11
เป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ เป็นผมก็คงไม่รับรถ แต่ไม่ถึงกับถอนจอง เพราะ defect เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
แต่เป็นผมจะจดเลขตัวถังเก็บไว้ด้วย

ใช่ครับ ถ้าเป็นผมคงกลัวว่าจะได้คันเดิม ขอจดเลขตัวถังไว้หน่อยดีกว่าครับ

ปล.หวังว่าคงไม่ใช่ยี่ห้อในฝัรของผมนะ คันต่อไปว่าจะอุดหนุนอยู่
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: PREM ที่ มกราคม 09, 2022, 19:55:57
ยี่ห้อ V รึเปล่าครับเนี่ย

ตอนคัน V60 ผมมีเหตุการณ์ 1 วันก่อนวันนัดรับรถแวะเข้าไปดูรถก่อน ลองใช้งานทุกอย่างเล่นๆ ปรากฏว่ากล้อง 360 ฝั่งซ้ายไม่ติด เลยคุยกับเซลขอเลื่อนรับรถเพื่อให้แก้ไข ถ้าเป็นที่ซอฟแวร์ก็แล้วไป ถ้าเป็น hardware อาจจะขอเปลี่ยนคัน

ขับออกจากศูนย์ไปแบบเซ็งมาก ผ่านไปไม่ถึง 10 นาทีเซลโทรกลับมาว่ากล้อง 360 ใช้ได้แล้ว หลังจากที่ทางศูนย์ลองดับเครื่อง ล็อกรถแล้วสตาร์ทใหม่ น่าจะเป็น glitch ของซอฟแวร์ ตอนนั้นก็เลยยอมเอารถตามนัดเดิมแบบหวั่นๆเล็กน้อย โชคดีที่ผ่านมา 2 ปีก็ไม่เคยมีปัญหากับระบบกล้องอีก เอาจริงๆ ตัวรถไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ

ถึงเคสผมจะโชคดีไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของจขกท.เลยครับ
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: MyName ที่ มกราคม 09, 2022, 20:16:26
“ แต่ผมก็กลับมาถามตัวเองว่า ในงบ Xล้านบาท มันจะมีรถอะไรที่ดีกว่าค่ายนี้? มันจะมีรถอะไรที่สวยสง่าเท่าค่ายนี้? มันจะมีรถอะไรที่ "xxx" และคุ้มค่าเท่าค่ายนี้? คำตอบคือ ไม่มี”

ประโยคชุดนี้ทำให้ผมคิดถึงค่าย V เหมือนพี่ด้านบนเลย

แนะนำให้จดเลข VIN ไว้อีกเสียงนะครับ
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: ฟง อวิ๋น ที่ มกราคม 09, 2022, 20:48:41
ทำถูกแล้วครับ

ผมเคยปฏิเสธการรับรถอยู่ครั้งนึง เหตุผลที่ไม่รับเป็นเพราะสีรถไม่ตรงกับที่สั่ง ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อครับ

ผมสั่งรถสีเทา วันรับรถเซลก็พาไปที่จุดปล่อยรถ ผมก็มองหารถสีเทาไม่มี เจอแต่รถสีเงิน

เซลก็ชึ้ไปที่รถสีเงินคันนั้นที่ผมเดินเลยมาว่าคันนี้คือรถของคุณพี่  ผมนี่งงเลย

นางให้เหตุผลว่า คันนี้ค่ะสีเทา ตามในเล่มทะเบียนขนส่งเลยค่า ผมนี่เหวอไปเลย

ผมสวนไปทันทีว่า ผมสั่งสีรถตาม Brochure ของคุณ ถ้าใน Brochure ของคุณบอกว่าคันนี้สีเทาผมถึงจะรับรถคันนี้

(แน่นอนครับ ใน Brochure เขียนชัดเจนว่าสีเงิน Silver) นางก็ยังยืนยันว่าคันนี้สีเทา ผมเริ่มเสียงดังจนผู้จัดการเดินมาถาม

สรุป รอรถไปอีก 1 เดือนเพื่อให้ได้สีเทาตามที่สั่งไว้ จบข่าว
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: scotch_fillet ที่ มกราคม 09, 2022, 22:04:33
จขกท. เขาก็ใบ้มาด้วยคำว่า product master แล้วครับ
ใบ้ต่อว่า
BMW ใช้คำว่า Product genius
Audi ไม่มีรถ phev ขาย
ตะยี่ห้ออะไรหนอ?
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: PetchPP ที่ มกราคม 09, 2022, 22:19:54
จขกท. เขาก็ใบ้มาด้วยคำว่า product master แล้วครับ
ใบ้ต่อว่า
BMW ใช้คำว่า Product genius
Audi ไม่มีรถ phev ขาย
ตะยี่ห้ออะไรหนอ?

ชัดเลยครับ ค่ายนี้ขับดี มั่นใจ ปลอดภัยครับ แต่ผมยังไม่เคยลองเสียบปลั๊กเหมือนกัน
แต่พอเก่าน้องงอแงบ่อย เลยขายทิ้งออก FE มาแต่งเล่นดีกว่าครับ
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: V221 ที่ มกราคม 09, 2022, 22:34:13
อ่านครั้งแรกคิดว่าเป็นตราดาวแต่เห็นว่ามาจากต่างประเทศและใช้คำว่าProduct Masterก็ไม่น่าใช่เพราะเพิ่งรับE 220D มา ทางศูนย์เรียกว่า Product expert คงจะเป็นค่าย Vแน่ๆเลย ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ครับ เพื่อนผมเคยซื้อXC60มาไม่กี่วัน รถดับกลางถนน ยังขอคืนรถแล้วไปออกCRVแทนเพราะเค้าเป็นผู้หญิง กลัวว่าจะไปเสียตอนกลางคืน Accord G8 กับ Vigo ผมก็เคยไม่รับรถมาแล้วเพราะสีมีปัญหากับกระบะมีรอยบุบในวันรับรถ ค่ายใบพัดยังเคยโทรมาถามผมว่าสนใจรถป้ายแดงยังไม่วิ่งรุ่น740LI หรือเปล่า ให้ส่วนลด1ล้านบาทเพราะวันออกรถขึ้นTransmission fault คนจองเลยเปลี่ยนไปซื้อX6แทน รถเคลียร์Faultให้หมดแล้ว เผอิญเป็นสีขาวผมเลยปฏิเสธไป
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ มกราคม 10, 2022, 09:49:30
ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวเขาก็เวียนไปส่งมอบลูกค้ารายใหม่ที่ไม่รู้เรื่อง เพราะคุณกั๊กยี่ห้อและศูนย์ไว้

ใช่ครับ ... และทุกที่ทำแบบนี้ เอาไปซ่อม ซ่อมเสร็จ วนมาขายลูกค้าคนอื่นต่อ ....
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: Superpong ที่ มกราคม 10, 2022, 10:13:08
ขอบคุณครับที่มาแชร์เรื่องราว

ถ้าเกิดกับตัวเองคงเซ็งสุดๆ ขอให้ได้รถคันใหม่เร็วๆครับ

เห็นคำว่า "Product Master" ก็เดาได้เลยว่าค่ายไหน หลังๆค่ายนี้ปัญหาเยอะ ในเฟสบุ๊คที่ผมตามอยู่ก็เจอหลายเคส (มีปฏิเสธการเคลมอีกต่างหาก) 
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: bennieT8 ที่ มกราคม 10, 2022, 10:55:04
ขอบคุณที่มาแชร์ครับ ขอชื่นชมจขกท.ที่ใช้วิจารณญาณแยกแยะปัญหาต่างๆได้ชัดเจนและตัดสินใจได้ดีสมเหตุผล  ตัวผมเองแฮปปี้มากกับวอลโว่ที่ใช้อยู่จนมองคันถัดไปไว้แล้ว  หวังว่าคงจบด้วยดี  ได้รถดีๆใช้อย่างแฮปปี้นะครับ
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: lunacy ที่ มกราคม 10, 2022, 11:07:08
นึกถึงค่าย V พออ่านคอมเม้นท์ ก็คงใช่จริงๆ
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: kiwiwi ที่ มกราคม 10, 2022, 11:29:09
เผลอๆ ปัญหาทั้งหมดทั้งปวง อาจจะไม่ได้เป็นอะไรเลยก็ได้
แค่คอมแอร์ถูกปิดอยู่ แต่ด้วยความตื่นเต้นของหลายๆฝ่าย เลยทำให้หาปัญหาไม่เจอ

อันนี้ผมเดานะครับ
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: Sleepy Boy ที่ มกราคม 10, 2022, 11:34:00
มองโลกในแง่ดี คือ โชคดีที่เราเจอปัญหาก่อนที่จะส่งถึงมือเรา ดีกว่าใช้ไปสักพักแล้วเจอครับ
รถรุ่นใหม่ ระบบไฟฟ้าเยอะ โอกาสหวยออกก็สูงตามไปด้วย
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ มกราคม 10, 2022, 21:03:34
ผมก็คิดว่า ตราดาว ครับ เท่าที่อ่านนำมา
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: CookiE ที่ มกราคม 10, 2022, 22:31:54
ของผมนี่เคยเกิดขึ้นกับแบรนด์ที่คนไทยรุ่นเก่าๆ ชื่นชอบมากกก

ไปรับรถ นั่งแท็กซี่จากบ้านไปถึงวิภาวดี

คุณเซลล์กำลังอธิบายอยู่ แล้วให้ลองเข้าเกียร์ แจ็คพ็อตแตก ไฟเครื่องโชว์ครับ ฮ่าๆๆ

ตอนแรกจะให้กลับบ้านแล้วมาใหม่ด้วยนะ พอผมไม่ยอม ถึงจะไปตามช่างมา

แต่แทนที่จะขอโทษ ดันทวงบุญคุณ ว่าเพราะเค้านะ เลยมีช่างทำ เพราะวันนี้ช่างหยุด

ฟังแล้วก็เหอๆ สุดท้ายก็แก้จนเสร็จ รอไปหลายชั่วโมง สรุปท่อลมหลุด
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: XMSL ที่ มกราคม 10, 2022, 22:59:28
ตัดสินใจถูกแล้วครับ เรื่องรถเรื่องบ้านจะว่าอาศัยดวงหรือกรรมก็ไม่ผิดนะสำหรับผม  ;)
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: yodmanoot ที่ มกราคม 10, 2022, 23:33:51
ปฏิเสธรับรถทำถูกแล้ว อย่างที่ท่านอื่นว่ารับรถครั้งหน้าเลขตัวถังต้องไม่ใช่คันเดิม ถ้าคันเดิมแต่ศูนย์แจ้งว่าแก้ไขแล้ว ถ้าเป็นผมรอบนั้นคงไปแล้วละ
เห็นใจเลยเพราะพาผู้อาวุโสในบ้านไปด้วย นอกจากเสียฤกษ์ เสียเวลา เสียความรู้สึก น่าจะโดนบ่นด้วยละมั้ง  :(
เป็นกำลังใจให้ครับ รถในฝัน จขกท. ขอให้ครั้งหน้าได้รถไม่มี defect
ตอนที่ไปดูรถก่อนติดฟิมล์ ได้ทดสอบแอร์ไหมครับ ?
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: AgentMolder ที่ มกราคม 11, 2022, 11:11:39
งง ว่ารถมี defect ขนาดนี้ รับรถไปก็แปลกแล้ว ทำไมต้องมาเครียดว่า รับไม่รับดี บลาๆ ไม่ควรรับ และไม่แปลก ไม่เสียมารยาท ไม่ผิดอะไรทั้งนั้น งง จะเครียดอะไรครับเนี่ย

แต่ทาง ผจก. คนนี้ดีครับ พูดแบบนี้กับลูกค้า ได้ใจครับ
หัวข้อ: Re: เล่าประสบการณ์ "การปฏิเสธรับรถป้ายแดง"
เริ่มหัวข้อโดย: gmjr ที่ มกราคม 11, 2022, 23:24:54
ขออนุญาติถาม เป็น 60หรือ90ครับและที่จองไป สีอะไรครับ พอดีกำลังจะออก90ปลายเดือนนี้เลย เสียวๆๆๆ