Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Ohyeahaha ที่ มกราคม 17, 2022, 16:47:49
-
ช่วงนี้ของหลายๆอย่างขึ้นราคากันหมดเลย รวมทั้งน้ำมันรถที่ก็ขึ้นนำมาก่อนใครตั้งนานแล้ว จำได้ว่าช่วงประมาณ 10 ปีก่อนที่น้ำมันขึ้นมาแพงมากๆเกือบลิตรละ 40 บาท การติดก๊าซ NGV, LPG คือบูมมาก ร้านรับติดก๊าซเต็มไปหมด รถติดก๊าซก็เยอะมากๆ ต้องต่อคิวกันเข้าไปเติมยาวเหยียดเลย ขนาดแบรนด์ยังทำรถในรูปแบบติดก๊าซจากโรงงานออกมาขาย แต่ตอนนี้แทบไม่เห็นใครไปติดกันเท่าไหร่ยกเว้นรถแท็กซี่ รถบรรทุก กับรถสาธารณะ นอกจากช่วงน้ำมันเริ่มถูกลงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆก็เงียบหายไปเลย แทบไม่มีให้เห็นในปัจจุบัน
พี่ๆคิดว่าถ้าในอนาคตอันใกล้ราคาน้ำมันขึ้นไปถึงจุดนั้นอีกรอบ คนจะหันไปติดก๊าซกันเหมือนเมื่อก่อนไหมครับ ? เข้าใจว่ารถจะโทรมเร็วกว่า แต่ก็แลกมากับค่าเชื้อเพลิงที่ถูกกว่าพอสมควร และรถไฟฟ้าก็ยังดูมีข้อจำกัดอยู่
-
โดยส่วนตัวที่เคยใช้รถแก็ส ... ถึงขั้นที่ยกเครื่องดีเซลออก เพื่อมาลง JZ เพื่อใช้แก็ส .. บอกเลยว่า เข็ด และไม่เอาอีกแล้วครับกับรถติดแก็ส ....
ถ้ามองในเรื่องประหยัดเพียงอย่างเดียวแบบคนไม่เคยใช้อะ Ok อาจจะดูสวยงามน่าลอง ...
แต่จากคนที่เคยใช้จริง มันหาความสะบายใจได้ยากครับ ...บางวันวิ่งดี บางวันไม่มีแรง บางวันวิ่งไม่ได้ บราๆ ..
และจุกจิกมาก คิ๊กดาวจะแซงไวๆ ก็แบ็คไฟ กรองอากาศแตก ท่ออินเตอร์หลุด สาระพัด ขับ JZ แต่ไม่กล้าบูสตอนใช้แก็สเลย ...
สรุปสั้นๆ ไม่เอาแล้วครับ ยอมจ่ายแพง เติมน้ำมันต่อไปดีกว่า
-
ตอนนี้คนคงมองไปที่รถไฟฟ้ามากขึ้นด้วยมั้งครับ คาดหวังว่ามันจะพร้อมในเวลาไม่กี่ปีเลยยอมรอ
บางส่วนเคยติดแล้วเจอข้อเสียไปเลยไม่เอาแล้ว ไหนจะดูแลเพิ่ม ขายต่อราคาตก ยิ่งถ้าเป็น ngv วิ่งได้น้อย ต่อคิวเติมก็นาน ก็ยิ่งเข็ดไปใหญ่
-
ผมว่า เรารถไปจูน E85 น่าจะโอเคกว่าครับ(ถ้ารถไม่รองรับ E85 นะ)
ผมว่ามันราคาถูก อยู่ในราคาที่รับได้อยู่
แต่ถ้าอยากติดจริงๆ ผมว่าเป็นทางเลือกที่ดี แก๊สหัวฉีด OBD ดูแลงายกว่าหม้อต้มแบบเก่าเยอะ ไม่ต้องมาจูน ไม่ต้องโน่น นี่ กล่องมันคุมให้หมดแล้ว
นึกถึงสมัยต้องจอดรถ จูนแก๊สข้างทาง ::) ::) ::) ::)
-
ผมเคยติดครับต้องดูแลทั้งสองระบบ ยุ่งยากครับไหนจะน้ำมัน ไหนจะแก๊ส แล้วใช้ๆ ไปซักพักวิ่งไม่ออกต้องกลับไปจูน
ไปล้างหม้อต้มเหนื่อยชีวิต ประหยัดจริงครับแต่เหนื่อยเลยเข็ดแล้วครับ สำหรับผมรอรถไฟฟ้าดีกว่าครับ...
-
ในยุคนั้นมีตัวเลือกเชื้อเพลิงไม่มาก แต่ปัจจุบันมีทั้งเทคโนโลยีเครื่องยนต์ไฮบริด หรือน้ำมันเองก็มีหลายชนิดให้เลือก ดีเซลมี B ต่างๆ เบนซินมี E ต่างๆ... อีกทั้งอนาคตเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาแน่ๆ แม้ว่าจะไม่ใช่ในเร็วๆนี้ก็ตาม
นอกจากนั้นคนที่อยู่ใน กทม. ก็มีตัวเลือกขนส่งสาธารณะมากขึ้น (แม้บางอย่างจะไม่ได้สะดวก หรือมีราคาแพงก็ตาม)
ดังนั้นผมคิดว่าถึงน้ำมันแพงขนาดนั้น ก็คงไม่ได้ทำให้คนหันมาติดแก๊สกันเท่าไหร่แล้ว (ยกเว้นคนที่วิ่งเยอะ เช่น เซลล์ อาจจะยังต้องมองการติดแก๊สเป็นวิธีประหยัดค่าเดินทางในระยะไม่เกิน 10 ปีหลังจากนี้)
แต่ในกรณีที่คนมีรถติดแก๊สอยู่แล้ว ก็คงจะใช้กันต่อไป
รถที่ผมใช้อยู่ระบบแก๊สหัวฉีดก็เริ่มไม่ดีละ (ใช้มาเป็น 10 ปี) ก็กำลังมองๆ เปลี่ยนชุดแก๊สใหม่ทั้งระบบอยู่ครับ แล้วก็คงใช้ต่ออีกอย่างน้อย 5 ปี
-
ถ้าจะซื้อรถกระบะใหม่ แล้วโตโยต้าทำรุ่นที่มีเครื่องเบนซิน 2.7 มาขายอีก ผมก็จะเลือกแล้วเอามาติดแก๊ส LPG
-
ผมมองว่ารถส่วนใหญ่ที่ยังวิ่งๆกันอยู่ตอนนนี้ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่รถที่กินน้ำมันเท่าไหร่แล้วนะ eco b seg c seg มันทำอัตราสิ้นเปลืองกัน15โลลิตร++กันอยู่แล้ว น้ำมันแพงขึ้นแต่ด้วยความประหยัดมันทำใฟ้ค่าใช้จ่ายไม่น่าสาหัสเท่ายุคนั้น
และช่วงนี้มันแค่ช่วงเริ่มจะแพง คนยังดูๆทรงกันอยู่แหละ(ว่ามันจะแพงไปอีกหรือมันจะลง)แต่ถ้าราคามันยังลิตรละ30ไปเรื่อยๆแบบนี้อีกปีอะไม่แน่อาจจะเริ่มมา
หรือไม่ก็ขายทิ้งแล้วไปหาไหบิด
-
ไม่น่าสนใจเเล้วครับ มีไฮบริดโตโยต้า ที่รับประกัน แสนโล เสถียร
และ ประหยัดครับ 20โลลิตรสบายๆ ครับ
-
ประหยัดจริงครับ
แต่ขายต่อโดนต่อบรรลัย
altis 2013 LPG วิ่ง 350,000 km
ได้แค่ 180k โดนกดกระจาย
-
ถ้าราคาน้ำมันแพงคงไม่ไปติดแก๊สกันเพิ่มแล้วมั้งครับ
1.ในเมืองมีรถไฟฟ้ามากขึ้น คอนโดติดรถไฟฟ้า work from home
2.หลายคนขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำงาน เร็วและประหยัดกว่า เสียค่าที่จอดกับทางด่วนน้อย
3.มีรถ Hybrid PHEV EV
4.กระบะดีเซลยุคก่อนไม่ใช่ commonrail / เก๋ง 6 สูบ / รถ Jeep ต่างกินน้ำมันมาก จึงติดแก๊สกัน
ส่วนตัวยังใช้รถติดแก๊สอยู่ มีอู่ประจำดูแลให้ตลอด คันนึง 400000 กว่า กม. ระบบดูด กับอีกคันเกือบ 400000 กม. ระบบหัวฉีด เพิ่งต่ออายุถังและยกเครื่องใหม่ไปทั้งคู่ บวก ลบ ค่าใช้จ่ายแล้ว ยังประหยัดกว่าน้ำมันหลายแสนนะ แต่รถใหม่ๆ สนใจ Hybrid กับ PHEV ครับ
-
ไม่คุ้มครับ
หากอยกประหยัด ไปซื้อ Hybrid ดีกว่าครับ
-
แล้วแต่คน ต่างคนต่างความคิด
ผมใช้ lpg มาเกิน 10 ปี ไม่มีปัญหาใด ๆ ไม่จุกจิก วิ่งดี ปัจจุบัน ก็ยังใช้อยู่ กับ saab 93ss อี 85/lpg ทั้งประหยัด ทั้งแรง...
-
ขออนุญาตแสดงความเห็นส่วนตัวนะครับ ความคิดผมนะครับ
หากท่านมีรถอยู่แล้ว เป็นรถเบนซิน และเป็นแบรนด์ทีเชื่อถือได้ รถรุ่นนนั้นได้มีการพิสูจน์ตัวเองในการใช้แก๊สมาแล้ว
เช่น Toyota Altis , Yaris , Vios ฯลฯ Honda เครื่องเบนซินก็พอไหว การติดแก๊สก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว
แต่ขับแบบปกตินะครับ อัตราเร่งแซงมันช้านะผมว่า แต่แลกมากับความประหยัด และสบายใจตอนจ่ายเงินเติม
ถ้าเป็นรถใหม่ๆสมัยนี้ อัตราบริโภคเชื้อเพลิงไม่ค่อยโหดร้ายแล้ว ไม่ติดดีกว่าครับ กว่าจะคุ้มทุน ใช้เวลานาน
ส่วนผม มีรถติดแก๊ส 1 คัน ติดตั้งแต่ป้ายแดง ทุกวันนี้ปกติดี 9 ปี 14X,XXX กม. แล้วครับ ดูแลไปตามที่อู่แนะนำ
เปลี่ยนอะไหล่ไปตามระยะเวลา เหมือนกับการ Maintenance ปกติ ทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่ ไม่มีปัญหาครับ
ตก กิโลเมตรละไม่ถึง 1 บาท ด้วยราคาแก๊สที่เติมทุกวันนี้ที่ 11.45 บาท ครับ
-
ถ้าไม่ใช่รถตลาด ผมว่าติดไปไม่คุ้ม เพราะอาจจุกจิกวุ่นวายครับ
แต่ติดแล้วตอนนี้น่าจะประหยัดได้โลละ หนึ่ง บาท วิ่งสักสองหมื่นห้าก็คืนทุนแล้ว ถ้าวิ่งปีละสองหมื่นโลผมว่าคุ้มค่าน่าติด
-
จริงๆคนเค้าเตรียมตัวกันมาแล้วว่าน้ำมันจะแพง เวลาซื้อรถใหม่ก็ดูจุดนี้กันอยู่ว่าเปลืองรึเปล่า ส่วนรถเก่าก็ทำใจกันไป
คนที่ใช้ แก๊สถ้าไม่ได้วิ่งเยอะจริงไม่คุ้ม เพราะก็ไม่มีใครอยากสนิทกับอู่หรอกครับ เสียเวลาด้วย นอกจากวิ่งรถเป็นอาชีพ
-
รถผมติดแก็สทุกคัน ทั้งญี่ปุ่นและยุโรป รวม 8 คัน ไม่เคยมีปัญหาใดๆเกี่ยวกับเครื่องยนต์
ถ้าก่อนติด เครื่องสมบูรณ์ ติดยังไงก็สมบูรณ์ คันปัจจุบัน วิ่งมา 1.9 แสน กม. เครื่องเดินนิ่ง เรียบ เงียบ
ค่าเชื้อเพลิงโลละแค่บาทเศษๆ ถ้าวิ่งยาวๆก็บาทถ้วนๆ
ผมเคยแอบสงสัยว่าหลายๆท่านที่ติดแล้วเกิดปัญหา เขามี factor อะไรมาเกี่ยวข้องบ้าง
ทั้งที่ตัวผมเองก็แทบไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับเครื่องยนต์เลย
การบำรุงรักษาที่เพิ่มเข้ามาก็แค่เปลี่ยนกรองแก็ส และปรับตั้งวาล์วทุกแสน กม.
น้องที่ออฟฟิตติดก็วิ่งไปสามแสนก็ไม่เคยมีปัญหาใดๆ จนถังแก็สหมดอายุจึงได้ถอดทิ้งไป
กับคำถามที่ว่า การติดแก็สจะกลับมาบูมไหม ผมว่าไม่แล้ว
เพราะรถรุ่นใหม่ๆเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่เครื่องยนต์เป็นแบบฉีดตรงที่ราคาการติดตั้งสูงจนรู้สึกว่าเงินลงทุนครั้งแรกนั้นก้อนใหญ่ไป
แต่ถ้ามีรถรุ่นใดในตลาดที่สามารถติดได้ในราคาเดิมและมี option สมัยใหม่ตามที่ผมต้องการ ผมติดแน่นอน
ซึ่งตอนนี้มันไม่มีแล้ว ก็คงต้องไปเล่นรถ hybrid จากไฟฟ้าเอาแทนครับ
-
ที่บ้านเมื่อก่อนเคยมี crv ติดแก๊สเหมือนกันครับ ติดตอนสามหมื่นโล ใช้ไปจนถึงสามแสนโลแล้วขาย ปกติดีหมดครับ ตอนนั้นติดlpgของ versus กดเป็นมาแบบไม่บอกก็ไม่รู้ว่าติดแก๊ส
บำรุงรักษาก็เช็คระยะตามปกติครับ แต่ปัจจุบันไฮบริด เสียบปลั๊กอะไรเข้ามาเยอะแล้ว ให้เลือกคงไม่เอาคันไหนไปติดแล้วครับ
-
ยุคนี้ผมว่าต้องเป็น Eco car หรือ Hybrid ละครับ
รถแก๊ซ สมัยก่อนที่มันฮิต เพราะมันยังไม่มีรถที่ประหยัดๆ แบบยุคนี้ครับ
แต่ยุคนี้รถประหยัดขึ้นมาก ไม่ต่างจากแก๊ซ ดังนั้น ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปซื้อรถแก๊ซเลยครับ
แต่ถ้ามีรถเดิมที่เก่าหน่อยและกินมาก ผมว่าก็ติดได้เพราะยังคุ้มอยู่ครับ
-
โชคดีหน่อย วิ่งอยู่ ตจว. ยังทำได้ 15-17 โลลิตร ทุกเช้าเย็น ถ้าวิ่งในเมืองรถติดๆ คงหนาวเหมือนกัน
-
รถผมติดแก็สทุกคัน ทั้งญี่ปุ่นและยุโรป รวม 8 คัน ไม่เคยมีปัญหาใดๆเกี่ยวกับเครื่องยนต์
ถ้าก่อนติด เครื่องสมบูรณ์ ติดยังไงก็สมบูรณ์ คันปัจจุบัน วิ่งมา 1.9 แสน กม. เครื่องเดินนิ่ง เรียบ เงียบ
ค่าเชื้อเพลิงโลละแค่บาทเศษๆ ถ้าวิ่งยาวๆก็บาทถ้วนๆ
ผมเคยแอบสงสัยว่าหลายๆท่านที่ติดแล้วเกิดปัญหา เขามี factor อะไรมาเกี่ยวข้องบ้าง
ทั้งที่ตัวผมเองก็แทบไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับเครื่องยนต์เลย
การบำรุงรักษาที่เพิ่มเข้ามาก็แค่เปลี่ยนกรองแก็ส และปรับตั้งวาล์วทุกแสน กม.
น้องที่ออฟฟิตติดก็วิ่งไปสามแสนก็ไม่เคยมีปัญหาใดๆ จนถังแก็สหมดอายุจึงได้ถอดทิ้งไป
กับคำถามที่ว่า การติดแก็สจะกลับมาบูมไหม ผมว่าไม่แล้ว
เพราะรถรุ่นใหม่ๆเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่เครื่องยนต์เป็นแบบฉีดตรงที่ราคาการติดตั้งสูงจนรู้สึกว่าเงินลงทุนครั้งแรกนั้นก้อนใหญ่ไป
แต่ถ้ามีรถรุ่นใดในตลาดที่สามารถติดได้ในราคาเดิมและมี option สมัยใหม่ตามที่ผมต้องการ ผมติดแน่นอน
ซึ่งตอนนี้มันไม่มีแล้ว ก็คงต้องไปเล่นรถ hybrid จากไฟฟ้าเอาแทนครับ
ติดตั้งแก๊สเครื่องยนต์เบนซินแบบ Direct injection สมัยนี้ไม่แพงแล้ว แค่สามหมื่นต้นๆ ก็ติดตั้งได้แล้วครับ
https://www.facebook.com/groups/206979207077650/permalink/489344245507810/
-
สบายถูกใจมาก โชคดีผมติดของยุคใหม่จูน auto รถที่บ้าน 3 คันผมจับติดหมด crv 1 camry2 เครื่อง 2.4 2.5 กินน้ำมันดุๆทั้งนั้น
ผ่านมาหลายปีไม่เคยต้องให้ช่างจูนอีกเลย เนียนไม่ต่างกับระบบน้ำมัน ใครมาขับไม่รู้ว่าติดแก๊สสักคน
ยิ่งตอนนี้น้ำมันแพง e20 31บาท lpg 10.99บาท โคตฟินเหยียบแบบไม่สนค่าเชื้อเพลิงเลยครับ
ถามว่าติดบ้างดีไหม ถ้าใช้รถวันละร้อยโล หรือ รถติดในเมืองเผาเชื้อเพลิงทิ้งนานวันละหลาย ชม. รีบไปติดให้ไว แปปเดียวคืนทุน
ขับไปสัก 5 ปีประหยัดหลายแสนบาทแล้ว ขายมือสองโดนกดราคาก็กดไป ส่วนต่างเชื้อเพลิงได้มากกว่าเยอะครับ
-
เคยติด NGV กับฟอร์ดเทียร่า เครื่องทนดีเป็นวาล์วไฮโดรลิค ไม่ต้องทำอะไรกับเครื่อง แต่รอบเดินเบา รอบจะต่ำผิดปกติ สะดุดบ้าง เร่งไม่ขึ้น ก่อน kickdown ต้องกดมาใช้น้ำมันก่อน ความสนุกในการขับมันหายไป ให้กลับไปใช้อีกคงไม่เอา ยังดีที่ตอนนี้ใช้เกียร์ CVT วิ่ง ตจว. ได้ 19 โล/ลิตร ยังพอจ่ายไหว
-
ถ้ารถยังใหม่ๆอยู่ไม่คิดจะติดเลยครับต่อให้น้ำมันจะแพงขนาดไหน
-
เคยใช้แก๊สตั้งแต่ระบบดูดธรรมดา จ่ายแก๊สจากหม้อต้มผ่าน fix mixer ปรับจูนวาล์วกลางสายเองบ้าง จนถึงแก๊สระบบหัวฉีด ให้ช่างจูน mapping เท่าน้ำมัน อย่างหลังอัตราเร่งไม่ต่างจากน้ำมันครับ และทั้งสองระบบ หากเครื่องยนต์สภาพดี ก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่จะต้องดูแลหรือเปลี่ยนหัวเทียน กับสายหัวเทียนดีๆ หน่อย เพราะแก๊สหากไฟไม่พอก็จะสะอึกครับ
ส่วนปัจจุบัน ใช้รถใหม่ ก็ไม่ได้ติดแก๊สครับ แต่ถ้าผมจะซื้อรถมือสอง เครื่องใหญ่ ใช้คันเดียว วิ่งเยอะกว่าจอด ก็จะพิจารณาติดแก๊สหัวฉีดครับ
-
จากประสบการณ์ที่บ้านที่เคยติดให้ B13
จากรถที่ไม่ค่อยจุกจิก กลายเป็นรถจุกจิกคันนึงเลย
ไม่ใช่ว่าเสียจุกจิกนะ มันเริ่มแม้แต่การดูแลจุกจิกเลยนี่แหละ
เดี๋ยวต้องเช็คนู้น ปรับนี่ ต่างๆ
เล่นเอาแม่ผมต้องไปถอดแก๊สออก
แล้วไม่คิดจะติดใส่ใน Space Wagon เลยทั้งที่ทุกวันนี้เต็มถังเกิน 2,000 แถมใช้ได้สัปดาห์เศษก็หมดแล้วด้วย ลองจับเล่นๆ นอกเมืองเดี๋ยวนี้ยังได้แค่ 6 km/l เท่านั้นเอง!! แม่ก็ยังไม่คิดจะติดอยู่
-
เคยใช้รถแก้ส ไม่ค่อยประทับใจเท่าไร่ เหมือนมันมีชิ้นส่วนให้เราต้องกังวลมากขึ้น วิ่งแก๊สนานๆ ก้อกลัวน้ำมันรวนน้ำมันบูด จังหวัดตัดแก๊ส / ช่วงเดินเบาบาง ก็แอบกลัวเครื่องดับ สรุปคือวช้งานได้ประหยัดดี แต่ไม่สบายใจเท่าไร่
ปัจจุบันคันนั้นขายไปแล้ว มาใช้ เก๋ง 1500 เติม e20 ยังพอรับค่าน้ำมันไหว
ถ้าเปลี้ยนคันใหม่ อาจพวก hybrid/phev ค่าน้ำมันอาจเบาลงด้วย
ใช้น้ำมันให้เหมาะกับรถ เติมเกรดถูกสุดที่เติมได้แล้วไม่มีปัญหา
-
10ปีที่แล้ว ด้วยสถานการณ์การเงินที่ไม่ดี+ใช้รถเกินวันละ1xxกิโล ผมก็ติด LPG ยอมรับมันประหยัดดีมาก ในช่วงระยะ3ปีแรก พอช่วงกลาง4-6ปี เปลี่ยนประเก็น+โอเวอร์ฮอล์นิดหน่อย ช่วงท้าย 7-8ปี โอเวอร์ฮอล์+เปลี่ยนเครื่องยนต์ ค่าใช้จ่ายหนักมาก จนสุดท้ายได้ขายรถเหมือนหมดห่วง 55
พอได้รถคันใหม่ตั้งใจเลยว่าจะไม่ติดแก๊ส + สถานการณ์การเงินดีขึ้น +ใช้รถน้อยลง
ถ้าปัจจุบันใครใช้รถเกินวันละ 100 โล ก็น่าติดนะ ค่าใช้จ่ายอื่นรอบตัวก็สูงตามไปกันหมด
8) คิดถึงเติมแก๊ส LPG 100 บาทได้น้ำ 1 ขวด สมัยนั้นน้ำเต็มท้ายรถ ไม่ต้องซื้อกิน ::)
-
จากที่ใช้แก๊สมาเป็น 10กว่าปีพอจะสรุปคนที่ควรติดได้ประมาณนี้ครับ
1.รถที่ cc เยอะๆ
2.เครื่องที่พิสูจน์แล้วว่าทนไม่จุกจิก
3.ใช้งานเยอะๆต่อวัน
4.พอจะชอบดูแลรถด้วยตัวเองอยู่บ้าง
5.รถตลาด
ถ้ามีคุณสมบัติครบทุกข้อที่ผมกล่าวมาก็สามารถติดได้โดยไม่น่าเสียใจในภายหลังและน่าจะชอบด้วย
------
ปัจจุบัน fortuner ผมจะเซอร์วิสแก๊สก็ต่อเมื่อจะต่อทะเบียนตรวจสภาพเป็นประจำทุกปี
(สมัยก่อนทุก 5 ปีตรวจที แต่ก็เซอร์วิสทุกปีอยู่แล้วถือว่าไม่ต่างจากเดิม)
ก็ไม่มีปัญหาในการใช้งานใดใดจนทุกวันนี้ครับ และคิดว่าใช้ให้ครบสิบปีที่สอง(20ปี)ค่อยมาคิดอีกที
แต่รถที่ซื้อใหม่หลังๆมานี้ก็จะเป็นทั้ง hybrid ทั้งดีเซลก็เลยไม่ได้ติดแก๊สอีกเลย
กำลังรอออกอีกคันอยู่ก็เป็น hybrid อีก
แบตไฮบริดก็รู้สึกไม่ต่างกับติดตั้งระบบแก๊สแต่สบายใจกว่าด้วยเรื่องเอกสารด้วย
พอดีบ้านผมซื้อเน้นใช้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้เน้นขายต่อ ก็ไม่ได้ห่วงราคาตกอะไร
ยกให้ญาติๆไปดูแลต่อแบบรู้ประวัติสบายใจกว่าให้เค้าไปหามือสองไหนไม่รู้ด้วยครับ
สรุป ปัจจุบันรถใหม่ก็คงไม่ได้กลับไปคบแก๊สแล้วครับ 555
**NGV ผมไม่เคยคิดคบตั้งแต่กระแสมาแล้วครับ ไม่ผ่านในความรู้สึกหลายๆอย่าง
-
กระบะส่งของติด CNG มานี่คิดแล้วไม่คุ้มเลยครับ กระบะเครื่องเบนซินขายต่อไม่มีใครเอาเลย รถก็อายุ 10 กว่าปีแล้ว
ตอนน้ำมันแพงๆ ใช้ CNG ปัญหาก็มีรอคิวนาน มาใช้ตอนน้ำมันถูกก็วิ่งน้ำมันคุ้มกว่า
ถ้าถังหมดอายุ คงเปลี่ยนไปเป็น LPG แทน รถก็ใช้จนกว่าจะพังครับ
-
ความที่ผมไม่เชียวชาญก็เลยเลี่ยงไว้ก่อนครับ
-
ถ้าดูแลถึงก็ไม่น่าห่วง ห่วงแค่ความคุ้มค่าหลังติดครับ
-
ส่วนตัว คิดว่ารถสมัยนี้มันประหยัดน้ำมันกว่าเดิมเยอะครับ
การติดแก๊ส แบบดีๆ ค่าติดก็ไปแล้ว 4 หมื่น
และต้องมีการดูแลด้วย ขับไป *** เปลี่ยนโน้นนี่นั่น
ผมไม่ชอบระบบที่วุ่นวาย ดูแลเยอะ
อนาคตเค้าก็คงขึ้นราคาแก๊สเหมือนน้ำมัน ก็แพงไม่ต่างกัน
รถไฟฟ้าทางเลือกราคาไม่แพงก็มีให้เลือกเยอะ
ส่วนตัวผมมองว่าการิดแก๊ส ไม่ตอบโจทย์ผมครับ (แต่บางคนชอบเพราะประหยัดดี)
-
ใช้มาตั้งแต่ 2012 จนถึงปัจจุบัน
10 ปี เกือบ 300,000 กม.
ก็ดูแลไม่ต่างจากรถน้ำมันทั่วไปนะครับ
จริงๆ มันแทบไม่มีอะไรให้ต้องดูแล ใช้งานมาไม่มีปัญหาอะไรเลย นอกจากเปลี่ยนอุปกรณ์ตามเวลาที่สมควร
เครื่องก็ไม่มีปัญหาอะไร เร่งดีเหมือนเดิม น้ำมันเครื่องก็ไม่กิน วาล์วก็ไม่ต้องตั้ง เป็น Hydraulic valve สบายไป
ถ้าขายตอนนี้แล้วราคาตก ผมก็คงไม่สนแล้วแหละ ประหยัดไปเกือบ 3 แสนบาท (ตีกลมๆ ส่วนต่างกับวิ่งน้ำมันโลละบาท)
ถ้าให้ซื้อรถใหม่ คงไม่ติดแล้ว เดี๋ยวนี้มีรถ Hybrid (รุ่นที่เล็งไว้โดนบังคับเป็น Hybrid) และตอนนี้ มีเงินมากขึ้น ก็คงจ่ายค่าน้ำมันไหว
-
รถคันเก่าของที่บ้าน ทั้งของผมและของภรรยา ติดแก๊สทั้งคู่
ทั้งสองคัน วิ่งแก๊ส 2 แสน และ 1 แสน ก.ม. ก่อนขายไป มันก็ประหยัดดีนะ แต่เรื่องการดูแล หลังๆ ค่าเปลี่ยนอุปกรณ์แก๊สแถวบ้านผมแพงขึ้นพอสมควร (เดาว่ามีคนติดแก๊สน้อย อู่แก๊สเลยเพิ่มราคาไปกับการเช็คระยะ)
พอออกรถมาใหม่ คันนึงเป็นฉีดตรง + ไม่ใช่เจ้าตลาด ก็เลยตั้งใจแต่แรกว่าไม่ติดแก๊สแน่นอน อาศัยการปรับการขับขี่เอาครับ
ส่วนอีกคัน ติดได้ แต่ว่าออกรถมาเกือบ 2 ปีละ ยังวิ่งไปแค่ 17,000 ก.ม. เอง เลยคิดว่าไม่ติดดีกว่า กว่าจะคุ้มทุนนาน
-
ถ้ายังต้องวิ่งมากๆแบบสมัยก่อนก็คงติดครับบวกลบแล้วประหยัดไปหลายแสน :-* แต่ตอนนี้ซื้อรถมาจอด
ไม่จำเป็นผมไม่เอารถสองระบบครับยังไงก็ต้องดูแลมากกว่า ไม่น้ำมันล้วนก็ไฟฟ้าล้วนไปเลยชี้นส่วนยิ่งน้อนยิ่งดี :-*
-
รถผมใช้ต่อจากพ่อเป็น camry acv41 2010 ติด NGV ตั้งแต่เดือนแรก(ยุคนั้นราคาน้ำมันขึ้นมากๆ) ตอนนี้รถอายุเกือบ 12 ปี ไมล์ 660,000 (ผมใช้เองประมาณ 3ปี 90000โล) มีโอเวอร์ฮอลเครื่อง 1 รอบ เกียร์ยังไม่เคยซ่อม นอกนั้นก็แค่เปลี่ยนอะไหล่ทั่วไปตามระยะทางและความเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ทุกวันนี้ยังวิ่งดี ผมยังใช้ไปเรื่อยๆก่อน ถ้าซ่อมจุกจิกมากค่อยขายทิ้ง
โดยรวมตอนนี้ผมคิดว่าถ้ารถ CC สูง + กินน้ำมัน + วิ่งไกลวันละสัก100โล ติดไปก็คุ้มอยู่นะครับ อย่างรถผมถ้าหักค่าซ่อมบำรุงต่างๆแล้วตีกลมๆไปก็ประหยัดไปกิโลละบาทกว่าๆ คันนี้ประหยัดไปเกือบล้านละ
ข้อเสีย 1 เรื่องคือต่างจังหวัดที่เติมน้อย ก่อนหน้านี้ผมไปอยู่ชัยนาทไม่มีปั้มเลย ตอนนี้อยู่อยุธยามี1ปั้มถ้วน
-
คหสต.นะครับขออภัย ติดแก๊สผมว่ามันตกยุคแล้วครับ รถใหม่ๆสมัยนี้มันก็ประหยัดน้ำมันขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆแล้ว ต้องวิ่งเยอะแบบแท็กซี่น่ะครับถึงจะคุ้ม รถบ้านๆใช้งานทั่วไปผมว่าไม่จำเป็นเลย
-
คนรู้จักเมื่อก่อนมีโซลูน่าตัวแรกติดแก๊สใช้คุ้มมาก พอออกรถใหม่ไม่ติดแก๊ส เลยเดาว่าไม่อยากบำรุงรักษา + มีเงินสามารถจ่ายได้ค่าน้ำมันได้ ถือว่าซื้อความสะดวกครับ
-
สำหรับคนที่ใช้รถวิ่งงานวันละหลักร้อยกิโล อาจจะคุ้มที่จะติดแก๊ส
แต่สำหรับผม ไม่เคยคิดที่จะใช้แก๊ส เคยผ่านช่วงที่ราคาน้ำมันแพงๆ มาแล้วครับ
-
ถ้าวิ่งเยอะก็ยังคุ้มอยู่ครับ
รถพี่สาว ออก civic มา วิ่งปีละเกือบแสนโลด ผ่อน 5 ปี ไมล์วิ่งไป 4 แสนกว่า กม. ค่าแก้ส ถูกกว่าน้ำมันไปเกือบ 5 แสนบาทแล้ว จะได้ค่าตัวรถอยู่แล้ว อันนั้นคุ้มครับ
แต่รถผม ปีโควิดที่ผ่านมา ทั้งปีวิ่งไปไม่ถึง 1 หมื่น ต้องไปเชคระยะทั้งที่ไมล์ยังไม่ถึงเลย อันนี้ไม่คุ้มครับ
-
อยู่ที่การใช้งานครับ ถ้าวิ่งเยอะก็คืนทุนเร็ว อย่างเมื่อก่อนผมวิ่งระยอง-กทมฯ ไปทำงานทุกวัน
ติดแก๊ส Altis ไป 38K บาท 6 เดือนก็คืนทุนค่าติดแล้ว
เดียวนี้มาทำงานใกล้บ้าน ไปกลับแค่ 25 กิโล อยากไปใช้ไฟฟ้ามากเลย
ทุกวันนี้ altis ติดแก๊สผมก็ยังใช้ได้อยู่นะครับ อะไรเสียก็ซ่อมตามอายุ
-
ผมเคยใช้solunaติดแก๊ส ระบบดูดติดไป15000บาท แรกๆปวดหัวนิดหน่อยขับๆจูนๆไปเรื่อยเพราะรถมันชอบดับที่รอบเดินเบา กับอีกอย่างพอแก๊สหมดแทนที่จะตัดเข้าระบบน้ำมันให้เครื่องดันดับกลางอากาศเฉย อันตรายมาก สรุปใช้ไป10ปีตอนนั้นจบใหม่วิ่งงานเยอะ ถือว่าคุ้มมาก
แต่ตำแหน่งงานใหม่ตอนนี้ไม่ต้องวิ่งงานเยอะแล้ว ช่วงเวลาไปกลับที่ทำงานไม่ตรงชาวบ้านเขาด้วยจึงไม่ค่อยเจอรถติด แถมรถเติมE85ได้คงไม่คุ้มถ้าจะไปเล่นแก๊สอีก แล้วเห็นว่าเดี๋ยวนี้ต้องไปตรวจสภาพเอาใบวิศวกรทุกปีแล้วด้วยมั้งยิ่งขี้เกียจเข้าไปใหญ่
ถ้าอยากประหยัดตอนนี้คงเลือกพวกhybridไม่ก็eco carทดแทนดีกว่า
-
ตัด NGV ออกก่อนเลย
ปั้ม NGV ทยอยปิด , ถังใหญ่+หนักแต่เติมได้น้อย ทำให้วิ่งได้ระยะทางน้อย และแย่งกันเติม,
เวลาเติมต้องใช้แรงอัดสูงมาก อันตรายสุดๆ ถ้ามีรถคันใด คันหนึ่งถังมีปัญหา ระเบิดตอนเติม
สิ่งของหรือผู้คนรอบข้างพินาศหมดแน่นอน (ถ้าไม่จำเป็นอยู่ห่างๆจุดเติม NGV ให้ห่างๆไกลๆเข้าไว้)
(แรงอัด NGV คือ 200 BAR (3000ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว) // ส่วน LPG คือ 4-6 BAR (100-130 ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว))
สมัยก่อนขายกัน NGV 8.50 บาท / ก.ก. ยังมีข้อดีคือ ความประหยัดเข้ามา หักลบข้อเสียลงไปได้บ้าง
ปัจจุบันราคาแก๊ส NGV 15.59 บาท / ก.ก. แพงกว่าช่วงเริ่มต้นเกือบเท่าตัว ผมมองไม่เห็นข้อดีของ NGV ในรถเก๋งเลยครับ
ปล.
ตัวเลือกอื่น LPGหัวฉีด(กับช่างชำนาญ) vs รถประหยัดน้ำมัน vs ไฮบริด vs EV
สุดแล้วแต่ตัดสินใจเลยข้อดีข้อเสียลดหลั่นกันไป ถ้าได้รถประหยัดและมีตังค์จ่ายค่าน้ำมัน(รับได้) ส่วนตัวคิดว่าดีสุดตามที่ค่ายรถออกแบบมา
-
ถ้ารถประหยัดน้ำมันมากๆอาจจะไม่คุ้มครับ แต่รถผม 12 โลลิตร ใช้รถ 3 ปีแสนโล ช่วงนี้ยิ่ง wfh ยิ่งใช้รถเยอะขึ้นเพรสะต้องขับไปส่งแฟนที่ทำงานแล้วผมกลับมาทำงานที่บ้าน กลายเป็น 2.5-3 เดือนก็หมื่นโลแล้วครับ ใช้ Lpg มาเกือบ 10 ปี ยังไม่เจอปัญหาอะไรครับ เครื่องวิ่งแก๊สมาจะ 3 แสนโลแล้ว แต่การขับ ความสมูธ การเร่งแซงมันดรอบจากน้ำมันนิดหน่อยจริง แต่รถผมเครื่องแรง และพอเป็นแก๊สก็ไม่ต้องพะวงกลัวเปลืองน้ำมัน กดแซงได้เต็มที่ครับ
ถ้าเทียบ lpg ลิตรละ 11 บาท (แถวบ้านลิตรละ 10.67 บาทด้วย) ใช้ได้ 11 โลลิตร (ตกโลละบาท) กับ e20 ลิตรละ 30 บาท ได้ 12 โลลิตร (ตกโลละ 2.5 บาท) เทียบบัญญัติไตรยางค์แล้วก็เหมือนผมใช้รถ eco car หรือรถไฮบริด ที่ทำได้ 27.5 โลลิตร
ถ้าให้ผมออกรถมาใหม่ๆแล้วยังเป็นรถน้ำมัน ผมก็ยังคงเอาไปติดแก๊สเหมือนเดิมครับ