Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: BongTongMan ที่ ตุลาคม 21, 2010, 15:33:08
-
อยากทราบว่าบริษัทผลิตรถยนต์แต่ละค่ายในประเทศไทยนั้นเค้าได้กำไรต่อคันต่างกันมากไหมครับ แล้วได้กันประมาณกี่ % ครับ
-
อยากทราบว่าบริษัทผลิตรถยนต์แต่ละค่ายในประเทศไทยนั้นเค้าได้กำไรต่อคันต่างกันมากไหมครับ แล้วได้กันประมาณกี่ % ครับ
เอาอย่างนี้ดีกว่า
ปี ๆ หนึ่ง บริษัทโตโยต้า กำไรสำเร็จที่ Balance Sheet ทั่วโลก เกือบ ๆ 10,000 ล้านเหรียญ หรือ 300,000 ล้านบาท
ปี ๆ หนึ่ง ขายรถไป ประมาณ 6 ล้านคันทั่วโลก
คิดเอาครับนี่ผมยังไม่หักค่าใช้จ่ายที่เสียไปกับ Recall นะ มันต้องมีบ้าง ตัวเลขข้างบนนี่ผมเอาช่วง Peak มาคิดทั้งคู่นะ ปีนีคาดว่าจะขายรถได้เยอะกว่านี้
ิอ้อ ผมลืม คิดเรื่องอะไหล่ด้วยแฮะ มันมีส่วนเยอะเหมือนกันเวลาขายอะไหล่แท้ให้ศูนย์ไปบริการลูกค้า ตัวเลขนี้ผมไม่รู้
-
ใครเขาจะบอกคุณกันละคร้าบบบเนี่ย...
รถเล็ก กำไรคันละ ไม่เกิน 10-20% จากราคาขาย
รถใหญ่ขึ้น กำไรก็จะมากขึ้น แต่จะไม่มีทางมากเกิน 35% จากราคาขายที่เห็นกันอยู่
-
ใครเขาจะบอกคุณกันละคร้าบบบเนี่ย...
รถเล็ก กำไรคันละ ไม่เกิน 10-20% จากราคาขาย
รถใหญ่ขึ้น กำไรก็จะมากขึ้น แต่จะไม่มีทางมากเกิน 35% จากราคาขายที่เห็นกันอยู่
รถเล็กนี่ ผมว่า ถ้ารุ่นTOP กำไรเกิน20 % ได้นะ
ผมคิดเล่น ๆ นะ
VIOS ตัวถูกสุด 500,000 ถ้าราคานี้ำกำไร 10 % ก็จะกำไรราว ๆ 5 หมื่่นVIOS ตัวแพงสุด 700,000 คิดว่า ต้องมี 50,000 เป็นกำไรพื้นฐาน และ 1 แสน เป็นอย่างน้อย รวม ๆ เป็น 150,000 ถ้าตัวเลขถูกต้องมันจะเป็นกำไร 1.5/7 x 100 = 21 % ซึ่งถ้าประเมิณจาก Option ที่ให้มาเทียบรุ่นล่างสุดไปสูงสุด บริษัทคงน่าจะกำไรเกินนี้แน่ ๆ ทำให้พวกผลิตสินค้าอุปกรณ์เสริม Third party รวยกันใหญ่ เพราะเอามาใส่รุ่นล่างสุดก็ไปเป็นรุ่นสูงสุดได้ด้วยงบน้อยกว่าอีก
คิดเล่น ๆ นะ
-
ใครเขาจะบอกคุณกันละคร้าบบบเนี่ย...
รถเล็ก กำไรคันละ ไม่เกิน 10-20% จากราคาขาย
รถใหญ่ขึ้น กำไรก็จะมากขึ้น แต่จะไม่มีทางมากเกิน 35% จากราคาขายที่เห็นกันอยู่
แสดงว่าภาษีบ้านเราแพงมากๆ มากกว่ากำไรที่บริษัทรถได้ใช่หรือเปล่าครับ
-
พี่จิมมี่พูดถูกต้องแล้วคับ และคำพูดที่ว่าไม่เกินนี่หมายความว่าบางรุ่นได้น้อยกว่านั้นเยอะอีกครับ
นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำไมบริษัทรถจึงขี้เหนียวขี้ตืด ทั้งกับลูกค้า ทั้งกับ supplier
และทำไม ยอดขายเยอะถึงจะดีใจก็จริง แต่ก็ต้องหน้าชื่นอกตรมหากรุ่นที่ขายได้มีแต่รุ่น
base เป็นส่วนใหญ่ เพราะกำไรมันไม่ได้เยอะเท่าไหร่จริงๆ
-
ใครเขาจะบอกคุณกันละคร้าบบบเนี่ย...
รถเล็ก กำไรคันละ ไม่เกิน 10-20% จากราคาขาย
รถใหญ่ขึ้น กำไรก็จะมากขึ้น แต่จะไม่มีทางมากเกิน 35% จากราคาขายที่เห็นกันอยู่
แสดงว่าภาษีบ้านเราแพงมากๆ มากกว่ากำไรที่บริษัทรถได้ใช่หรือเปล่าครับ
สำหรับรถผลิตสำหรับตลาดใประเทศ ฐานภาษีไม่ได้แพงมากครับ
ก็ไม่ต่างกันมากหรอกครับ
สำหรับผมกำไรประมาณ 15% นี่ถือว่าเยอะนะ
เพราะคำว่า "กำไร" คือ ส่วนที่หัก "ทุน" ออกหมดแล้ว
เพราะฉะนั้นมันก็เนื้อๆ เลยนะ
-
ถ้าพูดแค่กำไรจากส่วนต่างราคาขายกับราคาผลิตรถมันต้องมหาศาลอยู่แล้วล่ะครับ เพิ่มออฟชั่นนิดหน่อย ABS ถุงลม เพิ่มราคาไปตั้งหลายหมื่น
แต่ค่าแรง ค่าความเสี่ยงต่างๆ ค่าโฆษณา ค่าบริการลูกค้าและส่วนที่ต้องเก็บไปเป็นทุนพัฒนารถรุ่นต่อไป และค่าอะไหล่ให้ลูกค้าเคลมอีก พวกนี้รวมๆกันมันก็เยอะ ถึงจะกำไรเยอะ ถ้าขายได้น้อยก็เสี่ยงเจ๊ง อย่างที่เราเห็นๆกันแหละครับ
-
ถ้าพูดแค่กำไรจากส่วนต่างราคาขายกับราคาผลิตรถมันต้องมหาศาลอยู่แล้วล่ะครับ เพิ่มออฟชั่นนิดหน่อย ABS ถุงลม เพิ่มราคาไปตั้งหลายหมื่น
แต่ค่าแรง ค่าความเสี่ยงต่างๆ ค่าโฆษณา ค่าบริการลูกค้าและส่วนที่ต้องเก็บไปเป็นทุนพัฒนารถรุ่นต่อไป และค่าอะไหล่ให้ลูกค้าเคลมอีก พวกนี้รวมๆกันมันก็เยอะ ถึงจะกำไรเยอะ ถ้าขายได้น้อยก็เสี่ยงเจ๊ง อย่างที่เราเห็นๆกันแหละครับ
ผมเข้าใจว่าในส่วนของ "ค่าแรง ค่าความเสี่ยงต่างๆ ค่าโฆษณา ค่าบริการลูกค้า" มันอยู่ในส่วนของต้นทุนของราคาขายอยู่แล้ว
-
ผมอยากจะบอกว่า
Supplier ที่ผลิตชิ้นส่วนป้อน บ.ผลิตรถยนต์
กำไรสูงกว่า บ.ผลิตรถยนต์มากมายหลายเท่านัก
งานบางชิ้นกำไร 500%
แต่อย่าเพิ่งดีใจไป
มันค่าใช้จ่ายบางอย่างแอบแฝงอยู่
นั่นคือ คอมมิชชั่น ที่ต้องแบ่งให้ พณฯท่านจัดซื้อและเหล่าเอ็นจิเนียร์ ผู้หิวโหยของ บ.ผลิตรถยนต์
บางงานต้องจ่ายคอมมิชชั่นถึงครึ่งหนึ่งของกำไรที่ได้
-
ผมว่า Option รุ่น TOP ของรถยนต์สมัยนี้ ราคาที่เพิ่มตาม Option เป็นราคาอุปโหลกทั้งนั้นครับ ถ้าเราไปเช็คสินค้าที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งหาที่ซื้อได้ ของ Function เหมือนกัน ราคาของจะถูกกว่าราคา Option ที่เพิ่มจากอุปกรณ์ติดรถ หลายเท่ามากๆครับ