Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Red Bicycle ที่ มีนาคม 02, 2022, 07:57:57
-
:) :) แบบที่กะไว้ใช้ในชีวิตประจำวันเลยน่ะครับ
ขอเน้นเป็นพวก MB BMW Volvo MiNI และ Audi น่ะครับ
ว่าท่านที่เคยใช้รถมือสองพวกนี้มา แล้วทำไมถึงใช้ต่อไปไม่ได้
น่ะครับ เจอปัญหาอะไรครับ กำลังสนใจอยู่ครับผม
เห็นหลายคน เขาสามารถใช้รถพวกนี้ได้ตลอดเลย เลยสนใจครับ
-
1. เงิน : ขับ PPV+D-Seg 2 คัน ไม่เท่าดูแล E-Class คันเดียว นี่คือเรื่องจริง
ญาติผมซื้อใหม่ตอนนี้ เป็น Camry+Everest ชีวิตแฮปปี้
ถ้าเงินถึง รถยุโรปมันปลอดภัยกว่า ขับดีกว่าจริงๆนั่นแหละ แต่ถ้าต้องกัดฟันใช้ อย่าเลย
2. เวลา : อยากได้รถที่ใช้แล้วลืมๆมันไป --> แอดคอร์ดหัวหน้าผม เข้าศูนย์ปีล่ะครั้ง
ยาริสของเจ๊ฝ่ายบัญชี ตั้งแต่โควิด 19 จนถึงวันนี้เกือบ 3 ปี นางเพิ่งเอาเข้าศูนย์
ถ้าใช้แบบนี้ ชีวิตไม่มีเวลา ต้องดูลูก ดูที่บ้าน ใช้อะไรที่มัน Simple เอาเวลาไปทำอย่างอื่น
อื่นๆ เช่น พื้นที่ใช้สอย ความอเนกประสงค์ ขับแต่ในเมือง พื้นถนนผุพัง บลาๆ
-
เอาง่าย ๆ
ถ้าเล่นมือสอง ยุโรป ต้องแน่ใจว่าเงินพร้อม ไม่ใช่ดึงตรงนี้ไปปะตรงนั้น แบบนั้นไม่ได้ จริงอยู่ มันอาจไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเป็น รับรองว่าแพง...คนที่ไปต่อไม่ได้ จะเกิดอาการเสียดายเงินที่จะต้องเสียไป
-
เพื่อนเคยขับ ซีรีย์ 5 มือ2
ตอนนี้ขับเอเวอร์เรสแทนครับ เดาว่าสู้ค่าซ่อมไม่ไหว
-
ถ้าซ่อมถึงก็ไปต่อได้ทุกคันครับ ผมนี่ใช้รถยุโรปมือสองมาโดยตลอด Volvo BMW SAAB สามารถไปต่อได้ทุกคันตอนซื้อรถต้องเตรียมเงินไว้ประมาณ 100,000 เพื่อซ่อมปรับปรุงสภาพ และต้องดูแลค่อนข้างใกล้ชิดหน่อยมีอะไรผิดปกติต้องรีบซ่อมเลยหาอู่ที่ไว้ใจอันนี้สำคัญจะได้ไม่โดนฟันค่าซ่อม
-
เงินครับ ซึ่งตรงนี้จะตามมาด้วยเวลา. เพราะรถญป.หลายๆคนต่อให้หมดประกันแล้วก็ยังเข้าศูนย์อยู่เพราะคชจ.มันไม่ได้แพง ในกรณีเดียวกัน น้อยคนที่พอรถยุโรปหมดประกันแล้วจะเข้าศูนย์ โดยฉพาะเคสที่รับมือสองมา ยิ่งน้อยไปใหญ่. ตรงนี้มันก็จะไปlink ในส่วนของเวลาครับ เพราะถ้าคุณมีเงินเข้าศุนย์ มันก็จบ เอารถไปทิ้ง แล้วศูนย์ก็จัดการให้ทั้งหมด. ในทางกลับกัน ถ้าไปอู่ ไหนจะหาอู่ ไหนจะหาอะไหล่อีก.
-
เพื่อนเคยขับ Volvo ครับ ตอนนี้มาใช้ FTN แทน บ่นเรื่องค่าซ่อม และเสียบ่อย
-
ค่าซ่อมรับได้ แต่มันหาอู่ที่มันจบงานยาก
-
คำว่า "คนในอยากออก...คนนอกอยากเข้า" มันก็มี และ ใช้ได้เสมอครับ
ล่าสุด w212 coupe อยากได้รถ coupe พอซื้อขับ ก็ซ่อมไปหลายหมื่น ใช้ไปไม่ถึงปีก็ขาย
อยากบอกว่า รถมือสอง มันมีความเสี่ยงในตัวของมัน (ขนาดรถมือหนึ่ง ป้ายแดง ยังเจอปัญหากันเลย)
ถ้าคิดว่าจะเล่นรถมือสอง ไม่ว่าจะเป็นรถญี่ปุ่น หรือ ยุโรป ก็แล้วแต่ (คุณก็น่าจะรู้ว่าความเสี่ยงของคันไหน ยี่ห้อไหน มากกว่ากัน) มันต้องทำใจไว้แล้วพอสมควร ทั้งเวลาที่อาจจะเสียไป เงินที่จะต้องจ่าย อารมณ์เสียหรือเสียความรู้สึกจากสิ่งที่ได้รับ ซึ่งอาจจะไมไ่ด้มีปัญหาทุกคัน แต่มันคือ "ความเสี่ยง" ครับ
เพราะถ้า คุณไม่ได้ทำใจ หรือ รับไม่ได้ กับสิ่งเหล่านี้ สุดท้าย มันก็ต้องทำให้คุณ ต้องตัดสินใจขายไป และ ไปมองหารถที่ใช้งาน "สบายใจ" กว่า
คำว่า "สบายใจ" อาจจะไม่ได้ดีกว่า แต่มันเป็นผลลัพธ์จากการใช้งาน ที่ไม่ต้องซ่อม มีปัญหา จุกจิ๊ก และ สุดท้าย เสียเงินก้อนโต กับการซ่อม ครับ
-
ผมใช้ Evoque ปี 2012 มาตั้งแต่ปี 2015 จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ขายครับ ดูแลกันยาวๆ ไป
ข้อเสียคือ อะไหล่บางชิ้น รอนานม้ากกกกก ระหว่างรอก็ต้องใช้รถญี่ปุ่นคันอื่นไป
-
เคยเล่นมือสองมาสองคัน ซ่อมไม่ค่อยจบครับระบบไฟกับระบบของเหลวที่ชอบรั่วซึมรอบเครื่องเป็นสิบจุด เบื่อพวกเซนเซอร์ที่ยุบยับไปหมดแม้แต่ระบบเปิดประตูยังมีกล่องคุม เบาะก็มีกล่องเมมโมรี ใต้เบาะ ในท่อ ก็มีเซนเซอร์อีกคือมันเยอะเกินความจำเป็นไปหน่อยหลังห้าปีมันไม่เหมาะกับการใช้งาน หนีไปออกป้ายแดงแทนพอสามปีก็เริ่มเหมือนเดิมไฟโชวร์สารพัด เซนเซอร์ล้อเคลมไปห้าเส้นในห้าปี ไปแต่ละทีก็ต้องขับรถข้ามจังหวัด ไปรับไปส่งเสียเวลา ภายในทำลายตัวเองลอกเหนียว ก๊อบแก๊บไปหมด ทั้งๆที่วิ่งปีละไม่ถึงหมื่นโลทนใช้ได้ห้าปีสี่หมื่นโลขายหายไปล้านกว่าบาท ราคาไม่ซีเรียสทำใจอยุ่แล้วแต่คุณภาพบางทีมันไม่สมราคาไม่ตอบโจทย์ยูสเซอร์ เช่นลูกนั่งแล้วอ้วกทุกที เมียบ่นกระด้างโยน แข็งเด้งเสียงพื้นดัง หนีไป mpv suv สบายใจกว่าครับ ทุกวันนี้เที่ยวออกทริปกันอย่างมีความสุข ขนของก็ได้เยอะ รับเพื่อนไปเที่ยวก็สนุก แฮปปี้กว่าเยอะ
-
ค่าซ่อมคือปัญหาหลักๆ เอาง่ายๆ อย่าง benz 213 ละกัน
เปลี่ยนปั้มติ้กทีนึง หมื่นสอง นี่ราคาทุนแล้วนะ
ลุยน้ำแผ่นพลาสติกปิดด้านล่างหาย 2.5 หมื่น
ช่วงล่าง หน้าช้อคอัพ ครบชุด สองข้าง 7 หมื่นกว่า
ไหวไหม ถ้าไหว ไปต่อได้
-
อย่างผมปกติซื้อรถป้ายแดงตลอด แต่ผมชอบซื้อรถมือสองมาทำเล่น ล่าสุด e350 coupe V6 ผมซื้อมาก็จับเปลี่ยนทุกอย่างครับ ของเหลว ช่วงล่าง เปลี่ยนใหม่แทบยกชุด ฟอกเบาะซักพรม ล้างขัดเคลือบเเก้ว อะไรที่ดูแล้วต้องเปลี่ยนผมเปลี่ยนหมดครับ ถ้าเรามีเวลาและไม่กลัวการซ่อม และเงินถึงก็เล่นได้ครับรถมือสอง สมัยก่อนผมยังไงก็ต้องป้ายแดง แต่พอมีความรู้มากขึ้น มีอู่ที่โอเค เงินถึง พร้อมจบครับ ใช้ต่อขับเล่นได้ยาวๆครับ
-
ซื้อ ML250 ตอนปี 2014 รถ 2 ปี เลขไมล์ 14,000 ราคา 3ล้าน
ถึงปัจจุบันยังใช้อยู่ เสียค่าซ่อมแอร์อย่างเดียวเกือบ 80,000 บาท รถวิ่งแค่ 60,000 กิโลเมตร แอร์พังทั้งระบบ
oil cooler รั่วตอน 50,000 กิโลเมตร ทำระบบไอดีด้วยเสียไปอีก 30,000 บาท รถวิ่งไม่เยอะ รวมๆแล้วเสียค่าบำรุงปีละ 20,000 บาท นี่ขนาดซ่อมอู่นอกล้วนๆ แต่รถขับดีกว่า Fortuner พอควร ขับพอๆกับ Prado ปี98 ขับแย่กว่า VX100 ปี99
ความเห็นผม รถยุโรปปัจจุบัน ถ้าไม่ใช่รุ่นเรือธง ไม่ได้หนีรถญี่ปุ่นมาก แต่จุกจิกกว่าพอสมควร เตรียมเงินซ่อมไว้เยอะๆ
-
รถมือสองส่วนใหญ่จะขายหลังจาก service B มาแล้ว ก็จะเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 80000-100000 โล เหตุผลคือเพราะหลังจากแสนโลไปแล้วจะหมดประกันตัวรถ หรืออะไหล่ชิ้นใหญ่ๆหนักๆจะเริ่มพังแล้วซ่อมแพงครับ
เรียงลำดับตามความจุกจิดเท่าที่ชีวิตผมเจอนะครับ Benz > BMW > Mini > Audi
บำรุงรักษาเล็กๆมี 5000 ใหญ่ ก็เกิน 10000 เป็นต้นไป แล้วแต่บุญกรรม แล้วแต่การดูแลรักษาของเจ้าของเก่าครับ
บางคันภายในดูแลดีมาก เข้าคาร์แคร์ทุกสัปดาห์ ใช้ chemical guy อย่างดี แต่ขับโหด ดูแลเครื่องไม่ถึง รถช้ำก็มีครับ ต้องค่อยๆดูดีดี เพราะถ้ารับรถมา เก็บงานพื้นฐานก็มี 50000ขึ้นไปละ โหดๆ เพื่อนผมบางคนเก็บงานหลายแสนยังไม่หายดีก็มี
แต่ถ้าเงินถึงจะไม่หงุดหงิดที่ต้องจ่ายใช้ไปเลยครับ สิ่งที่ได้รับจากการใช้รถยุโรป ถ้าคนไม่ได้ใช้จริงบางทีก็ไม่รู้ครับว่ามันคุ้มกับเงินที่จ่าย
-
Volvo S90 ดีเซล อายุ 4 ปี วิ่งไป 4 หมื่นกว่าโล กล่องควบคุมแรงดันน้ำมันเสีย รถขับได้แค่ Safe mode ค่าอะไหล่รับได้ครับ แต่เสียเวลาไป 3 วัน (วันที่เสีย-วันที่เข้าศูนย์-วันที่ซ่อม) ตอนนี้เสียงเครื่องดังมากเหมือนรถกระบะ ไม่รู้เป็นอะไร ยังไม่มีเวลาเอาไปเช็ค :'(
C300 เปิดประทุน ขับแล้วหน่วงๆ ยังไม่มีเวลาเอาไปเช็คเหมือนกัน
520d G30 เสียตั้งแต่ปีแรก ท่ออินเตอร์แตก
ทั้งหมดนี้รถใหม่ครับ ใช้รถญี่ปุ่น รถใหม่ๆ ยังไม่เคยเจอปัญหาเลยครับ เจอปัญหาตอนเข้าปีที่ 7
-
Volvo S90 ดีเซล อายุ 4 ปี วิ่งไป 4 หมื่นกว่าโล กล่องควบคุมแรงดันน้ำมันเสีย รถขับได้แค่ Safe mode ค่าอะไหล่รับได้ครับ แต่เสียเวลาไป 3 วัน (วันที่เสีย-วันที่เข้าศูนย์-วันที่ซ่อม) ตอนนี้เสียงเครื่องดังมากเหมือนรถกระบะ ไม่รู้เป็นอะไร ยังไม่มีเวลาเอาไปเช็ค :'(
C300 เปิดประทุน ขับแล้วหน่วงๆ ยังไม่มีเวลาเอาไปเช็คเหมือนกัน
520d G30 เสียตั้งแต่ปีแรก ท่ออินเตอร์แตก
ทั้งหมดนี้รถใหม่ครับ ใช้รถญี่ปุ่น รถใหม่ๆ ยังไม่เคยเจอปัญหาเลยครับ เจอปัญหาตอนเข้าปีที่ 7
ขอสอบถามข้อมูลครับ.
G30 520d ที่ว่าท่ออินเตอแตก รถเดิมๆหรือมีre-map มาครับ?
-
เสียเงินไม่เท่าไหร่ เสียเวลาชีวิตแย่กว่ามากครับ
-
เคยใช้ A4 MT เครื่องกับเกียร์ไม่เคยต้องไปซ่อมมันเลย แต่อุปกรณ์อื่น รวมถึงช่วงล่างเนี่ย เปลียนอย่างถี่ สารพัดลูกยาง แอร์ ระบบล็อค ก็เคยบ่นกับอู่ เขาก็บอกว่า ถึงแม้ตอนใช้รถมันเก่า เหลือราคารถไม่กี่แสน แต่อะไหล่มันคืออะไหลรถคันละ 2 ล้านนะ
-
ค่าซ่อมคือปัญหาหลักๆ เอาง่ายๆ อย่าง benz 213 ละกัน
เปลี่ยนปั้มติ้กทีนึง หมื่นสอง นี่ราคาทุนแล้วนะ
ลุยน้ำแผ่นพลาสติกปิดด้านล่างหาย 2.5 หมื่น
ช่วงล่าง หน้าช้อคอัพ ครบชุด สองข้าง 7 หมื่นกว่า
ไหวไหม ถ้าไหว ไปต่อได้
แผ่นพลาสติกข้างล่างเคลมประกันไม่ได้หรอครับ เคยขับรถเก๋งลุยน้ำท่วม แผ่นพลาสติกกับบังโคลนใต้ท้องหน้าหลุด ก็เคลมได้หมด ไม่งั้นราคานี้แอบหลอนหน่อยๆนะครับ
-
เงิน แต่แน่นอน ตีลังกาแล้วคุ้มกว่า มือ 1 (บางยี่ห้อมือ 2 ก็ไม่คุ้มนะ เลือกหน่อย)
เวลา ของผม BMW ซ่อมทุก ... 3 เดือนครับ มันต้องมียางนู่นนี่นั่นเสื่อมหน่อย (รถปีที่ 5 เอง)
สุดท้าย ความเสี่ยงลุ้นเวลาออกชนบท ไปเที่ยวเขาเที่ยวดอย สตาร์ทไม่ติดนี่กลุ้มเลย เวลาไป ตจว ผมเลยใช้รถญี่ปุ่นแทนครับ
-
เคยใช้ยุโรปมือสองเพราะรู้สึกคุ้ม
เทียบบราคายุโรปมือสองกับ ญี่ปุ่นมือ1 ช่วงปี 2000 ยุโรปมือสอง สมรรถนะ ดีกว่า เยอะมาก
ใช้ไปแล้วค่าซ่อมยุโรปมันแพงกว่าเยอะ ยิ่งเก่ายิ่งจุกจิก เดี๋ยวช่วงล่าง เดี๋ยวเกียร์ อาจเพราะซ่อมไม่ถึงด้วย จบที่เปลี่ยนเครื่องติดแก๊ส พอจุกจิกมากๆ ก้อเริ่มไม่อยากเอาออกวิ่งละ
พอมาใช้ญี่ปุ่นมือ1 สบายใจกว่ามาก วิ่งเกลื่อนมาก ใช้มา 10ปี กินข้าวลิงก็แค่แบตหมด.. ค่าบำรุงรักษา เปลี่ยนแบตยางสิบปีรวมกัน ซ่อม ยุโรปได้สองสามครั้ง..
ถามว่าเข็ดไหม ก้อคงไม่ ถ้ามีโอกาศอยากลองยุโรปอีกสักครั้ง
-
ผมซื้อแต่ยุโรปมือสองมาตลอดครับ ทีผ่านมือมาใช้เอง ขับไปซ่อมเอง
Benz W124 W140
BMW E36 E39 E38 E46 E60 E90
Audi A4B5 A4B6 A6C4 A6C5
สมัยก่อน ไม่มีเน็ต ไม่มี Facebook ไม่ซ่อมศูนย์เพราะค่าซ่อมแพงมากแล้วซ่อมไม่ค่อยจบ หัวหน้าช่างเค้าออกมาทำอู่เอง ผมก็ถามๆแล้วก็ตามไปซ่อม คันสุดท้ายที่ผมใช้คือ E60 กับ E90 แล้วผมพอแล้ว ไม่ใช่เพราะเรื่องค่าซ่อม เพราะยังไงมือสองมันคุ้มกว่าอยู่แล้วต่อให้ซ่อมยังไงก็คุ้มกว่าซื้อใหม่แน่นอน
แต่เพราะเบื่อครับ เวลารถมันเก่า อะไรๆมันจะเสียเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่มีหรอกครับรถเกิน 7 ปี ซ่อมแล้วใช้ยาว มันไม่มีจริงหรอกครับ โดยเฉพาะพวกหูดีแบบผม ผมรู้สึกเบื่อที่ต้องซ่อมเรื่อยๆ ยิ่งช่วงนึงผมใช้รถเดือนนึงเกือบ 7,000 โล ติดกันหลายๆเดือน ซ่อมมันทุกเดือน แล้วมันไว้ใจไม่ได้ครับเวลาเดินทางไกล ระบบมันเยอะมากๆ จุดยึดช่วงล่างก็เยอะ ยิ่งจาก 7 ไป 10 ปีขึ้นไป นี่เสียเรื่อยๆมาเรียงๆ ผมเคยเจอ หนักสุดๆซ่อมเดือนนึง 4 ครั้ง ไม่ซ้ำที่เดิม คือไปอู่นอกจนเบื่อมาก เสียเวลาสุดๆ
จากนั้นผมก็ลองเปิดใจกับญี่ปุ่นป้ายแดง เน้นพวกที่ช่วงล่างดีๆหน่อย เออ มันก็ไม่แย่นะ แค่เก็บเสียงแย่ และเครื่องอืด แต่ที่ผมรู้สึกได้คือสบายใจมาก เวลาที่ผมเคยต้องเอารถไปเข้าอู่นี่ ทำอย่างอื่นได้เยอะ แล้วผลพลอยได้คือคุมค่าใช้จ่ายได้ดีมากๆ จากนั้นมาผมไม่ซื้อมือสองอีกเลย
-
ไปต่อไม่ได้แปลว่าอะไรครับ
สำหรับผมไปรถคันต่อไปยาก เพราะค่าซ่อมท่วมราคารถ จนขายไม่ลงครับ
ถ้าย้อนเวลากลับไปตอนมีรถคันแรก จะซื้อรถป้ายแดงญี่ปุ่น เท่าที่จะซื้อไหวแล้วก็เปลี่ยนไปทุกๆ 6-7ปี น่าจะได้เวลาจากการวนเข้าออกอู่กลับมาเยอะเลยครับ
-
ผมใช้จนเก่ามาก ตอนนี้มีเก็บอยู่ไม่กี่คันเป็นรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ๆ คิดว่าไม่เก็บเพราะมันเปราะเสียง่าย ไม่ทนทานเหมือนรุ่นเก่า ๆ ระบบไฟฟ้ามันเก็บไม่ได้อยู่แล้วแบตเสีย อินเวอร์เตอร์เสียด้วยอายุมันเอง เทอร์โบก็เสีย หัวฉีดตรง ปั๊มแรงดันสูง
-
เข็ดแล้วครับรถ มือ 2 มีแต่จะซ่อมมากน้อยเท่านั้นครับ เคยซื้อมือ 2 มาตอนแรกก็ดีๆๆๆแหละ สักพัก ซ่อมไม่อยุด และไม่จบครับ อะไหล่ก็แพง หายาก ต้องสั่งจากเมืองนอกบ้าง รถก็ไม่ได้ขับ สวยแต่ซ่อมไม่จบ หรือขับดี แต่เสียบ่อย ชีวิตน่าเบื่อครับ เลยไม่เอาอีกเลย ซื้อใหม่ป้ายแดงดีกง่าครับ ใช้ไปเลย 3 ปี สบายๆๆๆๆๆ แล้วขายทิ้ง เก็บเงินซื้อใหม่ หาความสุข มือ 2 มันมีแต่ความทุกข์
-
น้องชายซื้อมาใช้คันนึงรถเก่า6ปี (รถในฝันตั้งแต่วัยเด็ก) ใช้ไป2 ปี ท้ายสุดต้องขาย สาเหตุ 1.ซ่อมบ่อย จุกจิก จ่ายค่าซ่อมไปเกือบครึ่งของราคารถ 2.เวลาที่เสียไป
แต่ทั้งนี้และนั้น มันต้องลองเองครับ ไม่งั้นมันจะคาใจไปตลอด เพิ่มงบให้เยอะขึ้นแล้วไปหาซื้อป้ายแดงดีกว่า สบายใจกว่ากัน
-
ค่าซ่อมบำรุงดูแลรักษาสูงกว่ารถญี่ปุ่นมาก
-
ใช้ F30 กับ W212 มา 10-11ปีแล้ว ก็มีซ่อมบ้าง รวมบิลหลายบิลแล้วก็หลักแสนอยู่ แต่ทำจบ เทียบกับราคารถแล้ว ก็เหมาะสม
ก็พอทราบว่ารถอื่นมันซ่อมถูกกว่า แต่ใช้งานแล้ว มันไม่ตอบโจทย์เรื่องช่วงล่าง ก็ใช้ต่อ
-
ขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ ผมเองมี 520d E60 ที่ยังเก็บไว้ใช้อยู่ตั้งแต่มือ1 พอหมดBSI ก็เข้าอู่นอกมาโดยตลอด. พวกช่วงล่าง บูชต่างๆ/ปีกนก หรือเบ้าโช๊ค ก็เปลี่ยนที่อู่นอก (lemforder) เพราะอะไหล่แท้มันแพงมาก. ทางอู่ก็แนะนำว่า lemforder นี้คือโอเคแล้ว และที่เคยสอบถามไปหลายๆอู่ ก็ใช้ของlemforderเหมือนกัน. พอเปลี่ยนไป สุดท้ายก็ไม่เกิน2ปีครับ 1ปีกว่าๆด้วยซ่ำไป ก็เริ่มเสื่อมละ. ผมกฌอดคิดไม่ได้นะว่าได้ของปลอมมารึเปล่าวะ? หรือถ้าได้ของแท้ (lemforder แท้ๆ) แล้วมันได้แค่นี้ ซึ่งเทียบกับของเบิก BMW เลยไม่ได้ด้วยซ่ำ (เทียบจากตอนที่รถยังใหม่ๆที่มันทนมากๆ).
ข้อนี้ มีท่านไหนมีปสก.แบบผมมั่งมั่ยครับ?
-
นอกเหนือจากเรื่องเงินอาจจะเรื่องเวลาด้วยครับ
บางคนพออายุมากขึ้น มีครอบครัว มีความรับผิดชอบมากขึ้นแล้วไม่มีเวลามานั่งวิ่งเข้าอู่อยู่ตลอดครับ
สำหรับผมมองว่าถ้าจะเล่นรถยุโรปมือ 2 อายุ 5-6 ปี+ ต้องมีรถมากกว่า 1 คันครับ เพราะบางอาการต้องจอดทิ่งอู่เป็นวันแถม มากกว่าหนึ่งครั้งต่อปีด้วย ไม่งั้นซ่อมรถทีลำบากครับ แล้วจะพาลให้ซ่อมไม่ถึงกลายเป็นรถยิ่งโทรมด้วยครับ
ขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ ผมเองมี 520d E60 ที่ยังเก็บไว้ใช้อยู่ตั้งแต่มือ1 พอหมดBSI ก็เข้าอู่นอกมาโดยตลอด. พวกช่วงล่าง บูชต่างๆ/ปีกนก หรือเบ้าโช๊ค ก็เปลี่ยนที่อู่นอก (lemforder) เพราะอะไหล่แท้มันแพงมาก. ทางอู่ก็แนะนำว่า lemforder นี้คือโอเคแล้ว และที่เคยสอบถามไปหลายๆอู่ ก็ใช้ของlemforderเหมือนกัน. พอเปลี่ยนไป สุดท้ายก็ไม่เกิน2ปีครับ 1ปีกว่าๆด้วยซ่ำไป ก็เริ่มเสื่อมละ. ผมกฌอดคิดไม่ได้นะว่าได้ของปลอมมารึเปล่าวะ? หรือถ้าได้ของแท้ (lemforder แท้ๆ) แล้วมันได้แค่นี้ ซึ่งเทียบกับของเบิก BMW เลยไม่ได้ด้วยซ่ำ (เทียบจากตอนที่รถยังใหม่ๆที่มันทนมากๆ).
ข้อนี้ มีท่านไหนมีปสก.แบบผมมั่งมั่ยครับ?
ผมไม่แน่ใจว่าเป็นแบบนี้ทุกยี่ห้อไหม แต่บางทีนอกเหนือจากยี่ห้อแล้ว แต่ละประเทศที่ผลิตอะไหล่ก็ออกมาคุณภาพไม่เหมือนกันนะครับ ตามราคาเลย อย่างพวกอะไหล่ช่วงล่างหรือผ้าเบรคจานเบรคที่มีผลิตฝั่งเอเชีย หลายๆตัวยังคุณภาพสู้ที่ผลิตในยุโรปไม่ได้ครับ แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่เบากว่าเหมือนกัน
-
อ่านแล้วหลอนเลยครับ เพิ่งซื้อยุโรปมือสองอายุ5ปีมาใช้ได้3เดือน คิดว่าจะใช้ซัก5ปีค่อยขาย อ่านกระทู้นี้เสร็จสงสัยจะอยู่ไม่ถึงซะแล้ว :'(
-
เคยใช้ C63AMG W204 มือสองครับ ไล่เก็บเยอะเหมือนกันสุดท้ายไปเจอปัญหากลิ่นภายในรถจากโฟมบุต่างๆที่แก้ไม่หายผมก็ขายไปครับ ตอนนี้มี GLC250D รถใหม่ใช้มา 5 ปีแล้วไม่มีปัญหาอะไรแต่กลิ่นภายในแบบเดียวกับคันก่อนเริ่มมากวนใจ (ปล กลิ่นคัน C63 แรงแบบติดผมติดเสื้อผ้าเลยครับ)
-
รถยุโรป ถ้ารถตลาด ซ่อมจบครับ แต่ต้องเงินถึง อย่าซ่อมแบบแค่พอผ่าน เพราะมันจะลามซ่อมไม่จบนะครับ และรถแต่ละรุ่นมีโรคประจำเป็นของตัวเอง และดวงที่รถด้วยว่าคันนั้นงอแงหรือเปล่า