Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Aleister TJ ที่ เมษายน 10, 2022, 18:46:08
-
เห็นตามกลุ่มรถเจอบ่อยมากที่ว่า ไม่เอารถเต้นท์ เอารถบ้านเท่านั้น เลยสงสัยว่าทำไมคนส่วนใหญ่ชอบคิดแบบนี้ รถเต้นท์มันแย่ขนาดนั้นเลย? หรือมันเป็นความเชื่อที่ฝังหัวเรามาแบบไม่รู้ตัวครับ คือรถบ้านแต่คนใช้ซกมก เติมน้ำมันขับอย่างเดียวไม่ดูแล ผมก็เจอบ่อยนะ
กลับกันรถเต้นท์ สภาพสวย ตรงปกไม่จกตา มันก็มี
อยากทราบความเห็นครับ
-
ความเข้าใจของผมนะครับ
รถบ้านเจ้าของขายเอง จะขายตามสภาพและมีไม่มากที่จะสามารถปรับสภาพและ "หมก" ปัญหาไว้ได้
รถเต้นท์ จะได้รับการล้างทำความสะอาด และปรับสภาพตามสมควร แต่จะมีความเชี่ยวชาญมากกว่า และ "อาจจะหมก หรือ มีโอกาสหมก" ปัญหาได้แนบแนียนกว่า
แต่ตอนนี้มันก็มั่วไปหมดละครับ สุดท้ายดูที่คนขายกับ comment จากผู้ซื้อก่อนหน้าครับ หรือไม่ก็ไปซื้อในกลุ่มรถนั้นจะได้ถามได้ว่าคนขาย Credit ดีไหม
-
ความเข้าใจของผมนะครับ
รถบ้านเจ้าของขายเอง จะขายตามสภาพและมีไม่มากที่จะสามารถปรับสภาพและ "หมก" ปัญหาไว้ได้
รถเต้นท์ จะได้รับการล้างทำความสะอาด และปรับสภาพตามสมควร แต่จะมีความเชี่ยวชาญมากกว่า และ "อาจจะหมก หรือ มีโอกาสหมก" ปัญหาได้แนบแนียนกว่า
แต่ตอนนี้มันก็มั่วไปหมดละครับ สุดท้ายดูที่คนขายกับ comment จากผู้ซื้อก่อนหน้าครับ หรือไม่ก็ไปซื้อในกลุ่มรถนั้นจะได้ถามได้ว่าคนขาย Credit ดีไหม
เอาจากผมนะครับ เวลาผมขายรถผมขายเองไม่ผ่านเต้นท์เพราะค่อนข้างดูเเลรถดีเเละคนที่มาชื้อค่อนข้างพอใจตลอด เเละไม่ค่อยต่อ ถามว่ารถบ้านสภาพดีมีไหมมีครับ รถเต้นท์สภาพดีไหมมีครับขึ้นอยู่กับจังหวะ
เเละคุณจะเข้าไปเจอคันนั้นหรือเปล่า
เพราะบางทีรถอาจจะสภาพดีเเต่ไม่อยากตั้งขายก็เอาไปขายเต้นท์ก็มีครับ
-
ถ้าเอาตั้งแต่ยุคโควิท จนถึงปัจจุบัน .. ตอนนี้รถเต้นดีกว่ารถบ้านแล้วครับ . .
ถามว่าทำไมล่ะ ... ก็รถเต้นที่ผมขายอยู่ ก็คือรถประมูลมากับคนที่ปล่อยยึด ขาดส่ง หรือคืนรถไฟแนนท์จากช่วงโควิทนี้เยอะมาก
ดังนั้นตอนนี้ เต้นอย่างผมไม่ง้อรถบ้านแล้วครับ เพราะรถประมูลสวยๆ ใหม่กริ๊บไมล์ไม่ถึง 2 หมื่น ปล่อยยึดกันเยอะมาก ทั้งเก่ง ทั้งกระบะ ..
ดังนั้นใครที่กำลังอยากได้รถมือสองสวยๆ ไปเดินหาตามเต้นเลยครับ รถไมล์น้อยจากการประมุล รถที่ยึดมางามๆ บางคันพลาสติกห่อเบาะยังไม่แกะเลย
ส่วนรถบ้านที่เล่นตัวขายกันไมล์เกือบแสน แต่อยากได้ราคาขายดีๆก็เหนื่อยหน่อย เพราะตอนนี้รถเต้นสวยกว่ามาก
-
มีทั้งจริงและไม่จริงครับ รถบ้านไม่ได้ดีทุกคัน ส่วนเตนท์รถก็ไม่ได้แย่ทุกเจ้าครับ
จริงคือคนที่ขายเองเจ้าของรถมั่นในระดับนึงว่ารถชั้นมีดีพอที่จะขายเองเพื่อให้ได้ราคา แล้วก็มีบิลซ่อมมีประวัติอธิบายรถตัวเองกับเราให้ได้หมด
แต่รถบ้านบางคันสภาพอย่างเยินสีไม่สวยเยิ้มๆไมล์อย่างเยอะแต่ขายเท่าเตนท์ที่บางที่เก็บงานมาให้บ้างแล้ว หรือบางคันรถใหม่ๆติดไฟแนนซ์แต่ขายดาวน์ราคารวมเงินดาวน์รวมยอดผ่อนแพงเท่ารถป้ายแดงก็มีครับหาคนซื้อยาก
-
ไม่
Case by Case เท่านั้น
-
ผมก็ไม่รุ้เหมือนกัน แต่เดวนี้บางเตนท์มีรับประกัน เครื่องยนต์ เกียร์ และระบบแอร์ แบบทำเป็นกรมธรรม์กับบริษัทประกันเลยครับ ว่าถ้าเสียภายใน 1 ปี 20,000 โล เค้าซ่อมให้ฟรีเลย แถมตอนผมซื้อเขายังเปลี่ยน นำ้มันเครื่อง น้ำมันเกียร์ให้ใหม่ น้ำมันเต็มถัง ประกันชั้น 1 ฟรี อีก 1 ปี แล้วทำเรื่องโอนให้เสร็จสรรพ
ส่วนรถบ้านที่ปีใกล้กัน ตอนผมถามคือ ราคาถูกกว่ากัน 20,000 ค่าโอนคนละครึ่ง
แล้วก็อีกอย่างตอนนี้รถเตนท์ภาพรวมน่าจะสภาพดีกว่าช่วงก่อน เพราะโควิดมาคนปล่อยรถโดนยึดก็เยอะครับ โอกาสได้รถเตนท์ ปีไม่ลึก ไมล์น้อย สภาพดี ก็มีนะครับ
-
เต๊นท์มีรับประกันให้ด้วยถือว่าดีๆมาก
ส่วนรถบ้านมีโอการตกลงราคาจบกันได้ต่ำกว่าเจ้นท์เยอะครับ
ส่วนตัวเวลาปล่อยรถ ถ้าสภาพดีจะเน้นถามคนรํ้จักก่อนเพราะคำว่าสภาพดีคือไมล์น้อยจัดๆ น้อยเพราะเวียนขับไม่ทันไม่ได้น้อยเพราะจอดซ่อม
ส่วนถ้าสภาพกลางๆจะจับเทิร์นให้เต๊นท์จีราคาไปเลยจบๆ ทำใจขายคนอื่นทั้งสภาพนั้นไม่ได้ ถึงแม้มันจะดีกว่ารถที่เค้าขายในปีเดียวกันก็ตาม
เพราะฉะนั้น พูดถึงกรณีผมขายเอง รถบ้านผมสภาพดีกว่ารถเต้นท์เยอะครับ มีบางคันที่อยากปล่อยแต่ทำใจปล่อยไม่ได้เพราะค่อนข้างผูกพัน
ตอนนี้เลยกลางเป็นซื้อเข้าใหม่แต่คันเก่าก็จอดอยู่อย่างนั้นแทน
ส่วนเรื่องซื้อรถมือสองไม่มีประสบการณ์เพราะไม่เคยซื้อเลยจริงๆ
ถ้าถามความเชื่อมั่นผมว่าผมเชื่อมั่นไม่ต่างกัน แต่รถเต๊นท์อาจแพงกว่าเล็กน้อย
-
เต้นท์ส่วนมากก็บิ้วกันทั้งนั้นหายากที่จะเจอสภาพเดิมๆ ส่วนรถบ้านจริงๆ แบบไม่แอ๊บ ก็สภาพตามที่เห็นเดิมๆ
-
ผมคิดนะ มันเป็นความเสี่ยงน่ะครับ อย่างน้อยที่สุดรถบ้านจะปลอดภัยจากการหมก ย้อมแมว หรือกรอไมล์ มากกว่า
-
ผมว่ามันเป็นเรื่องที่พูดกันมานานมาก จนกลายเป็น stereotype ไปแล้ว
จริงๆ ก็ไม่ต้องสนใจ ดูที่ตัวรถดีกว่า
-
รถเต๊นที่เช็คประวัติได้ก็มีเยอะแยะครับ บางที่มีรับประกัน บางที่ก็คัดแต่รถสวยเข้า
รอยชน รอยซ่อม รอยเปลี่ยนอะไหล่ ถ้าดูเป็นก็ไม่ยากอะไร วิธีดูแต่ละรุ่นมีในอินเตอร์เน็ทเยอะมาก ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว
แล้วซื้อรถ ต่อให้มือสอง ผมก็ต้องการรถสภาพดี เต๊นเก็บงานให้ผมก็โอเค
-
ไม่เชื่อครับ
"ร้านบ้านดีกว่ารถเต้นท์" แล้วรถเต้นท์จะเอามาจากไหนเหรอครับ ถ้าไม่ซื้อรถบ้านมาขาย
ที่ต่างกัน รถบ้าน vs รภเต้นท์ คือ ราคา อย่างเดียวครับ รถบ้านส่วนมากหรือเกือบทั้งหมด จะถูกกว่ารถเต้นท์ ไม่ว่าจะรถราคาถูก ยัน ราคาแพง เป็นแบบนี้หมด
แต่อย่าลืมว่า เต้นท์รถหลายๆ เต้นท์ เขามีการตรวจสอบสภาพรถให้ มี warranty ให้ด้วย 3-6 เดือน หรือ 10,000km ก็มี บางเต้นท์มีเก็บงานให้ด้วย ขัดสี เปลี่ยนยาง เก็บรอย พวกนี้ผมไม่ได้เรียกว่าย้อมแมวนะครับ มันคือดูแลรถให้ก่อนขายมากกว่า
ส่วนรถบ้านประกันใจ 7-15 วัน หรือ บางคนไม่มีด้วยซ้ำ จ่ายเงินเท่ากับจบกัน
ผมว่ามัน make sense ในเรื่องราคา และ คุณภาพ ครับ
-
เต๊นส์ขายรถ ในความคิดผม ก็คือมืออาชีพ
ถ้าจะตบตามันแนบเนียนกว่า รถบ้านที่ไม่ไช่มืออาชีพครับ
และประวัติแย่ๆ เรื่องย้อมแมว มันก็มีให้เห็นตลอด
-
บ้านผมเป็นเต้นท์รถเล็กๆที่ต่างจังหวัดเล็กๆ ตอนซื้อก็รถบ้านทั้งนั้นที่เอามาขายให้ก็จะประเมินว่าต้องซ่อมอะไรเก็บงานอะไร เพราะฉะนั้นสภาพดีกว่ารถบ้านที่ขายตามสภาพแน่นอน เรื่องย้อมตัดทิ้งได้เลย ที่บ้านไม่ตัดทางทำมาหากินตัวเองหรอก บางคันจับมาแล้วดูไม่ขาดซ่อมเยอะกว่าที่คิดแล้วขาดทุนก็มี
เรื่องราคาแพงกว่ารถบ้านก็ไม่มากนัก อย่างบ้านผมกำไรราวๆ 5 % เต็มที่ก็ 10 แต่ซื้อไปใช้งานได้เลยไม่ต้องซ่อมหรอกังวลอะไรอีก เพราะเน้นรถกระบะราคาไม่เกิน 1.5 แสน คนซื้อเน้นทำมาหากิน
-
รถบ้านถ้าเก่าสภาพส่วนใหญ่มีปัญหาเพราะเจ้าของไม่ได้ซ่อมมาต่างหาก คือใช้ด้วยการถ่ายน้ำมันเครื่องปกติ แล้วบอกว่ารถตัวเองดีเพราะใช้อยู่ทุกวัน โดยที่ไม่เคยเก็บซ่อมอะไรเลย ผมซื้อรถบ้านหลายคันได้มาซ่อมช่วงล่างทั้งคันนี่คืออย่างแรก เพราะส่วนใหญ่พังหมดแล้วแต่เจ้าของไม่รู้หรือไม่ซ่อม อย่าง 2 มักเจอเครื่องยนต์ไม่ได้เก็บต้องตามเก็บใหม่ชุดหล่อเย็นทั้งหมด ดีไม่ดีประเก็นเครื่องทั้งหมดเยิ้มหมดสภาพหมดแล้ว นอกจากนี้จุดอ่อนของรถรุ่นนั้น ๆ ส่วนมากเจ้าของไม่ได้ไปตามแก้ให้ครบ ถ้าจะซื้อมือ 2 มีรายจ่ายแน่นอน ไม่ว่ารถเต๊นท์หรือรถบ้าน
-
จาก สปก. รถตลาดผมเชื่อว่าเต๊นท์ไม่แย่ไปกว่ารถบ้าน รถเฉพาะทาง/เฉพาะกลุ่ม เต๊นท์มีโอกาสสู้รถบ้านไม่ได้มากกว่า
ทั้งหลายทั้งปวง ผมเชื่อว่าเต็นท์เป็น repeated games ครับ ถ้าเต็นท์อยู่มานาน เค้ามีอะไรจะเสียหลายอย่าง ที่น่ากลัวสุดคือพวกจับรถมาขายทีละ 1-2 คัน
ปล ซื้อรถมือสองมาหลายคัน เจอเจ็บๆ มา 2 คัน รถบ้านทั้งคู่ครับ รถเต็นท์เคยเจอยำมานิดหน่อย มาเจอทีหลังพอรับได้ 1
-
ที่แน่นอน คือ น่าจะถูกกว่า
-
ก็แล้วแต่ครับ เข้าเต้นท์อาจจะเจอรถสภาพดี คงแล้วแต่ดวง
เคยดูรถบ้าน เจ้าของรถทำมาแล้วดูไปดูมารถเคยชนหนักมา แต่เจ้าของไม่พูดจนต้องถาม
-
ผมไม่เชื่อ เพราะรถดีไม่ดี มันอยู่ที่คันนั้นๆ การดูแลของเจ้าของและต้องดูรถมือสองเป็นเน้นว่าดูรถเป็น ผมซื้อรถเข้ามือ 1-2 ขายออก ก็หลายคันพอสมควร
ญาตผมเทิร์น HRV กับศูนย์เข้าเต้นท์เล็กๆ อายุ 3 ปีไมล์ 6 หมื่น เข้าศูนย์ตรงตามระยะ เคลือบสีเดือนละ 2 ครั้งไม่เคยทำสีซักชิ้นแกขายเอาสะดวกไม่วุ่นวายชีวิตก็มี
หลายคันที่เคยดูรถมือ 2 ผมไม่เลือกขนาดเต้นท์นะดูหมดถ้ารถตรงสเปค พอเจอรุ่นที่ใช่ สีไม่ใช่แต่ก็ต้องเอาก็หลายคัน เห็นแล้วสภาพดีจัดมันหนีไม่ออกต้องสู้ราคาเคา
และเคยเอารถชนหนักมาก ขายเข้าเต้นต์ก็มีครับ หลายเต้นท์เลยกว่าจะรับ รถใช้ที่บ้านใช้เองดูแลตลอดก็ให้มาดูรถที่บ้านเลย มั่นใจว่ารถเราสภาพสวยไม่มีหมก
อีกเคส เพื่อนไปจองรถใหม่ไว้ รถเก่ารอขายออก สภาพสวยเลยไม่ได้หมกอะไร รถใหม่ได้รอส่งมอบ เคสนั้นก็ปล่อยเข้าเต้นท์ไป
ผมว่าเดี๋ยวนี้ เต้นท์ใหญ่ๆ ดูน่าเชื่อถือกว่าสมัยก่อนเยอะ มีรับประกัน มีใบรับรองต่างๆ รถสวยไม่สวยผมว่ามันแล้วแต่คัน บางทีเต้นท์เล็กๆ รถสวยก็มีครับ
ดูรถบ้านเจอคนรักรถมีประวิติโชว์ให้ดูก็โชคดีไป เจอคนใช้อย่างเดียวก็แย่หน่อยเรารับได้ไหมไปดูรถที่สภาพไม่ได้ขัดถู คือมันต้องดูรถเป็นครับ
-
ว่ากันตามเปอร์เซ็นความน่าจะเป็นถ้าเอาความเห็นส่วนตัวผมมองรถบ้านมากกว่า แต่ก็ต้องดูหลายอย่างประกอบ เช่น ลักษณะการใช้งาน ดูเจ้าของประกอบกับดูสภาพรถเป็นหลัก แต่ถ้าเป็นรถเต๊นท์ก็ต้องดูความน่าเชื่อถือของเต๊นท์เป็นส่วนสำคัญด้วย
-
ไม่เสมอไปครับ
แต่ ผมเชื่อเรื่อง การกรอไมล์ ครับ
จากประสพการณ์ การซื้อขายรถ ของ ตัวเอง และคนรู้จัก
ผมอนุมานว่า 50% ของรถในตลาด หรือ มากกว่า กรอไมล์ !!!!!
ตย ผมขาย Volvo V40 ซื้อป้ายแดง วิ่งไป 250,000 km
มีวัยรุ่น ผัวเมีย มาซื้อ ต่อเยอะ ซื้อสด บอกว่าเอาไปใช้เอง โอนรถด้วย ไม่ใช่โอนลอย
3-4 เดือน ผ่านไป ผมเจอรถตัวเอง เอามาประกาศขาย
ไมล์ เหลือ 95,000 km
หลังจากนั้น ก็มี คนโทรมาหาผม
ถามว่า V40 ทะเบียนนี้ รถพี่หรือเปล่า เคยโทรมาต่อ แล้วผมไม่ให้
โดนกรอไมล์มา !!!!!!!!!!
-
บ้านแท้ดีกว่าแน่นอน เต้นท์นี่ไม่จำเป็นอย่าไปยุ่ง ผมเจ็บมาเยอะ ให้พวกมันหากินกับคนอ่อนประสบการณ์ไปครับ
-
ความเข้าใจของผมนะครับ
รถบ้านเจ้าของขายเอง จะขายตามสภาพและมีไม่มากที่จะสามารถปรับสภาพและ "หมก" ปัญหาไว้ได้
รถเต้นท์ จะได้รับการล้างทำความสะอาด และปรับสภาพตามสมควร แต่จะมีความเชี่ยวชาญมากกว่า และ "อาจจะหมก หรือ มีโอกาสหมก" ปัญหาได้แนบแนียนกว่า
แต่ตอนนี้มันก็มั่วไปหมดละครับ สุดท้ายดูที่คนขายกับ comment จากผู้ซื้อก่อนหน้าครับ หรือไม่ก็ไปซื้อในกลุ่มรถนั้นจะได้ถามได้ว่าคนขาย Credit ดีไหม
เอาจากผมนะครับ เวลาผมขายรถผมขายเองไม่ผ่านเต้นท์เพราะค่อนข้างดูเเลรถดีเเละคนที่มาชื้อค่อนข้างพอใจตลอด เเละไม่ค่อยต่อ ถามว่ารถบ้านสภาพดีมีไหมมีครับ รถเต้นท์สภาพดีไหมมีครับขึ้นอยู่กับจังหวะ
เเละคุณจะเข้าไปเจอคันนั้นหรือเปล่า
เพราะบางทีรถอาจจะสภาพดีเเต่ไม่อยากตั้งขายก็เอาไปขายเต้นท์ก็มีครับ
เห็นด้วยเลยครับ ความเชื่อนี้ใช้ไม่ได้แล้วทั้งสองด้าน เพราะรถเต้นท์ที่สวยจริงก็มี รถบ้านที่หมกเยอะก็มีเช่นกัน รถเต้นท์ก็มาฟอร์มขายเป็นรถบ้าน รถบ้านก็ไปฝากจอดขายในเต้นท์ มั่วดีแท้ครับ 555 ;D ;D
-
ผมว่าไม่เกี่ยวกันครับ ต้องดูเป็นกรณีๆไป
แต่คิดว่าคนบอกว่าที่ซื้อรถบ้านดีส่วนใหญ่ซื้อเพราะรู้จักและเชื่อใจคนขายนะ มันเป็นเรื่องเครดิต ง่ายๆก็ขายกันในแบบเพื่อนๆหรือญาติๆ
ขณะเดียวกันจะเต้นท์ก็มีทั้งดีและไม่ดี แต่คนซื้อส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ไงก็เลยไม่กล้าว่าจะเอาเจ้าไหนดีเพราะย้อมแมวมันก็มีจริงๆ
แน่นอนว่ารถบ้านก็มีที่ไม่ดี ไม่อยากให้เหมารวมนะครับ
-
ไม่เสมอไปครับ
แต่ ผมเชื่อเรื่อง การกรอไมล์ ครับ
จากประสพการณ์ การซื้อขายรถ ของ ตัวเอง และคนรู้จัก
ผมอนุมานว่า 50% ของรถในตลาด หรือ มากกว่า กรอไมล์ !!!!!
ตย ผมขาย Volvo V40 ซื้อป้ายแดง วิ่งไป 250,000 km
มีวัยรุ่น ผัวเมีย มาซื้อ ต่อเยอะ ซื้อสด บอกว่าเอาไปใช้เอง โอนรถด้วย ไม่ใช่โอนลอย
3-4 เดือน ผ่านไป ผมเจอรถตัวเอง เอามาประกาศขาย
ไมล์ เหลือ 95,000 km
หลังจากนั้น ก็มี คนโทรมาหาผม
ถามว่า V40 ทะเบียนนี้ รถพี่หรือเปล่า เคยโทรมาต่อ แล้วผมไม่ให้
โดนกรอไมล์มา !!!!!!!!!!
เรื่องกรอไมล์ ผมว่าเจอได้หมดแหละครับ ไม่ว่าจะรถบ้าน หรือ เต้นท์
แต่เดี๋ยวนี้มันสารมารถตรวจสอบได้ เช็คกับศูนย์ได้หมดแล้ว เขาไม่เสี่ยงทำกันแล้วครับ นอกซะจากเลขไมล์เยอะๆ แล้วไม่ได้เข้าศูนย์กันนานแล้ว
ผมว่านะ เสี่ยงทำไปแทนที่จะได้ราคา กลายเป็นว่า จะเสียมากกว่าได้ ด้วยซ้ำ
-
รถกรอไมล์จะตรวจสอบได้เฉพาะรถใหม่ ๆ ไม่กี่ปี ที่จะยังคำนวณ ระยะเข้าศูนย์ได้เท่านั้นครับ
บางเต๊นท์ ทำตราแสตมป์ปลอมของศูนย์ เขียนตัวเลข ไมล์ มโน ลงเล่ม service ก็มีครับ
ดูรถมือ 2 ยังไงก็ต้องดูในภาพรวม ไม่ได้ดูว่าเต๊นท์ หรือบ้าน ครับ
-
รถเต้นท์ดีๆ มีแน่ๆ ครับ
เพียงแต่ส่วนตัวผม จะค่อยๆ หารถบ้านดีๆ ที่ราคาสูงกว่าเต้นท์รับเข้า แล้วเอามาซ่อมบำรุงเอง ผมชอบแบบนี้มากกว่า win win เพราะเจ้าของรถสภาพดีๆ ถ้าเขาเลือกได้ เขาก็อยากขายได้ราคากว่าให้เต้นท์เหมือนกัน รถคันเดียวกันถ้าเต้นท์เอามา ราคาก็จะสูงกว่าที่ผมต้องจ่ายอยู่ดี
-
รถบ้านถ้าเก่าสภาพส่วนใหญ่มีปัญหาเพราะเจ้าของไม่ได้ซ่อมมาต่างหาก คือใช้ด้วยการถ่ายน้ำมันเครื่องปกติ แล้วบอกว่ารถตัวเองดีเพราะใช้อยู่ทุกวัน โดยที่ไม่เคยเก็บซ่อมอะไรเลย ผมซื้อรถบ้านหลายคันได้มาซ่อมช่วงล่างทั้งคันนี่คืออย่างแรก เพราะส่วนใหญ่พังหมดแล้วแต่เจ้าของไม่รู้หรือไม่ซ่อม อย่าง 2 มักเจอเครื่องยนต์ไม่ได้เก็บต้องตามเก็บใหม่ชุดหล่อเย็นทั้งหมด ดีไม่ดีประเก็นเครื่องทั้งหมดเยิ้มหมดสภาพหมดแล้ว นอกจากนี้จุดอ่อนของรถรุ่นนั้น ๆ ส่วนมากเจ้าของไม่ได้ไปตามแก้ให้ครบ ถ้าจะซื้อมือ 2 มีรายจ่ายแน่นอน ไม่ว่ารถเต๊นท์หรือรถบ้าน
ผมเห็นด้วยกับเม้นนี้ครับ วลีเก่าเเก่ประมาณว่า
รถบ้านใช้รักษา (ล้างเคลือบสี) อย่างอื่นไม่เคยดู
ไม่เคยชน อันนี้พอเข้าใจ
รถผู้หญิงใช้ มือเดียว ถ้าเจอแบบผมคือ ไม่เคยซ่อมอะไรเลย เพราะถ้าไม่เสีย สตาร์ตติดทุกครั้ง เติมน้ำมันแล้ววิ่งได้คือจบ หรือศูนย์โทรตามให้เอารถเข้าแล้วยังทำตามก้อถือว่าเฮงละ
รถวิ่งน้อยมาก 10 ปีวิ่งแค่ 5 หมื่นโล ใช้รับส่งนักเรียนใกล้ ทรงนี้คือครบ 10 ปีเปลี่ยนรถ ถ้ารับมาก้อซ่อมอ้วกอีก
ดูเเบบเจาะลึก เป็นคันๆไป ชัวร์สุดครับ
-
รถเต๊นท์ที่สอบประวัติได้นั้นดีกว่ารถบ้านนะครับผมว่า
อย่างน้อย เต๊นท์เค้าก็มีเจ้าหน้าที่มืออาชีพกรองมาให้ระดับนึงแล้ว