Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ixoxi999 ที่ เมษายน 25, 2022, 14:57:32
-
ตอนนี้ราคาน้ำมันดีเซลกำลังจะขึ้นในเดือน พค. โดยจะมีมาตรการขึ้นเป็นขั้นบันได
ผู้บริโภคทุกคนกระทบแน่นอน ค่าอาหาร ค่าวัตถุดิบ บางอย่างขึ้นไปรอแล้ว และ บางอย่างแจ้งว่า จะขึ้น
ต้นเหตุของวิกฤตนี้ คือสงคราม รัสเซีย ยูเครน ประเทศไทย ไม่สามารถทำอะไรได้ ก็ต้องยอมรับผลที่จะได้รับ
แต่
สิ่งที่ผมสงสัยคือ จะเอาน้ำมันปาล์มที่ราคาลิตรละ 60 บาท มาผสมเพื่ออะไร
ผมทำร้านอาหารมา 10 กว่าปี ไม่เคยเจอราคาน้ำมันปาล์มที่สูงขนาดนี้มาก่อน ซื้อกับโรงงานตอนนี้ ลิตรละ 64 บาทแล้วครับ
ซึ่งถ้าลดส่วนผสมลง หรือเลิกผสมไปเลยในช่วงวิกฤต แน่นอน ทั้งราคาน้ำมันดีเซล และน้ำมันปาล์ม ราคาลดลง แน่นอน
พี่ๆมีความเห็นว่า ยังไงบ้างครับ
ปล. มีอีกอย่างที่ลดได้เลย แต่คงกระทบกับกำไรแบบกินเปล่าเลยของโรงกลั่น
คือ ในราคาน้ำมันสำเร็จรูป จะมีการคิดค่าขนส่งจากสิงคโปร์มาที่เมืองไทย รวมอยู่ด้วย ทั้งๆที่โรงกลั่นก็อยู่เมืองไทย และในต้นทุนน้ำมันดิบก็คิดค่าขนส่งมาไทยแล้วด้วย
ก็ยังไม่รู้ว่า จะคิดค่าขนส่งไปทำไมครับ
-
จริงๆเรื่องแบบนี้ หลายๆท่านคงบ่นกันมาตลอด 10 ปีแล้วล่ะครับ แต่มันก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย ...
ก็รู้ๆกันว่ามันไม่ถูกต้อง แต่มันผิดตั้งแต่เริ่มต้นที่กำเนิดแก็สโซฮอลเข้ามาในประเทศไทยแล้ว ...
จะยกเลิกเลยก็ทำไม่ได้ เดียวก็อ้างเกษตรกรกันอีก
ก็ตามนั้นล่ะครับ จะทำอะไรได้ เราก็ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินมันมาจ่ายแค่นั้น เลี่ยงใช้รถได้ก็เลี่ยง
โดยส่วนตัวผมใช้รถที่เติม E85 โดยรวมผมรู้สึกกำไร เพราะรัฐฯอุ้มอยู่เยอะมาก เลยได้ประโยชน์ตรงนี้ไปเต็มๆ
-
ต้องแยกเรื่องครับ
เรื่องน้ำมันแพง น้ำมันขึ้น มันก็ขึ้นจริง
เรื่องผสมไบโอดีเซล ที่เอาน้ำมันที่แพงกว่า มาผสม ก็ยิ่งทำให้แพงไปอีก
เรื่องกลไลภาษี ก็ซ้ำซ้อนเกินไป
เรื่องกลไลราคา ก็ไม่รู้ไปอ้างอิงนอกประเทศทำไม เวลาขึ้นก็ขึ้น เวลาลง แล้วกลับค้างอยู่ดอย ไม่ยอมลงอีก
ผมว่ามันหลายเรื่องปนเปกัน
พอเรื่องเอาไบโอดีเซล มาผสม ผมเห็นด้วย ว่าในยุคนึงสมัยนึง ราคาไบโอมันถูก เลยเอามาผสม แต่พอมันแพงขึ้นมา แล้วยังผสมอยู่ มันก็กลายเป็นว่า ทำให้เป็นต้นทุนที่เพิ่มไปอีก แต่พอจะเอาถอดจาก B20 B10 B7 กลับไป B0 แต่รถที่เขาผลิตมาแล้วรองรับ B20 B10 มันก็จะกลายเป็นเดือดร้อน ทั้งคนหาน้ำมันเติม และ โรงงานที่ผลิตรถยนต์ ที่นโยบาย แกว่งไป แกว่งมา
สุดท้าย ผมว่า แค่บริหารจัดการในทุกส่วนมันดี ราคาขึ้นๆ ลงๆ ผมว่าคนจะด่าน้อยกว่า เรื่องบริหารจัดการและภาษีซ้ำซ้อน มากกว่าอีกครับ
อย่างเดือน พ.ค.65 นี้ จะปล่อยลอยตัวดีเซล แทนที่จะปล่อยขึ้นแบบขั้นบันได แต่มาก๊กไว้ที่ 30 บาท พอปล่อยลอยตัวที กระโดดไปเกือบ 40 บาท นี่ช๊อคเลยนะครับ ทั้งภาคคนใช้รถทั่วไป และ ภาคขนส่ง เขาด่าเช็ดแน่ ไม่เชื่อคำผม คอยดูได้เลย
-
ง่ายๆครับ อุ้ม กลุ่มทุน บางกลุ่ม
-
อันดับแรกก่อนคือ ตอนนี้ถึงไม่ผสมน้ำมันปาล์มในดีเซล ราคาดีเซลก็ไม่ถูกลงไปกว่าปัจจุบัน
อันดับสอง ราคาน้ำมันปาล์มมันก็มีขึ้นมีลงนะครับ เคยมีช่วงลงจนชาวสวนปาล์มโวยเหมือนกัน
เรื่องน้ำมันผสมนี้มันมีผลดีตอนที่ปิโตรเลียมแพงกว่าเชื้อเพลิงจากผลิตผลเกษตร
แต่พอราคาปิโตรเลียมกลับไปสู่สมดุล มันก็มักจะถูกกว่า
จริงๆ แล้วอะไรถูกกว่าเราก็ปรับสูตรไปใช้อันนั้นได้
แต่ในทางปฎิบัติ การรักษาสภาพ supply ทั้งสองฝั่งให้พร้อมผลิตตลอดเวลา
รวมไปจนถึงแรงจูงใจให้สร้างรถที่ใช้น้ำมันได้หลากชนิดมันเป็นปัญหาที่ต้องเลี้ยง
เอาไว้ให้เขาผลิตให้เราพร้อมใช้มากกว่าครับ
-
เรื่องภานี่ผมเคยพูดหลายทีแล้ว ถ้าคนไทยวัยทำงานเข้าระบบจ่ายภาษีทางตรง
ในจำนวนที่มากพอ ประเทศเราก็ไม่จำเป็นต้องเก็บภาษีทางอ้อมแบบนี้
คนไทยวัยทำงานประมาณ 40 ล้านคน ยื่น ภ.ง.ด.แค่ 10 ล้านคน
และใน 10 ล้านคน หลังหักค่าลดหย่อนแล้วรายได้เข้าเกณฑ์ต้องเสียภาษีแค่ 4 ล้านคนเอง
จนทำให้ความรู้สึกของคนไทยคือ ภาษีคือการขูดรีด ค่าต๋ง ทั้งๆ ที่มันคือ ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง
ของประเทศ ส่วนเรื่องคอรัปชั่นนั่นแยกประเด็นไปก่อนนะครับ
-
เรื่องปั่นราคาน้ำมันปาล์ม มันเป็นการเมืองจากพรรคนึง ล้วนๆ เลยครับ
ส่วนราคา ethernal เอง ก็แพงกันทุกประเทศ แม้แต่บราซิลเจ้าพ่อ E100 ก็ยังแพง เอามาผสมน้ำมันยิ่งแพงไปกันใหญ่
-
อันดับแรกก่อนคือ ตอนนี้ถึงไม่ผสมน้ำมันปาล์มในดีเซล ราคาดีเซลก็ไม่ถูกลงไปกว่าปัจจุบัน
อันดับสอง ราคาน้ำมันปาล์มมันก็มีขึ้นมีลงนะครับ เคยมีช่วงลงจนชาวสวนปาล์มโวยเหมือนกัน
เรื่องน้ำมันผสมนี้มันมีผลดีตอนที่ปิโตรเลียมแพงกว่าเชื้อเพลิงจากผลิตผลเกษตร
แต่พอราคาปิโตรเลียมกลับไปสู่สมดุล มันก็มักจะถูกกว่า
จริงๆ แล้วอะไรถูกกว่าเราก็ปรับสูตรไปใช้อันนั้นได้
แต่ในทางปฎิบัติ การรักษาสภาพ supply ทั้งสองฝั่งให้พร้อมผลิตตลอดเวลา
รวมไปจนถึงแรงจูงใจให้สร้างรถที่ใช้น้ำมันได้หลากชนิดมันเป็นปัญหาที่ต้องเลี้ยง
เอาไว้ให้เขาผลิตให้เราพร้อมใช้มากกว่าครับ
ถ้ายกเลิกไบโอดีเซล ตอนนี้ก้ต้องลดลงซิครับ อย่างน้อยก็ 1 บาท ต่อลิตร
ดูสมาพันธ์ขนส่ง คำนวณออกมาเรียบร้อยแล้ว
อีกอย่าง ราคาน้ำมันปาล์ม ตอนนี้ มันใช่ราคาตลาดหรอครับ
-
ต้องแยกเรื่องครับ
เรื่องน้ำมันแพง น้ำมันขึ้น มันก็ขึ้นจริง
เรื่องผสมไบโอดีเซล ที่เอาน้ำมันที่แพงกว่า มาผสม ก็ยิ่งทำให้แพงไปอีก
เรื่องกลไลภาษี ก็ซ้ำซ้อนเกินไป
เรื่องกลไลราคา ก็ไม่รู้ไปอ้างอิงนอกประเทศทำไม เวลาขึ้นก็ขึ้น เวลาลง แล้วกลับค้างอยู่ดอย ไม่ยอมลงอีก
ผมว่ามันหลายเรื่องปนเปกัน
พอเรื่องเอาไบโอดีเซล มาผสม ผมเห็นด้วย ว่าในยุคนึงสมัยนึง ราคาไบโอมันถูก เลยเอามาผสม แต่พอมันแพงขึ้นมา แล้วยังผสมอยู่ มันก็กลายเป็นว่า ทำให้เป็นต้นทุนที่เพิ่มไปอีก แต่พอจะเอาถอดจาก B20 B10 B7 กลับไป B0 แต่รถที่เขาผลิตมาแล้วรองรับ B20 B10 มันก็จะกลายเป็นเดือดร้อน ทั้งคนหาน้ำมันเติม และ โรงงานที่ผลิตรถยนต์ ที่นโยบาย แกว่งไป แกว่งมา
สุดท้าย ผมว่า แค่บริหารจัดการในทุกส่วนมันดี ราคาขึ้นๆ ลงๆ ผมว่าคนจะด่าน้อยกว่า เรื่องบริหารจัดการและภาษีซ้ำซ้อน มากกว่าอีกครับ
อย่างเดือน พ.ค.65 นี้ จะปล่อยลอยตัวดีเซล แทนที่จะปล่อยขึ้นแบบขั้นบันได แต่มาก๊กไว้ที่ 30 บาท พอปล่อยลอยตัวที กระโดดไปเกือบ 40 บาท นี่ช๊อคเลยนะครับ ทั้งภาคคนใช้รถทั่วไป และ ภาคขนส่ง เขาด่าเช็ดแน่ ไม่เชื่อคำผม คอยดูได้เลย
รถ B10 B20 มีเยอะมั้ยครับ ในประเทศไทย ขอความรู้ทีนะครับ รถอะไรบ้างที่เติมได้เฉพาะ B20
-
เรื่องปั่นราคาน้ำมันปาล์ม มันเป็นการเมืองจากพรรคนึง ล้วนๆ เลยครับ
ส่วนราคา ethernal เอง ก็แพงกันทุกประเทศ แม้แต่บราซิลเจ้าพ่อ E100 ก็ยังแพง เอามาผสมน้ำมันยิ่งแพงไปกันใหญ่
ethernal ได้จากการกลั่นพร้อมน้ำมันด้วยนะครับ ไม่ใช่น้อยๆ
-
อันดับแรกก่อนคือ ตอนนี้ถึงไม่ผสมน้ำมันปาล์มในดีเซล ราคาดีเซลก็ไม่ถูกลงไปกว่าปัจจุบัน
อันดับสอง ราคาน้ำมันปาล์มมันก็มีขึ้นมีลงนะครับ เคยมีช่วงลงจนชาวสวนปาล์มโวยเหมือนกัน
เรื่องน้ำมันผสมนี้มันมีผลดีตอนที่ปิโตรเลียมแพงกว่าเชื้อเพลิงจากผลิตผลเกษตร
แต่พอราคาปิโตรเลียมกลับไปสู่สมดุล มันก็มักจะถูกกว่า
จริงๆ แล้วอะไรถูกกว่าเราก็ปรับสูตรไปใช้อันนั้นได้
แต่ในทางปฎิบัติ การรักษาสภาพ supply ทั้งสองฝั่งให้พร้อมผลิตตลอดเวลา
รวมไปจนถึงแรงจูงใจให้สร้างรถที่ใช้น้ำมันได้หลากชนิดมันเป็นปัญหาที่ต้องเลี้ยง
เอาไว้ให้เขาผลิตให้เราพร้อมใช้มากกว่าครับ
เลี้ยงเอาไว้ อันนี้ดีครับ แต่ทำไมต้อง B7 ใช้ส่วนผสมของน้ำมันไบโอดีเซลเยอะขนาดนี้
ควรจะลดลงมามั้ยครับ อันนี้คนเดือดร้อนทั้งประเทศนะครับ
-
อันดับแรกก่อนคือ ตอนนี้ถึงไม่ผสมน้ำมันปาล์มในดีเซล ราคาดีเซลก็ไม่ถูกลงไปกว่าปัจจุบัน
อันดับสอง ราคาน้ำมันปาล์มมันก็มีขึ้นมีลงนะครับ เคยมีช่วงลงจนชาวสวนปาล์มโวยเหมือนกัน
เรื่องน้ำมันผสมนี้มันมีผลดีตอนที่ปิโตรเลียมแพงกว่าเชื้อเพลิงจากผลิตผลเกษตร
แต่พอราคาปิโตรเลียมกลับไปสู่สมดุล มันก็มักจะถูกกว่า
จริงๆ แล้วอะไรถูกกว่าเราก็ปรับสูตรไปใช้อันนั้นได้
แต่ในทางปฎิบัติ การรักษาสภาพ supply ทั้งสองฝั่งให้พร้อมผลิตตลอดเวลา
รวมไปจนถึงแรงจูงใจให้สร้างรถที่ใช้น้ำมันได้หลากชนิดมันเป็นปัญหาที่ต้องเลี้ยง
เอาไว้ให้เขาผลิตให้เราพร้อมใช้มากกว่าครับ
ถ้ายกเลิกไบโอดีเซล ตอนนี้ก้ต้องลดลงซิครับ อย่างน้อยก็ 1 บาท ต่อลิตร
ดูสมาพันธ์ขนส่ง คำนวณออกมาเรียบร้อยแล้ว
อีกอย่าง ราคาน้ำมันปาล์ม ตอนนี้ มันใช่ราคาตลาดหรอครับ
อย่างนั้นแหละครับ นึกอยากเลิกก็เลิกเลย
แล้วพอปิโตรเลียมแพง น้ำมันพืชถูก ก็อยากเอามาผสมให้มันถูก
ถ้าเดี๋ยวเลิก เดี๋ยวอยาก แล้วในระบบซัพพลายมันทำได้ทันที
เครื่องจักร โพรเซส มันทำได้ทันที สเปกเครื่องมันรองรับได้ทันทีก็ดี
แต่ถ้าไม่ เดี๋ยวก็มาบ่นกันอีก ที่แน่ๆ ฟากอุตสาหกรรม
ก็ไม่อยากลงทุน ไม่อยากผลิตให้ เดี๋ยวผีเข้าผีออกแบบนี้
ลองผู้ใช้งานต้องลงทุนเองอย่างเช่นต้องติดตั้งระบบแก็สเอง
ติดโซล่าเอง ยังคิดหนักเลยใช่มั้ยครับ
เรื่องจะเอาสะดวก เอาถูก แต่ไม่ได้รับภาระเองมันง่ายครับ
ใครๆ ก็อยากได้แบบนั่นอ่ะ
-
อันดับแรกก่อนคือ ตอนนี้ถึงไม่ผสมน้ำมันปาล์มในดีเซล ราคาดีเซลก็ไม่ถูกลงไปกว่าปัจจุบัน
อันดับสอง ราคาน้ำมันปาล์มมันก็มีขึ้นมีลงนะครับ เคยมีช่วงลงจนชาวสวนปาล์มโวยเหมือนกัน
เรื่องน้ำมันผสมนี้มันมีผลดีตอนที่ปิโตรเลียมแพงกว่าเชื้อเพลิงจากผลิตผลเกษตร
แต่พอราคาปิโตรเลียมกลับไปสู่สมดุล มันก็มักจะถูกกว่า
จริงๆ แล้วอะไรถูกกว่าเราก็ปรับสูตรไปใช้อันนั้นได้
แต่ในทางปฎิบัติ การรักษาสภาพ supply ทั้งสองฝั่งให้พร้อมผลิตตลอดเวลา
รวมไปจนถึงแรงจูงใจให้สร้างรถที่ใช้น้ำมันได้หลากชนิดมันเป็นปัญหาที่ต้องเลี้ยง
เอาไว้ให้เขาผลิตให้เราพร้อมใช้มากกว่าครับ
ถ้ายกเลิกไบโอดีเซล ตอนนี้ก้ต้องลดลงซิครับ อย่างน้อยก็ 1 บาท ต่อลิตร
ดูสมาพันธ์ขนส่ง คำนวณออกมาเรียบร้อยแล้ว
อีกอย่าง ราคาน้ำมันปาล์ม ตอนนี้ มันใช่ราคาตลาดหรอครับ
อย่างนั้นแหละครับ นึกอยากเลิกก็เลิกเลย
แล้วพอปิโตรเลียมแพง น้ำมันพืชถูก ก็อยากเอามาผสมให้มันถูก
ถ้าเดี๋ยวเลิก เดี๋ยวอยาก แล้วในระบบซัพพลายมันทำได้ทันที
เครื่องจักร โพรเซส มันทำได้ทันที สเปกเครื่องมันรองรับได้ทันทีก็ดี
แต่ถ้าไม่ เดี๋ยวก็มาบ่นกันอีก ที่แน่ๆ ฟากอุตสาหกรรม
ก็ไม่อยากลงทุน ไม่อยากผลิตให้ เดี๋ยวผีเข้าผีออกแบบนี้
ลองผู้ใช้งานต้องลงทุนเองอย่างเช่นต้องติดตั้งระบบแก็สเอง
ติดโซล่าเอง ยังคิดหนักเลยใช่มั้ยครับ
เรื่องจะเอาสะดวก เอาถูก แต่ไม่ได้รับภาระเองมันง่ายครับ
ใครๆ ก็อยากได้แบบนั่นอ่ะ
อิงกับเจ้าของกิจการมากเกินไป ประชาชนก็ต้องรับผลกรรมต่อไป
ตอนนี้ถ้าไม่หาทางลดราคาน้ำมันลงมา ค่าครองชีพขึ้นแน่นอน เศรษฐกิจก็ไม่ได้ดีเลยตอนนี้
ก็ต้องดูกึ๋นของรัฐบาลว่า จะทำยังไง
-
สมัยที่เขาเริ่มทำแก๊สโซฮอลกับน้ำมันดีเซลปาล์ม มันก็ไม่ได้ผิด จุดเริ่มต้นมันมาจากตรงนั้นละ เดี๋ยวนี้ทั่วโลกหลายแห่งน้ำมันเบนซินกลายเป็นผสมเป็น E5-E10 เรียบร้อยแล้ว หาได้ยากขึ้นแล้วที่ไม่ผสม นอกจากบางพื้นที่ เพราะเป็นการลดมลพิษจากน้ำมันเบนซินด้วย จึงต้องมีการผสม ไม่ได้เกี่ยวกับราคาน้ำมันอย่างเดียว ส่วนเรื่องที่ว่าตอนนี้ทำไมต้องผสม หยุดผสมก่อนเป็นการชั่วคราวได้ไหม เพราะช่วงนี้น้ำมันแพงจัด พลังานทางเลือกก็แพง คุณวรพล สิงห์เขียวพงษ์เคยตอบไว้ คือรัฐบาลเป็นคนกำหนดให้เอกชนตั้งโรงงานผลิตเอทานอลกับน้ำมันปาล์มเพื่อผสม อยู่ดี ๆ รัฐบาลจะมาบอกว่าไม่รับซื้อ ขอหยุดเลิกเท่านี้ เป็นการชั่วคราว มันเป็นไปไม่ได้ครับ ( ไม่รู้มีสัญญากันด้วยหรือเปล่า)
-
สมัยที่เขาเริ่มทำแก๊สโซฮอลกับน้ำมันดีเซลปาล์ม มันก็ไม่ได้ผิด จุดเริ่มต้นมันมาจากตรงนั้นละ เดี๋ยวนี้ทั่วโลกหลายแห่งน้ำมันเบนซินกลายเป็นผสมเป็น E5-E10 เรียบร้อยแล้ว หาได้ยากขึ้นแล้วที่ไม่ผสม นอกจากบางพื้นที่ เพราะเป็นการลดมลพิษจากน้ำมันเบนซินด้วย จึงต้องมีการผสม ไม่ได้เกี่ยวกับราคาน้ำมันอย่างเดียว ส่วนเรื่องที่ว่าตอนนี้ทำไมต้องผสม หยุดผสมก่อนเป็นการชั่วคราวได้ไหม เพราะช่วงนี้น้ำมันแพงจัด พลังานทางเลือกก็แพง คุณวรพล สิงห์เขียวพงษ์เคยตอบไว้ คือรัฐบาลเป็นคนกำหนดให้เอกชนตั้งโรงงานผลิตเอทานอลกับน้ำมันปาล์มเพื่อผสม อยู่ดี ๆ รัฐบาลจะมาบอกว่าไม่รับซื้อ ขอหยุดเลิกเท่านี้ เป็นการชั่วคราว มันเป็นไปไม่ได้ครับ ( ไม่รู้มีสัญญากันด้วยหรือเปล่า)
เคสนี้มีความเป็นไปได้นะ เพราะหน่วยงานของรัฐหลายๆที่ เวลาซื้อของอะไรที่ต้องตั้งโรงงานราคาแพงๆผลิตให้นั้น จะถูกร่างสัญญาแบบบังคับซื้อจำนวนขั้นต่ำ
ต้องซื้ออย่างน้อยเท่านี้ ถ้าไม่ซื้อ จะปรับอีกหลายเท่า เพื่อการันตีว่าโรงงานที่ตั้งมาจะไม่ขาดทุนเพราะเอาไปขายให้คนอื่นไม่ได้
มันมีๆ สัญญาบังคับซื้อขั้นต่ำ
-
อันดับแรกก่อนคือ ตอนนี้ถึงไม่ผสมน้ำมันปาล์มในดีเซล ราคาดีเซลก็ไม่ถูกลงไปกว่าปัจจุบัน
อันดับสอง ราคาน้ำมันปาล์มมันก็มีขึ้นมีลงนะครับ เคยมีช่วงลงจนชาวสวนปาล์มโวยเหมือนกัน
เรื่องน้ำมันผสมนี้มันมีผลดีตอนที่ปิโตรเลียมแพงกว่าเชื้อเพลิงจากผลิตผลเกษตร
แต่พอราคาปิโตรเลียมกลับไปสู่สมดุล มันก็มักจะถูกกว่า
จริงๆ แล้วอะไรถูกกว่าเราก็ปรับสูตรไปใช้อันนั้นได้
แต่ในทางปฎิบัติ การรักษาสภาพ supply ทั้งสองฝั่งให้พร้อมผลิตตลอดเวลา
รวมไปจนถึงแรงจูงใจให้สร้างรถที่ใช้น้ำมันได้หลากชนิดมันเป็นปัญหาที่ต้องเลี้ยง
เอาไว้ให้เขาผลิตให้เราพร้อมใช้มากกว่าครับ
ถ้ายกเลิกไบโอดีเซล ตอนนี้ก้ต้องลดลงซิครับ อย่างน้อยก็ 1 บาท ต่อลิตร
ดูสมาพันธ์ขนส่ง คำนวณออกมาเรียบร้อยแล้ว
อีกอย่าง ราคาน้ำมันปาล์ม ตอนนี้ มันใช่ราคาตลาดหรอครับ
อย่างนั้นแหละครับ นึกอยากเลิกก็เลิกเลย
แล้วพอปิโตรเลียมแพง น้ำมันพืชถูก ก็อยากเอามาผสมให้มันถูก
ถ้าเดี๋ยวเลิก เดี๋ยวอยาก แล้วในระบบซัพพลายมันทำได้ทันที
เครื่องจักร โพรเซส มันทำได้ทันที สเปกเครื่องมันรองรับได้ทันทีก็ดี
แต่ถ้าไม่ เดี๋ยวก็มาบ่นกันอีก ที่แน่ๆ ฟากอุตสาหกรรม
ก็ไม่อยากลงทุน ไม่อยากผลิตให้ เดี๋ยวผีเข้าผีออกแบบนี้
ลองผู้ใช้งานต้องลงทุนเองอย่างเช่นต้องติดตั้งระบบแก็สเอง
ติดโซล่าเอง ยังคิดหนักเลยใช่มั้ยครับ
เรื่องจะเอาสะดวก เอาถูก แต่ไม่ได้รับภาระเองมันง่ายครับ
ใครๆ ก็อยากได้แบบนั่นอ่ะ
อิงกับเจ้าของกิจการมากเกินไป ประชาชนก็ต้องรับผลกรรมต่อไป
ตอนนี้ถ้าไม่หาทางลดราคาน้ำมันลงมา ค่าครองชีพขึ้นแน่นอน เศรษฐกิจก็ไม่ได้ดีเลยตอนนี้
ก็ต้องดูกึ๋นของรัฐบาลว่า จะทำยังไง
ถ้าคิดแบบนี้ ผมเป็นเจ้าของกิจการ ผมไม่ทำให้นะครับ
ไปหาวัตถุดิบเอาเอง มาสั่งให้ผมผลิตป้อนให้ ผมต้องลงทุน
ซื้อที่ สร้างโรงงาน สร้างระบบ สร้างเครื่องจักร จ้างคนเพิ่ม
เงินลงทุนก็ต้องกู้ มีดอกเบี้ย มีจำนวนที่ต้องส่งคืนแน่นอน
แล้วจู่ๆ คำสั่งซื้อหายไปเฉย แล้วผมจะผลิตขายใคร
ทุนที่ลงไปแล้วใครรับผิดชอบ คนงานที่จ้างมาเป็นพนักงาน
เมื่อไม่มีงานป้อนจะเลิกจ้างได้มั้ย กฎหมายแรงงานก็ค้ำอยู่
มองเห็นภาพเหล่านี้จากอีกมุมหนึ่งมั้ยครับ
เพราะถ้านโยบาย คำสัญญาไม่มีความมั่นคงพอ
ก็ไม่มีใครอยากลงทุน ไม่มีใครอยากทำธุรกิจด้วย
เว้นแต่ว่า high risk high return
ลงทุนผลิตให้ก็ได้ แต่บนพื้นฐานของผู้ว่าจ้างที่ไม่มีความแน่นอน
จำเป็นต้องกดกำไรให้หนักๆ รีบๆ คืนทุน ให้พ่นช่วง
ความเสี่ยงเร็วๆ ทั้งหมดมันคือความจริงครับ
ตราบที่เราไม่ได้ยอมเหนื่อยทำเองใช้เอง คนทำ
คนเหนื่อยเขาก็ต้องขอค่าหนื่อยแหละครับ
เราอยากสบายก็ต้องยอมจ่าย
-
การมาของ ev คือการดิ้นเฮือกสุดท้าย ของเจ้าของบ่อน้ำมันไงครับ เป็นการวางหมากมานานแล้ว เพราะรู้ว่า ev จะเข้ามาแทนในที่สุด เรื่องสงคราม เรื่องสงครามมันก็อยู่ในแผน มันเป็นเรื่องของการสมคบคิดของคนมีอำนาจ มีทรัพยากร ที่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อผลประโยชน์ที่กำลังจะหมดไป
-
เรื่องเอาน้ำมันปาล์มมาผสม เรื่องนี้มันมีคนใด้คนเสีย แน่นอน ไม่ใด้ทำกันแบบง่ายๆโง่ๆ แน่นอน
มีตุกติกกกันตลอด เมื่อราวครึ่งปีก่อน มีการออกมาประกาศ ห้ามห้างออกโปรนำ้มันพืชต่ำกว่าราคาเท่านั้น เท่านี้
บอกว่าจะช่วยเกษตรกรกร เชื่อไม่สนิทใจจริงๆ
-
เอทานอล ก็คล้ายกัน ราคามันแพงกว่าน้ำมัน และ รัฐบาลมีเงินอุดหนุนลิตรนึงหลายบาท ทั้งๆที่ ยกเลิกไป ใช้เบนซินเพียว ราคาน้ำมันก็ลง แต่อย่างว่า ผลประโยชน์มันเยอะ บริษัทใหญ่ๆทั้งนั้น ที่ได้ประโยชน์ตรงนี้
-
น้ำมันปาล์มนั่น ก็ไม่ได้ซื้อจากเกษตรกรตรงๆ เงินก็ไม่ได้กับเกษตรกรจริงๆ
มีคนบางคนเท่านั้นแหละที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้
แต่พอทั้งประเทศใช้รถไฟฟ้ากันหมด เรื่องนี้จะหายไป
คล้ายๆเรื่องล็อตตารี่แหละครับ ไงก็ขายใบละ 80 ไม่ได้
5 เสือ ไม่ยอมคาย คนรับไปก็ไม่ได้ขายเอง เอามาขายต่อๆๆ ไป ราคามันก็เลยต้องแพง
ถ้าจะแก้ง่ายๆก็คือไม่ซื้อ แค่นั้นเอง อยากขายใบละ 120 ก็ปล่อยให้ขายไป พอครบ 16 วันก็กลายเป็นกระดาษไร้ค่า
-
ต้องแยกเรื่องครับ
เรื่องน้ำมันแพง น้ำมันขึ้น มันก็ขึ้นจริง
เรื่องผสมไบโอดีเซล ที่เอาน้ำมันที่แพงกว่า มาผสม ก็ยิ่งทำให้แพงไปอีก
เรื่องกลไลภาษี ก็ซ้ำซ้อนเกินไป
เรื่องกลไลราคา ก็ไม่รู้ไปอ้างอิงนอกประเทศทำไม เวลาขึ้นก็ขึ้น เวลาลง แล้วกลับค้างอยู่ดอย ไม่ยอมลงอีก
ผมว่ามันหลายเรื่องปนเปกัน
พอเรื่องเอาไบโอดีเซล มาผสม ผมเห็นด้วย ว่าในยุคนึงสมัยนึง ราคาไบโอมันถูก เลยเอามาผสม แต่พอมันแพงขึ้นมา แล้วยังผสมอยู่ มันก็กลายเป็นว่า ทำให้เป็นต้นทุนที่เพิ่มไปอีก แต่พอจะเอาถอดจาก B20 B10 B7 กลับไป B0 แต่รถที่เขาผลิตมาแล้วรองรับ B20 B10 มันก็จะกลายเป็นเดือดร้อน ทั้งคนหาน้ำมันเติม และ โรงงานที่ผลิตรถยนต์ ที่นโยบาย แกว่งไป แกว่งมา
สุดท้าย ผมว่า แค่บริหารจัดการในทุกส่วนมันดี ราคาขึ้นๆ ลงๆ ผมว่าคนจะด่าน้อยกว่า เรื่องบริหารจัดการและภาษีซ้ำซ้อน มากกว่าอีกครับ
อย่างเดือน พ.ค.65 นี้ จะปล่อยลอยตัวดีเซล แทนที่จะปล่อยขึ้นแบบขั้นบันได แต่มาก๊กไว้ที่ 30 บาท พอปล่อยลอยตัวที กระโดดไปเกือบ 40 บาท นี่ช๊อคเลยนะครับ ทั้งภาคคนใช้รถทั่วไป และ ภาคขนส่ง เขาด่าเช็ดแน่ ไม่เชื่อคำผม คอยดูได้เลย
รถ B10 B20 มีเยอะมั้ยครับ ในประเทศไทย ขอความรู้ทีนะครับ รถอะไรบ้างที่เติมได้เฉพาะ B20
ตอนช่วงที่เขาจะประกาศ B10 เป็น ดีเซลมาตรฐาน ทุกค่าย ทุกยี่ห้อ เขาประกาศ list รุ่น ยี่ห้อ ที่รองรับ B10 รวมไปถึง B20 ออกมาเยอะแยะครับ คนที่ใช้ดีเซล ผมว่าเขามีข้อมูลนี้พอสมควรเลย
งั้นผมเอาแค่ที่คุณอาจจะรู้ หรือ ไม่รู้ ละกัน
Hilux Vigo/Revo/Fortuner ตั้งแต่ปี 2012 ขึ้นมา รองรับ B20 ได้หมด ตั้งแต่ เครื่อง 1GD, 2GD มายัน 1KD 2KD
D-Max/Mu-X ตั้งแต่ปี 2011 ขึ้นมา รองรับ B20 ทั้งหมด ตั้งแต่เครื่อง 4JK, 4JJ ยัน 1.9 RZ4E
และอื่นๆ อีกมามาย ยันหักลาก รถบรรทุก ครับ
-
ต้องแยกเรื่องครับ
เรื่องน้ำมันแพง น้ำมันขึ้น มันก็ขึ้นจริง
เรื่องผสมไบโอดีเซล ที่เอาน้ำมันที่แพงกว่า มาผสม ก็ยิ่งทำให้แพงไปอีก
เรื่องกลไลภาษี ก็ซ้ำซ้อนเกินไป
เรื่องกลไลราคา ก็ไม่รู้ไปอ้างอิงนอกประเทศทำไม เวลาขึ้นก็ขึ้น เวลาลง แล้วกลับค้างอยู่ดอย ไม่ยอมลงอีก
ผมว่ามันหลายเรื่องปนเปกัน
พอเรื่องเอาไบโอดีเซล มาผสม ผมเห็นด้วย ว่าในยุคนึงสมัยนึง ราคาไบโอมันถูก เลยเอามาผสม แต่พอมันแพงขึ้นมา แล้วยังผสมอยู่ มันก็กลายเป็นว่า ทำให้เป็นต้นทุนที่เพิ่มไปอีก แต่พอจะเอาถอดจาก B20 B10 B7 กลับไป B0 แต่รถที่เขาผลิตมาแล้วรองรับ B20 B10 มันก็จะกลายเป็นเดือดร้อน ทั้งคนหาน้ำมันเติม และ โรงงานที่ผลิตรถยนต์ ที่นโยบาย แกว่งไป แกว่งมา
สุดท้าย ผมว่า แค่บริหารจัดการในทุกส่วนมันดี ราคาขึ้นๆ ลงๆ ผมว่าคนจะด่าน้อยกว่า เรื่องบริหารจัดการและภาษีซ้ำซ้อน มากกว่าอีกครับ
อย่างเดือน พ.ค.65 นี้ จะปล่อยลอยตัวดีเซล แทนที่จะปล่อยขึ้นแบบขั้นบันได แต่มาก๊กไว้ที่ 30 บาท พอปล่อยลอยตัวที กระโดดไปเกือบ 40 บาท นี่ช๊อคเลยนะครับ ทั้งภาคคนใช้รถทั่วไป และ ภาคขนส่ง เขาด่าเช็ดแน่ ไม่เชื่อคำผม คอยดูได้เลย
รถ B10 B20 มีเยอะมั้ยครับ ในประเทศไทย ขอความรู้ทีนะครับ รถอะไรบ้างที่เติมได้เฉพาะ B20
ตอนช่วงที่เขาจะประกาศ B10 เป็น ดีเซลมาตรฐาน ทุกค่าย ทุกยี่ห้อ เขาประกาศ list รุ่น ยี่ห้อ ที่รองรับ B10 รวมไปถึง B20 ออกมาเยอะแยะครับ คนที่ใช้ดีเซล ผมว่าเขามีข้อมูลนี้พอสมควรเลย
งั้นผมเอาแค่ที่คุณอาจจะรู้ หรือ ไม่รู้ ละกัน
Hilux Vigo/Revo/Fortuner ตั้งแต่ปี 2012 ขึ้นมา รองรับ B20 ได้หมด ตั้งแต่ เครื่อง 1GD, 2GD มายัน 1KD 2KD
D-Max/Mu-X ตั้งแต่ปี 2011 ขึ้นมา รองรับ B20 ทั้งหมด ตั้งแต่เครื่อง 4JK, 4JJ ยัน 1.9 RZ4E
และอื่นๆ อีกมามาย ยันหักลาก รถบรรทุก ครับ
ผมว่าเขาน่าจะหมายถึงรถอะไรที่เติมได้เฉพาะดีเซล B20 ไม่สามารถเติมน้ำมันอย่างอื่นได้
ซึ่งผมบอกได้เลยว่าไม่มีครับ เพราะรถที่เติม B20 ได้ก็ต้องเติม B5 , B2 หรือ B0 ได้แน่นอนครับ
-
ด้านรถยนต์ที่ใช้ Bx หรือ Ex ไม่มีปัญหาหรอกครับ ถ้าจะเป็น ฺB0/E0 แต่ทางด้านนโยบาย หรือ การลงทุนผมก็เห็นด้วยนะ กลับไปกลับมามันจะดูสับสน ยกเว้นว่าจะเป็นคนผลิตน้ำมันเองที่ทำทั้ง Biodisel/Ethanol
โรงกลั่นเอทานอล(ที่เกิดขึ้นตอนกระแสดีๆ) อาจจะยังก่ายหน้าผากอยู่เลยมั้งครับ :-X :-X :-X
-
น้ำมันปาล์มนั่น ก็ไม่ได้ซื้อจากเกษตรกรตรงๆ เงินก็ไม่ได้กับเกษตรกรจริงๆ
มีคนบางคนเท่านั้นแหละที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้
แต่พอทั้งประเทศใช้รถไฟฟ้ากันหมด เรื่องนี้จะหายไป
คล้ายๆเรื่องล็อตตารี่แหละครับ ไงก็ขายใบละ 80 ไม่ได้
5 เสือ ไม่ยอมคาย คนรับไปก็ไม่ได้ขายเอง เอามาขายต่อๆๆ ไป ราคามันก็เลยต้องแพง
ถ้าจะแก้ง่ายๆก็คือไม่ซื้อ แค่นั้นเอง อยากขายใบละ 120 ก็ปล่อยให้ขายไป พอครบ 16 วันก็กลายเป็นกระดาษไร้ค่า
เอาหวยบนดินกลับมาก็สิ้นเรื่อง
-
ต้องแยกเรื่องครับ
เรื่องน้ำมันแพง น้ำมันขึ้น มันก็ขึ้นจริง
เรื่องผสมไบโอดีเซล ที่เอาน้ำมันที่แพงกว่า มาผสม ก็ยิ่งทำให้แพงไปอีก
เรื่องกลไลภาษี ก็ซ้ำซ้อนเกินไป
เรื่องกลไลราคา ก็ไม่รู้ไปอ้างอิงนอกประเทศทำไม เวลาขึ้นก็ขึ้น เวลาลง แล้วกลับค้างอยู่ดอย ไม่ยอมลงอีก
ผมว่ามันหลายเรื่องปนเปกัน
พอเรื่องเอาไบโอดีเซล มาผสม ผมเห็นด้วย ว่าในยุคนึงสมัยนึง ราคาไบโอมันถูก เลยเอามาผสม แต่พอมันแพงขึ้นมา แล้วยังผสมอยู่ มันก็กลายเป็นว่า ทำให้เป็นต้นทุนที่เพิ่มไปอีก แต่พอจะเอาถอดจาก B20 B10 B7 กลับไป B0 แต่รถที่เขาผลิตมาแล้วรองรับ B20 B10 มันก็จะกลายเป็นเดือดร้อน ทั้งคนหาน้ำมันเติม และ โรงงานที่ผลิตรถยนต์ ที่นโยบาย แกว่งไป แกว่งมา
สุดท้าย ผมว่า แค่บริหารจัดการในทุกส่วนมันดี ราคาขึ้นๆ ลงๆ ผมว่าคนจะด่าน้อยกว่า เรื่องบริหารจัดการและภาษีซ้ำซ้อน มากกว่าอีกครับ
อย่างเดือน พ.ค.65 นี้ จะปล่อยลอยตัวดีเซล แทนที่จะปล่อยขึ้นแบบขั้นบันได แต่มาก๊กไว้ที่ 30 บาท พอปล่อยลอยตัวที กระโดดไปเกือบ 40 บาท นี่ช๊อคเลยนะครับ ทั้งภาคคนใช้รถทั่วไป และ ภาคขนส่ง เขาด่าเช็ดแน่ ไม่เชื่อคำผม คอยดูได้เลย
รถ B10 B20 มีเยอะมั้ยครับ ในประเทศไทย ขอความรู้ทีนะครับ รถอะไรบ้างที่เติมได้เฉพาะ B20
ตอนช่วงที่เขาจะประกาศ B10 เป็น ดีเซลมาตรฐาน ทุกค่าย ทุกยี่ห้อ เขาประกาศ list รุ่น ยี่ห้อ ที่รองรับ B10 รวมไปถึง B20 ออกมาเยอะแยะครับ คนที่ใช้ดีเซล ผมว่าเขามีข้อมูลนี้พอสมควรเลย
งั้นผมเอาแค่ที่คุณอาจจะรู้ หรือ ไม่รู้ ละกัน
Hilux Vigo/Revo/Fortuner ตั้งแต่ปี 2012 ขึ้นมา รองรับ B20 ได้หมด ตั้งแต่ เครื่อง 1GD, 2GD มายัน 1KD 2KD
D-Max/Mu-X ตั้งแต่ปี 2011 ขึ้นมา รองรับ B20 ทั้งหมด ตั้งแต่เครื่อง 4JK, 4JJ ยัน 1.9 RZ4E
และอื่นๆ อีกมามาย ยันหักลาก รถบรรทุก ครับ
FTN 2016 ศูนย์แจ้งว่า B10 เติมได้เลย ไม่มีปัญหา แต่ถ้า B20 ต้องเข้ามาเปลี่ยนอุปกรณ์ก่อน ซึ่งผมลืมถามว่าต้องเปลี่ยนอะไรนะ
ที่ผ่านมาเลยเติม B10 มาตลอด พอ B7 ราคาเท่ากัน ก็กลับมา B7
นอกเรื่อง
ปรกติเป็นคนที่ใช้ E20/E10/V-Power แล้วแยกไม่ออก
แต่พอ B7 เทียบกับ B10 แล้ว B10 อืดแบบรุ้สึกได้เลย ไม่รู้ว่า B20 จะเป็นยังไง
-
ต้องแยกเรื่องครับ
เรื่องน้ำมันแพง น้ำมันขึ้น มันก็ขึ้นจริง
เรื่องผสมไบโอดีเซล ที่เอาน้ำมันที่แพงกว่า มาผสม ก็ยิ่งทำให้แพงไปอีก
เรื่องกลไลภาษี ก็ซ้ำซ้อนเกินไป
เรื่องกลไลราคา ก็ไม่รู้ไปอ้างอิงนอกประเทศทำไม เวลาขึ้นก็ขึ้น เวลาลง แล้วกลับค้างอยู่ดอย ไม่ยอมลงอีก
ผมว่ามันหลายเรื่องปนเปกัน
พอเรื่องเอาไบโอดีเซล มาผสม ผมเห็นด้วย ว่าในยุคนึงสมัยนึง ราคาไบโอมันถูก เลยเอามาผสม แต่พอมันแพงขึ้นมา แล้วยังผสมอยู่ มันก็กลายเป็นว่า ทำให้เป็นต้นทุนที่เพิ่มไปอีก แต่พอจะเอาถอดจาก B20 B10 B7 กลับไป B0 แต่รถที่เขาผลิตมาแล้วรองรับ B20 B10 มันก็จะกลายเป็นเดือดร้อน ทั้งคนหาน้ำมันเติม และ โรงงานที่ผลิตรถยนต์ ที่นโยบาย แกว่งไป แกว่งมา
สุดท้าย ผมว่า แค่บริหารจัดการในทุกส่วนมันดี ราคาขึ้นๆ ลงๆ ผมว่าคนจะด่าน้อยกว่า เรื่องบริหารจัดการและภาษีซ้ำซ้อน มากกว่าอีกครับ
อย่างเดือน พ.ค.65 นี้ จะปล่อยลอยตัวดีเซล แทนที่จะปล่อยขึ้นแบบขั้นบันได แต่มาก๊กไว้ที่ 30 บาท พอปล่อยลอยตัวที กระโดดไปเกือบ 40 บาท นี่ช๊อคเลยนะครับ ทั้งภาคคนใช้รถทั่วไป และ ภาคขนส่ง เขาด่าเช็ดแน่ ไม่เชื่อคำผม คอยดูได้เลย
รถ B10 B20 มีเยอะมั้ยครับ ในประเทศไทย ขอความรู้ทีนะครับ รถอะไรบ้างที่เติมได้เฉพาะ B20
ตอนช่วงที่เขาจะประกาศ B10 เป็น ดีเซลมาตรฐาน ทุกค่าย ทุกยี่ห้อ เขาประกาศ list รุ่น ยี่ห้อ ที่รองรับ B10 รวมไปถึง B20 ออกมาเยอะแยะครับ คนที่ใช้ดีเซล ผมว่าเขามีข้อมูลนี้พอสมควรเลย
งั้นผมเอาแค่ที่คุณอาจจะรู้ หรือ ไม่รู้ ละกัน
Hilux Vigo/Revo/Fortuner ตั้งแต่ปี 2012 ขึ้นมา รองรับ B20 ได้หมด ตั้งแต่ เครื่อง 1GD, 2GD มายัน 1KD 2KD
D-Max/Mu-X ตั้งแต่ปี 2011 ขึ้นมา รองรับ B20 ทั้งหมด ตั้งแต่เครื่อง 4JK, 4JJ ยัน 1.9 RZ4E
และอื่นๆ อีกมามาย ยันหักลาก รถบรรทุก ครับ
FTN 2016 ศูนย์แจ้งว่า B10 เติมได้เลย ไม่มีปัญหา แต่ถ้า B20 ต้องเข้ามาเปลี่ยนอุปกรณ์ก่อน ซึ่งผมลืมถามว่าต้องเปลี่ยนอะไรนะ
ที่ผ่านมาเลยเติม B10 มาตลอด พอ B7 ราคาเท่ากัน ก็กลับมา B7
นอกเรื่อง
ปรกติเป็นคนที่ใช้ E20/E10/V-Power แล้วแยกไม่ออก
แต่พอ B7 เทียบกับ B10 แล้ว B10 อืดแบบรุ้สึกได้เลย ไม่รู้ว่า B20 จะเป็นยังไง
ผมขับรถ 2 ปี ก็แสนโลแล้ว
เก๋งผมเติม E10 E20 ที่ส่วนต่าง 10% ผมไม่รู้สึกถึงความต่างเลย ถ้ารถเติม E85 ได้ก็คงเติมไปแล้ว
SUV ผมเติม B7 B10 B20(ไม่ค่อย เพราะหาปั้มเติมยาก) ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความต่างกันเลยเอาจริง
ถ้า B7 vs B10 ส่วนต่างแค่ 3% คุณยังแยกได้ ผมนับถือครับ ถ้าต่างกันหลัก 10% ไม่แบบขับแทบไม่ได้เลยเหรอครับ
แต่ก่อนราคา B10 ถูกกว่า B7 ประมาณ 3-4 บาท (ฺB20 ถูกกว่า B10 ประมาณ 2-3 บาท) แต่หลังๆ ถอยมาเติม B7 เป็นหลักเหมือนกันครับ เพราะราคาไม่ได้ต่างกันแล้ว
-
ปัญหาทุกอย่างในกระทู้นี้จะไม่เกิดขึ้นเลยครับ
ถ้าคนที่เกี่ยวข้องเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน
-
พอพูดถึงน้ำมันปาล์มนี่เป็นโทษต่อสุขภาพอย่างมากๆเลยนะครับ ก่อให้เกิดโรคคลอเรสเตอรอล โรคหัวใจได้ดีกว่าน้ำมันหมู น้ำมันพืชชนิดอื่นๆ ส่วนรถยนต์ก็อย่างที่เห็นไม่ดีต่อหัวฉีดเท่าไหร่เพราะมันเกาะเป็นคราบเหนียวครับ ทำให้หัวฉีดอุดตันนะครับ
-
คิดง่ายๆ นะครับ
ถ้าไม่ผสมเอทานอล ก็ต้องผสม MTBE แทน ซึ่ง MTBE แพงกว่าเอทานอลแถมต้องนำเข้าอีกด้วย หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าไม่ผสมทั้งสองเลยได้ไหม คำตอบคือมันไม่ไหวครับ เพราะค่าออกเทนน้ำมันเบนซินจากหอกลั่นมันต่ำกว่า 75 ซะอีกครับ มันชิงจุดระเบิดง่ายเกินไป และกันอาการน๊อกได้ต่ำมาก ใช้เป็นเชื้อเพลิงรถไม่ไหว
ส่วนดีเซลผสมปาล์ม
เรื่องนี้ผมไม่รู้เชิงเทคนิคอะไรมาก รู้แต่ว่าแต่แรกเริ่มเครื่องยนต์ดีเซลนั้นถูกคิดค้นมาเพื่อใช้กับน้ำมันปาล์มครับ
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมต้องผสม เอื้อกลุ่มผลประโยชน์ไหนหรือเปล่า
ถ้าจะว่าเอื้อมันก็เอื้อแหละครับ แต่ลองมองอีกมุมนึง กลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์ เค้าก็คนในประเทศเรานี่แหละครับ เค้าได้เงินไปก็ใช้จับจ่ายใช้สอยในประเทศเรา
ต่างกับถ้าเราไม่ผสม เราก็ต้องนำเข้าสารผสมต่างๆ และน้ำมันจากต่างประเทศมากขึ้น และเงินมันก็ไหลออกจากประเทศมากขึ้น โอกาสที่เงินจะไหลกลับเข้ามาก็น้อยกว่า เราก็จะเสียดุลการค้าให้กับกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเต็มๆ
อาการเสียดุลการค้าเป็นยังไง ช่วงแรกๆ ผู้ใช้รถดีเซลก็จะดีใจที่น้ำมันถูกลง แต่สักพักก็เริ่มจะรู้สึกตัวว่า รายได้ตัวเองลดลงเร็วกว่าค่าน้ำมัน เพราะกลุ่มที่เคยได้ผลประโยชน์ก่อนหน้าเจ๊งไป เค้าก็ไปหาอาชีพใหม่ทำ อาชีพนั้นก็คือมาแย่งอาชีพอื่นๆนอกจากปลูกปาล์มนั่นแหละครับ ในเมื่อตัวหารมากขึ้น รายได้ย่อมลดลงนั่นเองครับ
-
รถเบนซินกับดีเซลคงจะไม่ต่างกันมากแล้ว หลังจากนี้ถ้าจะซื้อรถใหม่คงรอไปรถไฟฟ้ากันแล้ว
-
คิดง่ายๆ นะครับ
ถ้าไม่ผสมเอทานอล ก็ต้องผสม MTBE แทน ซึ่ง MTBE แพงกว่าเอทานอลแถมต้องนำเข้าอีกด้วย หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าไม่ผสมทั้งสองเลยได้ไหม คำตอบคือมันไม่ไหวครับ เพราะค่าออกเทนน้ำมันเบนซินจากหอกลั่นมันต่ำกว่า 75 ซะอีกครับ มันชิงจุดระเบิดง่ายเกินไป และกันอาการน๊อกได้ต่ำมาก ใช้เป็นเชื้อเพลิงรถไม่ไหว
ส่วนดีเซลผสมปาล์ม
เรื่องนี้ผมไม่รู้เชิงเทคนิคอะไรมาก รู้แต่ว่าแต่แรกเริ่มเครื่องยนต์ดีเซลนั้นถูกคิดค้นมาเพื่อใช้กับน้ำมันปาล์มครับ
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมต้องผสม เอื้อกลุ่มผลประโยชน์ไหนหรือเปล่า
ถ้าจะว่าเอื้อมันก็เอื้อแหละครับ แต่ลองมองอีกมุมนึง กลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์ เค้าก็คนในประเทศเรานี่แหละครับ เค้าได้เงินไปก็ใช้จับจ่ายใช้สอยในประเทศเรา
ต่างกับถ้าเราไม่ผสม เราก็ต้องนำเข้าสารผสมต่างๆ และน้ำมันจากต่างประเทศมากขึ้น และเงินมันก็ไหลออกจากประเทศมากขึ้น โอกาสที่เงินจะไหลกลับเข้ามาก็น้อยกว่า เราก็จะเสียดุลการค้าให้กับกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเต็มๆ
อาการเสียดุลการค้าเป็นยังไง ช่วงแรกๆ ผู้ใช้รถดีเซลก็จะดีใจที่น้ำมันถูกลง แต่สักพักก็เริ่มจะรู้สึกตัวว่า รายได้ตัวเองลดลงเร็วกว่าค่าน้ำมัน เพราะกลุ่มที่เคยได้ผลประโยชน์ก่อนหน้าเจ๊งไป เค้าก็ไปหาอาชีพใหม่ทำ อาชีพนั้นก็คือมาแย่งอาชีพอื่นๆนอกจากปลูกปาล์มนั่นแหละครับ ในเมื่อตัวหารมากขึ้น รายได้ย่อมลดลงนั่นเองครับ
ความรู้ใหม่เลยนะครับเนี่ย ว่า การผสมเอทานอล ส่วนนึงคือ การเพิ่ม อ้อคเทนให้น้ำมัน
ส่วนเรื่องเอื้อมันก็เอื้อ จริง
เพราะก่อน เอาเททานอล มาผสม น้ำมัน
ราคาอิงตลาดโลก อยู่ที่ลิตรละ 15 บาท เมื่อ สัก 15 ปีก่อน
แต่พอาเอามาผสม น้ำมัน กลายเป็นแก้กฏหมาย เป็น 25 บาท +++ แบบไม่อิงราคาโลก
อันนี้ เอื้อโรงกลั่นเอทานอล แบบชัดเจน
ส่วน ราคาไบโอดีเซล หรือ น้ำมันปลาม์ แต่ก่อนหน้านั้น ยุคที่ยังไม่บังคับผสม B7
ราคา มันพอๆกับ เอทานอลคือ 25 บาท
แต่พอ รัฐออกกฏเอามาผสม น้ำมัน แล้วไปอิงราคาโลกที่ ราคาขึ้นไปทะลุ 56 บาท ในปัจจุบัน
แถมพอบังคับ เอามาเติมในดีเซลทุกตัว กลายเป็นว่า ของขาด ปั่นราคาไปอีก
คือ นโยบายมันไม่โปร่งใสแบบ 100 %
มันจะไปไม่สุดทาง แก้ไป แก้ไมา