Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Hayachan ที่ เมษายน 29, 2022, 21:50:29
-
เพื่อนแนะนำให้เติมแบบพรีเมี่ยมEuro5 เพราะส่งผลดีต่อเครื่องเขม่าน้อยและไม่ต้องล้างท่อไอดี เรื่องนี้จริงไหมครับ
-
แล้วแต่ spec รถครับ มีแต่ benz กับ bmw หรือ Audi ต้อง euro 5 ครับ เพราะคู่มือแนะนำให้เติมดีเซลที่มีกำมะถันต่ำกว่า 50 ppm แต่ก็ใช้ euro 4 ได้แต่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อยขึ้น
-
สำหรับผมนะ ผมเติมธรรมดาก็พอ นานๆวิ่งทางไกลค่อยเติมทีนึง
คิดเล่นๆนะ ถ้ารถวิ่ง 1 แสนกิโล กินน้ำมันที่ 13 โลลิตร จะใช้น้ำมันทั้งหมด 7692 ลิตร
ถ้าใช้B7ก็จะจ่ายประมาณ 230000 บาท
แต่ถ้าเป็นพรีเมี่ยมก็จะจ่ายประมาณ 277000 บาท
ส่วนต่างเกือบ5หมื่นผมคิดว่าน่าจะมากเกินพอสำหรับเอาไปล้างท่อไอดีได้สบายๆ
อันนี้ผมคิดเล่นๆเด้อ 55555
-
เรื่องท่อไอดีและวาวล์ไอดียังไงก็มีเขม่าครับ ดีเซลเหมือนเบนซินฉีดตรง น้ำมันไม่ผ่านวาวล์ไอดี และ EGR ก็วนไอเสียมาเป็นเขม่า วิ่งเกิน 3-5หมื่นแกะดูได้เลย ยิ่งวิ่งเป็นแสนเขม่าอย่างหนาแทบตัน ต่อให้เติมพรีเมียมทุกถัง
-
อัตราเร่ง
ขับทุกวันปกติเติมพรีเมี่ยมตลอด แฟนเอาไปใช้เติมธรรมดามารู้เลย อืดกว่าแบบเห็นได้ชัด
อัตราการบริโภคน้ำมัน
อันนี้เคยจับคำนวณเลย ต่างจริงๆ ธรรมดากินกว่าเยอะ
ตอนราคาต่างกัน 3 บาทเลยเติมพรีเมี่ยมตลอด
แต่ตอนนี้เติมธรรมดาแล้ว เพราะมันต่างกัน 5-6 บาท
ขับช้าๆ เอา
-
รถกระบะคันโปรดใช้มาสิบกว่าปี ตอนนี้เติมเฉพาะ แบบพรีเมี่ยมที่ shell ตลอด มโนไปเองว่าดูแลเครื่องยนต์ได้ดีกว่า ส่วนที่สัมผัสได้ก็คืออัตราเร่งที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
-
ดีเซลพรีเมียมเกรด Euro 4 เรื่องความแรงวัดใจของแต่ละคนกันเอง
แต่ถ้าดีเซลพรีเมียมเกรด Euro 5 สำหรับรถยุโรป Euro 5/6 ที่เติม AdBlue (Euro 6) อันนี้วัดจากความเปลืองชัดเจนว่า น้ำมันเกรด Euro 5 ใช้ AdBlue ลดลง
-
น้ำมันดีๆก็มีส่วนกับรถนะครับ กระบะผมเติบพรีเมี่ยมวิ่งดีกว่า ไม่ได้คิดเองนะครับ เพราะเติมธรรมดามันอืดจริงๆ
-
เอาแค่ระหว่าง ธรรมดา กับ Premiumนะครับ ขอไม่พูดถึงEuro4หรือ5. รถดีเซลแทบทุกคันในปัจจุบันเป็นฉีดตรงและมี EGR ซึ่งมันเอาเขม่ากลับไปเข้าห้องจุดระเบิดใหม่ ไม่ว่าจะน้ำมันตัวไหน นานๆไปก็มีเขม่าเกาะแน่นอนครับ. ทีนี้เงินส่วนต่าง นานๆไปมันก็มากพอตัวระหว่าน้ำมัน2แบบนี้ตามที่ความเห็นบนๆกล่าวไว้ ซึ่งตัวผมก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกันครับ และผมจะเอาส่วนต่างนี้ไปใช้กับค่าล้างท่าร่วม/ค่าเช็คหัวฉีดครับ.
ส่วนเรื่องความแรง ผมเคยดูในYoutube เป็นช่องของตปท.เอาน้ำมันธรรมดามาเทียบกับ Premium โดยใช้รถ3แบบ 3ยี่ห้อเป็นตัวทดลอง. ผมออกมาคือมีแค่ 1คัน ที่พอวัดแรงม้าแล้วมีกำลังเพิ่มขึ้นแค่นิดเดียวในช่วง Peakของกำลังเครื่องครับ. เรื่องนี้ผมก็เคยถามTunerคนไทยเหมือนกัน แกบอกว่าแกเคยวัดรถลูกค้า มันจะต่างแค่ช่วง Peakของกราฟแรงม้าแค่นิดเดียว.
สรุป พอใจจ่ายก็ตามสบายครับ เงินใครเงินมัน.
-
ต้องดูที่รถครับ ถ้ารถกระบะทั่วไป เติมธรรมดาก็ได้ครับ ถูกกว่าเยอะ แต่ถ้าพวกยุโรป พรีเมี่ยมเถอะครับ รักษาหัวฉีดหน่อย รถผมก็เติมแต่พรีเมี่ยมเครื่อง OM654 ไม่งอแงเลย แสนกว่าโลแล้ว
-
ส่วนต่างต่อลิตรเยอะเกินจะ10บาทอยู่แล้ว ผมเอาเงินไปเติมหัวเชื้อทุกครั้งที่เติมเต็มถังดีกว่า
-
สำหรับผมนะ ผมเติมธรรมดาก็พอ นานๆวิ่งทางไกลค่อยเติมทีนึง
คิดเล่นๆนะ ถ้ารถวิ่ง 1 แสนกิโล กินน้ำมันที่ 13 โลลิตร จะใช้น้ำมันทั้งหมด 7692 ลิตร
ถ้าใช้B7ก็จะจ่ายประมาณ 230000 บาท
แต่ถ้าเป็นพรีเมี่ยมก็จะจ่ายประมาณ 277000 บาท
ส่วนต่างเกือบ5หมื่นผมคิดว่าน่าจะมากเกินพอสำหรับเอาไปล้างท่อไอดีได้สบายๆ
อันนี้ผมคิดเล่นๆเด้อ 55555
ผมก็คิดแบบนี้ครับ
อีกอย่างผมใช้รถประมาณ 7 ปี ก็จะเปลี่ยน ราคารถมือ 2 ก็ขึ้นอยู่กับปีรถ+สภาพรถ
การเติมน้ำมันพรีเมี่ยม(ทั้งรถเบนซินและดีเซล) ไม่ได้ช่วยให้ราคามือ 2 สูงกว่ารถที่เติมเกรดธรรมดาเลยครับ
แต่ถ้าเป็นรถยุโรป เติมพรีเมี่ยมก็ดีครับ
-
สำหรับผมนะ ผมเติมธรรมดาก็พอ นานๆวิ่งทางไกลค่อยเติมทีนึง
คิดเล่นๆนะ ถ้ารถวิ่ง 1 แสนกิโล กินน้ำมันที่ 13 โลลิตร จะใช้น้ำมันทั้งหมด 7692 ลิตร
ถ้าใช้B7ก็จะจ่ายประมาณ 230000 บาท
แต่ถ้าเป็นพรีเมี่ยมก็จะจ่ายประมาณ 277000 บาท
ส่วนต่างเกือบ5หมื่นผมคิดว่าน่าจะมากเกินพอสำหรับเอาไปล้างท่อไอดีได้สบายๆ
อันนี้ผมคิดเล่นๆเด้อ 55555
ผมก็คิดเล่น ๆ แบบนี้แหละครับ ;D ;D ;D
ตอนนี้เลิกเติมพรีเมี่ยมมาได้ 6 ปี แล้ว เก็บส่วนต่างไว้เติมถังถัดไปดีกว่าครับ 8)
-
เคยเติมเต็มถังทีนึงไม่รู้สึกถึงความต่างเลย เสียดายตัง
-
เคยเติมแล้วรู้สึกไม่ต่าง เติม B7,B10 ก็พุ่งจ๊วดเหมือนกัน เอาตังไปซื้อพวกหัวเชื้อ Ester เติม เห็นผลกว่าเยอะ
-
Premium Euro 5 เขม่าน้อยกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเขม่าเกาะที่ไอดีเลยนะครับ
รถที่มีระบบกรองเขม่า PM ด้วยตัวกรองเขม่า DPF อ่ะสำหรับผมเห็นผลต่างระหว่างธรรมดากับพรีเมี่ยมตรงที่ระยะทางต่อรอบที่ระบบจะกำจัดเขม่าเท่านั้นเลยครับ
เรื่องการตอบสนอง แบรนด์น้ำมันยังมีผลซะกว่า
เรื่องอัตราการใช้ ก็ไม่ได้ต่างกันเป็นเงินที่จ่ายจนรู้สึกได้ขนาดนั้นครับ
บอกเลยว่าตั้งแต่พรีเมี่ยมแพงเกินไป จนต้องเติมธรรมดาทุกถัง ประหยัดไปได้เยอะครับ
-
หกเจ็ดปีแทบไม่เคยใช้ ดีเซล Euro5 ใช้แต่ Shell V-
เครื่องไม่มีปัญหาอะไร คุณภาพดีไว้ใจได้ อัตราเร่งดีกว่ายี่ห้อยูโร5อื่นๆ อีกด้วยซ้ำ
-
ใช้บางจากพรีเมียม euro5 อยู่ ok. นะครับ ใช้ 2ดีเซลเดิมๆ ไม่อุด ไม่ตัด ก็ปกติดี
ส่วนต่างค่าน้ำมันไม่ค่อยรู้สึกนะ ใช้รถไม่เยอะและรถค่อนข้างประหยัด เลยใช้พรีเมียมไปเลยจบๆ อัตราเร่งดีกว่าตัวธรรมดาแต่ก็ไม่ได้มากชัดเจน
ที่อยากเติมพรีเมียมอีกอย่างคือ ไอเสียน้อยกว่า ช่วยโลกได้นิดหน่อยก็ยังดี
แต่ตอนนี้พรีเมียมหาเติมยาก ถ้าเจอก็เติม ถ้าไม่เจอก็เติมธรรมดา แค่นั้นละครับ
-
ไม่ควรจะต้องมี ดีเซลพรีเมี่ยมด้วยซ้ำ ถ้าไทยทำตาม roadmap เดิมไม่ยอมอ่อนข้อให้บริษัทรถยนต์ ที่ ปี 62 ต้องเป็น Euro5 มาอ้างไม่พร้อมการผลิต ทั้งๆที่ ตัวส่งออก ผ่าน 5 6 ด้วยซ้ำ
นี่เลื่อนมากี่ปีแล้วดีกว่า เลื่อนจนไฟฟ้ากำลังจะต้องมาแทนแล้ว แต่ PM 2.5 ไม่รอนะ 7 8 ปีแล้ว แก้ไม่ได้
-
ชอบพรีเมียมมาก แต่หลังๆห่างกันเกิน5บาทไม่ไหวละครับ เมื่อก่อนห่างไม่เกิน3บาทต่อลิตเติมตลอด รถพุ่งกว่าประหยัดน้มันกว่า หารกม.ต่อลิตรจ่ายเท่าเติมตัวธรรมดาเลย ถ้ารถดีเซลยุโรประบบหัวฉีดpiezoเติมไปเหอะครับหลายคันได้สิบปลายๆยี่สิบโลลิตรก็พอไหว ส่วนกระบะไทยเติมพวกธรรมดาพอละครับ
-
น้ำมัน Euro5 มีแค่ 2 ยี่ห้อเองนะครับ
ปั้มอื่น Premium ก็ยังเป็น Euro4 อยู่เลย
เรื่องเขม่าปลายท่อ จริงครับ Euro5 เขม่าน้อยกว่าชัดเจน เติม Euro5 ตลอด จะรู้สึกได้เลยว่า เขม่าปลายท่อ ความดำของท่อ และ กลิ่น น้อยกว่า Euro4 พอสมควรเลย
เรื่องเขม่าที่ท่อร่วมไอดี อันนี้ เป็นเรื่องปกติ ที่มันจะดำ เพราะมันวนไอเสียเข้าไปครับ
เรื่องความต่าง การใช้งาน ผมไม่เรียกว่าต่าง เพราะมันไม่ได้ต่างชัดเจนขนาดนั้น
ผมเติม Euro5 ยาวๆ แล้วเติม Premium ยาวๆ แล้วมาสลับเติมธรรมดา การขับใช้งาน มันไม่ได้ต่างกันแบบรู้สึกได้ขนาดนั้นครับ เติมธรรมดาครับ ราคาถูกกว่าหลายบาทเลย
บางคนบอก การใช้งานอัตราเร่ง ดีกว่า เร็วกว่า ปรูดปร๊าดกว่า (ผมเคย test เองแล้ว ต่างกันแบบกระพริบตา หลักเสี้ยววินาที เรียกว่าไม่ต่างดีกว่า) มันไม่มีผลอะไรกับการใช้งานชีวิตประจำวันขนาดนั้นครับ
มันเอาความรู้สึก และ คุณค่าทางใจ มาวัดกันมากกว่า
ปล.ถ้าบางคนบอกต่างกันชัดแบบ จับไปนั่งทดสอบ blind test ดู จะรู้ไหมว่าต่างกันขนาดไหน ::)
-
ผมขับ BMW320dGT
เติม premium ช่วง 0-1.6 แสนโลแรกตลอด
เอาเข้าอู่นอก แงะดูพบเขม่าเต็ม ไม่รอด (ถ่ายรูปไว้แต่หาไม่เจอ)
หลังจากนั้น ไม่ใช้ premium อีกเลย
-
ไม่ควรจะต้องมี ดีเซลพรีเมี่ยมด้วยซ้ำ ถ้าไทยทำตาม roadmap เดิมไม่ยอมอ่อนข้อให้บริษัทรถยนต์ ที่ ปี 62 ต้องเป็น Euro5 มาอ้างไม่พร้อมการผลิต ทั้งๆที่ ตัวส่งออก ผ่าน 5 6 ด้วยซ้ำ
นี่เลื่อนมากี่ปีแล้วดีกว่า เลื่อนจนไฟฟ้ากำลังจะต้องมาแทนแล้ว แต่ PM 2.5 ไม่รอนะ 7 8 ปีแล้ว แก้ไม่ได้
ไม่เกี่ยว บ. รถครับ
เกี่ยวกับ บ.น้ำมัน(ฝรั่ง)มากกว่าที่ไม่พร้อมและไม่อยากลงทุนกับน้ำมัน euro5 ... จะบอกว่าช่วง PM2.5เยอะๆ บางจากปล่อยตัวธรรมดาเป็น euro5 ด้วยซ้ำ
และพรีเมียมฝรั่งทุกค่าย ไม่มีใครทำ euro5 เลย ไม่พร้อมไงและมองว่า เก๋งดีเซลที่ต้องเติม euro5 มันไม่ได้ไปต่อ(ในยุโรปตั้งแต่ปี58)ดังนั้นน้ำมันค่ายยุโรปเลยไม่คิดจะทุ่ม ผิดกับค่ายไทยที่คิดว่า รถกระบะดีเซลต้องอยู่กับคนไทยต่อไป...
และสุดท้าย ถ้ากระบะดีเซลเป็น euro5 หมดที่มี EGR DPF ... คิดว่าจะไม่มีคนถอดหรืออุดเหรอครับ ขนาด 2ดีเซล ยังถอดทิ้งแล้วมาคุยกันอย่างไม่รู้สึกผิดเลยครับ
PM2.5ไม่ใช่แค่รถครับ
รู้ไหมครับ ช่วงพีคของ PM2.5 กทม. ปีนี้คือ"วันสงกรานต์"ครับ วันที่ กทม.ไม่มีรถ...
-
ไม่ควรจะต้องมี ดีเซลพรีเมี่ยมด้วยซ้ำ ถ้าไทยทำตาม roadmap เดิมไม่ยอมอ่อนข้อให้บริษัทรถยนต์ ที่ ปี 62 ต้องเป็น Euro5 มาอ้างไม่พร้อมการผลิต ทั้งๆที่ ตัวส่งออก ผ่าน 5 6 ด้วยซ้ำ
นี่เลื่อนมากี่ปีแล้วดีกว่า เลื่อนจนไฟฟ้ากำลังจะต้องมาแทนแล้ว แต่ PM 2.5 ไม่รอนะ 7 8 ปีแล้ว แก้ไม่ได้
ไม่เกี่ยว บ. รถครับ
เกี่ยวกับ บ.น้ำมัน(ฝรั่ง)มากกว่าที่ไม่พร้อมและไม่อยากลงทุนกับน้ำมัน euro5 ... จะบอกว่าช่วง PM2.5เยอะๆ บางจากปล่อยตัวธรรมดาเป็น euro5 ด้วยซ้ำ
และพรีเมียมฝรั่งทุกค่าย ไม่มีใครทำ euro5 เลย ไม่พร้อมไงและมองว่า เก๋งดีเซลที่ต้องเติม euro5 มันไม่ได้ไปต่อ(ในยุโรปตั้งแต่ปี58)ดังนั้นน้ำมันค่ายยุโรปเลยไม่คิดจะทุ่ม ผิดกับค่ายไทยที่คิดว่า รถกระบะดีเซลต้องอยู่กับคนไทยต่อไป...
และสุดท้าย ถ้ากระบะดีเซลเป็น euro5 หมดที่มี EGR DPF ... คิดว่าจะไม่มีคนถอดหรืออุดเหรอครับ ขนาด 2ดีเซล ยังถอดทิ้งแล้วมาคุยกันอย่างไม่รู้สึกผิดเลยครับ
PM2.5ไม่ใช่แค่รถครับ
รู้ไหมครับ ช่วงพีคของ PM2.5 กทม. ปีนี้คือ"วันสงกรานต์"ครับ วันที่ กทม.ไม่มีรถ...
ค่ายน้ำมันฝรั่งจะทำยูโร 6 หรือครับ