Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Bornplanet ที่ พฤษภาคม 19, 2022, 12:02:09
-
รถยนต์ B-SUV Hybrid ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในไทยโดยเฉพาะ Honda HR-V และ Toyota Corolla Cross ปกติทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่า 22km/l เมื่อใช้โหมด EV ร่วมด้วย
แต่ทำไม Haval Jolion ถึงทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ต่ำกว่า 20km/l ทั้งๆที่ใช้โหมด EV ร่วมด้วย ผู้ใช้รถ Jolion บ่นกันเพียบเลยเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทั้งๆที่ราคาน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
-
แค่ H6 อัตราสิ้นเปลืองจริงๆ ยังไม่หนี CRV 2.4 เท่าไหร่ เลยครับ
แล้วจะใส่ Hybrid มาทำไม :D
ผมว่าค่ายญี่ปุ่น ยังวางใจได้ ทั้งความประหยัด และความทนทาน ครับ
คหสต นะครับ
-
โหมด EV คืออะไรครับ เพราะรถ HEV มันไม่มีการชาร์จไฟจากภายนอก
ดังนั้นโหมด EV ที่มีอยู่มันก็ใช้ไฟฟ้าที่ได้จากน้ำมันนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน ผมเคยสังเกตและตั้งคำถามหลายครั้งแล้วแหละ
ว่าระบบไฮบริดของยี่ห้อนั้นๆ ทำงานอย่างไร แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไหร่
จริงๆ แล้ว เครื่องยนต์สันดาป 1 ลูก มอเตอร์ 2 ตัว แบต มันถูกจัดเรียงร่วมกันอย่างไร
แบ่งงานกันอย่างไร ช่วยงานกันอย่างไร ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยครับ
-
อัตราสิ้นเปลืองหลักๆก็อยู่ทีเทคโนโลยีแหละครับ
ของ toyota มักจะพ่วงกับเครื่องใหญ่ รถก็มีแรงเพราะไฮบริดต้องแบกแบตหนักๆไปด้วย เลยทำให้ เครื่องทำงานหนัก กินน้ำมันเยอะ
ส่วนตัวเดาเองว่า เทคโนโลยีเครื่องของจีนยังไม่ดี (เดาจาก mg) ทำอัตราบริโภคน้ำมันได้แย่ในแรงที่น้อย เอามาใส่ hybrid ก็ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ดีพอที่จะแบกแบตไปด้วย
เลยทำให้อัตรากินน้ำมันเคลมมาแบบนั้นแหละครับ
bev จีนเลยดูชูโรงได้เพราะ เทคโนโลยีใหม่ r&d มาพร้อมๆกัน แต่เครื่องค่าย โต ฮอน หรือ เยอรมันต่างๆ เค้าเก๋าเกมมาเป็นร้อยปี
โหมด EV คืออะไรครับ เพราะรถ HEV มันไม่มีการชาร์จไฟจากภายนอก
ดังนั้นโหมด EV ที่มีอยู่มันก็ใช้ไฟฟ้าที่ได้จากน้ำมันนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน ผมเคยสังเกตและตั้งคำถามหลายครั้งแล้วแหละ
ว่าระบบไฮบริดของยี่ห้อนั้นๆ ทำงานอย่างไร แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไหร่
จริงๆ แล้ว เครื่องยนต์สันดาป 1 ลูก มอเตอร์ 2 ตัว แบต มันถูกจัดเรียงร่วมกันอย่างไร
แบ่งงานกันอย่างไร ช่วยงานกันอย่างไร ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยครับ
โหมด ev ก็คือใช้ไฟฟ้าล้วนอะครับ ของ toyota ก็มี กรณีเราปั่นไฟไว้เยอะๆ ก็มาจากน้ำมันนั่นแหละ regen brake ละได้ไฟคืนมา ขับช้าๆไม่อยากให้เครื่องติดก็เข้าโหมด ev ได้ครับ
ไม่จำเป็นว่ารถเสียบปลั๊กได้เท่านั้นที่จะมีโหมด ev
-
โหมด EV คืออะไรครับ เพราะรถ HEV มันไม่มีการชาร์จไฟจากภายนอก
ดังนั้นโหมด EV ที่มีอยู่มันก็ใช้ไฟฟ้าที่ได้จากน้ำมันนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน ผมเคยสังเกตและตั้งคำถามหลายครั้งแล้วแหละ
ว่าระบบไฮบริดของยี่ห้อนั้นๆ ทำงานอย่างไร แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไหร่
จริงๆ แล้ว เครื่องยนต์สันดาป 1 ลูก มอเตอร์ 2 ตัว แบต มันถูกจัดเรียงร่วมกันอย่างไร
แบ่งงานกันอย่างไร ช่วยงานกันอย่างไร ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยครับ
ของค่าย Honda กับ Toyota เค้าเคลียรนะครับว่า ใช้ระบบไหน ทำงานยังไง
-
ไฮบริดรถจีนกับรถญี่ปุ่นมันเทียบกันไม่ได้หรอกครับ
ญี่ปุ่นทำมานานมากแล้ว
jolion 15 โลลิตรได้ก็เก่งละ
กินเท่าเครื่อง 1.5,1.8 ธรรมดาของรถญี่ปุ่นยังยากเลย
-
โหมด EV คืออะไรครับ เพราะรถ HEV มันไม่มีการชาร์จไฟจากภายนอก
ดังนั้นโหมด EV ที่มีอยู่มันก็ใช้ไฟฟ้าที่ได้จากน้ำมันนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน ผมเคยสังเกตและตั้งคำถามหลายครั้งแล้วแหละ
ว่าระบบไฮบริดของยี่ห้อนั้นๆ ทำงานอย่างไร แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไหร่
จริงๆ แล้ว เครื่องยนต์สันดาป 1 ลูก มอเตอร์ 2 ตัว แบต มันถูกจัดเรียงร่วมกันอย่างไร
แบ่งงานกันอย่างไร ช่วยงานกันอย่างไร ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยครับ
ของค่าย Honda กับ Toyota เค้าเคลียรนะครับว่า ใช้ระบบไหน ทำงานยังไง
ใช่ครับ ญี่ปุ่น 2 เจ้านั้น ชัดเจนว่าระบบทำงานอย่างไร
แต่ของเจ้าอื่นหาข้อมูลไม่ค่อยได้เลยครับ อยากรู้เหมือนกันว่ามันทำงานกันอย่างไร
จะได้มาวิเคราะห์ผลว่าที่มันมีอัตราสิ้นเปลืองแบบนี้เพราะอะไร
-
อัตราสิ้นเปลืองหลักๆก็อยู่ทีเทคโนโลยีแหละครับ
ของ toyota มักจะพ่วงกับเครื่องใหญ่ รถก็มีแรงเพราะไฮบริดต้องแบกแบตหนักๆไปด้วย เลยทำให้ เครื่องทำงานหนัก กินน้ำมันเยอะ
ส่วนตัวเดาเองว่า เทคโนโลยีเครื่องของจีนยังไม่ดี (เดาจาก mg) ทำอัตราบริโภคน้ำมันได้แย่ในแรงที่น้อย เอามาใส่ hybrid ก็ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ดีพอที่จะแบกแบตไปด้วย
เลยทำให้อัตรากินน้ำมันเคลมมาแบบนั้นแหละครับ
bev จีนเลยดูชูโรงได้เพราะ เทคโนโลยีใหม่ r&d มาพร้อมๆกัน แต่เครื่องค่าย โต ฮอน หรือ เยอรมันต่างๆ เค้าเก๋าเกมมาเป็นร้อยปี
โหมด EV คืออะไรครับ เพราะรถ HEV มันไม่มีการชาร์จไฟจากภายนอก
ดังนั้นโหมด EV ที่มีอยู่มันก็ใช้ไฟฟ้าที่ได้จากน้ำมันนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน ผมเคยสังเกตและตั้งคำถามหลายครั้งแล้วแหละ
ว่าระบบไฮบริดของยี่ห้อนั้นๆ ทำงานอย่างไร แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไหร่
จริงๆ แล้ว เครื่องยนต์สันดาป 1 ลูก มอเตอร์ 2 ตัว แบต มันถูกจัดเรียงร่วมกันอย่างไร
แบ่งงานกันอย่างไร ช่วยงานกันอย่างไร ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยครับ
โหมด ev ก็คือใช้ไฟฟ้าล้วนอะครับ ของ toyota ก็มี กรณีเราปั่นไฟไว้เยอะๆ ก็มาจากน้ำมันนั่นแหละ regen brake ละได้ไฟคืนมา ขับช้าๆไม่อยากให้เครื่องติดก็เข้าโหมด ev ได้ครับ
ไม่จำเป็นว่ารถเสียบปลั๊กได้เท่านั้นที่จะมีโหมด ev
เข้าใจครับว่าโหมด EV คือไฟฟ้าล้วน แต่โหมด EV ในรถ HEV มันไม่ได้มีผลต่อ
อัตรากินน้ำมันเลยครับ เพราะถึงแม้ว่าจะวิ่ง EV โหมดล้วนๆ จนแบตหมดเกลี้ยง
มีอัตราการใช้น้ำมันเป็นศูนย์ แต่แล้วเครื่องสันดาปก็ต้องดึงน้ำมันไปปั่นไฟเติม
ไฟที่ใช้ไปอยู่ดีครับ ดังนั้นการมีหรือไม่มีโหมด EV ของรถ 2 รุ่น จึงไม่น่าจะเป็น
ปัจจัยหลักของการกินน้ำมันที่ต่างกันครับ
-
เทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปของจีนล้าหลังกว่า ญี่ปุ่น เยอรมัน เกาหลีใต้เยอะครับ แล้วเค้าไม่พัฒนาแล้ว
เพราะ รอev เหมือนเริ่มต้นกันใหม่ ความเสียเปรียบของจีนจะน้อยลงพอสมควรและอีกอย่าง การr&d เครื่อง
สันดาปใช้งบประมาณที่สูงมากครับ
-
เพราะมันมีข้อบกพร่องบางอย่าง
รถที่มีปัญหาเครื่องยนต์ธรรมดาก็เป็นครับ ก็จะมีการกินน้ำมันที่ผิดปกติ เช่น lancer ex หรือ fiesta ตอนวิ่งในเมือง หรือการเทียบว่า ทำไมcivic 1.5t ถึงประหยัดกว่า slyphy 1.6t แบบเกินกว่าขนาดเครื่องที่ควรจะเป็น
ทำให้อัตราสิ้นเปลืองไม่เหมาะสมกับขนาดเครื่องและกำลังเครื่องยนต์
จะเลือกรถก็ดูกันดีๆครับ ว่าในเมืองนอกเมืองกินสมเหตุสมผลรึเปล่า ถ้ากินผิดปกติส่วนมาก performance มักไม่ถึงแบบที่ควรจะเป็นด้วยครับ โดน2เด้ง ดีไม่ดีได้ซ่อมอีกเป็น3เด้ง
-
อัตราสิ้นเปลืองหลักๆก็อยู่ทีเทคโนโลยีแหละครับ
ของ toyota มักจะพ่วงกับเครื่องใหญ่ รถก็มีแรงเพราะไฮบริดต้องแบกแบตหนักๆไปด้วย เลยทำให้ เครื่องทำงานหนัก กินน้ำมันเยอะ
ส่วนตัวเดาเองว่า เทคโนโลยีเครื่องของจีนยังไม่ดี (เดาจาก mg) ทำอัตราบริโภคน้ำมันได้แย่ในแรงที่น้อย เอามาใส่ hybrid ก็ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ดีพอที่จะแบกแบตไปด้วย
เลยทำให้อัตรากินน้ำมันเคลมมาแบบนั้นแหละครับ
bev จีนเลยดูชูโรงได้เพราะ เทคโนโลยีใหม่ r&d มาพร้อมๆกัน แต่เครื่องค่าย โต ฮอน หรือ เยอรมันต่างๆ เค้าเก๋าเกมมาเป็นร้อยปี
โหมด EV คืออะไรครับ เพราะรถ HEV มันไม่มีการชาร์จไฟจากภายนอก
ดังนั้นโหมด EV ที่มีอยู่มันก็ใช้ไฟฟ้าที่ได้จากน้ำมันนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน ผมเคยสังเกตและตั้งคำถามหลายครั้งแล้วแหละ
ว่าระบบไฮบริดของยี่ห้อนั้นๆ ทำงานอย่างไร แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไหร่
จริงๆ แล้ว เครื่องยนต์สันดาป 1 ลูก มอเตอร์ 2 ตัว แบต มันถูกจัดเรียงร่วมกันอย่างไร
แบ่งงานกันอย่างไร ช่วยงานกันอย่างไร ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยครับ
โหมด ev ก็คือใช้ไฟฟ้าล้วนอะครับ ของ toyota ก็มี กรณีเราปั่นไฟไว้เยอะๆ ก็มาจากน้ำมันนั่นแหละ regen brake ละได้ไฟคืนมา ขับช้าๆไม่อยากให้เครื่องติดก็เข้าโหมด ev ได้ครับ
ไม่จำเป็นว่ารถเสียบปลั๊กได้เท่านั้นที่จะมีโหมด ev
เข้าใจครับว่าโหมด EV คือไฟฟ้าล้วน แต่โหมด EV ในรถ HEV มันไม่ได้มีผลต่อ
อัตรากินน้ำมันเลยครับ เพราะถึงแม้ว่าจะวิ่ง EV โหมดล้วนๆ จนแบตหมดเกลี้ยง
มีอัตราการใช้น้ำมันเป็นศูนย์ แต่แล้วเครื่องสันดาปก็ต้องดึงน้ำมันไปปั่นไฟเติม
ไฟที่ใช้ไปอยู่ดีครับ ดังนั้นการมีหรือไม่มีโหมด EV ของรถ 2 รุ่น จึงไม่น่าจะเป็น
ปัจจัยหลักของการกินน้ำมันที่ต่างกันครับ
จากที่ใช้จริงมานะครับ ev mode มีผลกับอัตราสิ้นเปลืองมากครับ ยิ่งในเมืองรถชลอตัวยิ่งมีผล
ไฟฟ้าส่วนนี้มาจากเครื่องก็จริง แต่การเอาเครื่อมาปั่นไฟมันประหยัดกว่าการเอาเครื่องไปต่อล้อโดยตรงครับ เพราะloadเครื่องยนต์มันคงที่ รอบนิ่งๆปั่นไฟไป ไม่ต้องลากรอบเปลี่ยนเกียร์ ยังไงก็แระหยัดกว่า หรือตอนที่เครื่องมันขับล้ออยู่แกนเพลาข้อเหวียงมันก็ต่อกับมอเตอร์อยู่ดีเครื่องทำอย่างอื่นอยู่ไฟคือผลพลอยได้ ไม่ได้ปล่อยพลังงานทิ้งไปฟรีๆ
ไฟอีกส่วนมาจากพลังงานจลน์ มันมีไฟจากเบรคด้วไม่ใช่เครื่องเพียวๆ
alphard hybrid แบตเต็มมันพารถวิ่งได้เกือบ3กม. ลองคิดดูครับถ้าติดเครื่อง 2.5 วิ่ง3 กม.รถติดๆใช้น้ำมันแค่ไหน
-
อัตราสิ้นเปลืองหลักๆก็อยู่ทีเทคโนโลยีแหละครับ
ของ toyota มักจะพ่วงกับเครื่องใหญ่ รถก็มีแรงเพราะไฮบริดต้องแบกแบตหนักๆไปด้วย เลยทำให้ เครื่องทำงานหนัก กินน้ำมันเยอะ
ส่วนตัวเดาเองว่า เทคโนโลยีเครื่องของจีนยังไม่ดี (เดาจาก mg) ทำอัตราบริโภคน้ำมันได้แย่ในแรงที่น้อย เอามาใส่ hybrid ก็ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ดีพอที่จะแบกแบตไปด้วย
เลยทำให้อัตรากินน้ำมันเคลมมาแบบนั้นแหละครับ
bev จีนเลยดูชูโรงได้เพราะ เทคโนโลยีใหม่ r&d มาพร้อมๆกัน แต่เครื่องค่าย โต ฮอน หรือ เยอรมันต่างๆ เค้าเก๋าเกมมาเป็นร้อยปี
โหมด EV คืออะไรครับ เพราะรถ HEV มันไม่มีการชาร์จไฟจากภายนอก
ดังนั้นโหมด EV ที่มีอยู่มันก็ใช้ไฟฟ้าที่ได้จากน้ำมันนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน ผมเคยสังเกตและตั้งคำถามหลายครั้งแล้วแหละ
ว่าระบบไฮบริดของยี่ห้อนั้นๆ ทำงานอย่างไร แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไหร่
จริงๆ แล้ว เครื่องยนต์สันดาป 1 ลูก มอเตอร์ 2 ตัว แบต มันถูกจัดเรียงร่วมกันอย่างไร
แบ่งงานกันอย่างไร ช่วยงานกันอย่างไร ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยครับ
โหมด ev ก็คือใช้ไฟฟ้าล้วนอะครับ ของ toyota ก็มี กรณีเราปั่นไฟไว้เยอะๆ ก็มาจากน้ำมันนั่นแหละ regen brake ละได้ไฟคืนมา ขับช้าๆไม่อยากให้เครื่องติดก็เข้าโหมด ev ได้ครับ
ไม่จำเป็นว่ารถเสียบปลั๊กได้เท่านั้นที่จะมีโหมด ev
เข้าใจครับว่าโหมด EV คือไฟฟ้าล้วน แต่โหมด EV ในรถ HEV มันไม่ได้มีผลต่อ
อัตรากินน้ำมันเลยครับ เพราะถึงแม้ว่าจะวิ่ง EV โหมดล้วนๆ จนแบตหมดเกลี้ยง
มีอัตราการใช้น้ำมันเป็นศูนย์ แต่แล้วเครื่องสันดาปก็ต้องดึงน้ำมันไปปั่นไฟเติม
ไฟที่ใช้ไปอยู่ดีครับ ดังนั้นการมีหรือไม่มีโหมด EV ของรถ 2 รุ่น จึงไม่น่าจะเป็น
ปัจจัยหลักของการกินน้ำมันที่ต่างกันครับ
เกี่ยวตรงๆเลยครับ ที่มันประหยัดได้ เพราะช่วงจอดๆหยุดๆในเมือง เครื่องไม่ต้องไปอัดรอบให้รถออกตัว เอาไฟฟ้าที่เก็บในแบตมาใช้ หรือต่อให้ไฟหมด ก็ปั่นไฟเข้าแบต ไม่ต้องอัดรอบสูงให้เปลืองน้ำมัน
-
อัตราสิ้นเปลืองหลักๆก็อยู่ทีเทคโนโลยีแหละครับ
ของ toyota มักจะพ่วงกับเครื่องใหญ่ รถก็มีแรงเพราะไฮบริดต้องแบกแบตหนักๆไปด้วย เลยทำให้ เครื่องทำงานหนัก กินน้ำมันเยอะ
ส่วนตัวเดาเองว่า เทคโนโลยีเครื่องของจีนยังไม่ดี (เดาจาก mg) ทำอัตราบริโภคน้ำมันได้แย่ในแรงที่น้อย เอามาใส่ hybrid ก็ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ดีพอที่จะแบกแบตไปด้วย
เลยทำให้อัตรากินน้ำมันเคลมมาแบบนั้นแหละครับ
bev จีนเลยดูชูโรงได้เพราะ เทคโนโลยีใหม่ r&d มาพร้อมๆกัน แต่เครื่องค่าย โต ฮอน หรือ เยอรมันต่างๆ เค้าเก๋าเกมมาเป็นร้อยปี
โหมด EV คืออะไรครับ เพราะรถ HEV มันไม่มีการชาร์จไฟจากภายนอก
ดังนั้นโหมด EV ที่มีอยู่มันก็ใช้ไฟฟ้าที่ได้จากน้ำมันนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน ผมเคยสังเกตและตั้งคำถามหลายครั้งแล้วแหละ
ว่าระบบไฮบริดของยี่ห้อนั้นๆ ทำงานอย่างไร แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไหร่
จริงๆ แล้ว เครื่องยนต์สันดาป 1 ลูก มอเตอร์ 2 ตัว แบต มันถูกจัดเรียงร่วมกันอย่างไร
แบ่งงานกันอย่างไร ช่วยงานกันอย่างไร ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยครับ
โหมด ev ก็คือใช้ไฟฟ้าล้วนอะครับ ของ toyota ก็มี กรณีเราปั่นไฟไว้เยอะๆ ก็มาจากน้ำมันนั่นแหละ regen brake ละได้ไฟคืนมา ขับช้าๆไม่อยากให้เครื่องติดก็เข้าโหมด ev ได้ครับ
ไม่จำเป็นว่ารถเสียบปลั๊กได้เท่านั้นที่จะมีโหมด ev
เข้าใจครับว่าโหมด EV คือไฟฟ้าล้วน แต่โหมด EV ในรถ HEV มันไม่ได้มีผลต่อ
อัตรากินน้ำมันเลยครับ เพราะถึงแม้ว่าจะวิ่ง EV โหมดล้วนๆ จนแบตหมดเกลี้ยง
มีอัตราการใช้น้ำมันเป็นศูนย์ แต่แล้วเครื่องสันดาปก็ต้องดึงน้ำมันไปปั่นไฟเติม
ไฟที่ใช้ไปอยู่ดีครับ ดังนั้นการมีหรือไม่มีโหมด EV ของรถ 2 รุ่น จึงไม่น่าจะเป็น
ปัจจัยหลักของการกินน้ำมันที่ต่างกันครับ
เกี่ยวตรงๆเลยครับ ที่มันประหยัดได้ เพราะช่วงจอดๆหยุดๆในเมือง เครื่องไม่ต้องไปอัดรอบให้รถออกตัว เอาไฟฟ้าที่เก็บในแบตมาใช้ หรือต่อให้ไฟหมด ก็ปั่นไฟเข้าแบต ไม่ต้องอัดรอบสูงให้เปลืองน้ำมัน
คืองี้ครับ HEV ทั้ง Toyota , Honda เวลาที่รถหยุด หรือแค่เอาเท้าออกจากคันเร่ง
เครื่องสันดาปก็ดับสนิทแล้ว และตอนออกตัวจากหยุดนิ่ง ยังไงมันก็ไปด้วยไฟฟ้าทั้งหมด
ตรงนี้ผมเข้าใจครับ และมันเป็นจุดที่ HEV สร้างความประหยัดเลย
ซึ่งการทำงานดังกล่าว มันเป็นโหมดปกติของ HEV อยู่แล้วครับ
แต่ EV โหมดที่ผมเอ่ยถึง มันหมายถึงการกดปุ่มบังคับให้รถมาอยู่ในโหมดที่ใช้ไฟฟ้าวิ่ง
เพียงอย่างเดียว เรียกว่า force มันเลยครับ และ force ไม่ให้เครื่องสันดาปติดขึ้นมาด้วย
ซึ่งถ้าไฟในแบตไม่มากพอ ระบบก็ไม่ยอมให้เรา force EV mode ได้ครับ
จากที่ผมขับอยู่ ถ้าวิ่งมายาวๆ เครื่องสันดาปออกแรงวิ่งด้วย มีพลังงานจลน์เหลือก็ปั่นไฟ
ใส่แบตด้วย เรียกว่าวิ่งยาวบนไฮเวย์ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าบ้านเลย แบบบ้านติดถนนใหญ่อ่ะครับ
แบบนี้ตอนจบทริป อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะเป็นค่านึง และมีไฟเกือบเต็มแบต
กับอีกแบบคือวิ่งยาวๆ บนไฮเวย์ ชาร์จไฟมาแบตเต็มด้วย แต่เลี้ยวเข้าซอยแบบบ้านอยู่ในซอย
ลึกอ่ะครับ พอเข้าซอยมาแล้ววิ่งคลานๆ ย่องๆ รถมันวิ่ง EV โหมด คือเอาไฟในแบตมาวิ่ง
พอถึงบ้าน สรุปทริปมา อัตราสิ้นเปลืองสวยเลย เพราะ กม. หลังๆ นี่ไม่ได้ใช้น้ำมันเลย
แต่แบตเหลือน้อยมากนะครับ เผลอๆ พอเข้าบ้าน จอดรถแล้ว เครื่องติดขึ้นมาเพื่อเติมไฟอีกต่างหาก
ผมถึงว่า การวิ่ง EV โหมด, ระยะทางที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ใช้น้ำมัน แต่แบตหมด กับเครื่องต้องติด
ตัวเปล่าตอนจอดเพื่อเติมไฟ รวมๆ แล้ว มันพอกัน จึงไม่น่าจะเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่าง
ระหว่าง HEV จีน กับ ญี่ปุ่น เว้นแต่ว่า HEV จีน มันออกตัวด้วยสันดาปอ่ะครับ
-
พวกวาล์วแปรผันของรถญี่ปุ่นคงนำหน้าไปไกลกว่ารถสันดาปของจีนมาก ๆ
ทั้งเรี่ยวแรง ความประหยัด สู้ญี่ปุ่นไม่ได้
พอใส่ motor เข้ามา กะว่าได้เรี่ยวแรง ได้ความประหยัดมา
แต่สุดท้ายก็กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง
รถจีนเหมือน สันดาปมันไม่มีแรง เวลาออกตัวก็ต้องใช้ไฟ พอไฟไม่พอก็เผาน้ำมันมาชาร์จ
เผาไปเผามา สุดท้ายเปลือง แถมแรงหายอีกเพราะไฟไม่พอ
ือย่าง camry , accord ถ้าจีนทำได้แบบนี้ พี่โตพี่ฮอนมีร้อง
-
อัตราสิ้นเปลืองหลักๆก็อยู่ทีเทคโนโลยีแหละครับ
ของ toyota มักจะพ่วงกับเครื่องใหญ่ รถก็มีแรงเพราะไฮบริดต้องแบกแบตหนักๆไปด้วย เลยทำให้ เครื่องทำงานหนัก กินน้ำมันเยอะ
ส่วนตัวเดาเองว่า เทคโนโลยีเครื่องของจีนยังไม่ดี (เดาจาก mg) ทำอัตราบริโภคน้ำมันได้แย่ในแรงที่น้อย เอามาใส่ hybrid ก็ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ดีพอที่จะแบกแบตไปด้วย
เลยทำให้อัตรากินน้ำมันเคลมมาแบบนั้นแหละครับ
bev จีนเลยดูชูโรงได้เพราะ เทคโนโลยีใหม่ r&d มาพร้อมๆกัน แต่เครื่องค่าย โต ฮอน หรือ เยอรมันต่างๆ เค้าเก๋าเกมมาเป็นร้อยปี
โหมด EV คืออะไรครับ เพราะรถ HEV มันไม่มีการชาร์จไฟจากภายนอก
ดังนั้นโหมด EV ที่มีอยู่มันก็ใช้ไฟฟ้าที่ได้จากน้ำมันนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน ผมเคยสังเกตและตั้งคำถามหลายครั้งแล้วแหละ
ว่าระบบไฮบริดของยี่ห้อนั้นๆ ทำงานอย่างไร แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไหร่
จริงๆ แล้ว เครื่องยนต์สันดาป 1 ลูก มอเตอร์ 2 ตัว แบต มันถูกจัดเรียงร่วมกันอย่างไร
แบ่งงานกันอย่างไร ช่วยงานกันอย่างไร ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยครับ
โหมด ev ก็คือใช้ไฟฟ้าล้วนอะครับ ของ toyota ก็มี กรณีเราปั่นไฟไว้เยอะๆ ก็มาจากน้ำมันนั่นแหละ regen brake ละได้ไฟคืนมา ขับช้าๆไม่อยากให้เครื่องติดก็เข้าโหมด ev ได้ครับ
ไม่จำเป็นว่ารถเสียบปลั๊กได้เท่านั้นที่จะมีโหมด ev
เข้าใจครับว่าโหมด EV คือไฟฟ้าล้วน แต่โหมด EV ในรถ HEV มันไม่ได้มีผลต่อ
อัตรากินน้ำมันเลยครับ เพราะถึงแม้ว่าจะวิ่ง EV โหมดล้วนๆ จนแบตหมดเกลี้ยง
มีอัตราการใช้น้ำมันเป็นศูนย์ แต่แล้วเครื่องสันดาปก็ต้องดึงน้ำมันไปปั่นไฟเติม
ไฟที่ใช้ไปอยู่ดีครับ ดังนั้นการมีหรือไม่มีโหมด EV ของรถ 2 รุ่น จึงไม่น่าจะเป็น
ปัจจัยหลักของการกินน้ำมันที่ต่างกันครับ
เกี่ยวตรงๆเลยครับ ที่มันประหยัดได้ เพราะช่วงจอดๆหยุดๆในเมือง เครื่องไม่ต้องไปอัดรอบให้รถออกตัว เอาไฟฟ้าที่เก็บในแบตมาใช้ หรือต่อให้ไฟหมด ก็ปั่นไฟเข้าแบต ไม่ต้องอัดรอบสูงให้เปลืองน้ำมัน
คืองี้ครับ HEV ทั้ง Toyota , Honda เวลาที่รถหยุด หรือแค่เอาเท้าออกจากคันเร่ง
เครื่องสันดาปก็ดับสนิทแล้ว และตอนออกตัวจากหยุดนิ่ง ยังไงมันก็ไปด้วยไฟฟ้าทั้งหมด
ตรงนี้ผมเข้าใจครับ และมันเป็นจุดที่ HEV สร้างความประหยัดเลย
ซึ่งการทำงานดังกล่าว มันเป็นโหมดปกติของ HEV อยู่แล้วครับ
แต่ EV โหมดที่ผมเอ่ยถึง มันหมายถึงการกดปุ่มบังคับให้รถมาอยู่ในโหมดที่ใช้ไฟฟ้าวิ่ง
เพียงอย่างเดียว เรียกว่า force มันเลยครับ และ force ไม่ให้เครื่องสันดาปติดขึ้นมาด้วย
ซึ่งถ้าไฟในแบตไม่มากพอ ระบบก็ไม่ยอมให้เรา force EV mode ได้ครับ
จากที่ผมขับอยู่ ถ้าวิ่งมายาวๆ เครื่องสันดาปออกแรงวิ่งด้วย มีพลังงานจลน์เหลือก็ปั่นไฟ
ใส่แบตด้วย เรียกว่าวิ่งยาวบนไฮเวย์ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าบ้านเลย แบบบ้านติดถนนใหญ่อ่ะครับ
แบบนี้ตอนจบทริป อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะเป็นค่านึง และมีไฟเกือบเต็มแบต
กับอีกแบบคือวิ่งยาวๆ บนไฮเวย์ ชาร์จไฟมาแบตเต็มด้วย แต่เลี้ยวเข้าซอยแบบบ้านอยู่ในซอย
ลึกอ่ะครับ พอเข้าซอยมาแล้ววิ่งคลานๆ ย่องๆ รถมันวิ่ง EV โหมด คือเอาไฟในแบตมาวิ่ง
พอถึงบ้าน สรุปทริปมา อัตราสิ้นเปลืองสวยเลย เพราะ กม. หลังๆ นี่ไม่ได้ใช้น้ำมันเลย
แต่แบตเหลือน้อยมากนะครับ เผลอๆ พอเข้าบ้าน จอดรถแล้ว เครื่องติดขึ้นมาเพื่อเติมไฟอีกต่างหาก
ผมถึงว่า การวิ่ง EV โหมด, ระยะทางที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ใช้น้ำมัน แต่แบตหมด กับเครื่องต้องติด
ตัวเปล่าตอนจอดเพื่อเติมไฟ รวมๆ แล้ว มันพอกัน จึงไม่น่าจะเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่าง
ระหว่าง HEV จีน กับ ญี่ปุ่น เว้นแต่ว่า HEV จีน มันออกตัวด้วยสันดาปอ่ะครับ
ผมพอเดาออกละครับ ว่า Mode EV ของ เจ้ารถปัญหาที่ว่ามันเป็นยังไง
คือมันสามารถวิ่งด้วยแบตได้ เลย ดับเครื่อง เป็นผลให้มันวิ่งได้ แค่ ระยะสั้นๆ โดยเครื่องไม่ติดเลย และแสดงผลการประหยัดจากการทดสอบว่า 60Km/L เพราะมันไม่ใช้น้ำมันแต่ๆๆ
หลังจากนั้น พอแบตหมดก็กลายเป็นวิ่งแบบ เครื่องยนต์ลงล้อ 100 % เลย โดยที่มีอัตราการประหยัดแบบ กินนรกแตก ต้องวิ่งงไปนานกว่าแบตจะหลัยมาชาร์ทเต็มกลายมาเป็นระบบ Hybrid
ถ้ามันเป้นแบบนี้จริง มันคือระบบ Hybird ติงต๋อง ชั้นล่างแบบไม่ควรจะออกแบบมาเลยดีกว่า 55555
-
technology hybrid ของ GWM ไม่ได้สร้างขึ้นมาเอง เหมือน honda toyota และ ไม่ได้ไป copy ใคร
แต่เป็น การซื้อ โนฮาว ระบบ DHT hybrid จาก BorgWarner มาใส่ในรถจีนของ GWM เป็น ยี่ห้อแรก ได้ใช้
ซึ่งคุณสมบัติ หลักการทำงาน ไม่น่าจะเหมือน hybrid รถญี่ปุ่น (หรืออาจจะคิดค้นมาคนละเป้าหมายผลลัพธ์)
ประสิทธิภาพของระบบ ก็คงสู้ของ toyota honda ที่ทำมาก่อนหลายปี
และ ต่อไปนี้ DHT ของ BorgWarner ไม่ได้จำกัดที่ GWM อย่างเดียว แต่จะกระจายไปสู่ ยี่ห้อ จีน อื่นอีก
ซึ่ง ที่น่าจะใส่ต่อมาคือ Chery
สำหรับ เครื่องยนต์ hybrid ของ Toyota และ Honda ใช้เครื่อง Atkinson cycle ซึ่งให้ความประหยัด แม้วิ่งด้วยเครื่องยนต์อย่างเดียว ส่วนเรื่องกำลังเครื่อง สู้เครื่องหัวฉีดธรรมดาหรือหัวฉีดตรง ในความจุเท่ากันไม่ได้
มาทางฝั่งจีน เครื่อง ของ GMW H6 ใช้ DI + turbo ส่วน Jo ใช้ multipoint เหมือนรถทั่วไป ทำให้ไม่ประหยัดเทียบเท่าเครื่องไฮบริด ญี่ปุ่น แต่ประหยัดกว่า รถธรรมดาทั่วไปในคลาสเดียวกัน เมื่อใช้ในเมือง (ย้ำ ที่รถไม่ติดมาก ไหลได้) หรือ วิ่งลอยตัว วิ่งไม่เกิน 100-110 km/h
ถ้าจะเปรียบเทียบความประหยัด รถไฮบริดจีน ก็ต้องไปเทียบกับ รถจีน H6 (ถ้าเครื่องไม่มี hybrid) ก็กินเท่ากับ MG HS (ไม่ใช่ PHEV)
ส่วน Jo (ถ้าเครื่องไม่มี hybrid) ก็กินเท่ากับ MG5 / MG ZS
-
อัตราสิ้นเปลืองหลักๆก็อยู่ทีเทคโนโลยีแหละครับ
ของ toyota มักจะพ่วงกับเครื่องใหญ่ รถก็มีแรงเพราะไฮบริดต้องแบกแบตหนักๆไปด้วย เลยทำให้ เครื่องทำงานหนัก กินน้ำมันเยอะ
ส่วนตัวเดาเองว่า เทคโนโลยีเครื่องของจีนยังไม่ดี (เดาจาก mg) ทำอัตราบริโภคน้ำมันได้แย่ในแรงที่น้อย เอามาใส่ hybrid ก็ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ดีพอที่จะแบกแบตไปด้วย
เลยทำให้อัตรากินน้ำมันเคลมมาแบบนั้นแหละครับ
bev จีนเลยดูชูโรงได้เพราะ เทคโนโลยีใหม่ r&d มาพร้อมๆกัน แต่เครื่องค่าย โต ฮอน หรือ เยอรมันต่างๆ เค้าเก๋าเกมมาเป็นร้อยปี
โหมด EV คืออะไรครับ เพราะรถ HEV มันไม่มีการชาร์จไฟจากภายนอก
ดังนั้นโหมด EV ที่มีอยู่มันก็ใช้ไฟฟ้าที่ได้จากน้ำมันนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน ผมเคยสังเกตและตั้งคำถามหลายครั้งแล้วแหละ
ว่าระบบไฮบริดของยี่ห้อนั้นๆ ทำงานอย่างไร แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไหร่
จริงๆ แล้ว เครื่องยนต์สันดาป 1 ลูก มอเตอร์ 2 ตัว แบต มันถูกจัดเรียงร่วมกันอย่างไร
แบ่งงานกันอย่างไร ช่วยงานกันอย่างไร ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยครับ
โหมด ev ก็คือใช้ไฟฟ้าล้วนอะครับ ของ toyota ก็มี กรณีเราปั่นไฟไว้เยอะๆ ก็มาจากน้ำมันนั่นแหละ regen brake ละได้ไฟคืนมา ขับช้าๆไม่อยากให้เครื่องติดก็เข้าโหมด ev ได้ครับ
ไม่จำเป็นว่ารถเสียบปลั๊กได้เท่านั้นที่จะมีโหมด ev
เข้าใจครับว่าโหมด EV คือไฟฟ้าล้วน แต่โหมด EV ในรถ HEV มันไม่ได้มีผลต่อ
อัตรากินน้ำมันเลยครับ เพราะถึงแม้ว่าจะวิ่ง EV โหมดล้วนๆ จนแบตหมดเกลี้ยง
มีอัตราการใช้น้ำมันเป็นศูนย์ แต่แล้วเครื่องสันดาปก็ต้องดึงน้ำมันไปปั่นไฟเติม
ไฟที่ใช้ไปอยู่ดีครับ ดังนั้นการมีหรือไม่มีโหมด EV ของรถ 2 รุ่น จึงไม่น่าจะเป็น
ปัจจัยหลักของการกินน้ำมันที่ต่างกันครับ
เกี่ยวตรงๆเลยครับ ที่มันประหยัดได้ เพราะช่วงจอดๆหยุดๆในเมือง เครื่องไม่ต้องไปอัดรอบให้รถออกตัว เอาไฟฟ้าที่เก็บในแบตมาใช้ หรือต่อให้ไฟหมด ก็ปั่นไฟเข้าแบต ไม่ต้องอัดรอบสูงให้เปลืองน้ำมัน
คืองี้ครับ HEV ทั้ง Toyota , Honda เวลาที่รถหยุด หรือแค่เอาเท้าออกจากคันเร่ง
เครื่องสันดาปก็ดับสนิทแล้ว และตอนออกตัวจากหยุดนิ่ง ยังไงมันก็ไปด้วยไฟฟ้าทั้งหมด
ตรงนี้ผมเข้าใจครับ และมันเป็นจุดที่ HEV สร้างความประหยัดเลย
ซึ่งการทำงานดังกล่าว มันเป็นโหมดปกติของ HEV อยู่แล้วครับ
แต่ EV โหมดที่ผมเอ่ยถึง มันหมายถึงการกดปุ่มบังคับให้รถมาอยู่ในโหมดที่ใช้ไฟฟ้าวิ่ง
เพียงอย่างเดียว เรียกว่า force มันเลยครับ และ force ไม่ให้เครื่องสันดาปติดขึ้นมาด้วย
ซึ่งถ้าไฟในแบตไม่มากพอ ระบบก็ไม่ยอมให้เรา force EV mode ได้ครับ
จากที่ผมขับอยู่ ถ้าวิ่งมายาวๆ เครื่องสันดาปออกแรงวิ่งด้วย มีพลังงานจลน์เหลือก็ปั่นไฟ
ใส่แบตด้วย เรียกว่าวิ่งยาวบนไฮเวย์ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าบ้านเลย แบบบ้านติดถนนใหญ่อ่ะครับ
แบบนี้ตอนจบทริป อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันจะเป็นค่านึง และมีไฟเกือบเต็มแบต
กับอีกแบบคือวิ่งยาวๆ บนไฮเวย์ ชาร์จไฟมาแบตเต็มด้วย แต่เลี้ยวเข้าซอยแบบบ้านอยู่ในซอย
ลึกอ่ะครับ พอเข้าซอยมาแล้ววิ่งคลานๆ ย่องๆ รถมันวิ่ง EV โหมด คือเอาไฟในแบตมาวิ่ง
พอถึงบ้าน สรุปทริปมา อัตราสิ้นเปลืองสวยเลย เพราะ กม. หลังๆ นี่ไม่ได้ใช้น้ำมันเลย
แต่แบตเหลือน้อยมากนะครับ เผลอๆ พอเข้าบ้าน จอดรถแล้ว เครื่องติดขึ้นมาเพื่อเติมไฟอีกต่างหาก
ผมถึงว่า การวิ่ง EV โหมด, ระยะทางที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ใช้น้ำมัน แต่แบตหมด กับเครื่องต้องติด
ตัวเปล่าตอนจอดเพื่อเติมไฟ รวมๆ แล้ว มันพอกัน จึงไม่น่าจะเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่าง
ระหว่าง HEV จีน กับ ญี่ปุ่น เว้นแต่ว่า HEV จีน มันออกตัวด้วยสันดาปอ่ะครับ
ผมพอเดาออกละครับ ว่า Mode EV ของ เจ้ารถปัญหาที่ว่ามันเป็นยังไง
คือมันสามารถวิ่งด้วยแบตได้ เลย ดับเครื่อง เป็นผลให้มันวิ่งได้ แค่ ระยะสั้นๆ โดยเครื่องไม่ติดเลย และแสดงผลการประหยัดจากการทดสอบว่า 60Km/L เพราะมันไม่ใช้น้ำมันแต่ๆๆ
หลังจากนั้น พอแบตหมดก็กลายเป็นวิ่งแบบ เครื่องยนต์ลงล้อ 100 % เลย โดยที่มีอัตราการประหยัดแบบ กินนรกแตก ต้องวิ่งงไปนานกว่าแบตจะหลัยมาชาร์ทเต็มกลายมาเป็นระบบ Hybrid
ถ้ามันเป้นแบบนี้จริง มันคือระบบ Hybird ติงต๋อง ชั้นล่างแบบไม่ควรจะออกแบบมาเลยดีกว่า 55555
แล้ว Hybrid ชั้นบนมันเป็นยังไงพี่ โปรดบรรยายมาโดยละเอียด
-
เคส Jolion นี่ผมว่าเครื่องห่วยครับ อาจจะห่วยกว่า 1.5 NA ของ MG ด้วย
ถ้าไปดู Eco Sticker ตัวเลขน้ำมันที่ทดสอบนี่พอบอกอะไรได้เยอะอยู่นะ
ตัวเลขรวมมันก็สวยเหมือน Hybrid ทั่วไป
แต่พอแยกนอกเมืองในเมือง นอกเมืองที่เครื่องมีบทบาทมากกว่ามอเตอร์นี่ สันดาปล้วนแอบหัวเราะเบาๆ
(นี่ยังไม่รวมคงามความเคลื่อนของการทดสอบเทียบชีวิตประจำวันจริงด้วยนะ)
แล้วตอนที่สื่อไปทดสอบ หลายคนให้ความเห็นตรงกันว่า ไฟเหลือน้อย อัตราเร่งดรอปลงชัดเจน
ก็คิดว่าเครื่องที่ต้องเค้นมากขึ้นเวลาไฟเหลือน้อยก็พอจะบอกได้ว่าต้องใช้น้ำมันมากกว่า HEV ญี่ปุ่นจริงๆ
-
โหมด EV คืออะไรครับ เพราะรถ HEV มันไม่มีการชาร์จไฟจากภายนอก
ดังนั้นโหมด EV ที่มีอยู่มันก็ใช้ไฟฟ้าที่ได้จากน้ำมันนั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน ผมเคยสังเกตและตั้งคำถามหลายครั้งแล้วแหละ
ว่าระบบไฮบริดของยี่ห้อนั้นๆ ทำงานอย่างไร แต่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคำตอบที่ชัดเจนสักเท่าไหร่
จริงๆ แล้ว เครื่องยนต์สันดาป 1 ลูก มอเตอร์ 2 ตัว แบต มันถูกจัดเรียงร่วมกันอย่างไร
แบ่งงานกันอย่างไร ช่วยงานกันอย่างไร ตรงนี้สำคัญมากๆ เลยครับ
EV Mode ในรถ Hybrid จำได้ว่ามีใน Camry Hybrid/Altis Hybrid/Cross Hybrid/C-HR Hybrid
(https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQITx1zHNPZjFg10yLsre2BOKlws1qd_KHGlA&usqp=CAU)
(https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRKCln4gvXhjaHOLDtwalsut-csjsgEXZhFfw&usqp=CAU)
(https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTl2_KiRb-MJWcdtnKFMfuxM21JMhvOR4r3Ag&usqp=CAU)
-
แล้ว Hybrid ชั้นบนมันเป็นยังไงพี่ โปรดบรรยายมาโดยละเอียด
Hybrid พัฒนามาเรื่อยๆไงครับผม
จุดประสงตค์หลักในปัจจุบัน
ถ้าอัตราการบริโภคน้ำมัน มันเทียบกับรถ น้ำมันในคลาสเดียวกันแล้วไม่ประหยัด มันก็ไม่ควรจะเป็น Hybrid ไงครับ
ถ้ารถมันสามารถแบตอ่อนแล้วบริโภคน้ำมันเท่ารถน้ำมันล้วน มันคงเรียกไฮบริต เอ๋อครับ
มันต้องออกแบบได้โบราณขนาดไหนที่แบตอ่อนแล้ว รถอืดเป็นเต่า กลายมาเป็นว่ารถต้อง วิ่งด้วยน้ำมันล้วนแล้วอืด มันควร Hybrid ป่าวครับ 5555
ซึ่งระบบไฮบริตของ Toyota และ Honda มันไม่มีผลเรื่องแบตอ่อนไม่อ่อนเลย เพราะออกแบบมาดีไง มันไม่ยอมปล่อยให้แบตอ่อนจนระบบรวนจนกินน้ำมัน หรืออืดผิดปกติ
-
แล้ว Hybrid ชั้นบนมันเป็นยังไงพี่ โปรดบรรยายมาโดยละเอียด
Hybrid พัฒนามาเรื่อยๆไงครับผม
จุดประสงตค์หลักในปัจจุบัน
ถ้าอัตราการบริโภคน้ำมัน มันเทียบกับรถ น้ำมันในคลาสเดียวกันแล้วไม่ประหยัด มันก็ไม่ควรจะเป็น Hybrid ไงครับ
ถ้ารถมันสามารถแบตอ่อนแล้วบริโภคน้ำมันเท่ารถน้ำมันล้วน มันคงเรียกไฮบริต เอ๋อครับ
มันต้องออกแบบได้โบราณขนาดไหนที่แบตอ่อนแล้ว รถอืดเป็นเต่า กลายมาเป็นว่ารถต้อง วิ่งด้วยน้ำมันล้วนแล้วอืด มันควร Hybrid ป่าวครับ 5555
ซึ่งระบบไฮบริตของ Toyota และ Honda มันไม่มีผลเรื่องแบตอ่อนไม่อ่อนเลย เพราะออกแบบมาดีไง มันไม่ยอมปล่อยให้แบตอ่อนจนระบบรวนจนกินน้ำมัน หรืออืดผิดปกติ
Hybrid ที่ผมว่า มันคือพฤติกรรมการทำงานจริงของ 2 ยี่ห้อที่ว่าแหละพี่
อย่างกรณีแรกที่วิ่งยาวแล้วเข้าบ้านเลย (ระหว่างทางมันก็สลับโหมดของมันนั่นแหละ)
มันกินน้ำมันประมาณ 22 กว่าๆ นะ
แต่ถ้าแบบ 2 ที่วิ่งเข้าซอยพลุกพล่านก่อนเข้าถึงบ้านสัก 3-4 กม เนี่ย
ตัวรถมันมีโอกาสวิ่ง EV mode เองได้ยาวอยู่ (ไม่ได้กดปุ่มบังคับ)
คราวนี้อัตรากินน้ำมันกลายเป็น 25-26 เลย โดยเอาระยะทางท้ายๆ
มารวมด้วย แต่ถึงที่หมายแล้ว แบตเหลือน้อยมาก
ผมไม่ได้มองว่าระบบมันอ่อนด๋อยอะไรครับ แต่เข้าใจธรรมชาติมัน
และเข้าใจที่มาที่ไปของพลังงาน เพียงแต่พวกระบบของจีนนั้น
ผมยังไม่เข้าใจว่ามันทำงานยังไงครับ
-
ถึงว่า..ในผลการทดสอบการประหยัดน้ำมันของคุณจิมมี่ถึงไม่มี Jolion
-
CHR เติมน้ำมัน E20 เต็มถังได้ 22 - 23 กิโลลิตรครับ
แจ้งวัฒนะ - พระราม 9 - พัฒนาการ
-
แล้ว Hybrid ชั้นบนมันเป็นยังไงพี่ โปรดบรรยายมาโดยละเอียด
Hybrid พัฒนามาเรื่อยๆไงครับผม
จุดประสงตค์หลักในปัจจุบัน
ถ้าอัตราการบริโภคน้ำมัน มันเทียบกับรถ น้ำมันในคลาสเดียวกันแล้วไม่ประหยัด มันก็ไม่ควรจะเป็น Hybrid ไงครับ
ถ้ารถมันสามารถแบตอ่อนแล้วบริโภคน้ำมันเท่ารถน้ำมันล้วน มันคงเรียกไฮบริต เอ๋อครับ
มันต้องออกแบบได้โบราณขนาดไหนที่แบตอ่อนแล้ว รถอืดเป็นเต่า กลายมาเป็นว่ารถต้อง วิ่งด้วยน้ำมันล้วนแล้วอืด มันควร Hybrid ป่าวครับ 5555
ซึ่งระบบไฮบริตของ Toyota และ Honda มันไม่มีผลเรื่องแบตอ่อนไม่อ่อนเลย เพราะออกแบบมาดีไง มันไม่ยอมปล่อยให้แบตอ่อนจนระบบรวนจนกินน้ำมัน หรืออืดผิดปกติ
Hybrid ที่ผมว่า มันคือพฤติกรรมการทำงานจริงของ 2 ยี่ห้อที่ว่าแหละพี่
อย่างกรณีแรกที่วิ่งยาวแล้วเข้าบ้านเลย (ระหว่างทางมันก็สลับโหมดของมันนั่นแหละ)
มันกินน้ำมันประมาณ 22 กว่าๆ นะ
แต่ถ้าแบบ 2 ที่วิ่งเข้าซอยพลุกพล่านก่อนเข้าถึงบ้านสัก 3-4 กม เนี่ย
ตัวรถมันมีโอกาสวิ่ง EV mode เองได้ยาวอยู่ (ไม่ได้กดปุ่มบังคับ)
คราวนี้อัตรากินน้ำมันกลายเป็น 25-26 เลย โดยเอาระยะทางท้ายๆ
มารวมด้วย แต่ถึงที่หมายแล้ว แบตเหลือน้อยมาก
ผมไม่ได้มองว่าระบบมันอ่อนด๋อยอะไรครับ แต่เข้าใจธรรมชาติมัน
และเข้าใจที่มาที่ไปของพลังงาน เพียงแต่พวกระบบของจีนนั้น
ผมยังไม่เข้าใจว่ามันทำงานยังไงครับ
ปกติ อัตราสิ้นเปลืองรถสมัยใหม่มันจะต้องวัดเป็น ทริป ครับ คือวัดผลเฉลี่ยตลอดทริปเลย ไม่ใช้มา 3-4 กม สุดท่ายแล้วเอามารายงานอัตราสินเปลืองนะครับ
มันวัดตลอดทริป เว้นเสียแต่ จะอยาก รู้ว่า 4 กิโล เนี่มันเท่าไหร่ แล้วกดรีเซททริป ซึ่งคงไม่มีใครเค้าทำกัน ใช่ป่าว
ปัญหา ของ รถจีน คือ
นอกจากเราไม่รู้มันทำงานยังไง
มันยังค่อนข้างแปลกประหลาดด้วย แถมกินน้ำมันแบบ ไม่เหมือน Hybric
ไหนจะ วิ่ง Mode EV ได้แต่ดันวิ่งแบบใช้แต่แบตจนแบตอ่อน ได้อีก
คำว่าวิ่ง Mode EV ในความหมายที่ ผมเข้าใจในรถ Hybrid คือ มันจะใช้แค่ มอเตอร์ไฟฟ้า ไปขับเคลือ่นอย่างเดียว แต่ เครื่องยนต์ก็ยังต้องปั่นไฟขับมอเตอร์อยู่ดี
ผมยกข้อความคุณมานะ
"ข้าใจครับว่าโหมด EV คือไฟฟ้าล้วน แต่โหมด EV ในรถ HEV มันไม่ได้มีผลต่อ
อัตรากินน้ำมันเลยครับ เพราะถึงแม้ว่าจะวิ่ง EV โหมดล้วนๆ จนแบตหมดเกลี้ยง
มีอัตราการใช้น้ำมันเป็นศูนย์ แต่แล้วเครื่องสันดาปก็ต้องดึงน้ำมันไปปั่นไฟเติม
ไฟที่ใช้ไปอยู่ดีครับ ดังนั้นการมีหรือไม่มีโหมด EV ของรถ 2 รุ่น จึงไม่น่าจะเป็น
ปัจจัยหลักของการกินน้ำมันที่ต่างกันครับ"
ลืมคิดไปไหมว่า ระหว่างที่ ครื่องสันดาปก็ต้องดึงน้ำมันไปปั่นไฟเติมแบต
เนี่ย รถมันเอา กำลังไหนมาวิ่ง ครับกลายเป็นว่า มันไม่ใช่ไฮบริตละ มันเป็น รภน้ำมันล้วนๆเลยนะ
กลับกัน ระบบ E-HEV ของฮอนด้า รถมัน ปั่นไฟให้มอเตอร์แทบจะตลอดเวลา ใน Mode EV เครื่องยนต์จะขับล้อตรงก็ต่อเมื่อ รถลอยลำหรือใช้ความเร็สสูงๆเท่านั้น
กลับกันมาที่ Toyota มันก็จะมียิ่งฉลาดไปอีก มีหลาย Mode มาก
กลับมาที่รถ Hybrid เอ๋อ ที่ แบตอ่อน รถกลายเป็นว่ามา วิ่งน้ำมันล้วน ซะงั้น ไงครับ แถมอืดอีก เพราะมอเตอร์ไม่ได้ช่วยทำงาน กลายเป็นที่มา กินน้ำมันเหมือนไม่ใช่ Hybrid
-
CHR เติมน้ำมัน E20 เต็มถังได้ 22 - 23 กิโลลิตรครับ
แจ้งวัฒนะ - พระราม 9 - พัฒนาการ
ประหยัดอยู่นะ แล้วพวก Jolionได้ กี่ km/l