Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: DiKiBoyZ ที่ พฤษภาคม 19, 2022, 21:06:17
-
ผมเป็นคนนึงที่ดู WRC มาตั้งแต่ สมัย Legacy มาเป็น Impreza ช่วงเดียวกับ Galant มาเป็น Celica พร้อมๆ ยุค 90 ก็ว่าได้
เพราะมันเป็นการแข่งขันที่น่าตื่นเต้น และ มันส์ เอาการเลย
และผมว่ามันทำให้ Subaru กับ Mitsubishi มันน่าสนใจ หรือ เป็นการขายจุดสนใจของรถเลยสมัยนั้น
จนผมต้องไปหา GC8 มาครอบครองพักนึง(และขายไปเพราะอะไรไม่เอ่ย แต่บางท่านพอรู้อยู่)
แต่พอหลังๆ มันไม่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไม WRX กับ EVO มันหายไปจากรายการ Majar หลักๆ ของ WRX
เหตุผลแค่เพราะ ลดเครื่องยนต์ เหลือ 1.6T ผมว่าทั้ง Subaru กับ Mitsubishi ก็น่าจะทำได้ (ถ้าเขาคิดจะทำ)
หรือเพราะ ลดเครื่องยนต์ เหลือ 1.6T แต่แรงม้าแถวๆ 300 ม้า มันจำทำให้ Subaru กับ Mitsubishi น่าสนใจลดลง (แถวบ้านเรียกว่า มันไม่ใช่...!!!)
เหตุผลเพราะเรื่องเงินทุนเหรอ ผมก็เห็น Subaru STi ที่ อเมริกา ยังปั้นรถวิ่งใน Rallycross อยู่เลยนะ
เพราะกฏกติกาเหรอ จำนวนรถที่ขาย Subaru กับ Mitsubishi เอง ก็ขายได้นะ ไม่ใช้ว่าไม่ได้
หรือว่า เพราะมันสุดทางของ Subaru กับ Mitsubishi แล้วจริงๆ
ทั้งที่ค่าย Hyundai ที่แทบไม่เคยมีชื่อในวงการ Rally ยังแจ้งเกิดได้เลย
Ford เอง ก็ใช้ Fiesta แทน Focus
Citroën กลายเป็นค่ายที่ยันเดินสายนี้ต่อเนื่องมาก
น่าเสียดาย
-
ผมว่าต้นทุนต่อคันน่าจะแพง
แต่อย่างน้อยผมก็มี Evolution IV ในครอบครอง (ถึงมันจะไม่ใช่รถแท้)
-
การทำทีมรถแข่งก็เพื่อขายของ
ทีนี้ ถ้าตลาดมันเริ่มหด ก็ไม่รู้จะทำทีมต่อไปเพื่ออะไร
-
ผมว่าต้นทุนต่อคันน่าจะแพง
แต่อย่างน้อยผมก็มี Evolution IV ในครอบครอง (ถึงมันจะไม่ใช่รถแท้)
ใช่ครับ อันนี้ผมก็พอทราบ
แต่อย่างที่บอกว่า Subaru STi Team America ยังทำรถแข่ง แต่ลงในรายการ World Rallycorss อยู่
เลยไม่แน่ใจว่า ทำไมเขาถึงไม่ทำลง WRC ด้วย แต่เข้าใจว่าเครื่องยนต์ไม่ผ่านกติกา
หรือถ้าบอกว่า ไม่อยากลดขนาดเครื่องยนต์หรือพัฒนาเครื่องยนต์เพิ่ม เพื่อลงมาเพื่อเข้าร่วม WRC ยังจะใช้ EJ25 เดิม (แต่ฉันก็พัฒนาตัวใหม่ FA24 นะ) ก็ดูแปลกๆ
ซึ่งจริงๆ ก็มีเครื่อง 1.6T อย่าง FA16T ใน Levorg อยู่แล้วด้วย แต่อาจจะไม่ใช่ spec STi หรือ WRC แต่ผมว่าเขาน่าจะทำกำลัง แรงม้า ขึ้นมาแทน EJ20/EJ25 ได้ ด้วยซ้ำนะ(ถ้าเขาจะทำนะ)
การทำทีมรถแข่งก็เพื่อขายของ
ทีนี้ ถ้าตลาดมันเริ่มหด ก็ไม่รู้จะทำทีมต่อไปเพื่ออะไร
เรื่องขายของ แน่นอนอยู่แล้วครับ
แต่ผมว่า ทั้ง Subaru กับ Mitsubishi เอง น่าจะเป็นทำรถ หรือ ผลิตรถ ที่ spec ไกล้เคียงกับรถแข่งมากแล้วนะ ที่มาขายทำรถตลาด รถบ้าน รถถนนได้ (นอกจากของแต่งเพิ่มในตัวแข่ง)
ซึ่งถ้าตลาดเริ่มหดตัวจริง ผมว่าต่อให้ Subaru ทำรถต่อไป ตัวธรรมดาอย่าง WRX หรือ STi เอง มันอาจจะหายไป ตาม EVO หรือป่าว
-
ตอนยุคที่ยังผลิตอีโวอยู่บริษัทมิตซูก็เริ่มขาดทุนหนักแล้วครับที่ผมจำได้ ยอดขายอีโวจริงๆก็สู้คู่แข่งไม่ได้ จะเอางบไปพัฒนารถแข่งหรือทำขายต่อก็ไม่คุ้มครับ ส่วน WRX กับ STi ความนิยมก็ลดลงแต่ WRX เป็นรถราคาจับต้องได้เลยพอขายได้เรื่อยๆ
-
สมัยก่อนค่ายรถญี่ปุ่นก็ต้องการชื่อเสียง และภาพลักษณ์ เหมือนกันนั้นละครับ
การลงแข่งในรายการต่าง ๆ ก็เป็นหนึ่งในแนวทางนั้น ไม่ว่าจะทางเรียบในสนาม หรือการแข่งแบบ แรลลี่
https://youtu.be/A3-QEB6A0Vk
https://youtu.be/TlWmNSXqBpc
https://youtu.be/ZARPuSvhyHk
https://youtu.be/UU0WjQ3F-Ec
-
ส่วนตัวเดาเอาว่าเป็นเรื่องทุนที่ใช้ในการแข่งตลอดทั้งปี ต้องใช้เงินทุนสูงมาก และสปอนเซอร์อาจจะน้อย หรือปัญหาภายในองค์กรไม่ทราบได้ เคยได้ยินว่าจะลดขนาดเครื่องยนต์เอาตัวถังมิราจ มาลงแข่ง แต่ก็เงียบไป และแรลลี่อาทก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มิตซูต้องล้มเลิกการแข่งwrcไปเลย
-
น่าจะคนยุคเดียวกัน คิดและสงสัยเหมือนกัน :-X
ส่วนตัวมองว่าเรื่องต้นทุนทำให้เขาไม่ทำต่อ แต่ก็อาศัยบุญเก่าใช้ภาพลักษณ์และเทคโนโยยีในการทำยอด ณ ปัจจุบันได้
-
อ่านมาจากหนังสืออะไรหว่าซักเล่มไปยืนอ่าน ::) ::) ::) จำได้คร่าวๆประมาณนี้นะครับ
เรื่องหลักๆเลยเป็นเรื่องต้นทุนการพัฒนาครับ
ทั้ง Im และ Lancer ยอดขายทั่วโลก สเกลมันไม่ใหญ่นัก Im ทั้งปีแค่ราวๆ 2.5 แสน ทั่วโลกนะครับ
ทีนี้ราคารถมันก็สูงเมื่อทำแบบเครื่องพิเศษ อย่าง WRX ราคาก็โดดไปไกล ทำให้มันขายได้น้อย ยอดขาย WRX อยู่ที่ ราวๆ3 หมื่นคัน
ในขณะที่ Fiesta ขายในยุโรป ไตรมาสเดียวก็เท่ากับ IM ทั่วโลกแล้ว
ในการพัฒนาต้นทุนก็ย่อมสูงกว่า
ราคาด้วย ตัวเริ่มต้นของ Fiesta ST ราวๆ 9 แสนบาท แต่ WRX ไปที่ ราคาเริ่มต้น 1.3 ล้านบาท (น่าจะจากออสเตรเลีย)
แต่ Im ซึ่งราคาไม่แพงกับมีส่วนต่างกับ WRX มาเกินไป ในขณะที่ Fiesta ไม่ต่างกันมากขนาดนั้น
อีกประการนึงที่สำคัญ ขนาดรถกับมลพิษของข้อจำกัดที่มากมายในยุโรปทำให้เครื่องสันดาปล้วนในลักษณะสูบนอนแทบเกิดไม่ได้ในขณะที่ 2.0 Ecoboost ขายได้สบายๆ
ประมาณนี้ครับ
-
ไม่มั่นใจว่า ซูบารุ มีรถเล็กๆอะไรนะครับ แต่ถ้ามิตซิบิชิ ยังมี มิราจ R4 ทำขายเพื่อรายการระดับภูมิภาคกันอยู่ ซึ่งคันนึงราคาไม่ถูก (แม้จะเป็นรุ่นที่ถูกมากแล้ว)
ผมมองว่าเป็นเรื่องของต้นทุนน่ะครับ ก็ไม่รู้จะมาลงทุนแข่งทำไม ในเมื่อ ธุรกิจยังไปได้โดยที่ไม่ต้องไปแสดงฝีมือบนสนามแข่ง ;)
-
เหมือนหลังๆเขาจะเบนเข็มไปแข่งทางเรียบแทนนะคับ อย่างพวก Nuburgring 24H หรือ GT ของญี่ปุ่นก็ยังทำรถลงแข่งเป็นล่ำเป็นสันอยู่นะ
ผมเดาว่า WRC ที่เปลี่ยนกติกาให้ใช้รถเล็ก เครื่องเล็ก ลงแข่งได้ ทำให้ Subaru เสียเปรียบคู่แข่งหน่อยๆเพราะตัวเองไม่มีรถไซส์เล็กไว้ลงแข่ง
ครั้นจะเอา Im ลงแข่งไปเรื่อยๆก็น่าจะวิ่งสู้พวกรถเล็กกว่าไม่ได้ ผมไม่ได้ตามข่าววงการนี้มากนักแต่จำได้ว่าช่วงนึงที่ Loeb กับ citroen คว้าแชมป์ติดๆกัน 9 สมัยมั้ง สุดมาก
-
ส่วนตัวก็มี Im กับ Evo ทั้งคู่ตั้งแต่รุ่นแรกๆ ตัวถังทำให้เหลือ 1.2 ตันไม่ยาก
พอรุ่นใหม่ต้องขยายตัวถังตามตลาด มันหนักขึ้นมาก
ขับไปเทียบกับ GR yaris คันนิดเดียว เอาไปลง WRC รถเล็กกว่า น่าจะได้เปรียบมาก
จะทำรุ่น Impreza มาใหม่ตัวถังเล็กลง ก็ไม่แน่ใจตลาดจะขายได้ไหม
-
เท่าที่จำได้ นอกจากจะลดพิกัดเครื่องแล้ว ค่ายคู่แข่งมีรถที่รองรับจับเอามาแข่งได้เลย
อย่าง ford จากโฟกัส เป็นเฟียสต้า แล้วซูบารุกับมิตซูมีอะไร มิตซูตอนนั้นอาจจะมี COLT แต่พื้นฐานมันไม่ได้เท่าไหร่
และถ้าจะลากเอาอิมกับแลนเซอร์มาสู้ต่อ ขนาดตัวรถเสียเปรียบมากครับ(นึกถึงสมัยเปลื่ยนจาก เลกาซี/VR4 มาเป็นสองคันนี้ดูละครับ คันยิ่งใหญ่ยิ่งเสียเปรียบ)
กลายเป็นต้องทำทั้งรถ ทั้งเครื่อง และmotorsport ช่วงนั้นเงินกำลังลดลงเพราะเริ่มแบนโฆษณายาสูบ ลองสังเกตุรถแข่งยุคนั้นก็ได้ครับว่า เงินจากยาสูบเยอะขนาดไหน สปอนเซอร์หลักด้วยซ้ำ
-
ผมไม่แน่ใจเรื่องความนิยมของรายการด้วยหรือเปล่านะครับ เพราะเมื่อความนิยมลดลง เงินก็ลดลงไปด้วย ในขณะที่ต้นทุนการทำรถ ไม่ได้ลดลงไปเลย มันก็ไม่คุ้มที่จะไปต่อ
-
เพราะกติกา เอิ้อให้ citron Toyota ford Hyundai
-
ผมก็คิดว่ามันเรื่องของต้นทุน ความไม่คุ้มทุน และ อื่นๆ เหมือนหลายๆ ท่านครับ
แต่มันสวนทางกับ Hyundai ที่ไม่เคยทำรถกลุ่มนี้มาก่อน แต่เขาก็ยังพัฒนาขึ้นมา ถ้ามองว่า ไม่คุ้มทุน เขาก็ไม่น่าจะลงมาเล่นในกลุ่มนี้นะ
Ford ผมว่าเขาเท่าทุน เพราะเขาก็ลงรายการนี้ตลอด และมีตัวรถทั้ง Fiesta ST หรือ Focus RS ที่มีอยู่แล้ว
Citroen เองเขาก็ส่งเข้าประกวดตลอด ยันถึงทุกวันนี้
มันเลยทำให้ผมสงสัยว่า ถ้าเป็นเรื่องต้นทุนเอง ค่ายเล็กๆ หรือ ค่ายใหม่ๆ ที่ต้องพัฒนารถขึ้นมา มันยิ่งน่าจะต้องลงทุนเยอะกว่า Subaru กับ Mitsubishi มากเป็นเท่าตัวเลย ไหนจะเรื่องเทคโนโลยีและ Know how อีก
แต่ถ้ามองเรื่อง body ตัว ที่เป็นกลุ่ม A Seg หรือ B Seg แล้วหลังๆ เขาเน้นกลุ่ม 3 หรือ 5 ประตู หรือ กลุ่ม Hot-Hatch
มันก็อาจจะเป็นเหตุผลว่า Subaru กับ Mitsubishi จะพัฒนารถ line-up นี้ขึ้นมา มันเลยเป็นเรื่องยาก และ ลงทุนไม่ไหว แถม ไม่ใช่ target ของ Subaru กับ Mitsubishi ก็คงมีเหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด