Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: nocry1 ที่ พฤษภาคม 21, 2022, 10:13:39
-
ตามหัวข้อเลยครับ พอดีมองดีเซลเป็นหลัก (ราคาน้ำมันตอนนี้ทำให้เอียงไปฝั่งดีเซลซะมาก)
ตั้งใจว่าจะออก มือสอง ช่วงปลายปีนี้ (2022) มีงบไม่เกิน 480k ผ่อนจะได้ไม่หนักมาก (ดาวแสนผ่อน 48) และไม่แน่ใจว่าช่วงปลายปีราคาตัวรถจะลงไปกว่านี้อีกไหม ตัวรถมันเองยังน่าใช้อยู่ไหมครับ ได้มากะขับอีก 8-9 ปี
ปัญหาจุกจิกเย่อะไหมครับ เห็นตัวบอดี้มันถึงปีจะเก่าแต่ก็ยังดูหรูสะดุดตาอยู่
ค่า MA ทั่วไป เมื่อเทียบกับรถญี่ปุุ่น diff กันเย่อะไหมประมาณเท่าไหร่ ไมล์ควรไม่เกินเท่าไหร่
ต้องเก็บอะไรหรือต้องดูแลตรงไหนเป็นพิเศษบ้างครับ
อีกตัวที่มองจะเป็น MAZDA2 1.5 ดีเซล ปี 17 เห็นราคาไล่ๆกัน (360-420)
หลักๆ ใช้วิ่งวันละ 40-50 โลไปกลับ ออกต่างจังหวัดบ้างเดือนละ 2-3 ครั้ง
ขอบคุณครับ
-
งบเท่านี้ ECO CAR ป้ายแดงครับ ผ่อนพอๆกัน ไม่ต้องซ่อม ค่าน้ำมันไม่แรงเพราะไม่ค่อยกินน้ำมัน
เป็นผมจะออกAtive ตัวล่างเกือบสุด
-
ค่าดูแล ลองดูช่องคุณอาทครับ อันนั้นคัดรถสวยมาแล้ว เก็บงานแบบเขาจะเห็นคำตอบครับ แต่ถ้าเทียบกับญี่ปุ่นรุ่นใหม่ๆผมว่าหนีไม่เยอะละ 30% แค่นั้น แต่พวกชิ้นส่วนของมันนี่แหละทั้งในห้องเครื่อง ในตัวรถ มันเริ่มกรอบละ ต้องเก็บรายชิ้นเลย ยังดีเชียงกงมีให้เบิกเยอะ แต่จะปวดหัวหน่อยๆ ต้องดูว่ารับค่าดูแลไหวมั้ยครับ
-
ตอนแรกอ่านผ่านๆตกใจ bmw m2 มี ดีเซลด้วยเหรอครับ ::)
อ่านอีกทีอ๋อ มาสด้า 2
-
ตอนแรกอ่านผ่านๆตกใจ bmw m2 มี ดีเซลด้วยเหรอครับ ::)
อ่านอีกทีอ๋อ มาสด้า 2
เหมือนกันเลยครับ55
ส่วนตัวมองว่าถ้าซื้อรถใช้งานน่าจะเอาใหม่หน่อย จะได้ไม่มีปัญหากวนใจ เพราะเราใช้งานทุกวัน
แต่ถ้ารถขับเล่นหรือเอามาแต่งหรือคันที่3-4 ก็เอาที่อยากได้มือสองก็คุ้มเงินดีครับ แต่ก็ต้องพร้อมจ่ายค่าดูแลครับ
-
ใช้รถมือสองต้องเตรียมค่าซ่อมนะครับ BMW 320D E90 รถอายุสิบกว่าปีแล้ว รายการซ่อมต้องมีมาเป็นระยะๆอยู่แล้ว ถึงจะใช้อะไหล่เทียบ อะไหล่มือสอง ค่าแรงกับค่าอะไหล่คงไม่ต่ำกว่าปีละสองถึงสามหมื่น แล้วยังไม่มั่นใจด้วยว่าจะเสียเมื่อไร ถ้าซื้อเป็นรถคันที่สองพอไหว ถ้าซื้อคันแรกและมีคันเดียวซื้อ Mazda2 ป้ายแดงดีกว่า
-
480,000 นี่น่าจะหา Mazda 2 1.5D 2018 ได้อยู่นะครับ
2017 ยังเสี่ยงเจอปัญหาเครื่องสั่นเร่งไม่ขึ้นช่วงใช้ความเร็วเดินทางอยู่ครับ
2018 เงียบลงเยอะมากแล้ว แต่ก็ยังต้องดูแลเอาใจใส่มากกว่าปกติอยู่ดี โดยเฉพาะ DPF
ค่าบำรุงรักษา 2 ก็ถือว่าแพงกว่ารถญี่ปุ่นด้วยกันอยู่ประมาณนึงเลยครับ
จะไปหนักที่ค่าแรง หรือถ้าไม่เข้า 0 ค่าอะไหล่ที่ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ บางตัวก็มีอายุขัยและราคาจะสูงหน่อย
แต่ไม่เคยใช้รถ Premium ก็คิดว่าคงไม่ถึงขั้นนั้น
แต่ต้องถามก่อนว่าที่เน้นดีเซลนี้เพราะเรื่องประหยัดอย่างเดียวจริงๆ ใช่มั้ย
เพราะถ้าเอา 2 มาใช้วิ่งทางไกล รถประหยัดมาก handling ดี (ในระดับรถเล็ก) แต่เบาะนั่งนานๆ ก็เมื่อยเหมือนกัน
บางทีเอารถ C-seg ญี่ปุ่นปีเก่าหน่อยเครื่องเบนซินที่ค่าตัวถูกกว่าตั้งแต่ซื้อ แต่ได้รถที่สบายกว่า อาจจะคุ้มกับน้ำมันที่ต้องจ่ายไปอยู่นะครับ
-
ถ้าซื้อมือสองแล้วต้องผ่อน มองข้ามยุโรปไปเลยครับ
-
ซื้อป้ายแดงเถอะครับ รถมัน10กว่าปีแล้ว เอามาวิ่งอีก8-9ปีตามที่บอกก็อายุยี่สิบกว่าปีเลยนะครับ
หวังประหยัดน้ำมันแต่ค่าซ่อมจะไม่คุ้มกัน อายุมันเยอะแล้วยังไงก็ต้องมีเสียมีเปลี่ยนมีซ่อม ถ้าเจอโน่นนี่จุกจิกถูกบ้างแพงบ้าง แต่ถ้ามีมาทุกเดือนจะเริ่มไม่สนุกครับ
-
แนะนำสำหรับ มาสด้า 2 ดีเซลถ้าซื้อ ให้ไปอุด EGR ล้างท่อร่วม ID และจูนปิด DPF เท่านี้ก็ใช้ยาวๆไม่มีจุกจิกแล้วครับ
-
ดีเซลเก่า ส่วนตัว ผมว่าจะหนีค่าน้ำมันถูกมาเจอค่าดูแลและค่าซ่อมแพงเอานะครับ
ผมใช้ mini r60 เบนซิน เพื่อนผมใช้ ดีเซล พอครบ 10 ปี ค่าดูแลต่างกันเยอะมากๆ
มันยังบอกเลยว่า เอาส่วนต่างค่าน้ำมันที่ต่างกับของผมมาซ่อมแท้ๆเลย
-
ถ้างบจำกัดข้าม E90 ไปเลยครับ ..
มีคลิปในยูทูป ตั้งแต่เริ่มซื้อ เริ่มเก็บงาน หมดไปเป็นแสนนะครับ แล้วมันจะมีมาเรื่อย ๆ ครับ
-
ผมใช้ 2 Diesel 2016 เคยเล็ง E90 ดีเซลไว้แต่สุดท้ายตกผลึกทางความคิดหลายอย่างจึงพับโครงการไป
ด้วยคุณภาพตัวรถถ้า 100% ทั้งคู่ คงเทียบกันไม่ได้ แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้น E90 หมดไม่ต่ำกว่าแสนแน่ๆครับ ถ้างบคุณพร้อมก็ไป E90 ได้เลย รถดีกว่าเยอะแน่ๆ
แต่ถ้าจะ Play safe เลือกมาสด้า 2 Diesel ก็ไม่แย่ เอาไปใส่สตรัท+ยางดีๆ อุด EGR ตัด DPF (ตัวปัญหา) ก็ขับสนุกใช้ได้แล้วครับ ประหยัดอีกต่างหาก น้ำมัน 1 ถัง ขนาดผมเท้าหนัก ขับแบบไม่เลี้ยงคันเร่ง ยังได้ 800 km+
ลองตัดสินใจดูครับ
-
e90 ยังน่าใช้อยู่ครับ เคยลองถามพรรคพวกที่เขามีใช้กัน ทั้งตัว e90 f30 f32 ก็ว่า เรื่องประหยัดของ e90 ก็พอๆกับตัวใหม่ๆเขาอยู่เหมือนกันครับ
แต่เรื่องอู่ซ่อมรถพวกนี้ ต้องพยายามเข้าตามกลุ่มเขาหน่อยว่าเขานิยมที่ไหนกัน จะได้ไม่ต้องเสียเงินซ่อมเกินความเป็นจริงไปครับ ยิ่งพวกอะไหล่เก่า ชั่วโมงนี้อะไหล่ทาง e90 มาเยอะมาก ตามเก็บของดีๆได้ง่ายครับ
อีกอย่างรถพวกนี้ เวลามีอะไหล่เก่าเซียงกง ตัว top เข้ามาเขาเอามาย้ายสลับได้เลยครับ เผื่อต่อไปงบประมาณไหวอยากแรง ยังมีพวก 335i มาเป็นตัวเลือกให้ทำได้อยู่อีกครับ
-
เริ่องของค่าน้ำมัน ต่างกันประมาณ กิโลละบาท วันละ 50 โล ตกปีละ 20,000 โล เผื่อขับเที่ยว ดีเซลก็ถูกกว่า 20,000 บาทต่อปี ก้อต้องมาดูค่าซ่อม/เซอวิสแหละว่าคุ้มไหม
ถ้าหารถมาใช้งาน ไม่มีรถสำรอง หารถใหม่น่าจะดีกว่าครับ
E90 ใช้ต่อ 7-9 ปี ค่าซ่อมมี 50,000 + ไม่รวมเซอวิสกับยาง ถ้าโดนเกียร์ด้วยก็หนักหน่อย
ดีเซลเทอโบ อย่างน้อยก็มีเทอโบมากวนใจเพิ่ม เซอวิสถี่ขึ้น
ส่วนตัวเชีย เบนซิลป่ายแดง > มือสอง mazda2 diesel > e90 320d
-
ถ้าซื้อมือสองแล้วต้องผ่อน มองข้ามยุโรปไปเลยครับ
+1
-
เล่นมือสองไม่ควรผ่อนครับ แวต7%รวมดอกเบื้ยเรทสูงๆอีก ค่าซ่อมอีก 1-2แสนแน่ๆที่ตามมา เอาดูแลถึงๆจับเปลี่ยนก่อนหมดอายุก็แสนกว่า ร่วมๆล้าน ไปซีวิคป้ายแดงดีกว่าครับ แรงกว่าด้วย พวงมาลัยไม่หนัก ช่วงล่างไม่แข็งขับสบายกายสบายใจกว่ากันเยอะครับ ไม่ต้องลุ้น
-
ราคารถ480k นี่น่าจะได้ตัวปีเก่าเลย วิ่งไม่ต่ำกว่า100-200k
ค่าซ่อมตีไว้เลย1แสนใน1ปีแรกที่ใช้ ผ่อนดอกเบี้ย+vatอีก50-100k
ไม่นับว่าอาจจะต้องเอารถไปเข้าอู่ซ่อมจุกจิกๆ อีก1-2เดือนครั้ง(รถอายุ10+ปีเจอแน่ๆ)
แถมออกตจวบ่อย ถ้าเสียตจวทีนี่เจอค่ารถสไลด์กระอักเลยนะครับ ไปเที่ยวทีต้องมาลุ้นว่ารถจะเสียมั้ยนี่คงไม่สนุกเท่าไหร่
-
รถยุโรป มือสอง อายุ 5 ปีขึ้นไป ไม่ค่อยน่าเล่นแล้ว
แนะนำไปหา รถใหม่ญี่ปุ่น สบายใจกว่าครับ
-
ถ้าโชคร้ายหน่อย เจอซ่อมบิลนึง = ยอดผ่อน 6 เดือน แล้วก็อาจจะไม่ได้เจอทีเดียว รับได้ไหมครับ
ถ้ารับได้ก็เล่นได้สบายครับ
-
ดาวน์แสนผ่อน4ปี แนะนำซื้อรถญี่ปุ่นดีกว่า